Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้วีรบุรุษ ( End ) - นิยาย Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้วีรบุรุษ ( End ) : Dek-D.com - Writer
×

    Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้วีรบุรุษ ( End )

    โดย WOMI-MASTER

    มหากาพย์ไตรภาค ภาคสุดท้ายได้เริ่มขึ้นแล้ว เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรล่ะเมือ่พระเอกเรากลายเป็นคนไม่น่าคบเข้าเสียแล้ว บทสรุปแห่งวีรบุรุษจะเป็นเช่นไร ติดตามกันเลย (จบแล้วนะครับ เม้นกันบ้างนะ^^)

    ผู้เข้าชมรวม

    16,396

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    50

    ผู้เข้าชมรวม


    16.39K

    ความคิดเห็น


    187

    คนติดตาม


    143
    จำนวนตอน : 62 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 ธ.ค. 59 / 22:15 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     


     

    เชื่อไม่เชื่อมันอยู่ที่คุณ จากนิยายที่ล้างผลาญ บั้นปลาย ภาคสุดท้ายนี้ กลับมีความรัก ความเสียสละ ที่ไม่ใครที่จะคิดว่า นี่หรือ ความรักของคนๆหนึ่ง เขาไม่ใช่โจรสลัด เขาไม่ใช่คนเก่งกาจ และไม่ใช่วีรบุรุษ เขาก็แค่ ผู้ชายเอาแต่ใจ

     


    วูล์ฟกับมาเรีย...ชื่อภาพ ชั้นไม่เป็นไร  


    ภาพโดย Nhdpun Blackshadow ต้องขอขอบคุณจริงๆเลยฮะ


                                    ความลับทุกอย่างเริ่มเปิดเผยออกมาพร้อมกับการสูญเสีย กลุ่มเลดาสถึงคราวพินาศอีกครั้งด้วยฝีมือของกลุ่มโจรสลัดอินวินซิเบิล แต่ทว่า ความลับที่ทำให้เลดาสยังคงอยู่ หากสังหาญจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า ผู้ที่สังหาญจะก้าวสู่จักรพรรดิแทนเสียเอง ซึ่งคนที่เป็นจักรพรรดิแทนเลดาสอยู่ตอนนี้คือ เรโน่ แคเนล อดีตกัปตันแห่งไนท์ออฟกรารูด้า



                      ความสูญเสียที่ได้จากคราวนั้นคือการเสียทั้งสหายและคนรัก และโทษฐานที่กัปตันวูล์ฟ แคเนลได้กระทำผิด การทำลายผนึกแห่งจักรพรรดิ โทษที่ได้รับจากการพิพากษาสูงสุด เขาจะไม่มีความสุขตลอดชีวิต...แต่ด้วยความเมตตาของเฟรย่าจักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์ จึงได้ให้วูล์ฟขอสิ่งที่ปรารถนาที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งวูล์ฟได้ขอ มาเรียให้กลับมาจากแดนความตาย แม้ว่าจะแลกอะไรก็ตาม

     วูล์ฟจึงได้ทำการยุบกลุ่มอินวินซิเบิล สมาชิกทั้งหมดเคืองกับสิ่งที่เขากระทำจึงได้ออกจากกลุ่มไป แม้กระทั่งมาเรียที่เคยรักเขาสุดหัวใจ เขาก็ตั้งใจขอไว้ว่ากับเฟรย่า ให้มาเรียลืมความรักที่เคยมีให้กับเขา...จากนี้เขาจะขอจบเรื่องทุกอย่างกัเลดาส ดยได้เดิมพันกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปแล้ว...การเดิมพันของวีรบุรุษที่ไร้ตัวตน


    แล้วคุณล่ะ อยากเป็นวีรบุรุษแบบไหนกัน......?

         
           
    ภาคแรกได้กล่าวไว้ ไม่ว่าชะตากรรมจะเป็นเช่นไร ชั้นคนนี้จะขอกำหนดชะตาด้วยตัวเอง 
    http://writer.dek-d.com/rainsakuya/story/view.php?id=574010

         ภาคสองได้กล่าวไว้ สิ่งที่ขอกำหนดนี้ทำให้ชั้นไม่มีทางเลือกอีกแล้ว แต่นั่นเป็นบทพิสูจน์ว่า ชั้นต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้http://writer.dek-d.com/womi/writer/view.php?id=669428
       
         
    และภาคสาม ความแข็งแกร่งไม่ได้ช่วยอะไร แต่เพราะชั้นมันใจอ่อนเอง สุดท้าย ชั้นก็ไม่ใช่วีรบุษ ไม่ได้เป็นผู้ที่เก่งกาจ ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งจอมสลัด ชั้นมันก็แค่ คนเะอาแต่ใจ

     

    นิยายเรื่องนี้จะขอผงาดสู่โรงพิมพ์ให้ได้เลยครับผม!!!

             เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเกมส์ออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องหวานชื่น ไม่จำเป็นต้องรักล้ำยุค ไม่จำเป็นต้องล้าหลัง ความก้ำกึ่งนี่แหละที่จะทำให้นิยายเรื่องนี้ไม่ซ่้ำใคร อ่านซะถ้าคุณรู้ว่้า "คุณน่ะเป็นคนเอาแต่ใจ"


    มีเกมส์ให้คุณเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ
     

    "คุณเป็นใครในเรื่องGRARUDA"

    Flag Counter
     
     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "วิจารณ์นิยาย Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้บุรุษ"

    (แจ้งลบ)

    นิยายขนาด 27 ตอนจบ ของ WOMI-MASTER ซึ่งเป็นภาคต่อจากสองภาคแรก ผู้วิจารณ์ไม่ได้อ่านสองภาคแรก และผู้เขียนได้แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ และในภาคที่สามมีความยาวมาก ผู้วิจารณ์ใช้เวลาในการอ่านนานพอสมควรจึงไม่ได้กลับไปอ่านสองภาคแรก ชื่อเรื่องภาษาไทยที่แปลจากชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ คำแปลที่ถูกต้องควรจะแปลว่า “มหาสงครามไร้วีรบุรุษ” มากกว่า นิย ... อ่านเพิ่มเติม

    นิยายขนาด 27 ตอนจบ ของ WOMI-MASTER ซึ่งเป็นภาคต่อจากสองภาคแรก ผู้วิจารณ์ไม่ได้อ่านสองภาคแรก และผู้เขียนได้แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ และในภาคที่สามมีความยาวมาก ผู้วิจารณ์ใช้เวลาในการอ่านนานพอสมควรจึงไม่ได้กลับไปอ่านสองภาคแรก ชื่อเรื่องภาษาไทยที่แปลจากชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ คำแปลที่ถูกต้องควรจะแปลว่า “มหาสงครามไร้วีรบุรุษ” มากกว่า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักความเสียสละของวูฟล์ แคนแนลที่มีต่อมาเรีย ทรานซิสเตอร์หญิงอันเป็นที่รัก และความสัมพันธ์ของบรรดาเหล่าเพื่อนไพรเวเทียร์ (โจรสลัด) อินวินซิเบิล เรื่องดำเนินต่อจากภาคที่แล้วหลังจากที่วูล์ฟและเพื่อนๆ ต่อสู้กับเลดาสจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงดินแดนทั้งสาม คือ เวียน (สวรรค์) นีลแฮม (ดินแดนปีศาจ) และการูด้า (ดินแดนที่เป็นฉากสำคัญของเรื่องนี้) และยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับความสัมพันธ์ของกลุ่มไพรเวเทียร์อินวินซิเบิลโดยมีเพียงวูลฟ์ ยูริคและเทียร์ที่รู้ความจริงเกี่ยวเรื่องราวทั้งหมดว่าจะมีจุดจบอย่างไร ในภาคนี้ วูล์ฟยังคงเป็นกัปตันเรืออินวินซิเบิลได้กลับมาพบคนรักเก่าคือมาเรีย และเหล่าบรรดาไพรเวเทียร์กลุ่มอินวิซิเบิลที่ได้แยกย้ายไปดำเนินชีวิตของตน โดยที่เทียร์ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีแห่งนคร กราเดียร์ (อยู่ในดินแดนการูด้า) หลังจากที่พระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ ยูริค สโควโร่และแอนนี่ได้มาเป็นองครักษ์ของจักรพรรดินีแห่งกราเดีย มาเรียเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนโดมินิค นาเดียร์พี่สาวของมาเรียเป็นทหารแห่งเวิร์ดจัสติส (กองกำลังแห่งดินแดนเวียน) แอลรี่จอมดาบเป็นผู้ที่จะสืบทอดดินแดนปีศาจต่อจากบิดา(ดินแดนนีลแฮม) เรนมาเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลและเรียนวิชาแพทย์ไปพร้อมกัน รูฟปี้กุ๊กสาวแห่งอินวิซิเบิลได้มาเป็นแม่ครัวในร้านอาหาร ในภาคนี้เพิ่มตัวละครที่สำคัญคือโวมิ จอมดาบผีมือดีที่เป็นองครักษ์จักพรรดินีแห่งกราเดีย และ กีมอร์สชายหนุ่มผู้เพรียบพร้อมคนรักใหม่ของมาเรีย ในช่วงต้นของเรื่องเป็นการดำเนินเรื่องราวของอดีตสมาชิกไพรเวเทียอินวินซิเบิลที่ดำเนินชีวิตเป็นปกติในทางเดินชีวิตใหม่ของแต่ละคน แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้อดีตสมาชิกอินวินซิเบิลต้องกลับมารวมตัวกันเพื่อปกป้องกราเดียร์และจักรพรรดินี (เทียร์) วูล์ฟต้องกลับมาปกป้องมาเรียและสหายแห่งอินวิซิเบิล เนื่องจากคิดว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการตัดสินใจของตน และยังมีการกล่าวถึงความลับที่วูล์ฟปิดบังไว้ทั้งการสลายกลุ่มอินวิซิเบิลและการต้องเลิกกับมาเรีย ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวพันกับเลดาสจอมปีศาจและลูกน้องสองคนคือวีดาสและอันซึที่จะมาเป็นผู้สร้างเรื่องเลวร้ายและหายนะต่างๆ ให้เกิดขึ้น วูล์ฟและอดีตสมาชิกอินวิซิเบิลจะสามารถปกป้องแก้ไขเรื่องร้ายต่างๆ ได้หรือไม่จึงต้องลองติดตามอ่านกัน แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นภาคต่อมาจากสองภาคแรกและตัวละครหลักยังคงเป็นกลุ่มเดิมจากภาคที่แล้ว แต่ผู้เขียนได้ให้รายละเอียดจนสามารถที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งสองภาคได้ ผู้วิจารณ์คิดว่าการที่ไม่ได้อ่านสองภาคแรกอาจจะสนุกกว่าเพราะว่าไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนจบภาคที่สอง ในการยุบกลุ่มอินวิซิเบิลและการที่มาเรียเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีวันเหมือนเดิม ผู้เขียนดำเนินเรื่องโดยเน้นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอินวิซิเบิลกับเลดาสที่เป็นไปอย่างดุเดือดเกือบตลอดทั้งเรื่อง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่โครงเรื่องหลักแต่โครงเรื่องหลักเป็นเรื่องความสัมพันธ์และปมปัญหาความรักที่มีความซับซ้อนหว่างกัปตันวูล์ฟ แคนแนลและมาเรีย ทรานซิสเตอร์และความสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มอินวิซิเบิ้ล โดยที่เลดาสจอมปีศาจเป็นผู้สร้างแผนการร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้น และกัปตันวูล์ฟเป็นผู้เก็บงำความลับ รวมถึงการค้นหาความจริงและแก้ไขเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นจากเลดาส โดยที่วูล์ฟเป็นผู้เสียสละที่จะแบกรับความเจ็บปวดและรับผิดชอบเรื่องเลวร้ายทั้งหมดด้วยชีวิตของวูล์ฟเอง โดยที่มีโครงเรื่องรองที่ผู้เขียนใช้ในการสนับสนุนโครงเรื่องหลักคือ เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตบนดินแดนเวียนระหว่างอีวานกับซิลีนเซีย (ซึ่งทั้งสองมาพบกันในปัจจุบันอีกครั้งเป็นวูล์ฟกับมาเรียนั้นเอง) แต่ความรักของคนทั้งสองถูกกีดกันและจบลงด้วยโศกนาฏกรรมและทิ้งปมปัญหาไว้ ซึ่งคือ “เรโน่” ลูกชายของ อีวานและซิลีนเซียที่จะกลายมาเป็นจอมปีศาจเลดาสในอนาคต และอีกเรื่องคือ เรื่องที่กล่าวถึงความรักสามเศร้าของแฟนริลจักรพรริแห่งนีลแฮม (ดินแดนปีศาจ) มิทธาและดาซิส แฟนริลผู้เป็นพ่อของดาซิสและมิธาที่มีความรักให้แก่กัน แต่ดาซิสหลงรักมิทธาเช่นเดียวกัน ดาซิสจึงเกิดความแค้นแฟนริลและแก้แค้นผู้เป็นบิดาตนเองจนเกิดความวุ่นวายจนในดินแดนนีลแฮม ในที่สุดแฟนริลต้องฆ่าลูกชายด้วยมือของตนเองจึงสามารถที่จะยุติปัญหาได้ และตัวเขาเองก็ถูกสังหารในสงครามระหว่างดินแดนเวียนและนีลแฮมในสงครามแร็กนาร็อก ในเรื่องนี้ผู้เขียนกลับไม่ได้เน้นให้ความสำคัญกับโครงเรื่องหลักในการดำเนินเรื่อง แต่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ระหว่างกลุ่มไพรเวเทียร์อินวิซิเบิลกับเลดาสซึ่งเป็นโครงเรื่องรอง โดยไม่ได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างโครงเรื่องหลักกับโครงเรื่องรองเข้าไว้ด้วยกัน ผู้วิจารณ์ขอยอมรับว่ากว่าที่จะเข้าใจว่าโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองคืออะไรและมีความสัมพันธ์กันอย่างไรก็เมื่อต้องอ่านจนจบเรื่องและมาเขียนวิจารณ์นิยายเรื่องนี้ เพราะต้องเชื่อมโยงโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองทั้งหมดเข้าด้วยกันตามความเข้าใจจากการอ่านของผู้วิจารณ์เอง การที่ผู้เขียนไม่ได้เชื่อมโยงโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองเข้าด้วยกันทำให้การดำเนินเรื่องเป็นไปโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย เมื่ออ่านถึงโครงเรื่องรองทั้งสองที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากโครงเรื่องรองทั้งสองน่าจะสนับสนุนให้นิยายเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากปมปัญหาความรักของวูล์ฟและมาเรียที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตและส่งผลมาถึงปัจจุบัน โครงเรื่องที่ดูจะชัดเจนที่สุดคือการสร้างปมในเรื่องความทรงจำของวูล์ฟและมาเรียในวัยเด็กที่ประสบเหตุการณ์เลวร้ายและเป็นความทรงจำที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตจนกระทั่งเธอโตขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดในตอนท้ายเรื่องที่วูล์ฟกลายร่างเป็นจอมปีศาจหมาป่าเพื่อช่วยมาเรียจากอันตราย สิ่งที่มาเรียเห็นในตอนเด็กคือวูล์ฟในร่างปีศาจหมาป่าที่ช่วยชีวิตมาเรียผู้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอ ส่วนโครงเรื่องอื่นๆ ผู้เขียนไม่ได้เชื่อยมโยงความสัมพันธ์ว่าต้องการที่จะสื่อสารสิ่งใดไปยังผู้อ่าน นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่ออ่านจบแล้วยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปมปัญหาที่ผู้เขียนได้สร้างขึ้นและยังไม่มีการคลี่คลายปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการที่เลดาสเป็นศัรตรูกับวูล์ฟนั้นมีเหตุมาจากสิ่งใด เกี่ยวข้องกับโครงเรื่องรองในอดีตทั้งสองเรื่องอย่างไร และชะตากรรมของกัปตันวูล์ฟกับมาเรียซึ่งจบลงเหมือนกับเหตุการณ์ระหว่างอีวานและซิลีนเซียในดินแดนเวียนมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ผู้เขียนใช้เวลาในการดำเนินเรื่องในช่วงต้นที่เป็นการเกริ่นนำตัวละครหลักคือกลุ่มอินวิซเบิ้ลที่มีมากถึงประมาณ 1/3 ของเรื่อง โดยการดำเนินเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างที่จะช้าและไม่มีประเด็นที่น่าสนใจ และการเขียนฉากการต่อสู้หลายตอนซึ่งเป็นฉากต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ไม่มีเหตุผลในการต่อสู้ที่เพียงพอ และมีฉากต่อสู้หลายฉากที่ผู้เขียนไม่เขียนจนจบ โดยเขียนถึงกลุ่มอินวิซิเบิ้ลต่อสู้กับสมุนเลดาสและกลุ่มอินวิซิเบิ้ลพลาดท่าจะพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายเลดาส ผู้เขียนจะจบตอนแล้วขึ้นตอนใหม่ โดยเริ่มต้นว่ากลุ่มอินวิซิเบิลสามารถรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ในสภาพสะบักสะบอม แต่ไม่ให้รายละเอียดว่ากลุ่มอินวิซิเบิ้ลรอดมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีข้อบกพร่องในประเด็นความไม่สมจริงไม่เป็นเหตุเป็นผลด้ว เช่น ความสัมพันธ์ของตัวละครใหม่คือ โวมิ กับตัวละครเดิม คือ วูล์ฟ ยูริค และสโควโร่ โวมิไม่ได้เป็นอดีตสมาชิกกลุ่มอินวิซิเบิลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ผู้เขียนกลับให้โวมิกับวูล์ฟ ยูริค และสโควโร่มีความสนิทสนมและมีความไว้วางใจกันเป็นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่ได้ปูพื้นให้เห็นว่าเหตุใดที่จะทำให้ตัวละครเหล่านี้จึงสนิทและให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ หรือการที่จักรพรรดินีเทียร์ให้วูล์ฟ ยูริค และสโควโร่ เดินทางไปยังเนเกร่า โดยที่ไม่มีเหตุผลว่าไปทำภารกิจใด รวมถึงการที่วูล์ฟ ยูริค สโควโร่ และโวมิเดินทางไปยังฟิกาโน่ลูส โดยมีเหตุผลเพียงโวมิชวนให้ใช้เรือ “แม็กแกรน” ซึ่งปกติเป็นเรือเหาะ แต่ให้ใช้เป็นการเดินทางแบบเรือสมุทรแทนเพื่อเดินทางไป การเดินทางไปฟิกาโน่ลูสครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มอินวิซิเบิ้ลอย่างใหญ่หลวง แต่สาเหตุของการเดินทางไปนั้นกลับไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าที่ควรนัก หรือการที่วูล์ฟวางแผนหลอกเลดาสว่าตนเองได้ตายไปแล้วจากการต่อสู้กับสมุนของเลดาส แต่กลับเฉลยว่าตัวเองยังไม่ตายอย่างง่ายดายซึ่งทำให้แผนที่วางมาทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์ หรือเหตุการณ์หลังจากที่มีการต่อสู้กับวีดาสอย่างดุเดือดและฝ่ายอินวิซิเบิลพลาดจนทำให้ วูลฟ์ ยูริค สโควโร่ เทียร์ หายตัวไป แต่มาเรียซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกลับจัดงานแต่งงานทั้งๆ ที่เพิ่งจะเกิดเหตุการร้ายขึ้น และเรนซึ่งรู้เรื่องการหายตัวไปของสามีตนเอง (ยูริค) และเพื่อนๆ และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่กลับแสดงท่าทีทำให้ศัตรูไม่ไว้วางใจ ซึ่งความไม่สมเหตุสมผลทำให้ศัตรูคอยจับผิดตนเอง ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้อ่านไม่เชื่อในเรื่องที่ผู้เขียนสร้างขึ้นมา ตัวละครนั้น ผู้เขียนเน้นความสำคัญของตัวละครในส่วนของกลุ่มอินวิซิเบิ้ล แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับเลดาสซึ่งเป็นตัวละครที่มีความสำคัญเป็นตัวแปรที่จะทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด ผู้เขียนไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเลดาส (ซึ่งผู้วิจารณ์ไม่แน่ใจว่ามีกล่าวถึงในภาคก่อนหน้านี้หรือไม่) ความเป็นมาของเลดาส ทั้งประเด็นที่เลดาสน่าจะเป็นเรโน่ลูกชายของอีวานและซิลีนเซีย การที่เลดาสจ้องทำลายกำจัดวูฟล์ฟนั้นมีสาเหตุมาจากสิ่งใด และที่สำคัญผู้เขียนให้เลดาสเป็นจอมปีศาจแต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่แสดงให้เห็นว่าเลดาสมีอำนาจ พลัง ความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม แม้แต่ตอนท้ายเรื่องการต่อสู้ระหว่างเลดาสกับวูล์ฟในตอนท้ายเรื่องเลดาสก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ผู้เขียนยังมีความผิดพลาดในการในการบรรยายตัวละคร โดยเฉพาะเรนที่มีอาชีพเป็นพยาบาล ผู้เขียนมักจะเขียนสลับว่าเป็นแพทย์ ในการเขียนบทบรรยายนั้น ผู้เขียนมักจะใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนในบทบรรยาย และทำให้เกิดความแตกต่างของระดับภาษา นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการใช้คำที่ไม่ตรงกับความหมาย เช่น “กัมปนาท” แปลว่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ผู้เขียนใช้คำนี้ในความหมายที่แปลว่ายิ่งใหญ่ในหลายที่ คำว่า “วารี” ซึ่งแปลว่า “น้ำ” ไม่ใช่ “แม่น้ำ” คำว่า “อรุณ” แปลว่า เวลาใกล้ที่พระอาทิตย์ขึ้น หรือ เวลาเช้า ผู้เขียนใช้ในความหมายว่าดวงอาทิตย์หรือแสงอาทิตย์ คำว่า “อเวจี” หมายถึงขุมหนึ่งของนรกที่ชื่อว่าอเวจี ไม่ได้หมายความถึงนรกตามที่ผู้เขียนสื่อความหมาย คำว่า “แวบตัว” ซึ่งควรจะใช้คำว่า “หายตัว” มากกว่า ผู้วิจารณ์อยากให้ผู้เขียนศึกษาความหมายในพจนานุกรม เพื่อที่จะใช้คำที่สื่อความหมายที่เป็นที่รับรู้กันทั่วไปและทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายที่ผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง สำหรับคำผิดนั้น ในช่วงต้นผู้เขียนมักจะพิมพ์สระ อู เป็นสระ อุ ส่วนคำผิดที่พบ (ตัวแรกเป็นคำที่เขียนผิด ตัวหลังเป็นคำที่แก้ถูก) ตนก-ตระหนก ไลล่า-ไล่ล่า เขลอะ-เขรอะ องค์รักษ์-องครักษ์ เปลี่ยม-เปี่ยม ปะดาบ-ประดาบ ประสพความสำเร็จ-ประสบความสำเร็จ ลาลา-ร่ำลา กระดี๋กระด๋า-กระดี้กระด้า เล่ล่อน-เร่ร่อน ถานะ-ฐานะ โยงรยางค์-ระโยงระยาง รูปกระทำนามกระทำ-รูปธรรมนามธรรม ปลิปาก-ปริปาก บาดแผลที่ชีช้ำ-บาดแผลที่ชอกช้ำ ร่มลื่น-ร่มรื่น สาระแหง-หัวระแหง เสียงดังซอกแซก-เสียงดังแซงแซ่ ยังมีคำผิดอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ยกมาเนื่องจากเป็นคำผิดที่เกิดจากการพิมพ์ผิด ผู้เขียนควรตรวจทานอีกครั้ง โดยภาพรวมของนิยายเรื่อง Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้บุรุษ ยังต้อมีการปรับแก้เป็นอย่างมาก การที่ผู้เขียนจะเขียนเป็นนิยายขนาดยาว 27 บท และแต่ละบทมีสองตอนซึ่งมีความยาวมาก จึงต้องระวังในการเชื่อมต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันให้มีความชัดเจนมีความเป็นเหตุเป็นผลเป็นที่น่าสนใจ การเขียนที่เลือกใช้คำที่มีความหมายที่ถูกต้อง การรักษาระดับภาษาให้มีความกลมกลืน ทั้งนี้เพื่อที่จะสื่อความหมายในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านรับรู้ในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการได้ ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนยังไม่ได้สื่อออกมาที่ชัดเจน   อ่านน้อยลง

    bluewhale | 5 ม.ค. 56

    • 6

    • 1

    "บทวิจารณ์. Graruda III"

    (แจ้งลบ)

    สวัสดีค่ะคุณโวมิ ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องการทำงานล้าช้าจริงๆค่ะ มันช้ามากจริงๆขอโทษด้วย แต่ก็แอบดีใจ เพราะถ้าวิจารณ์เร็วไปเดี๋ยวอ่านนิยายคุณไม่จบ ฮ่า #โดนร้องเท้าปริศนาฟาดหัว โอเคเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราลองมาเริ่มกันดีกว่านะคะ [ เหมือนเรากำลังคุยกับจอมดาบอยู่เลยเว้ย ฮ่าๆ ] เริ่มกันที่เรื่องที่ทำให้เราประทับใจแต่แรกพบค่ะ -- ชื่อเรื่อง ... อ่านเพิ่มเติม

    สวัสดีค่ะคุณโวมิ ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องการทำงานล้าช้าจริงๆค่ะ มันช้ามากจริงๆขอโทษด้วย แต่ก็แอบดีใจ เพราะถ้าวิจารณ์เร็วไปเดี๋ยวอ่านนิยายคุณไม่จบ ฮ่า #โดนร้องเท้าปริศนาฟาดหัว โอเคเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราลองมาเริ่มกันดีกว่านะคะ [ เหมือนเรากำลังคุยกับจอมดาบอยู่เลยเว้ย ฮ่าๆ ] เริ่มกันที่เรื่องที่ทำให้เราประทับใจแต่แรกพบค่ะ -- ชื่อเรื่อง Graruda III The Immaterial Hero ไม่ว่าใครเห็นคงสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในชื่อนี้ คำว่า Graruda ลักษณะคำของมันก็คือความหนักแน่นอยู่แล้วเพราะสื่อถึงดินแดนที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้ ยิ่งมาเจอ The Immerterial Hero หรือวีรบุรุษ ทำให้ชื่อนี้เพิ่มความอลังการขึ้นเป็นเท่าตัวค่ะ ทั้งสองอย่างมีความเกี่ยวข้องกับตัวโครงหลักเรื่องอย่างมากเพราะในครั้งนี้พระเอกของเราได้กลายมาเป็นคนที่เอาแต่ใจส่งผลให้ไม่มีใครสามารถสัมผัสถึงความเป็นวีรบุรุษของเขาเท่าไร ถ้าเราเป็นนักอ่านคนหนึ่งที่มาเห็นชื่อนิยายนี้ แน่นอนว่าชื่อคุณดึงให้เราอยากจะลองลิ้มรสเนื้อหาด้านไหน แต่ก็อาจมีบางส่วนที่แปลไม่ออก พวกเขามีโอกาสที่จะหยิบนิยายคุณอยู่ค่ะแต่คงไม่ทั้งหมด สิ่งที่จะช่วยดึงพวกเขาได้คือเรื่องย่อที่มีไว้พรรณนาสรรพคุณของนิยายเรื่องนี้ ใส่ความน่าตื่นเต้น เร้าใจ ความน่าติดตามลงไปค่ะแล้วมันจะได้ผล สรุปสั้นๆค่ะ คุณสร้างชื่อนิยายมาถูกทางแล้วทั้งครอบคลุมตัวโครง ได้อารมณ์ตั้งแต่แรกเห็น และมีความอลังการเท่าตัวเนื้อหาด้านในพุดง่ายๆก็คือมีเสน่ห์นั่นแหละค่ะ เราก็ขอชื่นชมในเรื่องนี้ค่ะ :) [ แต่ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ ก็อย่าลืมหาชื่อภาษาไทยใส่ปกหน่อยนะคะ ] รู้สึกว่าเรื่องชื่อเรื่องจะไม่มีปัญหานะคะ มาต่อที่เรื่องใหม่เลยแล้วกันค่ะ นิยายเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสามภาค แน่นอนว่าการวางโครงของคุณนั้นยากและต้องคงความเร้าใจตามแนวนิยายของคุณ เราได้อ่านแค่ภาคสามนะคะคงจะพูดอะไรไม่ได้มาก แต่สำหรับเราแล้วเมื่ออ่านไปเรื่อยๆก็พอพูดได้ค่ะว่าคุณวางพล็อตมาดีและรักษาปริมาณรายละเอียดเพิ่มเติมไว้อย่างเหมาะสม มันไม่มากและไม่น้อย ไม่เกินจนทำอารมณ์กร่อยแต่ก็ไม่มากจนทำให้คนอ่านปวดขมับ แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ตอนแรกๆของภาคนี้มีความดึงดูดที่ไม่มากเท่าไร คล้ายๆกับความน่าสนใจมันเทมาอยู่แถวกลางถึงท้ายเรื่องเสียหมด และแน่นอนว่าตั้งแต่หลายถึงเรื่องจนถึงย่อหน้าสุดท้ายของนิยายมันมันส์จนหยดสุดท้ายจริงๆ จนถึงตอนนี้เรายังรู้สึกอยู่เลยว่าเรื่องนี้สมควรนำไปทำเป็นอนิเมะสักเรื่องแล้วโลดแล่นอยู่บนจอโทรทัศน์ ฮ่าๆ... ก่อนที่จะเพ้อเจ้อมากไปกว่านี้เราดึงตัวเองกลับมากันดีกว่าค่ะ แต่การที่ครึ่งแรกไม่ค่อยดึงดูดไม่ใช่ปัญหาเท่าไรค่ะ เพราะพวกที่อ่านมาจากภาคสองย่อมอยากติดตามภาคสามต่อแน่ [ ถ้าภาคสองอารมณ์ไม่กร่อยน่ะนะ ฮิๆ ] แถมยังไงมันก็ไม่มีใครที่อยู่ๆกระโดดเด้งมาอ่านภาคสามแน่ๆ [ คิดว่านะ ] ใจจริงอยากวิเคราะห์โครงของเรื่องนี้มากเพราะคงสนุกไม่น้อย เพียงแต่เราได้อ่านแค่ภาคสามคงจะทำได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก เพราะอย่างนั้นเราขออนุญาตวิเคราะห์แค่ภาคนี้นะคะ เรื่องนี้เปิดเรื่องขึ้นโดยมีปมปัญหาคือการที่เหล่าโจรสลัดถูกจับไปลงนรกเดธเอน ทำให้สี่หนุ่มของเราต้องออกตามหาสาเหตุ ปมนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการจะดำเนินเรื่องต่อไปจริงๆ แต่เพราะปมนี้มันดำเนินเนื้อหายาวมากในช่วงต้นอารมณ์ของนักอ่านก็อาจมีกร่อยไปบ้างค่ะ เพราะถึงจะเป็นปมๆหนึ่งแต่มันก็เป็นแค่ปลายของปมหลักที่ถูกขมวดอยู่ในท้ายเรื่อง แต่มันก็ความสำคัญอยู่ดีเพราะเป็นเนื้อหาที่จะโยงใยหลายๆอย่าง มาต่อที่ปมต่อไปนั่นคือเรื่องความรักของวูล์ฟค่ะ ด้วยความที่มาเรียสาวแรงยักษ์กลายเป็นมาเรียคนใหม่ที่ไปหลงรักกิสมอร์ทำให้กัปตันของเราทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ปมนี้สำคัญมากเพราะมันมีผลต่อเรื่องในช่วงหลังแทบทั้งหมด การผูกปมๆนี้เราชื่นชมค่ะเพราะมันกระแทกใจผู้อ่านได้ดีทีเดียวและไม่น่าเบื่อด้วย ปมที่สามก็คือแผนการของเลดาส แน่นอนว่าไม่มีไอ้หมดนี่เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นคงไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปมใหญ่ๆที่ทำคนอ่านระทึกได้ตลอดเวลาเพาะมันอาจใช้ลูกไม้ใหม่เรื่อยๆ [ แถมตอนสุดท้ายที่เราอ่านมาเรื่อยๆบ่งบอกให้เห็นว่าสมองของเลดาสนั้นหยักเยอะจริงๆ ] และปมที่เป็นส่วนสำคัญมากของเรื่องนี้คือวันพิพากษาซึ่งถ้าไม่มีวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้ของทุกคน ปมนี้สำหรับเรามันเจ๋งมากตามสเต็ปแบบในการ์ตูนจริงๆ [ ก็เร้าใจดีนี่คะ อิอิ ] ส่วนปมอื่นๆก็คงไม่พ้นรายละเอียดที่ทำให้ผู้อ่านฉงนและสนุกไปกับนิยาย ทั้งคำเตือนที่ว่าให้ระวังคนรอบข้าง ทั้งตัวตนของวีดาร์ คำทำนาย ภาพนัยน์ตาวิบัติของวูล์ฟ... ปมทั้งหมดที่มีมานั้นน่าประทับใจมากค่ะ มันเสริมให้เรื่องนี้ยิ่งใหญ่ได้มากขึ้นเป็นเท่าตัวทีเดียว แถมยังให้ผู้อ่านสับสน ฉงน เนื้อเต้น และตื่นเต้น โดยเฉพาะตอนท้าย.. ก็อย่างที่บอก “ ถ้ายังอ่านไม่จบอย่าตัดสินนิยายเรื่องนี้ ” เพราะมันจะทำให้คุณคาดไม่ถึงว่ามันจะอลังการงานสร้างระดับพระกาฬขนาดนี้ ๕๕ แถมปมต่างๆนั้นก็ทำให้ผู้อ่านได้ขบคิดสนุกๆและอยากติดตามเรื่องของคุณไป เป็นตัวเสริมอรรถรสให้เขาไม่อยากทิ้งนิยายของคุณไปค่ะ :) จำที่พูดไปได้หรือเปล่าว่าน่าจะเอาไปทำเป็นการ์ตูน อาฮะ เพราะมันเป็นพล็อตที่มีลักษณะคล้ายกับการเอาการ์ตูนแนวต่างๆมายำรวมกันเป็นเรื่องเดียว บางจุดเลยทำให้ดูโอเวอร์ไปบ้าง ผู้อ่านบางคนอาจถอนหายใจเล็กน้อยก็ได้กับการที่มันจะเกินขอบเขตของมนุษย์มากเกิน เช่น ตอนที่กิสมอร์สู้กับวูล์ฟก่อนลงเดธเอน ที่มาเรียโจมตีวูล์ฟจนพระเอกของเราต้องทะลุบ้านช่องไปห้าหลัง.. คือแบบบ้านมันก็มีความทนทานสูงนะคะแล้วโจมตีทะลุไปตั้งห้าหลัง? ไม่ถียงว่ามาเรียเป็นสาวแรงยักษ์แต่ถ้าทะลุไปแบบนั้นแล้วยังลุกขึ้นมาได้มันเวอร์มาก แข็งแกร่งขนาดไหนก็แทบไม่มีทางลุกค่ะ แน่นอนกระดูกต้องหักกล้ามเนื้อก็ต้องได้รับการกระทบกระเทือนมาก แต่ไหนจะระบบประสาทและอื่นๆอีก ถึงแม้วูล์ฟจะเก่งขั้นเทพและแข็งแรงขนาดไหน แต่ขอให้อยู่บนความสมเหตุสมผลนิดนึงว่าเขายังมีสภาพร่างกายเป็นคนอยู่นะ ก็ที่เราติดในเรื่องของโครงก็คือความเวอร์เวลาโชว์พลังนี่แหละค่ะ แหะๆ ในเรื่องรายละเอียดและการดำเนินเรื่อง คุณก็ยังรักษาให้มันน่าสนใจได้อยู่แต่ในบางครั้งมันขาดการบรรยายในบางเรื่องทำให้การดำเนินเรื่องและตัวโครงไม่มีน้ำหนักรองรับนัก เช่น เรื่องสภาพแวดล้อมรอบข้างนั้นเราตามไม่ทันจริงๆค่ะเพราะการบรรยายของคุณจะเน้นที่ตัวละครมากจนไม่ได้มีรายละเอียดที่จุดอื่นเลย อย่างลักษณะบ้านเรือนเราก็นึกภาพไม่ออกว่ามันเป็นแบบไหนเป็นยังไง บางครั้งก็งงว่านี่กลางคืนแล้วเหรอผ่านไปเร็วจัง หรือแม้แต่บางครั้งที่นึกภาพตัวละครออกแต่ไม่มีรายละเอียดเสริมอย่างเรื่องเสื้อผ้า แต่ไม่ใช่ว่าต้องบรรยายการแต่งตัวในวันนั้นๆหรอกนะคะแต่อย่างน้อยขอแค่ลักษณะเสื้อผ้าที่ใส่ในทุกๆวันก็พอแล้ว [ คุณอาจจะมีบรรยายเรื่องนี้ในภาคอื่นๆแต่ตราบใดที่คุณสร้างภาคใหม่ขึ้นมาก็ต้องจัดแจงใส่รายละเอียดเหล่านี้อีกทีด้วยนะคะ ] ก็ตัวอย่างที่กล่าวมาก็มีผลให้จินตนาการของเราในนิยายเรื่องนี้มีไม่มากเท่าที่ควรค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้นึกภาพอะไรไม่ออกเลยนะ เพราะอย่างน้อยตอนที่ทุกคนคุยกันเราก็พอที่จะจินตนาการลักษณะและสีหน้าของแต่ละคนได้บ้างค่ะ ที่จริงตัวอย่างที่ดีในเรื่องก็มีเยอะนะคะ อย่างตอนที่ออกทะเลครั้งแรกตอนนั้นเราก็นึกภาพทะเลออกค่ะหรืออย่างตอนที่กิสมอร์ขอมาเรียเป็นแฟนก็นึกออก แบบนั้นแหละอยากได้บรรยายแบบทำนองนั้นค่ะ และส่วนนึงที่มันไม่ค่อยโอเคเท่าไรคือเดธเอน คือทีแรกก็พรรณนาเสียเราคิดว่ามันจะน่ากลัวเกินกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่เอาเข้าจริงกลับทำลายทิ้งง่ายมากจนแอบเสียดาย ภาพที่วาดไว้พังทลายเลยทีเดียวเชียว แต่เหตุการณ์ในภาคที่แล้วเห็นว่ามีเรื่องที่ว่าเคยติดคุกนี้มาก่อนนี่เนอะ ระบบที่แข็งแกร่งอาจถูกทำลายไปแล้วล่ะมั้ง.. [ แต่ถ้าวูล์ฟจะทำลายได้ง่ายขนาดนี้ทำไมไม่แหกมาตั้งแต่แรกเลยล่ะเนี่ย :3 ] ส่วนการดำเนินเรื่องนั้น คือการดำเนินเรื่องของคุณก็ไปเรื่อยๆสมเหตุสมผลนะคะถ้าไม่ติดเรื่องเวลา สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราแปลกใจหรืองงก็เพราะเวลานี่แหละค่ะ อย่างตอนไปแดนเวียน.. จนถึงตอนนี้เราก็ยังคงฉงนอยู่ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่ ทุกอย่างมันดำเนินไปเร็วมากในช่วงเวลาสั้นๆ หรือบางครั้งมันก็นานจนออกจะงงๆอยู่ ถ้าจะแนะนำก็ให้คนรอบข้างลองอ่านและให้เขาเสนอความคิดเห็นดูนะคะ แต่ที่แน่ๆเนื้อหาของคุณนั้นเร้าใจเรามากเลยทีเดียว อรรถรสเต็มเปี่ยมครบสุดๆทำให้ใจของเรานั้นระทึกไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ทั้งตอนที่มาเรียรับช่อดอกไม้พร้อมวูล์ฟ ทั้งฉากต่อสู้ทั้งหลาย อีกทั้งตอนจบที่ซึ้งสุดๆ [ ถ้าเพิ่มการบรรยายไปหน่อยมันจะซึ้งกว่านี้นะ ฮิๆ ] อยากจะบอกว่ามันสนุกสุดยอดไปเลยค่ะ XD สำหรับตัวละครของนิยายเรื่องนี้ ในเรื่องชองชื่อนั้นก็ประทับใจเราอยู่ค่ะ ชื่อแต่ละชื่อก็เพราะๆและมีอารมณ์-เสน่ห์แตกต่างกันไป แม้บางชื่อจะเหมือนกับตัวละครในการ์ตูนจนเราอ่านไปก็สงสัยก็ตามที ฮี่ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ มาดูที่นิสัยตัวละคร บอกตามตรงว่านิสัยพื้นฐานของตัวละครทุกตัวแทบจะบอกได้ว่ามาจากพิมพ์เดียวกันทั้งหมดจะมีความแตกต่างกันบ้างที่ลักษณะพิเศษที่เพิ่มเข้ามา แต่ลักษณะคำพูดโดยปกติก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรเลยจนบางครั้งที่มีประโยคคำพูดโดยที่ไม่มีการกำกับว่าใครพูดเราก็งงเหมือนกันค่ะ แต่พวกนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไรหรอก ที่สำคัญคือลักษณะนิสัยของพวกตัวประกอบอย่างทหาร อย่างบางครั้งทั้งๆที่อยู่ในแถวทหารแต่กลับหันหน้าคุยกัน คือมันไม่มีคำว่าวินัยทหารเลยนะ เข้าใจว่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินนั้นเรื่องใหญ่แต่ถูกฝึกมายังไงให้มาแสดงอาการอย่างคนธรรมดาแบบนี้กันละเนี่ย และเรื่องที่งงอีกอย่างคือสรุปแล้วเจ้าจอมอสูรนั้นชื่อ ฮิโดร่า หรือ ฮิราโด้ กันแน่ โอเคค่ะนี่ก็หัวข้อสุดท้ายที่จะมาจับประเด็นแล้ว มันคือการใช้คำและการบรรยาย เชื่อว่าสำนักวิจารณ์อื่นๆคงพูดเรื่องนี้กันไว้ไม่น้อยเลยเพราะของเราก็ไม่น้อยเหมือนกัน อยากจะบอกตรงๆว่านิยายของคุณไปได้ไกลกว่านี้แน่นอนถ้าไม่ติดที่ปัญหาการบรรยายและการใช้คำ ขอเกริ่นนำว่าทุกอย่างข้างต้นตั้งแต่ชื่อเรื่องร่ายลงมาจนถึงตัวละคร ไม่มีเรื่องไหนที่เราจะหนักใจเท่าเองนี้ค่ะ มันไม่ได้แย่มากแต่บางครั้งการเรียบเรียงของคุณยังคงติดประเด็นปัญหาอยู่ เพราะมีส่วนทำให้ผู้อ่านอารมณ์สะดุดหรือไม่มีอารมณ์ร่วมตาม ก็จะแยกให้เห็นเป็นเรื่องๆไปนะคะ การเรียบเรียงประโยค เช่น “ ...แต่ข้าว่าเจ้าอย่าหลงระเริงกับแผนของเจ้ามากนักหรอกนะ ” ไม่รู้ว่านี่เป็นคำพูดเตือนหรือเป็นเชิงคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ถ้าเป็นเตือนจะได้ว่า “แต่ข้าว่าเจ้าอย่าหลงระเริงกับแผนของเจ้ามากนักจะดีกว่านะ ” แต่ถ้าคำถามก็จะได้ว่า “ เจ้าคงไม่ได้หลงระเริงไปกับแผนของเจ้ามากนักหรอกนะ ” หรืออีกตัวอย่างนึงที่เราเจอค่ะ “ แล้วเทียร์ สควอโร่ ยูริค พวกนั้นไม่ปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้ ” เข้าใจความหมายนะคะ แต่มันกำกวมว่าสรุปแล้วนี่เป็นประโยคบอกเล่าหรือคำถามกันแน่ ถ้าจะเป็นบอกเล่าก็จะได้ทำนองว่า “ เทียร์ สควอโร่ ยูริค พวกนั้นต้องไม่ปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้สิ ” หรือถ้าคำถามก็จะประมาณว่า “ แล้วเทียร์ สควอโร่ ยูริค ทำไมพวกนั้นปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้ ” เรื่องนี้มีให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆค่ะ ยังไงก็ลองอ่านทวนๆดูนะคะ การลากเสียงยาว อย่างเช่น อ๊ากกกกกกก เป็นต้น คือเข้าใจว่ามันร้องยาวมาก แต่ขอให้รักษาจำนวนตัว ก ให้มีมากไม่เกินห้าถึงหกตัวนะคะ ละสำหับบางคำอย่าง ฉึกกก คำนี้มันควรจะเป็น ฉึก สั้นๆมากกว่าค่ะ การใช้คำซ้ำหลายๆครั้ง เช่น “ เลดาสได้หลบหนีไปได้ ” มีผลให้ประโยคสละสลวยน้อยลงเพราะใช้คำเปลืองค่ะ อย่างประโยคนี้แค่ตัดคำว่า ได้ ตัวใดตัวนึงทิ้งไปก็ไม่ได้ความที่แตกต่างเลยล่ะค่ะ เรื่องนี้ก็มห้ลองอ่านตรวจทานดูนะคะ อ่านแล้วงง เช่น “ ห้องอดีตผู้อำนวยการ ในวันรุ่งขึ้นมันพร้อมที่จะโดนย้ายออก ” คือการย้ายห้องออกมันทำได้ยังไงเราไม่ค่อยจะเข้าใจ มันตอกเสาตอกหินตอกทุกอย่างให้ยึนยู่กับที่ คือถ้าจะย้ายสู้ทุบทิ้งหรือเปลี่ยนไปใช้ทำอย่างอื่นยังง่ายและประหยัดกว่าด้วยค่ะ พิมพ์ตก เช่น “ โรงละครกลายเป็นซาก ไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากคาวโลหิต ” มันต้องเป็น กลิ่นคาวโลหิต นะคะ เพราะคาวคือกลิ่นเหม็น สำหรับด้านนี้มีให้เห็นไม่น้อยนะคะ การใช้คำผิด จะมีทั้งแบบพิมพ์เร็วจนลืมเช็คและเพราะความเข้าใจค่ะ ที่พิมพ์เร็วนั้น เช่น “ ...คงจะสาสมใจจักรพรรดิใจโฉแดแล้วล่ะสินะ ” ก็จะเป็นการที่ตัวอักษรตัวอื่นๆแทรกเข้ามาค่ะ , “ ฮ่ะๆ สควอโณ่ ” อันนี้คงกด shift ค้างเลยพิมพ์ผิด , คำที่เคยเห็นว่าพิมพ์ถูกผิดสลับไปมาๆ เช่น ละเลิง และ ระเริง ซึ่ง ระเริง คือคำที่ถูกต้อง พิมพ์ผิดเพราะไม่รู้ เช่น “ นักเรียนจอมเวทย์ ” นี่คือคำผิดยอดฮิตของแทบทุกคนค่ะ เวทย์ หมายความว่า ควรจะรู้หรือควรระลึก มันต้องใช้คำว่า เวท ที่แปลว่า พลังศักดิ์สิทธิ นะคะ , องค์รักษ์ ต้องเป็น องครักษ์ , เกรียติ ต้องเป็น เกียรติ , อสูรกาย ต้องเป็น อสุรกาย , ค้อน ต้องเป็น ค้อน , พล่า ต้องเป็น พร่า , สึกหล่อ ต้องเป็น สึกหรอ , ทยาน ต้องเป็น ทะยาน , อำนาท ต้องเป็น อำนาจ , ลูกโปร่ง ต้องเป็น ลูกโป่ง , ระเบียด ต้องเป็น กระเบียด , ประทะ ต้องเป็น ปะทะ , ร้อนลน ต้องเป็น ร้อนรน , คองสติ ต้องเป็น ครองสติ ฯลฯ แนะนำเหมือนเดิมว่าให้อ่านทบทวนเรื่อยๆ การใช้คำนาม อันนี้นี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆค่ะ คืออันนี้จำไม่ได้แล้วว่ามันอยู่ตรงไหนแต่มันจะเป็นประโยคทำนองว่าอาวุธมีความคิดมีจิตใจที่จะตามใจตนเองน่ะค่ะ ซึ่งที่จริงแล้วคนใช้ของพวกมันต่างหากที่จะใช้อาวุธได้ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะที่เราไม่ได้จดบันทึกเอาไว้ ก็เรื่องการบรรยายหลักๆก็มีเท่านี้ วิธีการแก้นั้นก็เหมือนกันหมดคือให้อ่านทวนตรวจทานดู แต่เป็นไปได้อยากให้พิมพ์ออกมาแล้วอ่านเอาค่ะเดี๋ยวตาหล้าแถมทำให้สายตาเสียด้วย และที่สำคัญที่สุดสำหรับการบรรยายคือการใช้ภาษาอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาวรรณศิลป์มากเกินไปแต่ขอแค่มีความพอดีและสละสลวยก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ :)   อ่านน้อยลง

    elda chan | 20 ม.ค. 56

    • 4

    • 0

    ดูทั้งหมด

    คำนิยมล่าสุด

    "บทวิจารณ์. Graruda III"

    (แจ้งลบ)

    สวัสดีค่ะคุณโวมิ ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องการทำงานล้าช้าจริงๆค่ะ มันช้ามากจริงๆขอโทษด้วย แต่ก็แอบดีใจ เพราะถ้าวิจารณ์เร็วไปเดี๋ยวอ่านนิยายคุณไม่จบ ฮ่า #โดนร้องเท้าปริศนาฟาดหัว โอเคเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราลองมาเริ่มกันดีกว่านะคะ [ เหมือนเรากำลังคุยกับจอมดาบอยู่เลยเว้ย ฮ่าๆ ] เริ่มกันที่เรื่องที่ทำให้เราประทับใจแต่แรกพบค่ะ -- ชื่อเรื่อง ... อ่านเพิ่มเติม

    สวัสดีค่ะคุณโวมิ ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องการทำงานล้าช้าจริงๆค่ะ มันช้ามากจริงๆขอโทษด้วย แต่ก็แอบดีใจ เพราะถ้าวิจารณ์เร็วไปเดี๋ยวอ่านนิยายคุณไม่จบ ฮ่า #โดนร้องเท้าปริศนาฟาดหัว โอเคเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราลองมาเริ่มกันดีกว่านะคะ [ เหมือนเรากำลังคุยกับจอมดาบอยู่เลยเว้ย ฮ่าๆ ] เริ่มกันที่เรื่องที่ทำให้เราประทับใจแต่แรกพบค่ะ -- ชื่อเรื่อง Graruda III The Immaterial Hero ไม่ว่าใครเห็นคงสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในชื่อนี้ คำว่า Graruda ลักษณะคำของมันก็คือความหนักแน่นอยู่แล้วเพราะสื่อถึงดินแดนที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้ ยิ่งมาเจอ The Immerterial Hero หรือวีรบุรุษ ทำให้ชื่อนี้เพิ่มความอลังการขึ้นเป็นเท่าตัวค่ะ ทั้งสองอย่างมีความเกี่ยวข้องกับตัวโครงหลักเรื่องอย่างมากเพราะในครั้งนี้พระเอกของเราได้กลายมาเป็นคนที่เอาแต่ใจส่งผลให้ไม่มีใครสามารถสัมผัสถึงความเป็นวีรบุรุษของเขาเท่าไร ถ้าเราเป็นนักอ่านคนหนึ่งที่มาเห็นชื่อนิยายนี้ แน่นอนว่าชื่อคุณดึงให้เราอยากจะลองลิ้มรสเนื้อหาด้านไหน แต่ก็อาจมีบางส่วนที่แปลไม่ออก พวกเขามีโอกาสที่จะหยิบนิยายคุณอยู่ค่ะแต่คงไม่ทั้งหมด สิ่งที่จะช่วยดึงพวกเขาได้คือเรื่องย่อที่มีไว้พรรณนาสรรพคุณของนิยายเรื่องนี้ ใส่ความน่าตื่นเต้น เร้าใจ ความน่าติดตามลงไปค่ะแล้วมันจะได้ผล สรุปสั้นๆค่ะ คุณสร้างชื่อนิยายมาถูกทางแล้วทั้งครอบคลุมตัวโครง ได้อารมณ์ตั้งแต่แรกเห็น และมีความอลังการเท่าตัวเนื้อหาด้านในพุดง่ายๆก็คือมีเสน่ห์นั่นแหละค่ะ เราก็ขอชื่นชมในเรื่องนี้ค่ะ :) [ แต่ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์จริงๆ ก็อย่าลืมหาชื่อภาษาไทยใส่ปกหน่อยนะคะ ] รู้สึกว่าเรื่องชื่อเรื่องจะไม่มีปัญหานะคะ มาต่อที่เรื่องใหม่เลยแล้วกันค่ะ นิยายเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสามภาค แน่นอนว่าการวางโครงของคุณนั้นยากและต้องคงความเร้าใจตามแนวนิยายของคุณ เราได้อ่านแค่ภาคสามนะคะคงจะพูดอะไรไม่ได้มาก แต่สำหรับเราแล้วเมื่ออ่านไปเรื่อยๆก็พอพูดได้ค่ะว่าคุณวางพล็อตมาดีและรักษาปริมาณรายละเอียดเพิ่มเติมไว้อย่างเหมาะสม มันไม่มากและไม่น้อย ไม่เกินจนทำอารมณ์กร่อยแต่ก็ไม่มากจนทำให้คนอ่านปวดขมับ แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ตอนแรกๆของภาคนี้มีความดึงดูดที่ไม่มากเท่าไร คล้ายๆกับความน่าสนใจมันเทมาอยู่แถวกลางถึงท้ายเรื่องเสียหมด และแน่นอนว่าตั้งแต่หลายถึงเรื่องจนถึงย่อหน้าสุดท้ายของนิยายมันมันส์จนหยดสุดท้ายจริงๆ จนถึงตอนนี้เรายังรู้สึกอยู่เลยว่าเรื่องนี้สมควรนำไปทำเป็นอนิเมะสักเรื่องแล้วโลดแล่นอยู่บนจอโทรทัศน์ ฮ่าๆ... ก่อนที่จะเพ้อเจ้อมากไปกว่านี้เราดึงตัวเองกลับมากันดีกว่าค่ะ แต่การที่ครึ่งแรกไม่ค่อยดึงดูดไม่ใช่ปัญหาเท่าไรค่ะ เพราะพวกที่อ่านมาจากภาคสองย่อมอยากติดตามภาคสามต่อแน่ [ ถ้าภาคสองอารมณ์ไม่กร่อยน่ะนะ ฮิๆ ] แถมยังไงมันก็ไม่มีใครที่อยู่ๆกระโดดเด้งมาอ่านภาคสามแน่ๆ [ คิดว่านะ ] ใจจริงอยากวิเคราะห์โครงของเรื่องนี้มากเพราะคงสนุกไม่น้อย เพียงแต่เราได้อ่านแค่ภาคสามคงจะทำได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก เพราะอย่างนั้นเราขออนุญาตวิเคราะห์แค่ภาคนี้นะคะ เรื่องนี้เปิดเรื่องขึ้นโดยมีปมปัญหาคือการที่เหล่าโจรสลัดถูกจับไปลงนรกเดธเอน ทำให้สี่หนุ่มของเราต้องออกตามหาสาเหตุ ปมนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการจะดำเนินเรื่องต่อไปจริงๆ แต่เพราะปมนี้มันดำเนินเนื้อหายาวมากในช่วงต้นอารมณ์ของนักอ่านก็อาจมีกร่อยไปบ้างค่ะ เพราะถึงจะเป็นปมๆหนึ่งแต่มันก็เป็นแค่ปลายของปมหลักที่ถูกขมวดอยู่ในท้ายเรื่อง แต่มันก็ความสำคัญอยู่ดีเพราะเป็นเนื้อหาที่จะโยงใยหลายๆอย่าง มาต่อที่ปมต่อไปนั่นคือเรื่องความรักของวูล์ฟค่ะ ด้วยความที่มาเรียสาวแรงยักษ์กลายเป็นมาเรียคนใหม่ที่ไปหลงรักกิสมอร์ทำให้กัปตันของเราทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ปมนี้สำคัญมากเพราะมันมีผลต่อเรื่องในช่วงหลังแทบทั้งหมด การผูกปมๆนี้เราชื่นชมค่ะเพราะมันกระแทกใจผู้อ่านได้ดีทีเดียวและไม่น่าเบื่อด้วย ปมที่สามก็คือแผนการของเลดาส แน่นอนว่าไม่มีไอ้หมดนี่เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นคงไม่เกิดขึ้น นี่เป็นปมใหญ่ๆที่ทำคนอ่านระทึกได้ตลอดเวลาเพาะมันอาจใช้ลูกไม้ใหม่เรื่อยๆ [ แถมตอนสุดท้ายที่เราอ่านมาเรื่อยๆบ่งบอกให้เห็นว่าสมองของเลดาสนั้นหยักเยอะจริงๆ ] และปมที่เป็นส่วนสำคัญมากของเรื่องนี้คือวันพิพากษาซึ่งถ้าไม่มีวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้ของทุกคน ปมนี้สำหรับเรามันเจ๋งมากตามสเต็ปแบบในการ์ตูนจริงๆ [ ก็เร้าใจดีนี่คะ อิอิ ] ส่วนปมอื่นๆก็คงไม่พ้นรายละเอียดที่ทำให้ผู้อ่านฉงนและสนุกไปกับนิยาย ทั้งคำเตือนที่ว่าให้ระวังคนรอบข้าง ทั้งตัวตนของวีดาร์ คำทำนาย ภาพนัยน์ตาวิบัติของวูล์ฟ... ปมทั้งหมดที่มีมานั้นน่าประทับใจมากค่ะ มันเสริมให้เรื่องนี้ยิ่งใหญ่ได้มากขึ้นเป็นเท่าตัวทีเดียว แถมยังให้ผู้อ่านสับสน ฉงน เนื้อเต้น และตื่นเต้น โดยเฉพาะตอนท้าย.. ก็อย่างที่บอก “ ถ้ายังอ่านไม่จบอย่าตัดสินนิยายเรื่องนี้ ” เพราะมันจะทำให้คุณคาดไม่ถึงว่ามันจะอลังการงานสร้างระดับพระกาฬขนาดนี้ ๕๕ แถมปมต่างๆนั้นก็ทำให้ผู้อ่านได้ขบคิดสนุกๆและอยากติดตามเรื่องของคุณไป เป็นตัวเสริมอรรถรสให้เขาไม่อยากทิ้งนิยายของคุณไปค่ะ :) จำที่พูดไปได้หรือเปล่าว่าน่าจะเอาไปทำเป็นการ์ตูน อาฮะ เพราะมันเป็นพล็อตที่มีลักษณะคล้ายกับการเอาการ์ตูนแนวต่างๆมายำรวมกันเป็นเรื่องเดียว บางจุดเลยทำให้ดูโอเวอร์ไปบ้าง ผู้อ่านบางคนอาจถอนหายใจเล็กน้อยก็ได้กับการที่มันจะเกินขอบเขตของมนุษย์มากเกิน เช่น ตอนที่กิสมอร์สู้กับวูล์ฟก่อนลงเดธเอน ที่มาเรียโจมตีวูล์ฟจนพระเอกของเราต้องทะลุบ้านช่องไปห้าหลัง.. คือแบบบ้านมันก็มีความทนทานสูงนะคะแล้วโจมตีทะลุไปตั้งห้าหลัง? ไม่ถียงว่ามาเรียเป็นสาวแรงยักษ์แต่ถ้าทะลุไปแบบนั้นแล้วยังลุกขึ้นมาได้มันเวอร์มาก แข็งแกร่งขนาดไหนก็แทบไม่มีทางลุกค่ะ แน่นอนกระดูกต้องหักกล้ามเนื้อก็ต้องได้รับการกระทบกระเทือนมาก แต่ไหนจะระบบประสาทและอื่นๆอีก ถึงแม้วูล์ฟจะเก่งขั้นเทพและแข็งแรงขนาดไหน แต่ขอให้อยู่บนความสมเหตุสมผลนิดนึงว่าเขายังมีสภาพร่างกายเป็นคนอยู่นะ ก็ที่เราติดในเรื่องของโครงก็คือความเวอร์เวลาโชว์พลังนี่แหละค่ะ แหะๆ ในเรื่องรายละเอียดและการดำเนินเรื่อง คุณก็ยังรักษาให้มันน่าสนใจได้อยู่แต่ในบางครั้งมันขาดการบรรยายในบางเรื่องทำให้การดำเนินเรื่องและตัวโครงไม่มีน้ำหนักรองรับนัก เช่น เรื่องสภาพแวดล้อมรอบข้างนั้นเราตามไม่ทันจริงๆค่ะเพราะการบรรยายของคุณจะเน้นที่ตัวละครมากจนไม่ได้มีรายละเอียดที่จุดอื่นเลย อย่างลักษณะบ้านเรือนเราก็นึกภาพไม่ออกว่ามันเป็นแบบไหนเป็นยังไง บางครั้งก็งงว่านี่กลางคืนแล้วเหรอผ่านไปเร็วจัง หรือแม้แต่บางครั้งที่นึกภาพตัวละครออกแต่ไม่มีรายละเอียดเสริมอย่างเรื่องเสื้อผ้า แต่ไม่ใช่ว่าต้องบรรยายการแต่งตัวในวันนั้นๆหรอกนะคะแต่อย่างน้อยขอแค่ลักษณะเสื้อผ้าที่ใส่ในทุกๆวันก็พอแล้ว [ คุณอาจจะมีบรรยายเรื่องนี้ในภาคอื่นๆแต่ตราบใดที่คุณสร้างภาคใหม่ขึ้นมาก็ต้องจัดแจงใส่รายละเอียดเหล่านี้อีกทีด้วยนะคะ ] ก็ตัวอย่างที่กล่าวมาก็มีผลให้จินตนาการของเราในนิยายเรื่องนี้มีไม่มากเท่าที่ควรค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้นึกภาพอะไรไม่ออกเลยนะ เพราะอย่างน้อยตอนที่ทุกคนคุยกันเราก็พอที่จะจินตนาการลักษณะและสีหน้าของแต่ละคนได้บ้างค่ะ ที่จริงตัวอย่างที่ดีในเรื่องก็มีเยอะนะคะ อย่างตอนที่ออกทะเลครั้งแรกตอนนั้นเราก็นึกภาพทะเลออกค่ะหรืออย่างตอนที่กิสมอร์ขอมาเรียเป็นแฟนก็นึกออก แบบนั้นแหละอยากได้บรรยายแบบทำนองนั้นค่ะ และส่วนนึงที่มันไม่ค่อยโอเคเท่าไรคือเดธเอน คือทีแรกก็พรรณนาเสียเราคิดว่ามันจะน่ากลัวเกินกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่เอาเข้าจริงกลับทำลายทิ้งง่ายมากจนแอบเสียดาย ภาพที่วาดไว้พังทลายเลยทีเดียวเชียว แต่เหตุการณ์ในภาคที่แล้วเห็นว่ามีเรื่องที่ว่าเคยติดคุกนี้มาก่อนนี่เนอะ ระบบที่แข็งแกร่งอาจถูกทำลายไปแล้วล่ะมั้ง.. [ แต่ถ้าวูล์ฟจะทำลายได้ง่ายขนาดนี้ทำไมไม่แหกมาตั้งแต่แรกเลยล่ะเนี่ย :3 ] ส่วนการดำเนินเรื่องนั้น คือการดำเนินเรื่องของคุณก็ไปเรื่อยๆสมเหตุสมผลนะคะถ้าไม่ติดเรื่องเวลา สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราแปลกใจหรืองงก็เพราะเวลานี่แหละค่ะ อย่างตอนไปแดนเวียน.. จนถึงตอนนี้เราก็ยังคงฉงนอยู่ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่ ทุกอย่างมันดำเนินไปเร็วมากในช่วงเวลาสั้นๆ หรือบางครั้งมันก็นานจนออกจะงงๆอยู่ ถ้าจะแนะนำก็ให้คนรอบข้างลองอ่านและให้เขาเสนอความคิดเห็นดูนะคะ แต่ที่แน่ๆเนื้อหาของคุณนั้นเร้าใจเรามากเลยทีเดียว อรรถรสเต็มเปี่ยมครบสุดๆทำให้ใจของเรานั้นระทึกไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ทั้งตอนที่มาเรียรับช่อดอกไม้พร้อมวูล์ฟ ทั้งฉากต่อสู้ทั้งหลาย อีกทั้งตอนจบที่ซึ้งสุดๆ [ ถ้าเพิ่มการบรรยายไปหน่อยมันจะซึ้งกว่านี้นะ ฮิๆ ] อยากจะบอกว่ามันสนุกสุดยอดไปเลยค่ะ XD สำหรับตัวละครของนิยายเรื่องนี้ ในเรื่องชองชื่อนั้นก็ประทับใจเราอยู่ค่ะ ชื่อแต่ละชื่อก็เพราะๆและมีอารมณ์-เสน่ห์แตกต่างกันไป แม้บางชื่อจะเหมือนกับตัวละครในการ์ตูนจนเราอ่านไปก็สงสัยก็ตามที ฮี่ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ มาดูที่นิสัยตัวละคร บอกตามตรงว่านิสัยพื้นฐานของตัวละครทุกตัวแทบจะบอกได้ว่ามาจากพิมพ์เดียวกันทั้งหมดจะมีความแตกต่างกันบ้างที่ลักษณะพิเศษที่เพิ่มเข้ามา แต่ลักษณะคำพูดโดยปกติก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรเลยจนบางครั้งที่มีประโยคคำพูดโดยที่ไม่มีการกำกับว่าใครพูดเราก็งงเหมือนกันค่ะ แต่พวกนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไรหรอก ที่สำคัญคือลักษณะนิสัยของพวกตัวประกอบอย่างทหาร อย่างบางครั้งทั้งๆที่อยู่ในแถวทหารแต่กลับหันหน้าคุยกัน คือมันไม่มีคำว่าวินัยทหารเลยนะ เข้าใจว่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินนั้นเรื่องใหญ่แต่ถูกฝึกมายังไงให้มาแสดงอาการอย่างคนธรรมดาแบบนี้กันละเนี่ย และเรื่องที่งงอีกอย่างคือสรุปแล้วเจ้าจอมอสูรนั้นชื่อ ฮิโดร่า หรือ ฮิราโด้ กันแน่ โอเคค่ะนี่ก็หัวข้อสุดท้ายที่จะมาจับประเด็นแล้ว มันคือการใช้คำและการบรรยาย เชื่อว่าสำนักวิจารณ์อื่นๆคงพูดเรื่องนี้กันไว้ไม่น้อยเลยเพราะของเราก็ไม่น้อยเหมือนกัน อยากจะบอกตรงๆว่านิยายของคุณไปได้ไกลกว่านี้แน่นอนถ้าไม่ติดที่ปัญหาการบรรยายและการใช้คำ ขอเกริ่นนำว่าทุกอย่างข้างต้นตั้งแต่ชื่อเรื่องร่ายลงมาจนถึงตัวละคร ไม่มีเรื่องไหนที่เราจะหนักใจเท่าเองนี้ค่ะ มันไม่ได้แย่มากแต่บางครั้งการเรียบเรียงของคุณยังคงติดประเด็นปัญหาอยู่ เพราะมีส่วนทำให้ผู้อ่านอารมณ์สะดุดหรือไม่มีอารมณ์ร่วมตาม ก็จะแยกให้เห็นเป็นเรื่องๆไปนะคะ การเรียบเรียงประโยค เช่น “ ...แต่ข้าว่าเจ้าอย่าหลงระเริงกับแผนของเจ้ามากนักหรอกนะ ” ไม่รู้ว่านี่เป็นคำพูดเตือนหรือเป็นเชิงคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ถ้าเป็นเตือนจะได้ว่า “แต่ข้าว่าเจ้าอย่าหลงระเริงกับแผนของเจ้ามากนักจะดีกว่านะ ” แต่ถ้าคำถามก็จะได้ว่า “ เจ้าคงไม่ได้หลงระเริงไปกับแผนของเจ้ามากนักหรอกนะ ” หรืออีกตัวอย่างนึงที่เราเจอค่ะ “ แล้วเทียร์ สควอโร่ ยูริค พวกนั้นไม่ปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้ ” เข้าใจความหมายนะคะ แต่มันกำกวมว่าสรุปแล้วนี่เป็นประโยคบอกเล่าหรือคำถามกันแน่ ถ้าจะเป็นบอกเล่าก็จะได้ทำนองว่า “ เทียร์ สควอโร่ ยูริค พวกนั้นต้องไม่ปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้สิ ” หรือถ้าคำถามก็จะประมาณว่า “ แล้วเทียร์ สควอโร่ ยูริค ทำไมพวกนั้นปล่อยให้ฉันติดแหงกอย่างนี้ ” เรื่องนี้มีให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆค่ะ ยังไงก็ลองอ่านทวนๆดูนะคะ การลากเสียงยาว อย่างเช่น อ๊ากกกกกกก เป็นต้น คือเข้าใจว่ามันร้องยาวมาก แต่ขอให้รักษาจำนวนตัว ก ให้มีมากไม่เกินห้าถึงหกตัวนะคะ ละสำหับบางคำอย่าง ฉึกกก คำนี้มันควรจะเป็น ฉึก สั้นๆมากกว่าค่ะ การใช้คำซ้ำหลายๆครั้ง เช่น “ เลดาสได้หลบหนีไปได้ ” มีผลให้ประโยคสละสลวยน้อยลงเพราะใช้คำเปลืองค่ะ อย่างประโยคนี้แค่ตัดคำว่า ได้ ตัวใดตัวนึงทิ้งไปก็ไม่ได้ความที่แตกต่างเลยล่ะค่ะ เรื่องนี้ก็มห้ลองอ่านตรวจทานดูนะคะ อ่านแล้วงง เช่น “ ห้องอดีตผู้อำนวยการ ในวันรุ่งขึ้นมันพร้อมที่จะโดนย้ายออก ” คือการย้ายห้องออกมันทำได้ยังไงเราไม่ค่อยจะเข้าใจ มันตอกเสาตอกหินตอกทุกอย่างให้ยึนยู่กับที่ คือถ้าจะย้ายสู้ทุบทิ้งหรือเปลี่ยนไปใช้ทำอย่างอื่นยังง่ายและประหยัดกว่าด้วยค่ะ พิมพ์ตก เช่น “ โรงละครกลายเป็นซาก ไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากคาวโลหิต ” มันต้องเป็น กลิ่นคาวโลหิต นะคะ เพราะคาวคือกลิ่นเหม็น สำหรับด้านนี้มีให้เห็นไม่น้อยนะคะ การใช้คำผิด จะมีทั้งแบบพิมพ์เร็วจนลืมเช็คและเพราะความเข้าใจค่ะ ที่พิมพ์เร็วนั้น เช่น “ ...คงจะสาสมใจจักรพรรดิใจโฉแดแล้วล่ะสินะ ” ก็จะเป็นการที่ตัวอักษรตัวอื่นๆแทรกเข้ามาค่ะ , “ ฮ่ะๆ สควอโณ่ ” อันนี้คงกด shift ค้างเลยพิมพ์ผิด , คำที่เคยเห็นว่าพิมพ์ถูกผิดสลับไปมาๆ เช่น ละเลิง และ ระเริง ซึ่ง ระเริง คือคำที่ถูกต้อง พิมพ์ผิดเพราะไม่รู้ เช่น “ นักเรียนจอมเวทย์ ” นี่คือคำผิดยอดฮิตของแทบทุกคนค่ะ เวทย์ หมายความว่า ควรจะรู้หรือควรระลึก มันต้องใช้คำว่า เวท ที่แปลว่า พลังศักดิ์สิทธิ นะคะ , องค์รักษ์ ต้องเป็น องครักษ์ , เกรียติ ต้องเป็น เกียรติ , อสูรกาย ต้องเป็น อสุรกาย , ค้อน ต้องเป็น ค้อน , พล่า ต้องเป็น พร่า , สึกหล่อ ต้องเป็น สึกหรอ , ทยาน ต้องเป็น ทะยาน , อำนาท ต้องเป็น อำนาจ , ลูกโปร่ง ต้องเป็น ลูกโป่ง , ระเบียด ต้องเป็น กระเบียด , ประทะ ต้องเป็น ปะทะ , ร้อนลน ต้องเป็น ร้อนรน , คองสติ ต้องเป็น ครองสติ ฯลฯ แนะนำเหมือนเดิมว่าให้อ่านทบทวนเรื่อยๆ การใช้คำนาม อันนี้นี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆค่ะ คืออันนี้จำไม่ได้แล้วว่ามันอยู่ตรงไหนแต่มันจะเป็นประโยคทำนองว่าอาวุธมีความคิดมีจิตใจที่จะตามใจตนเองน่ะค่ะ ซึ่งที่จริงแล้วคนใช้ของพวกมันต่างหากที่จะใช้อาวุธได้ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะที่เราไม่ได้จดบันทึกเอาไว้ ก็เรื่องการบรรยายหลักๆก็มีเท่านี้ วิธีการแก้นั้นก็เหมือนกันหมดคือให้อ่านทวนตรวจทานดู แต่เป็นไปได้อยากให้พิมพ์ออกมาแล้วอ่านเอาค่ะเดี๋ยวตาหล้าแถมทำให้สายตาเสียด้วย และที่สำคัญที่สุดสำหรับการบรรยายคือการใช้ภาษาอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาวรรณศิลป์มากเกินไปแต่ขอแค่มีความพอดีและสละสลวยก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ :)   อ่านน้อยลง

    elda chan | 20 ม.ค. 56

    • 4

    • 0

    "วิจารณ์นิยาย Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้บุรุษ"

    (แจ้งลบ)

    นิยายขนาด 27 ตอนจบ ของ WOMI-MASTER ซึ่งเป็นภาคต่อจากสองภาคแรก ผู้วิจารณ์ไม่ได้อ่านสองภาคแรก และผู้เขียนได้แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ และในภาคที่สามมีความยาวมาก ผู้วิจารณ์ใช้เวลาในการอ่านนานพอสมควรจึงไม่ได้กลับไปอ่านสองภาคแรก ชื่อเรื่องภาษาไทยที่แปลจากชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ คำแปลที่ถูกต้องควรจะแปลว่า “มหาสงครามไร้วีรบุรุษ” มากกว่า นิย ... อ่านเพิ่มเติม

    นิยายขนาด 27 ตอนจบ ของ WOMI-MASTER ซึ่งเป็นภาคต่อจากสองภาคแรก ผู้วิจารณ์ไม่ได้อ่านสองภาคแรก และผู้เขียนได้แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ และในภาคที่สามมีความยาวมาก ผู้วิจารณ์ใช้เวลาในการอ่านนานพอสมควรจึงไม่ได้กลับไปอ่านสองภาคแรก ชื่อเรื่องภาษาไทยที่แปลจากชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ คำแปลที่ถูกต้องควรจะแปลว่า “มหาสงครามไร้วีรบุรุษ” มากกว่า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักความเสียสละของวูฟล์ แคนแนลที่มีต่อมาเรีย ทรานซิสเตอร์หญิงอันเป็นที่รัก และความสัมพันธ์ของบรรดาเหล่าเพื่อนไพรเวเทียร์ (โจรสลัด) อินวินซิเบิล เรื่องดำเนินต่อจากภาคที่แล้วหลังจากที่วูล์ฟและเพื่อนๆ ต่อสู้กับเลดาสจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงดินแดนทั้งสาม คือ เวียน (สวรรค์) นีลแฮม (ดินแดนปีศาจ) และการูด้า (ดินแดนที่เป็นฉากสำคัญของเรื่องนี้) และยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับความสัมพันธ์ของกลุ่มไพรเวเทียร์อินวินซิเบิลโดยมีเพียงวูลฟ์ ยูริคและเทียร์ที่รู้ความจริงเกี่ยวเรื่องราวทั้งหมดว่าจะมีจุดจบอย่างไร ในภาคนี้ วูล์ฟยังคงเป็นกัปตันเรืออินวินซิเบิลได้กลับมาพบคนรักเก่าคือมาเรีย และเหล่าบรรดาไพรเวเทียร์กลุ่มอินวิซิเบิลที่ได้แยกย้ายไปดำเนินชีวิตของตน โดยที่เทียร์ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีแห่งนคร กราเดียร์ (อยู่ในดินแดนการูด้า) หลังจากที่พระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ ยูริค สโควโร่และแอนนี่ได้มาเป็นองครักษ์ของจักรพรรดินีแห่งกราเดีย มาเรียเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนโดมินิค นาเดียร์พี่สาวของมาเรียเป็นทหารแห่งเวิร์ดจัสติส (กองกำลังแห่งดินแดนเวียน) แอลรี่จอมดาบเป็นผู้ที่จะสืบทอดดินแดนปีศาจต่อจากบิดา(ดินแดนนีลแฮม) เรนมาเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลและเรียนวิชาแพทย์ไปพร้อมกัน รูฟปี้กุ๊กสาวแห่งอินวิซิเบิลได้มาเป็นแม่ครัวในร้านอาหาร ในภาคนี้เพิ่มตัวละครที่สำคัญคือโวมิ จอมดาบผีมือดีที่เป็นองครักษ์จักพรรดินีแห่งกราเดีย และ กีมอร์สชายหนุ่มผู้เพรียบพร้อมคนรักใหม่ของมาเรีย ในช่วงต้นของเรื่องเป็นการดำเนินเรื่องราวของอดีตสมาชิกไพรเวเทียอินวินซิเบิลที่ดำเนินชีวิตเป็นปกติในทางเดินชีวิตใหม่ของแต่ละคน แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้อดีตสมาชิกอินวินซิเบิลต้องกลับมารวมตัวกันเพื่อปกป้องกราเดียร์และจักรพรรดินี (เทียร์) วูล์ฟต้องกลับมาปกป้องมาเรียและสหายแห่งอินวิซิเบิล เนื่องจากคิดว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการตัดสินใจของตน และยังมีการกล่าวถึงความลับที่วูล์ฟปิดบังไว้ทั้งการสลายกลุ่มอินวิซิเบิลและการต้องเลิกกับมาเรีย ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวพันกับเลดาสจอมปีศาจและลูกน้องสองคนคือวีดาสและอันซึที่จะมาเป็นผู้สร้างเรื่องเลวร้ายและหายนะต่างๆ ให้เกิดขึ้น วูล์ฟและอดีตสมาชิกอินวิซิเบิลจะสามารถปกป้องแก้ไขเรื่องร้ายต่างๆ ได้หรือไม่จึงต้องลองติดตามอ่านกัน แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นภาคต่อมาจากสองภาคแรกและตัวละครหลักยังคงเป็นกลุ่มเดิมจากภาคที่แล้ว แต่ผู้เขียนได้ให้รายละเอียดจนสามารถที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งสองภาคได้ ผู้วิจารณ์คิดว่าการที่ไม่ได้อ่านสองภาคแรกอาจจะสนุกกว่าเพราะว่าไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนจบภาคที่สอง ในการยุบกลุ่มอินวิซิเบิลและการที่มาเรียเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีวันเหมือนเดิม ผู้เขียนดำเนินเรื่องโดยเน้นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอินวิซิเบิลกับเลดาสที่เป็นไปอย่างดุเดือดเกือบตลอดทั้งเรื่อง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่โครงเรื่องหลักแต่โครงเรื่องหลักเป็นเรื่องความสัมพันธ์และปมปัญหาความรักที่มีความซับซ้อนหว่างกัปตันวูล์ฟ แคนแนลและมาเรีย ทรานซิสเตอร์และความสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มอินวิซิเบิ้ล โดยที่เลดาสจอมปีศาจเป็นผู้สร้างแผนการร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้น และกัปตันวูล์ฟเป็นผู้เก็บงำความลับ รวมถึงการค้นหาความจริงและแก้ไขเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นจากเลดาส โดยที่วูล์ฟเป็นผู้เสียสละที่จะแบกรับความเจ็บปวดและรับผิดชอบเรื่องเลวร้ายทั้งหมดด้วยชีวิตของวูล์ฟเอง โดยที่มีโครงเรื่องรองที่ผู้เขียนใช้ในการสนับสนุนโครงเรื่องหลักคือ เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตบนดินแดนเวียนระหว่างอีวานกับซิลีนเซีย (ซึ่งทั้งสองมาพบกันในปัจจุบันอีกครั้งเป็นวูล์ฟกับมาเรียนั้นเอง) แต่ความรักของคนทั้งสองถูกกีดกันและจบลงด้วยโศกนาฏกรรมและทิ้งปมปัญหาไว้ ซึ่งคือ “เรโน่” ลูกชายของ อีวานและซิลีนเซียที่จะกลายมาเป็นจอมปีศาจเลดาสในอนาคต และอีกเรื่องคือ เรื่องที่กล่าวถึงความรักสามเศร้าของแฟนริลจักรพรริแห่งนีลแฮม (ดินแดนปีศาจ) มิทธาและดาซิส แฟนริลผู้เป็นพ่อของดาซิสและมิธาที่มีความรักให้แก่กัน แต่ดาซิสหลงรักมิทธาเช่นเดียวกัน ดาซิสจึงเกิดความแค้นแฟนริลและแก้แค้นผู้เป็นบิดาตนเองจนเกิดความวุ่นวายจนในดินแดนนีลแฮม ในที่สุดแฟนริลต้องฆ่าลูกชายด้วยมือของตนเองจึงสามารถที่จะยุติปัญหาได้ และตัวเขาเองก็ถูกสังหารในสงครามระหว่างดินแดนเวียนและนีลแฮมในสงครามแร็กนาร็อก ในเรื่องนี้ผู้เขียนกลับไม่ได้เน้นให้ความสำคัญกับโครงเรื่องหลักในการดำเนินเรื่อง แต่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ระหว่างกลุ่มไพรเวเทียร์อินวิซิเบิลกับเลดาสซึ่งเป็นโครงเรื่องรอง โดยไม่ได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างโครงเรื่องหลักกับโครงเรื่องรองเข้าไว้ด้วยกัน ผู้วิจารณ์ขอยอมรับว่ากว่าที่จะเข้าใจว่าโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองคืออะไรและมีความสัมพันธ์กันอย่างไรก็เมื่อต้องอ่านจนจบเรื่องและมาเขียนวิจารณ์นิยายเรื่องนี้ เพราะต้องเชื่อมโยงโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองทั้งหมดเข้าด้วยกันตามความเข้าใจจากการอ่านของผู้วิจารณ์เอง การที่ผู้เขียนไม่ได้เชื่อมโยงโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองเข้าด้วยกันทำให้การดำเนินเรื่องเป็นไปโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย เมื่ออ่านถึงโครงเรื่องรองทั้งสองที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากโครงเรื่องรองทั้งสองน่าจะสนับสนุนให้นิยายเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากปมปัญหาความรักของวูล์ฟและมาเรียที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตและส่งผลมาถึงปัจจุบัน โครงเรื่องที่ดูจะชัดเจนที่สุดคือการสร้างปมในเรื่องความทรงจำของวูล์ฟและมาเรียในวัยเด็กที่ประสบเหตุการณ์เลวร้ายและเป็นความทรงจำที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตจนกระทั่งเธอโตขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดในตอนท้ายเรื่องที่วูล์ฟกลายร่างเป็นจอมปีศาจหมาป่าเพื่อช่วยมาเรียจากอันตราย สิ่งที่มาเรียเห็นในตอนเด็กคือวูล์ฟในร่างปีศาจหมาป่าที่ช่วยชีวิตมาเรียผู้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอ ส่วนโครงเรื่องอื่นๆ ผู้เขียนไม่ได้เชื่อยมโยงความสัมพันธ์ว่าต้องการที่จะสื่อสารสิ่งใดไปยังผู้อ่าน นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่ออ่านจบแล้วยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปมปัญหาที่ผู้เขียนได้สร้างขึ้นและยังไม่มีการคลี่คลายปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการที่เลดาสเป็นศัรตรูกับวูล์ฟนั้นมีเหตุมาจากสิ่งใด เกี่ยวข้องกับโครงเรื่องรองในอดีตทั้งสองเรื่องอย่างไร และชะตากรรมของกัปตันวูล์ฟกับมาเรียซึ่งจบลงเหมือนกับเหตุการณ์ระหว่างอีวานและซิลีนเซียในดินแดนเวียนมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ผู้เขียนใช้เวลาในการดำเนินเรื่องในช่วงต้นที่เป็นการเกริ่นนำตัวละครหลักคือกลุ่มอินวิซเบิ้ลที่มีมากถึงประมาณ 1/3 ของเรื่อง โดยการดำเนินเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างที่จะช้าและไม่มีประเด็นที่น่าสนใจ และการเขียนฉากการต่อสู้หลายตอนซึ่งเป็นฉากต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ไม่มีเหตุผลในการต่อสู้ที่เพียงพอ และมีฉากต่อสู้หลายฉากที่ผู้เขียนไม่เขียนจนจบ โดยเขียนถึงกลุ่มอินวิซิเบิ้ลต่อสู้กับสมุนเลดาสและกลุ่มอินวิซิเบิ้ลพลาดท่าจะพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายเลดาส ผู้เขียนจะจบตอนแล้วขึ้นตอนใหม่ โดยเริ่มต้นว่ากลุ่มอินวิซิเบิลสามารถรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ในสภาพสะบักสะบอม แต่ไม่ให้รายละเอียดว่ากลุ่มอินวิซิเบิ้ลรอดมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีข้อบกพร่องในประเด็นความไม่สมจริงไม่เป็นเหตุเป็นผลด้ว เช่น ความสัมพันธ์ของตัวละครใหม่คือ โวมิ กับตัวละครเดิม คือ วูล์ฟ ยูริค และสโควโร่ โวมิไม่ได้เป็นอดีตสมาชิกกลุ่มอินวิซิเบิลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ผู้เขียนกลับให้โวมิกับวูล์ฟ ยูริค และสโควโร่มีความสนิทสนมและมีความไว้วางใจกันเป็นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่ได้ปูพื้นให้เห็นว่าเหตุใดที่จะทำให้ตัวละครเหล่านี้จึงสนิทและให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ หรือการที่จักรพรรดินีเทียร์ให้วูล์ฟ ยูริค และสโควโร่ เดินทางไปยังเนเกร่า โดยที่ไม่มีเหตุผลว่าไปทำภารกิจใด รวมถึงการที่วูล์ฟ ยูริค สโควโร่ และโวมิเดินทางไปยังฟิกาโน่ลูส โดยมีเหตุผลเพียงโวมิชวนให้ใช้เรือ “แม็กแกรน” ซึ่งปกติเป็นเรือเหาะ แต่ให้ใช้เป็นการเดินทางแบบเรือสมุทรแทนเพื่อเดินทางไป การเดินทางไปฟิกาโน่ลูสครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มอินวิซิเบิ้ลอย่างใหญ่หลวง แต่สาเหตุของการเดินทางไปนั้นกลับไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าที่ควรนัก หรือการที่วูล์ฟวางแผนหลอกเลดาสว่าตนเองได้ตายไปแล้วจากการต่อสู้กับสมุนของเลดาส แต่กลับเฉลยว่าตัวเองยังไม่ตายอย่างง่ายดายซึ่งทำให้แผนที่วางมาทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์ หรือเหตุการณ์หลังจากที่มีการต่อสู้กับวีดาสอย่างดุเดือดและฝ่ายอินวิซิเบิลพลาดจนทำให้ วูลฟ์ ยูริค สโควโร่ เทียร์ หายตัวไป แต่มาเรียซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกลับจัดงานแต่งงานทั้งๆ ที่เพิ่งจะเกิดเหตุการร้ายขึ้น และเรนซึ่งรู้เรื่องการหายตัวไปของสามีตนเอง (ยูริค) และเพื่อนๆ และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่กลับแสดงท่าทีทำให้ศัตรูไม่ไว้วางใจ ซึ่งความไม่สมเหตุสมผลทำให้ศัตรูคอยจับผิดตนเอง ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้อ่านไม่เชื่อในเรื่องที่ผู้เขียนสร้างขึ้นมา ตัวละครนั้น ผู้เขียนเน้นความสำคัญของตัวละครในส่วนของกลุ่มอินวิซิเบิ้ล แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับเลดาสซึ่งเป็นตัวละครที่มีความสำคัญเป็นตัวแปรที่จะทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด ผู้เขียนไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเลดาส (ซึ่งผู้วิจารณ์ไม่แน่ใจว่ามีกล่าวถึงในภาคก่อนหน้านี้หรือไม่) ความเป็นมาของเลดาส ทั้งประเด็นที่เลดาสน่าจะเป็นเรโน่ลูกชายของอีวานและซิลีนเซีย การที่เลดาสจ้องทำลายกำจัดวูฟล์ฟนั้นมีสาเหตุมาจากสิ่งใด และที่สำคัญผู้เขียนให้เลดาสเป็นจอมปีศาจแต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่แสดงให้เห็นว่าเลดาสมีอำนาจ พลัง ความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม แม้แต่ตอนท้ายเรื่องการต่อสู้ระหว่างเลดาสกับวูล์ฟในตอนท้ายเรื่องเลดาสก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ผู้เขียนยังมีความผิดพลาดในการในการบรรยายตัวละคร โดยเฉพาะเรนที่มีอาชีพเป็นพยาบาล ผู้เขียนมักจะเขียนสลับว่าเป็นแพทย์ ในการเขียนบทบรรยายนั้น ผู้เขียนมักจะใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนในบทบรรยาย และทำให้เกิดความแตกต่างของระดับภาษา นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการใช้คำที่ไม่ตรงกับความหมาย เช่น “กัมปนาท” แปลว่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ผู้เขียนใช้คำนี้ในความหมายที่แปลว่ายิ่งใหญ่ในหลายที่ คำว่า “วารี” ซึ่งแปลว่า “น้ำ” ไม่ใช่ “แม่น้ำ” คำว่า “อรุณ” แปลว่า เวลาใกล้ที่พระอาทิตย์ขึ้น หรือ เวลาเช้า ผู้เขียนใช้ในความหมายว่าดวงอาทิตย์หรือแสงอาทิตย์ คำว่า “อเวจี” หมายถึงขุมหนึ่งของนรกที่ชื่อว่าอเวจี ไม่ได้หมายความถึงนรกตามที่ผู้เขียนสื่อความหมาย คำว่า “แวบตัว” ซึ่งควรจะใช้คำว่า “หายตัว” มากกว่า ผู้วิจารณ์อยากให้ผู้เขียนศึกษาความหมายในพจนานุกรม เพื่อที่จะใช้คำที่สื่อความหมายที่เป็นที่รับรู้กันทั่วไปและทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายที่ผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง สำหรับคำผิดนั้น ในช่วงต้นผู้เขียนมักจะพิมพ์สระ อู เป็นสระ อุ ส่วนคำผิดที่พบ (ตัวแรกเป็นคำที่เขียนผิด ตัวหลังเป็นคำที่แก้ถูก) ตนก-ตระหนก ไลล่า-ไล่ล่า เขลอะ-เขรอะ องค์รักษ์-องครักษ์ เปลี่ยม-เปี่ยม ปะดาบ-ประดาบ ประสพความสำเร็จ-ประสบความสำเร็จ ลาลา-ร่ำลา กระดี๋กระด๋า-กระดี้กระด้า เล่ล่อน-เร่ร่อน ถานะ-ฐานะ โยงรยางค์-ระโยงระยาง รูปกระทำนามกระทำ-รูปธรรมนามธรรม ปลิปาก-ปริปาก บาดแผลที่ชีช้ำ-บาดแผลที่ชอกช้ำ ร่มลื่น-ร่มรื่น สาระแหง-หัวระแหง เสียงดังซอกแซก-เสียงดังแซงแซ่ ยังมีคำผิดอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ยกมาเนื่องจากเป็นคำผิดที่เกิดจากการพิมพ์ผิด ผู้เขียนควรตรวจทานอีกครั้ง โดยภาพรวมของนิยายเรื่อง Graruda III The Immaterial Hero มหาสงครามไร้บุรุษ ยังต้อมีการปรับแก้เป็นอย่างมาก การที่ผู้เขียนจะเขียนเป็นนิยายขนาดยาว 27 บท และแต่ละบทมีสองตอนซึ่งมีความยาวมาก จึงต้องระวังในการเชื่อมต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันให้มีความชัดเจนมีความเป็นเหตุเป็นผลเป็นที่น่าสนใจ การเขียนที่เลือกใช้คำที่มีความหมายที่ถูกต้อง การรักษาระดับภาษาให้มีความกลมกลืน ทั้งนี้เพื่อที่จะสื่อความหมายในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านรับรู้ในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการได้ ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนยังไม่ได้สื่อออกมาที่ชัดเจน   อ่านน้อยลง

    bluewhale | 5 ม.ค. 56

    • 6

    • 1

    ดูทั้งหมด

    ความคิดเห็น