ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัดใจคุณ...อย่างเป็นทางการ : Officially be Yours

    ลำดับตอนที่ #14 : 5 แผนมัดใจ 1/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.61K
      4
      27 มี.ค. 67

    เช้าวันนี้สำหรับทรายรุ้งยังสดใสต่อเนื่องจากเมื่อคืน ธรณ์ไม่พูดอะไรมากนักแต่อ่อนลงมากแล้ว เขาอาบน้ำให้ลูกและกินมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างเช่นทุกวัน คุยงานเรื่องฟาร์มกับธารณ์อยู่เกือบสิบนาที ก่อนออกจากบ้านไปยังโรงพยาบาลสัตว์ บ้านเรือนหอจึงเหลือเพียงธารณ์ซึ่งหอบงานมานั่งทำที่นี่แทนการนั่งในสำนักงานฟาร์มอย่างเคย ธีรดาซึ่งชวนเปรี้ยวหวานเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพื่อรื้อของฝากออกมาชื่นชม และทรายรุ้งที่ได้โอกาสหยิบวรรณกรรมแปลที่อ่านค้างไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

    เปรี้ยวหวานติดคุณอาราวกับปาท่องโก๋ ทรายรุ้งจึงไม่ได้ไปฟาร์มหมูอย่างเช่นทุกวัน มื้อเที่ยงวันนี้สนุกกว่าเคยเมื่อธารณ์อาสาเป็นแม่ครัวใหญ่โดยมีธีรดาเป็นลูกมือและมียายตัวเล็กคอยอาสาหยิบโน่นหยิบนี่ให้ ซึ่งดูๆ แล้วคล้ายจะทำให้ระยะเวลาการปรุงอาหารยืดยาวออกไปมากกว่า กระนั้นสองคุณอาก็เต็มใจแม้ว่าจะต้องกินข้าวเที่ยงเกือบบ่ายโมงก็ตาม หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน กินฝีมือตัวเองจนอิ่มและนั่งดูหนังสือภาพประกอบได้ไม่นานเปรี้ยวหวานก็ค่อยๆ เอนตัวลง ก่อนหลับบนตักธีรดาในที่สุด

    “ทับทิมเป็นอาที่ไม่เอาไหนเหมือนกันนะคะ ถ้าพี่แซนไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเปรี้ยวหวานยังไม่เข้าโรงเรียน พี่ธรณ์ก็นะ ปิดเงียบเชียว ทับทิมนึกว่ายายตัวกลมเข้าอนุบาลแล้วเสียอีกค่ะ” ธีรดาเปรยพลางกระถดตัวออกแล้วนำหมอนอิงมาให้หลานสาวหนุนแทนการนอนบนตักเธอ ไม่อย่างนั้นจะเมื่อยกันทั้งอาทั้งหลาน

    “ทั้งพี่ธรณ์ทั้งพี่ไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องนี้ โรงเรียนของเปรี้ยวหวานคือฟาร์มหมูกับฟาร์มนกกระจอกเทศ ทุกๆ วันคือการเรียนรู้ มีคุณครูหลายคนเสียด้วยสิ แต่อีกหน่อยเปรี้ยวหวานก็จะเข้าเรียนแล้ว โรงเรียนแถวนี้แหละจ้ะ ไม่ได้ไปไหนไกล”

    “ชีวิตสโลว์ไลฟ์ดีสุดๆ ไปเลยค่ะ บอกตรงๆ นะคะ เวลาคุยโทรศัพท์กันแล้วเปรี้ยวหวานนับเลข ท่องกอไก่ หรือท่องเอถึงแซดให้ฟัง ทับทิมยังคิดว่าเข้าเรียนแล้วด้วยซ้ำ”

    พอมีคนชื่นชมลูกทรายรุ้งอดภูมิใจไม่ได้ เปรี้ยวหวานเป็นเด็กอยากรู้ในทุกๆ สิ่งที่พบเจอ และพี่ธรณ์กับเธอก็ชอบที่จะสอน ยังจำช่วงที่เขาเริ่มสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ลูกได้ พี่ธรณ์ใช้ทุกอย่างในบ้านเป็นอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน เขาชี้ให้ลูกดูและเรียกเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นในวัยสี่ขวบแม้เปรี้ยวหวานยังอ่านเขียนคำศัพท์ไม่ได้ แต่รู้จักข้าวของแทบทุกชิ้นในบ้าน รวมถึงธรรมชาติต่างๆ รอบตัว ความรู้ไม่ได้มีแค่เรื่องวิชาการในห้องเรียน เพราะหากสอนให้เก่งแต่ในตำรา ลูกโตมาอาจเปราะบางหากเจอความจริงจากโลกภายนอก

    “สังคมต่างจังหวัดไม่รีบเร่ง แล้วเด็กสมัยนี้ก็หัวไว”

    “ส่วนเด็กๆ ในกรุงเทพฯ สมัยนี้นะคะ พ่อแม่จองโรงเรียนกันตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง พออายุขวบสองขวบก็เข้าเรียนกันแล้ว ทับทิมล่ะเหนื่อยแทน”

    “เหนื่อยอะไร ทำอย่างกับมีลูกงั้นแหละ” ธารณ์ขัดขึ้น

    “โธ่ ! พี่ธารณ์ก็ จะมีลูกได้ยังไงล่ะคะ แฟนสักคนยังไม่มี”

    “ที่คอยส่งดอกไม้ ส่งของให้แทบทุกวัน เราก็ลองเลือกๆ ชี้ๆ มาสักคนสิ” ไม่ได้อยู่กับน้องทุกวันก็จริง แต่เธอมีสายสืบในบริษัทของพ่อที่คอยรายงานเสมอว่าน้องเป็นอย่างไรบ้างในแต่ละวัน ผลพลอยได้ก็คือรู้ด้วยว่าน้องสาวเนื้อหอมถึงขั้นลิฟต์ผู้บริหารไม่เคยแห้ง แต่ไม่ยักจะเห็นธีรดาตกลงปลงใจกับใครสักคน

    “หึ ไม่เอาหรอกค่ะ ปวดหัวตาย พี่ธารณ์นั่นแหละหาแฟนสักคนสิคะ พ่อจะได้มีหลานตา”

    “ใช่เรื่อง”

    สองพี่น้องมองตาก็รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่อยากสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง ตัวอย่างมีให้ศึกษา คุณธีระไม่เคยบกพร่องในความเป็นพ่อ แต่กับเรื่องความรักกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าในทุกครั้ง คนที่เข้ามาหากไม่จากเป็นก็จากตาย พวกเธอไม่อยากเสียเวลาในชีวิตให้กับความไม่เที่ยงของความรัก สู้เอาเวลาเหล่านั้นมาทำเรื่องมีประโยชน์อย่างการทำงานไม่ดีกว่าหรือ

    “ว่าแต่...” ธารณ์ขยับเข้าใกล้พี่สะใภ้แล้วเริ่มแซว “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ ธารณ์รู้นะว่าพี่ธรณ์นอนที่ห้อง”

    “ธารณ์ !” มากกว่าอายเรื่องที่ธารณ์แซวคือธีรดาก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย

    “ทับทิมรู้หมดแล้วค่ะพี่แซน พี่ธารณ์เล่าหมดเปลือก แต่อย่าว่าพี่ธารณ์เลยค่ะ ทับทิมดูออกว่าระหว่างพี่ธรณ์กับพี่แซนน่ะแปลกๆ”

    “พี่...”

    “เรื่องสัญญาแต่งงานนั่น พี่ธรณ์ยังไม่หายโกรธหรือคะ” เดิมทีสัญญาระหว่างคุณย่ากับทรายรุ้งมีอีกแค่สองคนที่รู้คือธารณ์กับเธอ แต่อยู่ๆ วันหนึ่งเมื่อธรณ์เจอมันเข้าโดยบังเอิญ พี่ชายเธอกลับเปลี่ยนไป ทุกคนเหมือนน้ำท่วมปากเพราะเหตุผลจริงๆ มีมากกว่านั้นมากมายนัก แต่จะให้พูดทั้งหมดได้อย่างไรในเมื่อเกี่ยวข้องกับทั้งคุณย่าและพ่อ พักหลังๆ ธรณ์ดูอ่อนลงมากจนเธอคิดว่าเขาลืมเรื่องพวกนี้และตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตคู่กับทรายรุ้งใหม่อีกครั้ง สุดท้ายแล้วเพิ่งรู้เมื่อคืนนี้นี่เองว่าเธอมองผิดไป

    “พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ธรณ์โกรธหรือเปล่า เขาดูแลพี่กับลูกดีมาก เพียงแต่...”

    “เพียงแต่ไม่กลับมานอนบ้านอย่างเคย และก็ทำตัวห่างๆ พี่แซนใช่ไหมคะ” ธีรดาต่อให้ “ถ้าทับทิมรู้ตั้งแต่แรก จะไม่ปล่อยให้คาราคาซังมาถึงวันนี้หรอก พี่ธารณ์ก็ยังไง รู้แต่ไม่ปริปากพูด”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×