คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
“ชะตากรรม...ชะตากรรม....”
เสียงของเด็กหนุ่มตัวน้อยกำลังทวนคำซ้ำ มือพลางเปิดหนังสือไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีจุดหมาย ก่อนจะหาวเป็นครั้งคราว ก่อนจะปิดหนังสือเล่มที่อยู่ในมือ เปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่นๆที่กองอยู่กับพื้นเป็นสิบๆเล่ม
“ง่า...เล่มนี้ก็ไม่มี” เด็กหนุ่มเกาหัวดังแกร่กๆ ดูเบื่อหน่ายเมื่อหาข้อมูลเรื่องที่ต้องการไม่เจอ แต่ก็ไม่ย่อท้อที่จะหาต่อไป “น่าจะมีสักเล่มนึงล่ะน้า...”
แอด...
เสียงประตูเปิดออก แต่เด็กหนุ่มก็ไม่เฉลียวใจจะหันมอง เหมือนว่าเขารู้ว่าใครมาเยือน เขาปิดเล่มในมืออีกเล่มหนึ่ง ก่อนจะโยนมันไปกองในหนังสือที่อ่านแล้ว ตอนนี้เขาทั้งเหนื่อย ปวดตา จึงได้นอนแผ่หลาพักผ่อนซักพัก
“ไง หลานปู่ มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ”
เสียงชายชราคนหนึ่งในชุดสีขาวสะอาดเอ่ยขึ้นมา เรียกความสนใจเด็กหนุ่มหน้ามนที่เริ่มกลิ้งเกลือกกับพื้น ชายชรายิ้มโต้ตอบ ซึ่งรอยยิ้มนั้นเหมือนจะหยุดทุกสิ่งไว้ได้เลย เด็กหนุ่มเงยหน้ามองไปที่คู่สนทนา เหมือนความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นยิ้มอันแสนอบอุ่นนั้น
“โอ้...เดี๋ยวนี้หลานปู่ขยันอ่านกับเขาแล้วหรอเนี้ย”ผู้เป็นปู่กล่าวกับหลานเมื่อเห็นหนังสือที่กองอยู่กับพื้น แต่ในความคิดของเขาคิดว่าเด็กมารื้อเล่นมากกว่า
“เปล่าหรอกน่ะ ท่านปู่ ”เด็กหนุ่มค้านเสียงดัง ทำหน้าตาบูดบึ้งแบบเด็กๆที่ดูน่ารักไปอีกแบบ “ผมอ่านทุกวันหรอกน่ะ”
“แล้วหลานกำลังอ่านอะไรกันหรือ?”
“ไม่มีอะไรหรอกท่านปู่ โอ๊ะ...ท่านปู่มาก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะถามนิดหน่อยน่ะครับ”เด็กเปลี่ยนท่านอนเป็นท่านั่ง นำหนังสือที่อ่านวางไว้บนตัก
“ถ้าเป็นปัญหาที่ปู่สามรถตอบได้น่ะ”ปู่ถามไถ่ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้สีขาวที่ถูกวางไว้หลังห้องที่มีสีขาว เพื่อที่นุ่มดุจปุยเมฆ ผนวกกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างวงกลม มีตู้หนังสือที่ตั้งไว้ติดกับกำแพงหลายตู้ แม้จะอยู่ในห้อง ก็รู้สึกถึงลมที่โชยเข้ามาได้ “มีอะไรล่ะหลานปู่”
“ชะตากรรม...ท่านปู่ ใครเป็นคนกำหนดชะตากรรมเหรอครับท่านปู่ ?” เด็กหนุ่มเริ่มถามด้วยคำถามที่เกินเด็กจะหยั่งรู้ ทำให้ผู้เป็นปู่เลิกคิ้วกว้างอย่างน่าสนใจ
“ทำไมจึงถามเช่นนั้นละ ?”ท่านผู้เฒ่าถามกลับด้วยความแปลกใจที่มีต่อเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ก็ทุกสิ่งล้วนมีจุดจบไม่ใช่หรอครับ แล้วใครจะกำหนดให้มันถึงจุดจบละครับ?” ดวงตาสีเขียวใสประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นเบิกกว้าง ทำให้ผู้เฒ่าอดหัวเราะไม่ได้ที่เด็กคนนี้จะชอบถามคำถามแปลกอยู่หลายครั้ง
“มิอาจยั่งรู้ถึงท่านผู้นั้นหรอก จีเร" ชายชราตอบคู่สนทนาตัวจ้อยนามว่า ‘จีเร’ "บางทีอาจจะไม่มีใครมากำหนดชะตาชีวิตก็ได้น่ะ”
“งั้นชะตาชีวิตทำไมบางคนถึงยากลำบาก บางคนถึงอยู่อย่างสุขสบายละครับ” จีเร เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลถามต่อด้วยความไม่ถ่องแท้
“เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกเกิดได้หลานจะเลือกเกิดเป็นอะไรละ?” ท่านผู้เฒ่าตอบเด็กชายด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่พร้อมจะมอบให้ผู้สบตาแม้เพียงเสียววินาทีก็สามารถส่งมอบมันให้ได้
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เกิดเป็นมนุษย์เด็ดขาด” เด็กหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจ
“หืม...ทำไมละ ?” คู่สนทนาอาวุโสเลิกคิ้วขึ้น
“มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งทระนงในตัวเอง ทั้งที่เป็นพวกอ่อนแอกว่าพวกเรา กลับกระหายสงครามได้อย่างบ้าคลั่ง คงเป็นเพราะกิเลสมาล่อใจมั่งครับที่ทำให้ผมไม่เลือกที่จะเกิดเป็นแบบนั้น”เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าหนังสือเล่มหนึ่งที่ปนอยู่ในกองหนังสือหลายๆเล่ม ก่อนจะจับมันกางออก
“นี่ไงครับ...อำนาจเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ และทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าก็เป็นรองจากนั้น” เด็กหนุ่มชี้ถึงหัวข้อ ‘มนุษย์’ ให้ปู่ของเขาดู
“เจ้าช่างชาญฉลาดเสียจริงน่ะ จีเร” ท่านผู้เฒ่าหัวเราะ พลางลูบหัวของจีเรที่ยิ้มอย่างมีความสุข “แต่เราจะไปใช้ความคิดแบบนั้นกับมนุษย์ไม่ได้หรอกน่ะ”
“ทำไมหรอครับ ผมคำนึงอะไรผิดไปหรอครับท่านปู่” เด็กหนุ่มหน้ากลมเดินเข้าหาชายชราใกล้ๆ
“มนุษย์น่ะถึงจะมีพวกมนุษย์ที่หยิ่งทระนงมาก แต่พวกมนุษย์ที่ดีก็มีอยู่เยอะเหมือนกันน่ะ” ท่านผู้เฒ่ายิ้มให้เด็กหนุ่ม
“พวกมนุษย์ที่ดีหรอครับ” เด็กหนุ่มทวนคำด้วยความสงสัยของสิ่งที่ตนไม่รู้
“ใช่ พวกคนเหล่านั้น บ้างก็อุทิศตนเพื่อครอบครัวบ้าง เพื่อเพื่อนบ้าง เพื่อทุกสิ่งบ้าง มนุษย์เองก็ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมดหรอกน่ะ และมนุษย์ก็ไม่ได้กระหายสงครามหรืออ่อนแอไปซะทั้งหมดหรอก”
“แล้วผมจะรู้ได้ไงครับว่าพวกเขาไม่อ่อนแอ” จีเรกำลังนั่งรอฟังคำตอบจากผู้เฒ่าอย่างใจจดใจจ่อ
“อีกไม่นานเธอจะเข้าใจถึงมนุษย์น่ะ จีเร ”
“อีกไม่นานหรอครับ หมายความว่าไงหรอครับ” เด็กหนุ่มยังงุนงงกับคำตอบของท่านผู้เฒ่าที่นั่งเท้าคางบนที่วางแขน
“อีกไม่นาน ตามคำทำนายของบันทึกกีไรเลส สงครามจะอุบัติขึ้น และมันไม่ใช่สงครามธรรมดาหรอกน่ะ ถ้าหลานเคยอ่านในหนังสือ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 500 ปีก่อน” ท่านผู้เฒ่าตอบจีเร เด็กหนุ่มพยายามคิดแล้วคิดอีกจนนึกได้ว่า...เปิดหนังสืออ่านจะเข้าใจยิ่งกว่า
“มหาสงครามดาวพันดวง หรอครับ” จีเรจึงรีบไปคุ้ยกองหนังสือ หาหนังสือที่ต้องการอีกทีหนึ่ง จนทำให้ผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเพราะความใสซื่อของเด็กคนนี้ จีเรเจอหนังสือเล่มหนึ่งจึงรีบเปิดมัน โดยไม่ดูสารบัญเลย “อ้อ!!! มหาสงครามดาวพันดวงเคยเกิดขึ้นเมื่อ ”
“ใช่ ตามบันทึกกีไรเลสบอกตามนี้ จักรพรรดิ์แห่งความมืดจะกลับมาอีกครั้ง สงครามนี้จะทำให้ส่งผลร้ายแรงมากกว่าเมื่อ 500 ปีก่อน 1000 เท่าเลยละ” เด็กหนุ่มฟังดังนั้นถึงกับหน้าเหวอและตกใจเป็นพิเศษ
“งั้นใครจะเป็นคนหยุดมันละครับ” เด็กหนุ่มวางหนังสือลงหันไปซักถามผู้เป็นปู่
"เจ้าอาจไม่คาดคิดถึง ว่ามนุษย์จะต้องเป็นผู้ถูกเลือกหยุดสงครามนี้ ”
“ทำไมถึงต้องเป็นมนุษย์ละครับ ทำไมไม่เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่แข็งแกร่ง อย่างดาวอัลเดจีเนซัส ละครับ ที่นั้นเป็นเมืองที่พัฒนามากกว่ามนุษย์ตั้ง 100 เท่า และอีกอย่างมนุษย์ยังไม่รู้ถึงตัวตนของพวกเราเลยน่ะครับ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วดูไม่ค่อยเข้าใจในคำทำนายในบันทึกที่ปู้ของเขากล่าวออกมา เห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้น และเดินไปที่ประตูสีขาว จีเรจึงเดินตามไปติดๆ...
“เธอไม่ต้องวิตกหรอก มนุษย์มีพลังที่เหนือกว่าทุกสิ่งที่มีอยู่สูงสุด มนุษย์จึงได้ดวงตาแห่งสรรพสิ่งไปตั้ง 3 ดวงไงละ ดวงตาเหล่านี้มีพลังเหนือทุกสิ่งเลยน่ะ เจ้าเองก็รู้ ” จีเรได้ฟังดันนั้นถึงกับแปลกใจ ตอนนี้พวกเขาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีใบเหมือนปุยเมฆ ตั้งตระหง่านอยู่ไม่กี่ต้น พื้นที่นั้นเหมือนเป็นที่ราบที่ทำจากปุยเมฆ ท้องฟ้าที่โล่ง มองเห็นแต่ฟ้าสีคราม มองไปไกลๆก็จะเห็นภูเขาเมฆลูกคลื่นยักษ์ ดูเริงรมอย่างมาก ใบไม้ปุยเมฆร่วงโรยลงมาที่ละใบอย่างช้าๆ ลมที่พัดมาอ่อนๆ แสงแดดที่ไม่แผดเผาผิวมากเกินไป ไม่ต่างกับสวรรค์ในจินตนาการของพวกเราเลย
“มนุษย์ที่มีดวงตาแห่งเทพสิ่งเหมือนผมงั้นหรอครับ” เด็กหนุ่มถาม เมื่อนั้นก็นั่งลงบนหญ้าที่เหมือนปุยเมฆ รอบข้างช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามเสียจริง ท่านผู้เฒ่านั่งลงบนเก้าอี้ไม้โยกเยกตัวหนึ่ง มองต้นไม้ที่มีสีขาวขาวสวยงาม ที่มีแสงแดดเล็ดรอดมาเพียงน้อยนิด
“ใช่ อีก 10 ปี หลานจะได้รับหน้าที่ไปนำตัวมนุษย์เหล่านี้มา หลานจะได้เป็นถึง 1 ใน 10 ผู้หยุดสงครามด้วยน่ะ ” จีเรได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มที่มุมปาก
“มนุษย์จะเก่งสักแค่ไหนหนอ อยากเจอเร็วๆจัง ฮิ ฮิ” จีเรยิ้มอย่างมีความสุข “ท่านปู่ มนุษย์น่ะ มีผู้หญิงสวยๆไหมครับ”
“อ้าว เจ้าหลานคนนี้ ถามแปลกๆ ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ ฮ่ะ ฮ่ะ”ผู้เฒ่าหัวเราะชอบใจ จีเรเองก็เช่นกัน “ปู่เองก็เคยไปโลกมนุษย์มาแล้ว น่าเสียดายแค่เพียงแปบเดียวเท่านั้นเอง”
ผู้เฒ่าส่งยิ้มให้คู่สนทนาตัวจ้อยอย่างอบอุ่น ซึ่งสามารถปลดปล่อยความไม่สบายใจและความหมองมนของคนบางคนได้
“ใช่ เพียงแค่แปบเดียวเองเท่านั้น”ท่านปู่ของจีเรเงยหน้าขึ้นมองยอดต้นไม้ที่มาจากเมฆ แต่เด็กหนุ่มไม่รู้ถึงรอยยิ้มของชายแก่ได้เลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันกลายเป็น...รอยยิ้มที่เก็บความหลังที่แน่นแฟ้นเอาไว้
“จริงหรอครับ ปู่เล่าให้ฟังหน่อยสิ” จีเร ย้ายตัวมานั่งใกล้ๆผู้เฒ่า
“ได้สิหลานรัก...” และผู้เฒ่าก็เล่าเรื่องต่างๆนานาให้เด็กชายที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
แสงขาวสาดส่องไปทั่ว จนมองไม่เห็นอะไรกระนั้นทุกสิ่งก็ดับหายไป เวลาได้เริ่มต้นใหม่อกีครั้ง และได้ผ่านไป ดั่งสายลม เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กระนั้นจะบังก็บังไม่มิด และจะไม่มีใครสามารถหยุดหยั่งมันได้ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนมันในปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งไม่รู้เมื่อไห่จะมีผู้ทำได้เช่นนั้น พระเจ้า...เทพซักองค์...คงไม่สามารถระบุได้ ได้แต่ปล่อยให้มันล่วงเลยไป จนต้องเอ่ยว่า “เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ... ”
ผ่านไปรวดเร็วจริงๆ...
ผ่านไปรวดเร็วจริงๆ...
ผ่านไปรวดเร็วจริงๆ...
The
Finale
I
Begin Of Great Adventure
.
.
เมื่อประตูแห่งตำนานผู้กล้าดวงตาสวรรค์ได้ถูกเปิด
ความคิดเห็น