คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #338 : อย่าโดนหนุ่มอินเดียหลอกให้เปย์ & ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน
#ซุบซิบกับสะใภ้อินเดีย
ขอโพสต์จริงจังอีกสักวันนะคะ...มีประเด็นสำคัญ 2 เรื่องที่อีห่านอยากพูดถึง
1. เรื่องนี้ไม่ได้มีใครมาปรึกษาอีห่านหรอก แต่อีห่านไปเผือก เอ้ย...ไปอ่านเจอมาจากหลายๆที่ ว่า...มีสาวไทยหลายคนมักโดนหนุ่มอินเดียหลอกให้จ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินหรือค่ากินค่าอยู่บ่อยๆ เป็นเคสที่เห็นมาหลายครั้งมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่ที่คบกันได้ไม่กี่เดือน สเต็ปเดิมๆที่ฝ่ายชายมักใช้ คือ...
"ที่รัก....ผมรักคุณม้ากมาก แต่ผมไม่มีเงินพอจะบินไปหาคุณ เพราะ ค่าตั๋ว ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าใช้จ่าย บลาๆๆๆ ในประเทศไทยแพงกว่าที่อินเดีย" หรือ "ที่รัก...ผมรักคุณมากจริงๆนะ แต่ผมมีเงินพอแค่ค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ผมไม่มีเงินพอค่ากินอยู่..."
ฝ่ายหญิงก็จะแบบ "แล้วจะให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?"
ฝ่ายชายก็จะแบบ "ผมรักคุณ เรารักกัน ผมอยากเจอคุณ แต่ในเมื่อผมไม่มีเงินพอในส่วน (ตรงนั้นตรงนี้แล้วแต่จะหยิบยกมาใช้) คุณช่วยผมออกได้ไหม (หรือ) คุณช่วยผมออกครึ่งหนึ่งได้ไหม?"
จากนั้นฝ่ายชายก็จะบีบคั้นฝ่ายหญิงในทำนอง ว่า..."ได้โปรดเถอะ...ผมอยากเจอคุณเหลือเกิน คุณไม่อยากเจอผมเหรอ บลาๆๆๆๆๆ"
อีห่านอยากจะบอกเลย ว่า...ไอ้ผู้ชายพวกนี้ 90% ตอแหลค่ะ เอาแบบโลกไม่สวย ไม่ได้วิ่งอยู่กลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์เลย คือ...
คนเป็นผู้ชายควรมีภาวะผู้นำ ยิ่งในการที่จะมาเจอสาวครั้งแรกมันควรสร้างความประทับใจ ต่อให้ไม่ช่วยเปย์ฝ่ายหญิงในเรื่องต่างๆแต่มันควรเปย์ให้ตัวเองได้ ไม่ใช่ไม่มีเงินแล้วไม่ขวนขวายที่จะหาเงินมาเพื่อเจอผู้หญิงที่ตัวเองรัก แต่ดันสร้างภาระให้ผู้หญิงที่อ้างว่ารักมากโดยการขอยืมเงิน ขอใช้เงิน ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นก็อาจไม่ได้ร่ำรวยหรือมีเงินมากพอจะมาใช้จ่าย
ใช่ค่ะ...แบบนี้เรียกว่ารัก
แต่ไม่ได้หมายความ ว่า...เขารักคุณนะคะ
เขารักตัวเอง
แค่ขอให้ได้ไปเที่ยวเมืองไทยแบบไม่ต้องเสียอะไร(เท่าไร) บางคนอาจอยากมาเที่ยวเมืองไทยเป็นหลัก แต่ไม่มีเงินมากพอเลยจับสาวไทยสักคน แล้วหลอกให้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินกับค่ากินอยู่และฟันทิ้งก่อนกลับ ก่อนจะขาดการติดต่อก็เคยมีมาแล้ว ฉะนั้นคุณต้องคิดดีๆถึงปัจจัยนี้ว่ามันสมควรไหม...รู้จักกันได้ไม่นานก็มาขอยืมเงินหรือขอเงิน ทั้งที่ผู้ชายควรแสดงน้ำใจในภาวะผู้นำก่อน คือ เขาอาจไม่ต้องมาเลี้ยงคุณฝ่ายเดียวไปตลอดชีวิต แต่อย่างน้อยมาครั้งแรกก็ควรสร้างความประทับใจให้บ้าง ไม่ใช่มาเกาะเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างเดียว
ถ้าเขายังไม่พร้อมจะมาก็บอกเขาว่ายังไม่ต้องมาค่ะ ให้เก็บเงินเก็บทองไปก่อน ไม่ใช่จะมาแล้วมาเป็นภาระเรา อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์ใจเขาได้ ว่า...เขารักเราจริงอย่างปากว่าไหม ทนรอได้ไหม ทำงานเก็บเงินเพื่อมาเจอกันได้ไหม ลองคิดดูนะคะ...ขนาดเก็บเงินมาเจอครั้งแรกยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับอนาคต ถ้าแต่งงานกันเขาจะทำงานหาเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัวได้ไหม หรือ คุณจะช่วยเปย์เขาไปทั้งชีวิตคะ?
ที่อีห่านกล้าพูดเพราะสามีอีห่านเนี่ย ตอนแรก คือ ไม่มีเงินไม่มีทองเลย งานการก็ยังไม่มั่นคงในตอนนั้น อีห่านชอบนิสัยสามีที่คุยกันถูกคอ อีห่านไม่ได้มองเรื่องความหล่อความรวยอะไรเลย ขอแค่เราเข้ากันได้ มีความสุข เขาไม่เบียดเบียนเรา จนวันหนึ่งอีหมีก็พูด ว่า...
"ฉันจะไปหาเธอที่ประเทศไทย แต่ฉันยังไม่มีเงิน เธอรอฉันได้ไหม ฉันจะทำงานเก็บเงินเพื่อไปหาเธอ"
จากนั้นอีหมีก็ตั้งใจทำงานทุกวันเพื่อเก็บเงิน หลังจากนั้น 10 เดือน อีหมีก็บินมาหาอีห่านที่ประเทศไทยในวันเกิดอีห่านโดยที่ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากอีห่านเลย อีหมีบอกว่า "ฉันเป็นผู้ชาย จะให้ผู้หญิงจ่ายได้ไง ถ้าเรื่องแค่นี้ฉันยังจ่ายไม่ได้ ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตได้ไง"
จนวันนี้เราได้แต่งงานกัน...
บางครั้งการรอคอยเพื่อพิสูจน์ใจมันก็เป็นอะไรที่ทำให้ความรักมั่นคงและหนักแน่น มากกว่าการรีบร้อนโดยไม่ทันได้เรียนรู้หรือทำอะไรเพื่อกันนะคะ
2. เรื่องตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน...จริงๆผู้หญิงไทยหลายคนมากที่มักแต่งงานกับผู้ชายโดยไม่สนใจเรื่องนี้ แต่อีห่านไม่ค่ะ...อย่างคนไทยเนี่ยเป็นธาลัสซีเมียกันเยอะ ประมาณ 20 ล้านคน แล้วทำให้ต้องเสียลูกขณะตั้งครรภ์ หรือ ลูกออกมาผิดปกติ แล้วก็เรื่องไวรัสตับอักเสบ หัดไทย หัดเยอรมัน และ HIV อีก
ก่อนอีห่านแต่งงาน อีห่านลากอีหมีไปตรวจสุขภาพกันทั้งคู่ค่ะ คือ โรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาลมีแพ็คเกจสำหรับตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน ราคาอยู่ที่ 5 พัน ประมาณนี้ บางคนอาจคิดว่าแพง ไม่เอาหรอก...แต่ถ้าเพื่อกับความปลอดภัยของตัวคุณเอง คู่สมรสคุณเอง และ ลูกของคุณในอนาคต มันก็คุ้มนะคะ ดีกว่าไปรู้ว่าตัวเองเป็นนั่นเป็นนี่เป็นพาหะให้ลูกป่วย คราวนี้คุณจะได้เสียค่ารักษาบานตะไทไม่พอ อาจต้องสูญเสียลูกไปด้วย มันคุ้มกันไหมกับการที่คุณจะยอมเสียเงินไม่กี่พันและเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับความปลอดภัย
อย่างแม่อีห่านเคยบอกว่าอีห่านเคยได้รับการฉีดวัคซีนหัดไทยกับหัดเยอรมันและวัคซีนต่างๆครบตั้งแต่เด็ก อีห่านก็มั่นใจไปๆมาๆ อีห่านเคยเป็นหัดไทยเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว โดยหมอตรวจพบว่าอีห่านไม่เคยฉีดวัคซีนหัดไทย แล้วพอลากสามีไปตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน ผลออกมา ว่า...อีห่านไม่เคยฉีดวัคซีนหัดเยอรมันอีก
แม่จ๋าาาาาาา!!! ทำไมหลอกหนู (แม่อาจสับสน 5555+)
ส่วนอีหมีก็ตรวจพบ ว่า...ไม่มีภูมิวัคซีนไวรัสตับอักเสบ
ซึ่งอันตรายทั้งคู่ แล้วไงคะ...ง่ายๆค่ะ สมัยนี้วิวัฒนาการก้าวหน้าก็แค่ฉีดวัคซีนหัดเยอรมันกับฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเพิ่ม แค่นี้เอง(ห้ามมีบุตรหลังฉีดหกเดือน) แต่อีหมีกับอีห่านก็พร้อมทำให้มันถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยง คือ คนไทยไม่เท่าไรนะ แต่อีห่านยอมรับ ว่า...ที่อยากตรวจเพราะไม่มั่นใจในสาธารณสุขที่อินเดียนัก เนื่องจากเห็นข่าวที่เด็กทารกอินเดียออกมาพิการแปลกๆบ่อย แล้วการขาดวัคซีนพวกนี้ก็มีผลทำให้เด็กพิการด้วย โชคดีที่อีห่านกับอีหมีไปตรวจสุขภาพก่อน ทำให้รู้ว่าต่างคนขาดวัคซีนอะไร
แล้วนั่นก็ครอบคลุมถึงการตรวจหา HIV ด้วย คุณมั่นใจไหม ว่า...ตัวคุณซิงเซี้ยะไม่เคยผ่านการแตะต้องจากชายใดมาก่อน แล้ว คุณมั่นใจในคู่ของคุณที่อยู่ห่างไกลกันแค่ไหน ว่า...เขาไม่เคยมีหญิงอื่นขณะคบหากับคุณหรือก่อนหน้าพบคุณเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครมาก่อน คุณเป็นรักแรกและครั้งแรกของเขา ถ้าไม่ใช่ก็ควรตรวจค่ะ ต่อให้คู่รักคุณเคยคบแฟนเก่าแบบรักเดียวใจเดียวไม่ได้มั่ว แต่คุณมั่นใจไหม ว่า...แฟนเก่าของแฟนคุณหรือผู้หญิงที่ผ่านๆมาของแฟนคุณใสซื่อไม่ผ่านชายใดมาก่อนเช่นกัน ต่อให้ใส่ถุงยางก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% ค่ะ การลากคนรักไปตรวจเรื่องพวกนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ไว้ใจกันแต่นั่นเพื่อความชัวร์ ถ้ารักกันต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนค่ะ เพราะมีคนหลายคนที่แต่งงานกันไปไม่เคยตรวจเลือดหรือตรวจโรคทั้งที่ผ่านอะไรกันมาโชกโชน ไปๆมาๆพบว่าติดโรคจากคู่ของตนก็สายไปแล้ว ออ...คนอินเดียมีคนเป็น HIV ไม่น้อยนะคะบอกให้รู้ไว้ น้องๆไทยอยู่เหมือนกัน
พูดยาวไปหน่อย แต่ก็เพราะหวังดีกับทุกคนค่ะ ไม่อยากให้โลกสวยจนลืมโรคภัย
(รูปผลการตรวจ HIV ของอีห่านกับสามี ไม่พบทั้งคู่ พอตรวจแล้วก็สบายใจ เซ็นเซอร์ชื่อ+อายุแบบดอกๆ 5555+)
ความคิดเห็น