ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    India-Indie ซุบซิบกับสะใภ้อินเดีย

    ลำดับตอนที่ #407 : (นอกเรื่อง) 20 ก.ม. ที่คุ้มค่า (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 777
      5
      26 พ.ย. 60

    มีเรื่องมาเล่า...
    ตอน : 20 ก.ม. ที่คุ้มค่า (2)
    หลังจากที่อีห่านจิบน้ำไปสองแก้วชิลๆ (แก้วละ 105 กับ 150 ปาดเหงื่อเบาๆ) ระหว่างรอเพื่อนๆที่ไปเที่ยววัดอรุณตรงท่าเตียน ไม่นานนักเพื่อนๆก็กลับมา เราเลยพากันเดินต่อไปที่วัดโพธิ์ ซึ่งที่วัดโพธิ์เนี่ย...อารมณ์เหมือนวัดพระแก้วที่คนไทยเข้าฟรีไง แต่ประเด็นอยู่ที่การแต่งตัวของอีห่านกับฝ้ายที่ใส่ผ้าถุงสไตล์ชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย อีห่านกับฝ้ายเดินนำคนอื่นๆเข้าไปตรงช่องทางเข้าของคนไทย ระหว่างที่เราสองคนกำลังจะเดินผ่านไปนั้น เจ้าหน้าที่ที่เก็บตั๋วตรงทางเข้าฝั่งชาวต่างชาติก็ตะโกนมา

    "คนไทยหรือเปล่าครับ!!!"

    อีห่านกับฝ้ายก็พร้อมใจกันหันหลังตะโกนตอบกลับไป

    "คนไทยค่ะ!"

    เจ้าหน้าที่ก็เลยตะโกนตอบกลับมา

    "ออ...เห็นเดินดุ่มๆเข้าไปนึกว่าคนเกาหลี"

    คือ...ถึงกูจะหน้าหมวย กูก็เป็นคนไทยนะเว้ยยยย 

    จากนั้นอีห่านกับเพื่อนๆก็เที่ยวชมรอบๆวัดโพธิ์ จริงๆวัดโพธิ์ไปมาหลายรอบแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทั่วมากที่สุด เพื่อรอเวลาเย็นย่ำจะได้ไปรอเข้าแถวตรงจุดคัดกรองเข้าชมพระเมรุมาศ

    เจดีย์ที่วัดโพธิ์สวยมาก เอาจริงๆลายละเอียดของกระเบื้องเคลือบสีสันต่างๆสวยกว่าวัดอรุณตอนนี้อีก แถมมีแมวเยอะมากๆด้วย (ทาสแมวสุดๆ)

    เมื่อเราชมอาณาบริเวณรอบวัดโพธิ์จนเสร็จ ตอนนั้นก็ห้าโมงแล้ว เลยพากันไปยังจุดคัดกรอง แล้วนั่งรอเจ๊พีที่ตามมาสมทบทีหลัง เมื่อครบคนครบแก๊งค์ก็พร้อมเข้าไปยังแถวที่จะผ่านเข้าไปสู่ทุ่งพระเมรุ

    การไปเยี่ยมชมพระเมรุมาศตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในความคิดของอีห่าน คือ ไม่ร้อนตอนเดินชม หรือ ตอนนั่งรอในเต้นท์ที่ควรจะอบอ้าว ไม่มีร่มมาบดบังทัศนียภาพและความสวยงามของพระเมรุมาศ เรานั่งรอได้เพียงไม่นานก็ถึงคิวเข้าไปในเวลาหกโมงกว่าๆ

    อีห่านกับบอมแยกไปเดินกันเองเพื่อถ่ายรูปรอบๆ ปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นๆเดินชมกันไป โดยนัดเจอกันตรงทางออกเมื่อต่างฝ่ายต่างเสร็จสิ้น

    ตอนนั้นท้องฟ้ายังเป็นสีขาวขมุกขมัวอยู่ แต่พอถึงเวลาที่อาทิตย์อัสดงจริงๆฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีต่อหน้าต่อตาเรา ค่อยๆกลายเป็นสีส้มอมชมพูสลับกับเมฆสีขาว จากนั้นก็ค่อยๆเจือสีน้ำเงิน แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเมื่อรัตติกาลคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ พระเมรุมาศสีทองที่สวยงามอยู่แล้วยามกระทบแสงอาทิตย์ ก็ค่อยๆเรืองรองสุกปลั่งท่ามกลางความมืดสลัวที่ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ เพียงไม่นาน...หรือจริงๆอาจจะนานก็ไม่รู้ ยามกลางคืนก็เดินทางมาถึงโดยที่เราต่างไม่ทันได้ตั้งตัว

    ความสวยงามของพระเมรุมาศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณยากจะหาชมง่ายๆ เหมือนสะกดสายตาอีห่านกับบอมให้สนใจจนหลงลืมเวลา เราต่างกดชัตเตอร์กันรัวๆ แทบจะไม่รู้ตัวว่าท้องฟ้าในภาพถ่ายนั้นเปลี่ยนสีไปตั้งแต่เมื่อไร รู้แค่เพียงเรามีความสุข ที่อย่างน้อยเราได้เห็นพระเมรุมาศสถานที่ที่พาพ่อของเราไปสู่สรวงสวรรค์ด้วยตาตัวเองครั้งหนึ่งในชีวิต

    ตอนแรกคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอ ระหว่างที่อีห่านกำลังถ่ายรูปพระเมรุมาศอยู่นั้น ก็มีเด็กน้อยตัวเล็กๆที่มากับแม่มายืนถ่ายรูปข้างๆอีห่าน เสียงของแม่เด็กเอ่ยบอกลูกน้อยตัวเอง

    "ไหว้ในหลวงสิลูก"

    เด็กน้อยยกมือประนมไหว้ตามคำสั่งแม่ด้วยใบหน้าใสซื่อไม่ดื้อไม่งอแง

    "บอกว่ารักในหลวงสิลูก หนูรักในหลวง"

    "หนูรักในหลวงค่ะ"

    ตอนนั้นอีห่านรู้สึกตัวเองน้ำตาคลอมาก แบบมันตื้นตันมันเศร้า หลายอย่างปนเปบอกไม่ถูก ได้แค่ยกมือประนมไหว้ตาม มองไปที่พระเมรุมาศตรงหน้าที่จะอันตรธานหายไปในอีกไม่กี่วัน

    อีห่านกับบอมใช้เวลาเดินถ่ายรูปและหาเพื่อนๆเป็นส่วนใหญ่ แทบจะไม่ได้ใส่ใจโขนที่มาแสดง เพราะคนเยอะมากเข้าไปไม่ถึงจริงๆ หาวนไปวนมาจนเจอก็พากันออกเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อไปกินข้าวเย็นที่ร้านข้าวต้มหน้าวัดบวรก่อนกลับที่พัก

    รวมระยะทางที่เราเดินทั้งวัน คือ 20 ก.ม. นิดๆ ร่างกายเหนื่อยมาก แต่ใจอิ่มเอมบอกไม่ถูก ใครที่ยังไม่มีโอกาสเข้าชม รีบเลยนะ...ถึงวันที่ 30 พ.ย. นี้เท่านั้น ภาพถ่ายไม่เทียบเท่าของจริงสักนิดเดียว!!!












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×