ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนายพี่ชายสุดเท่

    ลำดับตอนที่ #3 : บันทึกฉบับที่3 พี่ชายที่น่ารัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 85
      0
      6 ต.ค. 48

    ……ที่เชียงใหม่กับที่กรุงเทพฯต่างกันลิบลับ อากาศก็เย็นกว่าถึงจะไม่เท่าบ้านเราที่แคนาดาก็เถอะ เราอยู่กรุงเทพฯแค่สองคืนเช้าวันต่อมาเรา เหมียว และอร ก็นั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่ คุณหญิงรัศมีป้าของเหมียวมากับเราด้วย เรานั่งเครื่องยังไม่ทันหลับก็ถึงเสียแล้ว “กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ห่างกันแค่นี้” อรบ่น เราว่าดีแล้วที่เร็วๆเพราะว่าจะได้เหลือเวลาเที่ยวอีกเยอะ บ้านของลุงกับป้าเหมียวเป็นบ้านขนาดใหญ่ในพื้นที่ 20 ไร่ มีสระว่ายน้ำ และสวนดอกไม้ไปในตัว



        เราแค่มาดูเท่านั้น ยังไม่ถึงวันงาน “วันนี้ อรกับกิ่งพักกับเราน่ะ” เหมียวทำตาหวานใส่ “เรามีโปรแกรมเด็ดพาเที่ยวเชียงใหม่” เหมียวโฆษณาเต็มที่ เราเองพลอยตื่นเต้นไปด้วย “เราจะพาไปชมดอยอินทนนท์ สูงสุดในสยาม” เหมียวเล่า เรานึกในใจจะคล้ายกับเทือกเขาร็อกกี้หรือเปล่าน่ะ “จะไปตอนไหนล่ะ” อรตกหลุมพรางเหมียวเข้าอย่างจังเหมียวเลียริมฝีปาก “today” อรกับเราดีใจเราไม่เคยมาเมืองไทยเลยนี้ อย่างน้อย 10 ปีมาแล้ว เหมียวนำหน้าไปที่รถจี๊ปปาเจโร่ป้ายแดงที่สำคัญได้รู้จักกับโชเฟอร์ หนุ่มหล่อ หน้าใส พี่ชายเหมียวนะเองหน้าโคตร เหมือนกันเลย เหมียวเพื่อนของเรานั้นมีชื่อจริงว่า มัณฑนา แสงจำรัส สาวสวยหมวยอินเตอร์ ในขณะที่พี่เอกศักดิ์ แสงจำรัส พี่ชายเหมียวก็เป็นหนุ่มตี๋ขาวสูง หล่อเท่ ครบสูตร เหมียวเคยเล่าให้ฟังว่า “ตระกูลของเรามีคนสืบสกุลน้อยมาก คุณปู่ของเรามาจากเมืองจีน แม่บอกว่ามณฑลเสฉวน ซึ่งคุณปู่ก็มีลูกชายแค่ 2 คนคือคุณลุงกับคุณพ่อเรา ลุงสุวิทย์แต่งงานกับพ่อเราน่ะมีลูกยากพอๆกัน คุณหญิงป้าก็เป็นเนื้องอกต้องผ่ามดลูกไปตั้งแต่เพิ่งแต่งกันใหม่ๆ พ่อของเราเลยต้องรับศึกหนักเสียเงินไปเป็นล้านกว่าจะได้เรากับพี่มา เรากับพี่ห่างกันตั้ง 10 ปี ลุงเลยขอพี่เอกมาเลี้ยงที่เมืองไทย ส่วนเราอยู่กับพ่อ” เราเลยเข้าใจได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ ว่าทำไมหนอจึงอยากได้ลูกชายกันนัก การสืบสกุลมันมีอะไรกันนักหนา พ่อเราก็เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเช่นกัน มีลูกสาวสองคน ก็ไม่เห็นต้องขวนขวาย แต่เอาเถอะนานาจิตตังต่างคนต่างความคิด



        พี่เอกขับรถเป็นชั่วโมงก็มาถึงดอยอินทนนท์แต่ความอยากมันอยู่ที่การขับรถไต่ขึ้นไป ถึงแม้เราจะเคยอยู่มาเกือบทุกทวีปแล้ว แต่เราก็ไม่เคยเที่ยวอะไรอย่างนี้เลยสักครั้ง เรารู้สึกคลื่นไส้เวียนหัวอย่างประหลาด ผะอืดผะอม ตลอดทาง “เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องกิ่ง”พี่เอกศักดิ์เรามาตลอดทาง เรายังปากแข้งปฏิเสธ เหมียวที่นั่งหน้าคู่คนขับรวมทั้งอรหันมามองแต่เราฝืนยิ้ม เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับการเป็นตัวถ่วงของคนอื่น แต่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัดทันทีที่พี่เอกขับรถไปถึงจุดชมวิวเราก็พุ่งลงมาทั้งอาเจียน และเศษอาหาร “เธอเมารถก็ไม่บอก...” อรลูบหลังเรา ส่วนเหมียวส่งทิชชู่ให้ “ขอบคุณ”เราพูดยิ้มๆ ขณะที่กำลังถ่ายรูปกันจ้าละหวั่น “น้องกิ่งครับยาแก้เมารถ....พี่เอามาเผื่อ” เราซึ้งในน้ำใจของพี่อดิเรกหลายๆ จากนั้นเราก็ไปถึงสถานที่ซึ่งบรรจุพระอัฐิของพระเจ้าอินทรวิทยานนท์ ซึ่งพระองค์ถึงแก่พิราลัยในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากนั้นต่อมาเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย กษัตริย์ไทยจึงยุบการปกครองดังกล่าวรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางทำไมถึงรู้ก็ที่แคนาดาไม่ได้มีกฎห้ามอ่านหนังสือไทยสักหน่อย ด้านบนยอดนี้สวยมากเลย มองลงมาเป็นทะเลหมอก อากาศถึงจะเย็นบ้างแต่เราไม่ค่อยรู้สึกสักเท่าไหร่ แถมยังสบายตัวเสียด้วยซ้ำเพราะอยู่ที่โตรอนโตแค่ไปเรียนก็ต้องสวมเสื้อหนาวเป็นสิบชั้น “ตอนลูกยังไม่เกิดพี่แก้วยังเด็กมาก พ่อเคยไปประจำอยู่ที่สถานทูตในรัสเซีย มอสโควหนาวกว่าที่นี้อีกหลายเท่า” แม่เคยเล่าให้ฟัง อีกความคิดหนึ่งที่แล่นเข้าสู่สมองเธอในตอนนี้คือเราได้กลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดเมืองพ่อเมืองแม่ของเรา ความรู้สึกว่าเราคือคนไทยนั่นดูจะย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลา “น้องกิ่งคิดยังไงครับ กับเมืองไทย” พี่เอกศักดิ์ถามขึ้น “ก็ดีค่ะ ถ้าพี่เอกศักดิ์มาเป็นกิ่ง พี่เอกก็จะรู้ว่าเราจะรักแผ่นดินนี้ขนาดไหน ยังไงค่ะบ้านพ่อเมืองแม่ของเราถ้ามีโอกาส กิ่งก็อยากอยู่ที่นี้เลยไม่อยากไปไหนอีกแล้วล่ะค่ะ” ยิ่งพูดหน่วยตาชักรื้นๆด้วยน้ำใสๆ เราเองเป็นคนอ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว “พี่เองก็แปลกใจเช่นกัน ที่น้องกิ่งพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วแล้วยังรักความเป็นไทยอยู่ พี่อยากให้คนไทยทุกคนรู้สึกอย่างที่น้องกิ่งรู้สึก บางคนไปนอกปีสองปีกลับมาก็ทำเป็นดัดจริตพูดไทยไม่ชัดเสียแล้ว” พี่เอกศักดิ์สนับสนุน เราจึงรู้สึกว่าพี่เอกเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเลย วันนั้นเรากลับที่พักซึ่งก็เป็นคฤหาสน์ของลุงเหมียวภายในตกแต่งอย่างยุโรป มีเตาผิงซึ่งใช้เพื่อความสวยงามมากกว่าอย่างอื่น พระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี กับ สมเด็จพระศรีนครินทิราบรมราชชนนี ประดับคู่วางอยู่กลางห้องโถง โซฟาบุหนังแท้ที่จัดเข้าชุดมีพรมเปอร์เซียปูอยู่ตรงพื้นบันไดที่มีราวบันไดรูปมังกรที่ทอดยาวจากชั้นล่างขึ้นชั้นบน รูปภาพวิวที่เป็นภาพเขียนสีน้ำมัน ภาพบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ติดบริเวณกำแพงตลอดแนวบันได คล้ายย่อส่วนพิพิธภัณฑ์มาไว้ในบ้าน ชั้นบนมีห้องต่างๆเรียงกันอยู่กว่า 10 ห้อง มีห้องใหญ่สุดสามห้องคือ ห้องชุดของลุงสุวิทย์กับของคุณหญิงป้ารัศมี ห้องพี่เอกศักดิ์และห้องของเหมียว ซึ่งสามห้องนี้จะมีลักษณะที่แปลกไปจากห้องอื่นๆคือสามารถย่อส่วนบ้านทั้งหลังเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกัน คือภายในห้องเดียวจะมีทั้งห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องโฮมเธียเตอร์ และเคาเตอร์ไว้ในตัว พวกเราสามคนไปนอนรวมกันในห้องของเหมียวเพราะลงมติกันแล้วว่าวิวดีที่สุด และยังสามารถจุคนได้เป็นสิบกระจกห้องสามารถมองเห็นสนามหญ้าเขียวขจีรอบตัวคฤหาสน์ มีภูเขาสองลูกตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง แล้วที่อะเมซซิ่งสุดๆนั่นคือชั้นบนสุดคือชั้นสาม ซึ่งมีบันไดเล็กๆจากชั้นสองขึ้นไปเป็นสระว่ายน้ำที่ตรงกลางเป็นน้ำพุรอบสระตบแต่งด้วยโขดหินสีต่างๆ ทำเป็นบันไดมีน้ำตกไหลลงมาเป็นขั้น แถมยังติดตั้งกล้องดูดาวที่ค่อนข้างหรูหราหลังอาบน้ำอาบท่าเสร็จเราหลับไปก่อนใคร เหมียวกับอรไปส่องดูดาวเล่นจนดึก จึงกลับมานอนที่ห้อง เราบอกได้เลยว่ามันคือประสบการณ์

    ที่มีค่าที่สุดในชีวิตเราเลย......      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×