ดาวน์โหลดได้ที่นี่
http://www.4shared.com/file/e3I0wSp_ba/_online.html
ฟิสิกส์
แรง (force)
1.ขนาดและทิศทางของแรง
วัตถุที่อยู่นิ่งๆหรือกำลังเคลื่อนที่ก็มีแรงมากระทำ
ทำให้ตำแหน่ง,ลักษณะการเคลื่อนที่,ขนาดและรูปร่าง เปลี่ยนไป
มีหน่วยเป็น Newton
มีทั้งขนาดและทิศทาง (เป็นปริมาณเวกเตอร์)
-ขนาดของแรงแปรผันตามระยะทาง
-วัตถุจะเคลื่อนที่ตามแนวแรง
-วัตถุจะเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ถ้ามีแรงอื่นมากระทำในทิศทางที่ไม่ใช่แนวการเคลื่อนที่เดิม
ปริมาณกายภาพ
จุดมุ่งหมายหลัก –ศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ โดยฐานความคิด(concept-มวล ความยาว เวลา)ที่ใช้อธิบายสามารถวัดได้ เรียกว่าปริมาณกายภาพ
1.ปริ มาณสเกลาร์ บอกแต่ขนาด (ตัวเลขและหน่วย) เช่น ความยาว พื้นที่ ปริมาตร มวล เวลา ระยะทาง อุณหภูมิ ความหนาแน่น อัตราเร็ว งาน พลังงาน ฯลฯ
ตัวอย่างข้อมูลที่แสดงปริมาณสเกลาร์
การหาผลลัพธ์ของปริมาณสเกลาร์ ต้องอาศัยหลักการทางพีชคณิต คือ บอก ลบ คูณ หาร เพราะมีแต่ขนาดอย่างเดียว
2.ปริมาณเวกเตอร์ บอกทั้งขนาดและทิศทาง เช่น แรง ความเร่ง การกระจัด ความเร็ว โมเมนตัม ฯลฯ
การหาผลลัพธ์ของปริมาณเวกเตอร์ ต้องอาศัยวิธีทางเวกเตอร์ โดยต้องหาผลลัพธ์ทั้งขนาดและทิศทาง
2.การวัดปริมาณ และหน่วยของแรง
**ลูกศร หาง=ขนาด
หัว=ทิศทาง
มีหน่วยเป็น Newton เช่น ยกของหนัก1ก.ก. ต้องออกแรง 9.80นิวตัน(N) ---10 N
////เครื่องชั้งสปริง วัดขนาดของแรงอย่างง่ายๆ
3.ชนิดของแรง
-แรงที่เกิดจากการกระทำ เช่น แรงดึงเชือก แรงเสียดทาน แรงจากสปริง แรงสู่ศูนย์กลาง
-แรงธรรมชาติ แรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์
***แรงโน้มถ่วง (วัตถุ2อย่างดูดกัน)ยิ่งสูงยิ่งลดลง ยิ่งใกล้จุดศูนย์กลางโลกความเร็วยิ่งเพิ่ม
*วัตถุที่ตกลงอย่างอิสระจะตกด้วยความเร่งเท่ากันหมด มีค่า=g

ความเร่ง=ความเร็วที่เปลี่ยนไปใน1หน่วยเวลา
*ทุกๆ1วินาที=10 เมตร/วินาทีกำลัง2
F=W น้ำหนักของวัตถุ=แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ
*Gเป็นค่าคงตัวของแรงดึงดูดระหว่างมวลและเป็นค่าเดียวกันเสมอ เรียกว่า ค่าคงตัวโน้มถ่วงสากล หรือ ค่านิจแห่งความโน้มถ่วงสากล
กรณีวัตถุวางตัวในแนวดิ่ง F1 = F2 แต่อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม
การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วง
*การที่โลกสามารถดึงดูดวัตถุต่างๆที่อยู่บนผิวโลกได้ เพราะวัตถุเหล่านั้นอยู่ในสนามโน้มถ่วง
สนามโน้มถ่วง=บริเวณรอบๆที่โลกส่งแรงดึงดูดไปถึง ประกอบด้วยเส้นแรงโน้มถ่วง (บิเวณใดมีจำนวนหนาแน่น บริเวณนั้นจะมีค่าขนาดแรงโน้มถ่วงสูง)
การตกของวัตถุที่มีมวลต่างกันในสนามโน้มถ่วง วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัวเท่ากัน เรียกว่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลก
การตกอย่างอิสระ การตกของวัตถุในแนวดิ่งด้วยความเร่งจากแรงโน้มถ่วงของโลก ถ้าไม่มีแรงต้ายน วัตถุทุกชนิดจะตกลงในแนวดิ่งสู่ผิวโลก ความเร่ง=g ไม่คิดแรงต้านอากาศ วัตถุจะตกถึงพื้นพร้อมกัน วัตถุจะมีความเร็วเปลี่ยนไป แต่ความเร่งคงที่
*โยนลูกบอลขึ้นไปในอากาศ จะเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง
ปล่อย---ความเร็วต้น=0 ความเร่ง=g (10m/s2)
ปา---ความเร็วต้องมากกว่า0 ความเร่ง=แรงg
*น้ำหนักเราที่โลกมากกว่าที่ดวงจันทร์6เท่า
ประโยชน์ 1.ทำให้วัตถุไม่หลุดออกไปอย่างอิสระ ทำให้มวลต่างๆมีน้ำหนัก
2.ผลิตกระแสไฟฟ้า (โดยกระทำกับน้ำให้ไหลลงสู่ที่ต่ำกว่า เพื่อหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า)
3.ดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลกได้
4.พัฒนาเครื่องมือ เช่น สามเกลอตอกเสาเข็มซึ่งต่อมาเป็นปั้นจั่น
5.การเล่นกระดานลื่น
แรงไฟฟ้า(electrostatic force)
เกิดจากประจุไฟฟ้า(Charge)กระทำต่อประจุไฟฟ้าด้วยกัน มีทั้งแรงผลักและแรงดูด
Electro อำนาจจากแท่งอำพัน
ประจุไฟฟ้ามีของชนิดคือประจุบวก(เส้นแรงไฟฟ้าพุ่งออก)และลบ(พุ่งเข้า)
ถ้าประจุบวกและลบเคลื่อนที่เข้าหากันจะรวมตัวและเป็นกลางทางไฟฟ้า
คุณสมบัติของแรง
1.สามารถเกิดแรงกระทำกับวัตถุขนาดเล็ก
2.เกิด แรงกระทำซึ่งกันและกันของวัตถุ เมื่อนำวัตถุที่มีประจุไฟฟ้ามามาใกล้ๆกัน (เหมือนผลักต่างดูด) เรียกว่า แรงระหว่างไฟฟ้า หรือ แรงไฟฟ้า
สนามไฟฟ้าคือ บริเวณที่เมื่อนำประจุไฟฟ้าทดสอบเข้าไปวางแล้วเกิดแรงกระทำบนประจุไฟฟ้าทดสอบนั้น
สนามไฟฟ้า แปรผันตามความหนาแน่นของเส้นแรงฟ้า
แปรผกผันกับระยะห่างระหว่างประจุ
ค่าสนามไฟฟ้าขึ้นอยู่กับระยะระหว่างประจุ(แปรผกผัน) ความหนาแน่นของเส้นแรงไฟฟ้า(แปรผันตรง)
เส้นแรงไฟฟ้า
1.เส้นแรงไฟฟ้าจะมีทิศออกจากประจุบวกพุ่งเข้าหาประจุลบ มีทิศตั้งฉากกับวัตถุที่มีประจุนั้น
2.เส้นแรงไฟฟ้าจะสิ้นสุดที่ผิวของตัวนำเสมอ และไม่ตัดกัน
การเคลื่อนที่ของอนุภาคในสนามไฟฟ้า
**เส้นแรงไฟฟ้าระหว่างแผ่นตัวนำขนาน เป็นเส้นตรงขนานกันและมีความหนาแน่นสม่ำเสมอ
**เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามไฟฟ้า แนวการเคลื่อนที่จะเบนไฟจากเดิม
แรงไฟฟ้าที่กระทำบนอนุภาคประจุไฟฟ้า
1.อนุภาคบวกเคลื่อนที่ในทิศเดียวกับสนามไฟฟ้า ลบทิศตรงกันข้าม
***ประจุ+เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าประจุ- เพราะไม่มีแรงหน่วง
2.ยิงประจุ+สวนกับทิศทางสนามไฟฟ้า จะวิ่งช้าลง
ถ้ายิงอนุภาคประจุไฟฟ้าตัดสนามไฟฟ้า ประจุ+จะโค้งเข้าหาแผ่นที่มีประจุลบ
ประจุ+และ- เคลื่อนที่เป้นทางโค้งในทิศทางตรงข้ามกัน
ประโยชน์
1.เครื่องฟอกอากาศ (ประจุที่เกิดแรงดูดวัตถุที่มีขนาดเล็กๆได้)
2.การชุบสีรถยนต์ (ประจุมีแรงกระทำซึ่งกันและกัน)
3.การกำจัดฝุ่น (ประจุเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในปริเวณที่มีสนามไฟฟ้า)
4.จอแสดงผลของเครื่องมือและอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่นจอเรดาร์ และออสซิสโลสโคป (การเบนของลำอิเล็กตรอนในสนามไฟฟ้า)
แรงแม่เหล็ก(magnetic force)
1.เกิดแรงดูดและผลักกับสารบางชนิด
**ใช้เกณฑ์การดูดและผลักกับสารบางชนิด
Ferro magnetic substance แรงดูดอย่างรุนแรง
Para magnetic substance แรงดูดอ่อนๆ
Dia magnetic substance แรงผลัก

*บริเวณปลายแม่เหล็กที่ผงตะไบเหล็กหนาแน่นมากกว่าบริเวณอื่น เรียกว่าขั้วแม่เหล็ก
2.เกิดแรงดูดและแรงผลักกับแท่งแม่เหล็กด้วยกัน
ขั้วเมื่อเหล็ก-----เหมือนผลัก ต่างดูด
3.เกิดแรงกระทำต่อสนามแม่เหล็กโลก
ขั้วเหนือของแม่เหล็กโลกอยู่ทางขั้วโลกใต้
ขั้วใต้ของแม่เหล็กโลกอยู่ทางขั้วโลกเหนือ
-----หลักการนี้ใช้สร้างเข็มทิศ
*สนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ เส้นสนามจะเรียงเป็นเส้นขนานจากขั้วเหนือไปใต้ สามารถนำไปสร่างมอร์เตอร์ไฟฟ้าและเครื่องวัดทางไฟฟ้า
*สนามแม่เหล็กโลก ป้องกันลมสุริยะ(solar wind-กระแสอนุภาคมีประจุ ถูกขับมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่เป็นโปรตอนและอิเล็กตรอน ทำลายชั้นบรรยากาศของโลก)
*สนามแม่เหล็กโลก แปรผันตาม ความหนาแน่นของเส้นสนามแม่เหล็ก
ไปทางเดียวกัน=เกิดแรงดูด
สวนทางกัน=ผลัก
ผลของสนามแม่เหล็กต่อการเคลื่อนที่ของอนุภาพที่มีประจุไฟฟ้า
*เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก แนวการเคลื่อนที่จะเปลี่ยนไป
-พุ่งเข้า +พุ่งออก
ผลของสนามแม่เฟล็กไฟฟ้าต่อการเคลื่อนที่ของตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ถ้า ให้กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำสองเส้นที่วางขนานกัน จะเกิดแรงกระทำระหว่างลวดตัวนำทั้งสอง ซึ่งแรงนี้เกิดจาดสนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นรอบขดลวด เรียกว่า แรงแม่เหล็ก(magnetic force)
*ถ้ากระแสไฟฟ้ามีทิศทางเดียวกัน จะเกิดแรงดูด
*ถ้าตรงข้าม แรงระหว่างลวดทั้งสองจะเป็นแรงผลัก
เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่เข้าไปในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กจะเกิดแรงกระทำกับอนุภาคนั้น
ถ้าให้กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำที่วางอยู่ในบริเวณสนามแม่เห,ก จะเกิดแรงกระทำต่อลวดตัวนำนั้น
*การแสไฟฟ้าในลวดตัวนำเกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระ (ทิศตรงข้ามกับทิศของกระแสไฟฟ้า)
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น