ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~+...เทพนิยาย...ประวัติศาสตร์...+~

    ลำดับตอนที่ #122 : พ่อมดเมอร์ลิน...ผู้เดินทางจากอนาคตสู่อดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 586
      0
      2 ต.ค. 50

    พ่อมดเมอร์ลิน

    เยาวชนทุกวันนี้มีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องพ่อมดและเวทมนตร์ โดยเฉพาะเมื่อนิยายสุดฮิต "แฮร์รี่ พ็อตเตอร์" นำเอามาเล่า แต่ในอดีตกาลนั้น คงไม่มีพ่อมดตนใดจะโด่งดังเท่า "เมอร์ลิน" พี่เลี้ยงและที่ปรึกษาของกษัตริย์อาร์เธอร์ กับอัศวินโต๊ะกลม ทว่าทั้งอาร์เธอร์และเมอร์ลินนั้นมีตนจริงหรือไม่ แต่ก่อนอื่น มาทบทวนประวัติโดยย่อของเมอร์ลินกันก่อน

    กำเนิดของเมอร์ลินนั้น บางตำนานกล่าวว่าเขาเป็นบุตรของปีศาจที่แอบลอบ มาสมสู่กับเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ทำให้เขามีอำนาจวิเศษ มีคาถา อาคมและหยั่งรู้ในเหตุการณ์อนาคต ต่อมาเขาได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ อูเธอร์ ซึ่งเป็นพระบิดาของอาร์เธอร์ เขาจึงมีหน้าที่อภิบาลอาร์เธอร์ในวัยเยาว์ และเมื่ออาร์เธอร์ได้เป็นกษัตริย์ เมอร์ลินก็มีบทบาทช่วยเหลือสนับสนุนมากมาย นับตั้งแต่ทำให้อาร์เธอร์ ได้ดาบเอ็กซคาลิเบอร์ มาเป็นอาวุธคู่กาย ช่วยจัดตั้งคณะอัศวินโต๊ะ กลมอันเกรียงไกร นอกจากนั้น ก็ยังได้ทำนายถึงความห้าวหาญยิ่งใหญ่ของยอด

    อัศวินลานสล็อต ทำนายถึงการแปรพักตร์ของราชินีกีนีเวียร์และอัศวินมอร์เดร็ด แต่แม้เมอร์ลิน จะมีพลังลึกลับเพียงใด เขาก็หยั่งรู้ถึงโชคชะตาอันมืดมนของตนเองดี หลังจากเขาได้สอนมายากลบางส่วนแก่ มอร์แกน เลอ เฟย์ เจ้าหญิงผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของอาร์เธอร์แล้ว เมอร์ลินก็ได้พาวิเวียนนางกำนัลคนหนึ่งของเลอเฟย์มาอยู่ด้วย และอบรมสั่ง สอนสาวน้อยวิเวียนให้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาจนหมดสิ้น แต่แล้ววิเวียนก็ได้ทรยศต่อพ่อมดเมอร์ลิน โดยใช้อาคมที่เขาสอนนั่นเองผูกมัดเขาไว้กับต้นไม้ (บางตำนานระบุว่าขังไว้ในถ้ำแก้ว) ทำให้เมอร์ลินตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดตลอดกาล


    พ่อมดเมอร์ลินและกษัติรย์อาเธอร์

    เมอร์ลินจะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ หรือเป็นเพียงนิยาย ตำนานเล่าลือกันมา มีผู้วิเคราะห์วิจารณ์ ไว้ดังนี้

    ชื่อ "เมอร์ลิน" ปรากฏเป็นหนแรกในบทนิพนธ์ของ จอฟฟรีย์ มอนเมาธ์ ซึ่งประพันธ์ ขึ้นในปี ค.ศ. 1136 เรื่อง "ประวัติกษัตริย์ แห่งบริเทน"

    ทว่าต่อมาเมื่อเขาเขียนขึ้นอีกเล่มหนึ่ง "ชีวิตของเมอร์ลิน" มอนเมาธ์กลับ นำเอานามแรกเริ่มเป็น ภาษาละติน "เมิร์ดดิน" มาใช้เป็นชื่อของพ่อมดที่มีบทบาทอยู่ในตำนานพื้นบ้าน ของชาวเวลส์หลายเรื่องในช่วงศตวรรษที่ 6 แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดก่อนมอนเมาธ์นำมาเขียนหลายร้อยปี จึงพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าเมิร์ดดินกับเมอร์ลินเป็นพ่อมดตนเดียวกัน หรือไม่

    ล่วงมาถึงปี ค.ศ. 1960 เอ.โอ.เอช. จาร์แมน เป็นนักประวัติศาสตร์คนแรก ที่เริ่มต้นค้นคว้าหากำเนิดที่แท้จริงของเมอร์ลิน เขาติดตามร่องรอยไปในแถบสกอตแลนด์ที่มีตำนานเล่าขานตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ ถึงเรื่องของ "คนป่า" ซึ่งไม่ปรากฏนาม เขาผู้นั้นถูกขับไล่ด้วยสาเหตุ บางอย่างให้มาอยู่ในป่าลึกและใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าสัตว์ทั้งหลายในป่า ต่อมาคนป่าผู้นี้ก็ได้มีอำนาจพิเศษในการพยากรณ์อนาคต รวมทั้งได้รับการตั้งชื่อว่า "ลายโลเคน" เรื่องของเขาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์สมัยศตวรรษที่หกและเจ็ดของบริเทน ตอนเหนือ ตลอดจนถึงศตวรรษที่แปดและเก้าของแคว้นเวลส์ และช่วงนี้เองที่จาร์แมนระบุว่าชื่อของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นเมิร์ดดิน ตรงกับที่มอนเมาธ์ได้เคยรจนาไว้


    รูปวาดพ่อมดเมอร์ลินบนการ์ดกบช็อคโกแลต
    ในเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์

    โดย ตำนานในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งกล่าวถึงช่วงที่เมอร์ลินได้มาอยู่ ในราชสำนักไว้ดังนี้

    กษัตริย์วอร์ติเกิร์นแห่ง เวลส์ประสงค์จะสร้างป้อมปราสาทแข็งแรงไว้ป้องกันศัตรู หากทว่าสิ่งก่อสร้างนั้นทุกคืนจะพังทลายลงมาอย่างลึกลับ เหล่าโหราจารย์ทูลว่า วิธีแก้ไขคือใช้โลหิตเด็กชายที่ไร้บิดามาหยดลงบนแท่ง หินก่อสร้าง เหล่าทหารได้ออกค้นหาและนำตัวเมอร์ลินมาเข้าเฝ้า เขาเป็นบุตรของเจ้าหญิงแห่งเวลส์แต่ไม่มีบิดา โดยเจ้าหญิงได้ชี้แจงว่าเธอนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่คืนหนึ่งมีบุรุษทองคำลอบมาสมสู่และให้กำเนิดเด็กน้อยเมอร์ลิน ซึ่งมีความสามารถในการพยากรณ์ เมอร์ลินได้ทูลต่อกษัตริย์ ว่า การที่ก่อสร้างไม่ สำเร็จนั้น เป็นเพราะภายใต้ป้อมปราสาทมีโพรงหินขนาดใหญ่ ภายในมีมังกรสองตัว ตัวหนึ่งสีแดง อีกตัวหนึ่งสีขาว มังกร ทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างสุดฤทธิ์ทุกคืน ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนจนกำแพงที่ก่อสร้างไว้พังทลายลง เมื่อวอร์ติเกิร์นบัญชาให้ขุดดูก็พบว่าเป็นจริงตามคำของเด็กน้อย ซึ่งเมอร์ลินก็ได้ทูลเพิ่มเติมอีกว่า มังกรแดงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของ บริเทน ส่วนมังกรขาวเป็นตัวแทนของเผ่าแซกซอนส์ และเมื่อเวลาผ่านไปมังกร ขาวจะมีชัยเหนือมังกรแดง ที่สำคัญคือเมอร์ลินได้ทำ นายถึง "การมาของอาร์เธอร์" ไว้ด้วย และนี่ก็คือต้นกำเนิด แรกสุดของตำนาน "อาร์เธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม"

    การที่เมอร์ลินมีอำนาจวิเศษหลายประการทำให้บางคน ถึงกับอ้างว่าเมอร์ลินนั่นแหละที่เป็นผู้สร้างกองหินมโหฬาร "สโตนเฮนจ์" ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก โดยขนย้ายแท่งหินยักษ์เหล่านี้มาจากภูเขาพรีเซลิในแคว้นเวลส์ แล้วก่อตั้งขึ้นในที่ราบซาลิสบิวรี่ มณฑลวิลท์ไชร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ ซึ่งแท้จริงแล้ว กองหินนี้เกิดขึ้นในช่วง 3,100-1,100 ปีก่อน ค.ศ. ก่อนหน้าการถือกำเนิดของเหล่าพ่อมดและอัศวินนับพันปี

    -----------------------

    เมอร์ลิน - พ่อมดแห่งคาเมลอท

    จากตำนานของชาวอังกฤษรุ่นก่อนๆได้บันทึกเอาไว้ว่า หลังจากที่โรมันได้ล่าถอยออกจากเกาะอังกฤษ  ในอังกฤษเกิดความวุ่นวายอย่างล้นพ้นเนื่องจากแผ่นดินว่างกษัตริย์ เกิดการสู้รบกันระหว่งรัชทายาทแห่งบัลลังค์ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานเมื่อ ราชา Vortigern ผู้ซึ่งนำทัพตีฝ่าวงล้อมของพวก Saxon และหลบหนีไปยัง Snowdonia ประเทศเวลซ์ ด้วยหวังที่จะสร้างป้อมปราการบนภูเขาสูง ณ Dinas Emrys

    ซึ่งในป้อมปราการแห่งนี้ ราชา Vortigern คาดว่าตนเองน่าจะปลอดภัยจากรัชทายาทองค์อื่นๆ แต่จนแล้วจนรอดป้อมปราการแห่งนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จเสียที เนื่องจากทุกครั้งที่ป้อมใกล้จะเสร็จ ป้อมปราการแห่งนี้ก็จะถล่มลงมาทุกครั้งนำความเดือดร้อนมาสู่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก บรรดาพ่อมดในราชสำนัก (ประมาณว่าโหรหลวง) จึงถวายคำทำนายว่า นอกเสียจากว่าพื้นดินบริเวณที่ตั้งป้อมปราการนั้น จะถูกอาบไปด้วยเลือดของเด็กที่มีพ่อไม่ใช่มนุษย์เสียก่อนนั่นแล คำสาปจึงจะหาย สร้างความปั่นป่วนให้กับบรรดาคุณแม่ลูกอ่อนชาวอังกฤษทุกคนในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก แต่ Vortigern ก็สิ้นหวังอีกครั้ง เพราะต่อให้พลิกแผ่นดินหายังไง ก็ไม่รู้จะไปหาลูกครึ่งมนุษย์ - ปีศาจมาจากไหน แต่แล้ววันหนึ่ง พวกชาวบ้านลือกันว่า มีหญิงสาวให้กำเนิดลูกชายที่ไม่มีพ่อเป็นมนุษย์ออกมา ใช่แล้วครับ เมอร์ลินนั่นเอง

    เมอร์ลินถูกนำตัวไปสังเวยทันที แต่ก่อนที่จะเริ่มพิธีสังเวยนั้น เมอร์ลินได้ใช้พลังหยั่งรู้ของเขาแจ้งแก่ราชา Vortigern ว่าเหตุที่ป้อมปราการแห่งนี้สร้างไม่เสร็จก็เนื่องจากในพื้นดินแห่งนี้เป็นที่อยู่ของมังกรแดงและมังกรขาว ซึ่งมังกรแดงหมายถึงชาวอังกฤษและมังกรขาวคือพวก Saxons ในการต่อสู้กันของมังกรทั้งสอง มังกรขาวมีท่าว่าจะพิชิตมังกรแดงลงได้ แต่แล้วมังกรแดงกลับฟลิกล๊อกมาชนะได้ในที่สุด เมอร์ลินตีความหมายว่า อีกไม่นาน Vortigern จะตายและ Ambrosius Aurelianus จะขึ้นครองราชย์ต่อ ถัดมาคือ คิง Uther และสุดท้ายคือคิง Arthur ผู้ขับไล่ชาว Saxons ให้กลับประเทศไปได้ในที่สุด

    ตรงตามคำทำนาย ไม่นาน ราชา Vortigern ได้ถูกปลงพระชนม์ ต่อมา Ambrosius ได้ขึ้นครองราชย์ต่อ เมอร์ลินจึงได้อยู่ในราชสำนักตั้งแต่นั้นมา ในช่วงนั้นมีเหตุการณ์ที่น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการสังหารหมู่ขุนนางอังกฤษ 460 คนในการประชุมเพื่อสันติ ซึ่งพวก Saxon เป็นคนคิดอุบายนี้ ราชา Ambrosius ปรึกษาเมอร์ลินว่าควรจะทำอะไรดีเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ขุนนางเหล่านั้น เมอร์ลินและว่าที่กษัตริย์ Uther ได้ส่งคณะสำรวจไปที่ไอร์แลนด์เพื่อไปหาก้อนหินแห่ง Chorea Gigantum (แหวนแห่งยักษ์) และด้วยพลังของเมอร์ลินได้นำก้อนหินเหล่านี้มาสู่เกาะอังกฤษ ณ ทิศตะวันตกของ Amesbury ที่ซึ่งเมอร์ลินได้ใช้เวทย์มนต์ของเขาในการจัดเรียงหินเหล่านี้รอบๆ สุสานของขุนนางอังกฤษทั้ง 460 คน ใช่ครับ ในปัจจุบันก็คือ Stonehenge อันเลื่องลือนั่นเอง

    หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ Ambrosius บัลลังก์ได้ตกเป็นของ Uther ผู้น้อง ด้วยความช่วยเหลือของเมอร์ลินทำให้ Uther Pendragon ครอบครองแผ่นดินอังกฤษได้สำเร็จในศึกที่เมอร์ลินคาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แผ่นดินอังกฤษจะสงบสุข เมอร์ลินจึงยอมช่วยเหลือโดยการแปลงร่างของ Uther ให้เป็นร่างของ Gorlois ขุนนางชั้นสูงแห่ง Cornwall สามีของนาง Igraine ด้วยแผนลวงครั้งนี้ทำให้ Uther ในร่างแปลงของ Gorlois เดินเข้าไปในประสาทได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่ Gorlois ตัวจริงออกไปตั้งทัพนอกปราสาทแล้ว Uther จึงร่วมหลับนอนกับนาง Igraine และได้ให้กำเนิดบุตรชาย อาเธอร์ในที่สุด โดยที่ Gorlois ผู้น่าสงสารไม่รู้อะไรเลย และจนเมื่อ Gorlois ปะทะกับ Uther ในสนามรบ และถูกฆ่าโดยทหารของ Uther ในที่สุด


    เมอร์ลินกับอาเธอร์หลังจากประสูติ

    หลังจากที่เจ้าชายอาเธอร์ประสูติ เมอร์ลินได้ถวายการศึกษาแก่อาเธอร์อย่างดีที่สุด โดยให้อาศัยอยู่กับเซอร์ Ector และอย่างที่เรารู้ๆ กัน เมื่อเมอร์ลินทำลูกเล่นปักดาบลงในหินพร้อมกับคำจารึกเท่ๆ ว่าผู้ที่ดึงดาบได้คือราชาแห่งอังกฤษ ซึ่งอาเธอร์คนเดียวเท่านั้นที่ดึงได้ และได้กลายเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษในที่สุด ต่อมาเมอร์ลินได้พบกับเทพธิดาแห่งทะเลสาบ และใช้วาจาหว่านล้อมให้นางมอบของกำนัลแก่กษัตริย์อังกฤษด้วยดาบวิเศษ "เอกซ์คาลิเบอร์ - Excalibur " นั่นเอง


    เทพธิดาทะเลสาป มอบดาบให้อาเธอร์

    ตามตำนานยังกล่าวต่อไปอีกว่า เมอร์ลินเป็นผู้สร้างโต๊ะกลม และเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทุกๆ การเคลื่นไหวของกษัตริย์และเมืองคาเมลอทดีที่สุด แต่แล้วอยู่ๆ เมอร์ลินก็หายตัวไปจากตาเมลอท เมื่อเมอร์ลินหายไปก็เสมือนเล่าปี่ขาดขงเบ้ง เหมือนแมนยูขาดเซอร์ อเลกซ์ เฟอร์กูสัน อาเธอร์ทำอะไรไม่ถูก ประกอบกับมีคดีความกับนายลานซล๊อตอีก เรื่องจึงวุ่นวายไปกันใหญ่ จนกระทั่งสงครามสุดท้ายของกษัตริย์อาร์เธอ ซึ่งอาร์เธอร์บาดเจ็บสาหัสมากและสิ้นพระชนม์ในที่สุด อันเป็นสาเหตุแห่งการล่มสลายของคาเมลอทในกาลต่อมา

    สาเหตุการหายไปของเมอร์ลิน ตำนานแรกก็ว่าเมอร์ลินลืมไปว่าในโต๊ะกลมนั้นมีเก้าอี้อันตรายอยู่ และมีแต่อัศวินที่ได้รับเลือกเท่านั้นจึงจะนั่งได้ แต่ด้วยความหลงๆ ลืมๆ ทำให้เมอร์ลินบ้าจี้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ไป ท่ามกลางความตกใจของบรรดาอัศวินตลอดจนกษัตริย์อาร์เธอ เมอร์ลินถูกดูดลงไปสู่พื้นภิภพอันดำมืดและไม่สามารถหลุดออกมาได้ตลอดกาล ตำนานนี้ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เสียชื่อเมอร์ลินหมดมาตายเอาง่ายๆแบบนี้ได้ไง

    ลองมาดูอีกตำนานหนึ่งซึ่งดูโรแมนติคกว่าอันแรกนะครับ ว่ากันว่าเมอร์ลินตกหลุมรักกับ Nimue (หรือ Vivien) เทพธิดาแห่งทะเลสาบ (Lady of the Lake) เมอร์ลินยินดีสอนคาถาตลอดจนวิชาต่างๆ ให้นาง นับวันนางก็ยิ่งมีพลังมหาศาล มากเกินกว่าพลังของเมอร์ลิน จนเมื่อเมอร์ลินไม่มีอะไรจะสอนนางแล้วและเพื่อให้พลังของนางเป็นหนึ่งในยุทธภพ นางจึงขังเมอร์ลินไว้ในหอคอยแก้วผลึก ป่าแห่งนิรันดร์ ถ้ำแห่งความมืดหรือจะคุกอะไรก็ตามแต่ที่คนเราสามารถจะจินตนาการให้กักขังพ่อมดที่มีพลังมากที่สุดบนโลกมนุษย์ได้ แต่สุดท้ายคือเมอร์ลินถูกขังเอาไว้แน่นอนครับ มีการบันทึกเอาไว้ว่าเมอร์ลินรู้ซึ้งถึงผลการรบครั้งสุดท้ายดี จึงรวบรวมพลังจิตครั้งสุดท้ายไปบอกกับวิญญาณของเซอร์กาเวนให้ไปบอกอาร์เธอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้เชื่อใจลานซล๊อต อย่าบุ่มบ่ามทำการรบโดยปราศจากลานซล๊อตและนี่คือคำพูดสุดท้ายของพ่อมดแห่งเวลซ์ครับ

    "I am also the greatest fool. I love another more than I love myself, and I taught my beloved how to bind me to herself, and now no one can set me free."

    "ตัวข้าแท้จริงเป็นเพียงแค่ผู้โง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น ข้าเลือกที่จะรักคนอื่นมากกว่าเลือกที่จะรักตัวข้าเอง ข้าสอนนางอันเป็นที่รักถึงวิธีผูกมัดตัวข้าเองเอาไว้กับตัวนาง และบัดนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถปลดปล่อยพันธนาการแห่งข้าได้อีกเลย .... ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว"

    และแล้วเรื่องราวของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ก็ปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×