ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~+...เทพนิยาย...ประวัติศาสตร์...+~

    ลำดับตอนที่ #89 : การทำมัมมี่ เอามาเพิ่มเยอะๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 328
      0
      2 ต.ค. 50

    การทำมัมมีศพ


    
    	ต้นกำเนิดการทำมัมมีศพคหงจะมาจากตำนานที่กล่าวถึงเทวีไอซิสหรือเทพเจ้าอะนูบิส  ทำมัมมีพระศพเทพเจ้าโอซิริส  ภายหลังจากนำชิ้น
    ส่วนพระศพของพระองค์มาได้ครบ  14  ชิ้น  
    	แต่ตามประวัติศาสตร์ไอยคุปต์ได้ระบุไว้ว่า  การทำมัมมีศพที่ครบตามกระบวรการจริงอยู่ในสมัยช่วงราชวงศ์ที่  4  คือต้องใช้เวลานานถึง
      70  วัน  นับตั้งแต่วันเริ่มกระบวนการจนเสร็จสิ้น
    	การทำมัมมีศพภายในเวลา  70  วัน  ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ  7  ขั้นตอนดังต่อไปนึ้  
    	1.วางพระศพลงบนแท่นภายในโรงพิธี  ผู้ทำมัมมีสอดตะขอเล็ก ๆ เข้าไปทางช่องรูจมูก  เพื่อตัดเอาส่วนสมอง  ซึ่งเป็นอวัยวะที่เน่าเร็วออกมา  
    	2.ผ่าตรงช่องท้องน้อย  ดึงเอาอวัยวะภายในทั้งหมดออกมา  เช่น  กระเพาะอาหาร  ตับ  ไต  ไส้พุง  ม้าม  อวัยวะภายในเหล่านี้ต้องล้าง
    ทำความสะอาดและทำให้แห้ง  จากนั้นแต่ละส่วนก็ห่อด้วยผ้าลินิน  แล้วนำไปบรรจุในภาชนะพิเศษที่เรียกว่าคาโนปิค  อวัยวะส่วนที่เป็นหัวใจไม่ต้องดึง
    ออกมา  เนื่องจากเป็นกล้ามเนื้อ  และเน่าเปื่อยช้ากว่าอวัยวะภายในอื่น ๆ  นอกจากนั้นยังถือว่าหัวใจเป็นแหล่งสติปัญญา  และเป็นส่วนสำคัญที่ต้องคง
    ไว้ภายในร่างกาย  
    	3.ชำระล้างศพสองครั้งแล้วปล่อยให้แห้ง  จากนั้นก็ใส่สารกันเน่าเปื่อยเข้าไปภายในแทนอวัยวะที่ดึงออกมา  
    	4.ปล่อยศพให้แห้งนานประมาณ  40  วัน  โดยโรยผงสารกันเน่าเปื่อยคลุมไว้  
    	5.เมื่อครบกำหนดก็นำศพออกมาล้างทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอก  เมื่อศพแห้งสนิทก็บรรจุสารกันเน่าพิเศษ  รวมทั้งเรซิน
     ผงฝุ่น  สมุนไพร  ขี้เรื่อย  เศษผ้าม้วนเป็นวงกลมผสมยางไม้  และสารอื่น ๆ บรรจะเข้าไปภายในร่างศพ  
    	6.ใช้น้ำมันทาหรือนวดศพ  เพื่อให้ผิวหนังอ่อนนุ่มแลดูเปล่งปลั่งขึ้น  น้ำมันที่ใช้  เช่น  น้ำมันโอลิบานัม  หรือน้ำมันพิเศษที่ผสมด้วยน้ำมัน
    ไม้ชีดาร์  น้ำมันหอมจากเกเบตี  น้ำมันเลบานอน  น้ำมันเกษรคัมมิน  ยางเหลว  น้ำมันสนบริสุทธิ์  เครื่องหอม  สารนาตรอน  
    	การทาหรือนวดศพ  ผู้ทำมัมมีจะใช้เศษผ้าจุ่มน้ำมันทา  และต้องพึงระวังไว้ว่าต้องไม่พลิกร่างกลับไปทาซ้ำตรงบริเวณหน้าอกหรือช่อง
    ท้องซึ่งภายในบรรจุสิ่งต่าง ๆ ไว้แน่นอีกเป็นอันขาด  เนื่องจากถือว่าเทพเจ้าต่าง ๆ ที่สถิตอยู่ในช่องท้องจะเสด็จหนีไป  
    	จากนั้นนำเครื่องรางที่เรียกว่าอัดจั๊ต  รูปพระเนตรของเทพเจ้าฮอรัสติดไว้ตรงรอยผ่าตรงช่วงท้องน้อย  
    	7.ทาศพด้วยสารเหลวเรซินจนแห้งและผิวแข็งขึ้น  เพื่อป้องกันความชื้นเข้าไป  จากนั้นก็พันผ้าห่อศพทับตามบริเวณร่างศพทุกส่วนหลาย
    ชั้นและห่อให้เรียบเสมอกันมากที่สุด  ผ้าที่นิยมใช้มักเป็นผ้าลินิน  ซึ่งมีความยามประมาณ  100  เมตร  ผ้าที่ซื้อมาจากวิหารเทพเจ้าต่าง ๆ ถือว่าเป็น
    ผ้าศักดิ์สิทธิ์  เช่น  ผ้าศักดิ์สิทธิ์จากวิหารเทพเจ้ารา  ก็หมายถึงผ้าที่ใช้พันรูปปั้นเทพเจ้าราในวิหาร  ซึ้งถือว่ามีควาาศักดิ์สิทธิ์ที่จะก่อให้เกิดอำนาจวิเศษ
    ในการรักษาและคุ้มครองมัมมีศพตลอดไป  ชาวไอยคุปต์มักถือเคล็ดว่า  การทำอะไรก็ตามต้องทำให้ครบจำนวนเจ็ดเสมอ  ด้วยเหตุนี้การพันผ้าห่อศพ
    ก็ต้องห่อทับกัน  7  รอบ  แต่ละขั้นพันผ้าทับเครื่องรางเจ็ดชนิด
    	พิธีกรรมทางศาสนากับการทำมัมมี  พีธีกรรมทางศาสนานับว่ามีความสำคัญมาก  กล่าวกันว่าหากการทำมัมมีแต่ละขั้นตอนขาดพิธีกรรม
    ทางศาสนาประกอบก็ถือว่าการทำมัมมีไม่ครบสมบูรณ์  และไม่เป็นสิริมงคลแก่วิญญาณคนตาย  พิธีกรรมดำเนินตามขั้นตอนต่อไปนี้  
    	ภายในโรงพิธี  มีเครื่องเซ่นประเภทอาหารอย่างสมบูรณ์พร้อมทั้งไหเหล้าองุ่นว่างเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ  ครั้นถึงเวลาที่กำหนดไว้
    นักบวชผู้เป็นประธานก็เริ่มอ่านคัมภีร์ม้วนแผ่นปาปิรุสเพื่อเชิญวิญญาณคนตายให้มาเสพอาหารหวานคาวที่จัดเตรียมไว้  จากนั้นบรรดาญาติมิตรที่
    ร่วมขบวนแห่ศพมาก็จะออกไปจากห้องเหลือเพียงผู้ร่วมทำมัมมีศพนักบวช  และมีสตรี  2  คน  ที่แสดงเป็นสัญลักษณ์แทนเทวีไอซิสและเนปทิส(ตาม
    ตำนานโอซซิริสทั้งสองร่วมกันชุบชีวิตเทพเจ้าโอซิริส)  
    	นักบวชจะอ่านคำภีร์ทุกขั้นตอนของการทำมัมมี  เป็นการเรียกขวัญเรียกขวัญวัญญาณคนตายทุกระยะ  ต่างเป็นการเตือนให้ระลึกถึงแต่
    คุณงามความดีที่ผ่านมาทั้งในอดีต  ปัจจุบันและในอนาคต  และทีสำคัญที่สุดคือนักบวชต้องอธิษฐานให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพในโลกใหม่ในรูปของ
    วิญญาณอมตะ  
    	ขณะพันผ้าศพผู้เป็นประธานในพิธีต้องสวมหน้ากากสุนัขจิ้งจอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเทพเจ้าอะนูนิส  ผู้ซึ่งถือว่ามีส่วนช่วยเทวีไอซิ
    สชุบชีวิตเทพเจ้าโอซิริสขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง  
    	กระบวนการทำมัมมีต้องใช้เวลาหลายวัน  เนื่องจากแต่ละขั้นตอนต้องดำเนินไปให้ถูกต้องตามพิธีกรรมมากที่สุด  
    	หลังจากพันผ้าศพมัมมีเสร็จแล้ว  เจ้าหน้าที่ก็จะนำไปวางไว้บนแท่นหรือเตียงรูปสิงโต  จากนั้นนักบวชก็จะประกาศว่า  
    	"บัดนี้ท่านได้เกิดใหม่แล้ว  ท่านจะมีชีวิตเป็นอมตะ  จะคงความเป็นหนุ่มต่อไปชั่วกาลนาน"  
    	ต่อมาก็เป็นการนำขบวนแห่มัมมีศพไปยังสุสานฝังศพ  หรือที่ชาวไอยคุปต์เรียกว่า  นีโครโปลิส  
    	ครั้นถึงสุสานก็จะนำศพไปตั้งไว้ในโรงพิธี  จากนั้นก็นำศพบรรจุลงในโลงศพ  นำไปยังโรงพิธีชำระศพให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง  แล้วกระทำ
    เปิดปากศพต่อไป  
    	พีธีเปิดปากศพนี้ในยุคแรก ๆ ใช้กับรูปปั้นเทพเจ้า  เทวี  หรือฟาโรห์ที่เสด็จสวรรคตเท่านั้น  โดยถือว่าเป็นผู้รับวัญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ผ่าน
    ทางปาก ต่อมาในภายหลังได้ใช้กับบรรดาขุนนางชั้นสูง  ข้าราชบริพาร  ตลอดจนไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ทั่วไป
    	จุดมุ่งหมายของพิธีเปิดปากศพมัมมีก็คือเพื่อเรียกพลังแห่งชีวิต  ซึ่งออกจากร่างเดิมกลับมาใหม่  อีกทั้งยังทำให้คนตายสามารถใช้ปาก
    ได้เช่นเคย  สามารถรับประทานอาหาร  ดื่มน้ำ  พูดและหายใจได้อีกครั้ง
    	นักบวชซึ่งแต่งกายด้วยเสือคลุมหนังเสือลาย  สวมหัวสุนัขจิ้งจอกใช้วัตถุคล้ายจอบแตะที่ปากมัมมีศพ  ช่วงที่ทำพิธีเปิดปากศพ  ต้อง
    เผากำยานเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า  รวมทั้งต้องเซ่นด้วยหัวใจ  ลำตัว  หรือขาหลังของสัตว์สี่เท้าชนิดใดชนิดหนึ่ง
    	นักบวชที่ทำพิธีเซ่นวิญญาณคนตายด้วยเครื่องเซ่นและเหล้าองุ่นพร้อมทั้งโบกพัดขนนกเป็นการเอาใจ  จนแน่ใจว่าวิญญาณของคนตาย
    ได้เกิดแล้วก้จะหยุด
    	ต่อมาก็กระทำพิธีเปิดปากศพซ้ำอีกครั้ง  โดยเริ่มจากการเผากำยาน  ประพรมน้ำบนร่างมัมมี  และเชิญวิญญาณมาเสพเครื่องเซ่น  ปิด
    ท้ายด้วยการแตะปากศพอีกครั้งหนึ่งด้วยวัตถุคล้ายจอบหรือผึ่งถากไม้  เป็นอันเสร็จพีธี  ที่สำคัญก็คือตลอดระยะเวลาทำพิธีเปิดปากสวด  ต้องมีนัก
    บวชอีกหลายองค์ร่วมสวดมนตร์ตามคัมภีร์ของผู้วายชนม์  จากแผ่นม้วนปาปิรุส  เพื่อช่วยปลุกวิญญาณคนตายให้หลับมาโดยเร็ว  
    	ขั้นตอนสุดท้ายก็คือนำมัมมีศพบรรจะในโลงไม้แล้วนำไปยังห้องเก็บศพที่เตรียมไว้  โลงบรรจุมัมมีศพต้องตกแต่ง  ประดับ  แกะสลัก
    ลวดลายหรือเขียนภาพสีเป็นรูปเทวีไอซิสลเนปทิส  ทางด้านหัวและด้านท้ายโลงศพ
    	โลงศพของมัมมีศพบางรายนิยมเขียนภาพระบายสีเป็นสัญลักษณ์ดวงตาทั้งสองข้าง  ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าวิญญาณที่บรรจุอยู่ภาย
    ในโลงไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก
    
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×