ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #19 : ไกรทอง ตอนที่15 (แก้ไข)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.73K
      30
      19 เม.ย. 58

    ชายวัยกลางคนร่างกายสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงหมอนขมวดคิ้ว  มองชายหนุ่มรุ่นลูกทั้งสามด้วยใบหน้านิ่งขรึม  เขาไม่เข้าใจว่าเหตุฉไนเจ้าพวกนี้ถึงได้มีเรื่องราวในการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นมาอีก ...ด้วยเพราะเขาไม่ชอบใจที่คนในปกครองของตนไปเรื่องทะเลาะวิวาทกับพวกอันธพาลให้เสื่อมเสียเกีรยติลูกผู้ชาย   จะว่าโกรธก็ไม่ใช่   ต้องบอกว่าแค่รู้สึกเคืองใจเท่านั้นย่อมถูกต้องกว่า   เพราะพ่อของไอ้สองตัวนั่นดันขึ้นเสียงมาด่าว่าเขาฉอดๆ  หาว่าเลี้ยงคนไม่ดี  เลยทำตัวน่ารังเกียจมาทำร้ายลูกตัวเอง...ความจริงมันนะด่าแรงกว่านี้แต่ถ้าจะให้ใส่ใจกับคำด่าของมันนะเรอะ   ฝันไปเถอะ  ฟังไปก็ร้อนหูปล่าวๆ


    ถึงจะว่าไม่เอาคำคนพาลมาให้รกสมอง   แต่ยังไงก็ต้องมีปรามกันบ้างให้พอเป็นพิธี   ประเดี๋ยวมันจะเอาด่าลับหลังว่าเขาไม่รู้จักสั่งสอนหลาน   ไม่ว่ากล่าวเตือนเด็ก   และไม่ดัดนิสัยคนในปกครองให้เป็นคนดี...เฮ้อ!รำคาญโว้ย


    พวกเอ็งนี่มันยังไงกันวะถึงมีเรื่องกันได้ไม่หยุดหย่อน


    บ่นไปหนึ่งประโยคก็จิบชาแก้คอแห้งคำหนึ่ง  ด่าไปสองประโยคก็ซดชาหมดไปหนึ่งจอก   คราวนี้ด่าไปครบรอบพอดีชาเหลืออยู่ครึ่งกา


    แต่พวกมันมาหาเรื่องเราก่อนนะลุงคำ


    แล้วไง


    เพราะงั้นพวกเราก็ไม่ผิด  อีกอย่างนะลุงคำพวกมันกล้ามาหาเรื่องขนาดนี้  เราจะปล่อยให้มันเหิมเกริมเหรอจ๊ะ...คิดดูนะพวกมันกล้ายกพรรคพวกมาเยอะแยะคงกะเล่นงานพวกฉันเสียเต็มที่  ฉันถือคติประจำใจ...ถ้าเราไม่เอาตีนทาบหน้าศัตรูก่อน  เราจะเสียเปรียบมันหนาลุงคำ


    เศรษฐีคำจิบชาไปพลางรับลมเย็นที่พัดมาไปพลาง  โดยมีมือลูกสาวทั้งสองคอยบีบแขน  นวดขาดูแลเอาใจอยู่ข้างกายเอาใจพ่อ   สองหูก็คอยฟังพี่ชายผิวถ่านพล่ามไปเรื่อยประสาคนช่างเจรจา   ต่างจากไกรทองกับนันที่นั่งเงียบไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น


    จริงของไอ้เจ้าทองดำ...ถ้าจะปล่อยให้ตีนคนอื่นมาทาบหน้า  สู้เราเอาตีนตัวเองไปทาบหน้าคนอื่นมันไม่ดีกว่าเหรอ


    ยิ่งฟังยิ่งนึกคล้อยตามคารมของเด็กหนุ่มรุ่นลูก


    อือ...จริงของเอ็ง


    หากเมื่อได้ลองคิดดูดีๆแล้วประเด็นมันอยู่ตรงนั้นเสียที่ไหนกันเล่า...ไอ้นี่มันสาลิกาลิ้นทองจริงโว้ย  พูดเสียข้าเกือบเคลิ้มตาม


    แต่ครานี้เรื่องราวมันใหญ่โต เด็กหนุ่มเกือบทั้งหมู่บ้านโดนพวกเอ็ง เอ็ง และ เอ็ง เล่นงานเสียยับเยิน โดยเฉพาะไอ้เพลิงกับไอ้ไม้พ่อพวกมันจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องมันพัดผ่านไปเฉยๆแน่


    ทองดำรีบคลานปร๋อมานั่งแหมะใกล้ๆป้องปากกระซิบข้างหูยุแหย่


    ถ้าฝ่ายนั้นมันกล้าเอาเรื่องเราก็เอาเรื่องมันกลับสิจ๊ะ


    หือ?เรื่องไหนว่ะ


    อ้าว!? ลุงคำก็เรื่องของน้องแก้วกับน้องทองไงละจ๊ะ...เสร็จจากเรื่องนี้ไม่ทันข้ามเดือนพวกมันเสือกวิ่งแจ้นมาหาเรื่องพวกฉันทันที...ลุงคำอาศัยจังหวะนี้จัดการเลย


    เออ จริง...


    เศรษฐีคำพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดทองดำ...เออดี จะได้เอาเรื่องพวกมันต่อให้สะใจเล่น


    ลุงคำแค่แกล้งบอกว่าไอ้เพลิงกับไอ้ไม้มันเจ็บใจที่แพ้พวกมันเลย...โอ๊ย!!!


    ทองดำยิ่งพูดยุยิ่งสนุกปากเลยโดนมะเหงกหนักๆแบบเน้นๆเขกเข้ากลางกบาลมันจังๆจนมึนหัวไปวูบหนึ่ง


    เสือกมากเกินไปละไอ้ทองดำ  เอ็งมานั่งกับข้าเลยมา


    ไกรทองทนนั่งฟังเพื่อนพล่ามต่อไปไหวรีบลากคอมันลงมานั่งข้างกันทันที  หลังจากจัดการปิดปากไอ้เพื่อนเกลอตัวแสบสำเร็จ   เด็กหนุ่มก็หันคอมาจ้องเขม็งใส่คนด้านข้างที่นั่งหัวเราะชอบใจโดยไม่นึกสนใจจะห้ามปรามเลยสักนิด


    เมื่อเจอสายตาตำหนิส่งมาคนถูกจ้องจึงแกล้งเสหน้าหันไปชมนกชมไม้กลบเกลื่อน  จากนั้นสายตาก็หันไปทางตะเภากับตะเภาทอง  แต่สองสาวกลับไหวตัวรีบแกล้งประจบพ่อทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


    ...แต่ละคน...น่าเขกกระบาลเสียจริงเชียว


    ทางเศรษฐีคำนั้นโดนนางทองมาดักทางเอาไว้แล้วเช่นกัน


    พี่คำแก่แล้วอย่าริทำตัวเป็นเด็กให้ชาวบ้านเขานินทาลับหลังเอาได้


    เมื่อโดนเมียรักเอ่ยปรามเจ้าตัวรีบคว้าหมากพลูเข้าปากเคี้ยวแก้เก้อท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลูกสาว


    เจ้าพ่อไกรแน่ใจนะว่าจะไม่มีเรื่องวุ่นวายกันอีก


    จ๊ะป้า  ต้องขอบใจฝีปากของไอ้ทองดำเลยนะจ๊ะ  ชาวบ้านคนอื่นๆจึงไม่เอาเรื่องเอาราวฉันกับพี่นัน


    ไอ้ไกรเอ๋ย...ไอ้เพื่อนซื่อบื้อที่ชาวบ้านไม่เอาความ  ไม่ใช่เพราะข้าไปเจรจาขอให้พวกเขายอมความ  แต่มันเป็นเพราะเอ็ง.....ทุกคนในหมู่บ้านนั้นรู้ไส้รู้พุงกันดีจึงไม่มีใครนึกเวทนาไอ้หมาหมู่พวกนั้น ยิ่งโดยเฉพาะพวกมันเพิ่งจะทำอื้อฉาวยังไม่ทันซา   ดันเสือกอันธพาลพาพรรคพวกไปหาเรื่องมึงกับพี่นันจนเป็นกลายข่าวใหญ่โต


    ...อย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยนะ  ขนาดพ่อแม่ไอ้พวกที่ถูกกระทืบเขายังไม่นึกเวทนาสงสาร  แล้วคนในหมู่บ้านจะไปนึกเห็นใจทำไม  งานการไม่เคยช่วยเอาแต่เที่ยวสำมะเลเทเมาพอย่ามใจเข้าหน่อยก็เที่ยวเตร่เกี้ยวสาวไปทั่วไม่มีอะไรดีสักอย่าง


    ส่วนนางทองมาไม่คิดอะไรมากแค่ได้คำยืนยันจากปากหลานชายเจ้าหล่อนจึงค่อยคลายใจลงมากโข   ไม่ต้องกลัวว่าไกรทองจะถูกชาวบ้านด่าประนามแล้วขับไล่ออกจากหมู่บ้านให้ต้องระหกระเหินไปไหน


    ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก...พี่คำครอบครัวเราถือโอกาสนี้จัดงานบุญใหญ่ขึ้นมาคิดว่าดีไหมพี่?”


    เศรษฐีคำนั่งเคี้ยวหมากในปากจั๊บๆพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเมียรัก


    งั้นวันพรุ่งนี้พ่อจะลองไปปรึกษากับหลวงตาคงดูแล้วกันนะ  ว่าหมู่บ้านเราสมควรจะจัดงานทำบุญวันไหน...ดีเหมือนกันช่วงนี้บ้านเรามีแต่คราวเคราะห์  ทำบุญแล้วเผื่ออะไรมันจะดีขึ้น


    เมื่อได้ยินว่าหมู่บ้านจะมีการจัดงานทำบุญ  สองศรีพี่น้องตะเภาแก้ว  ตะเภาทองรวมถึงสามหนุ่มใบไม่เถาล้วนต่างตื่นเต้นดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่  ตามประสาอารมณ์หนุ่มสาวที่อยากเที่ยวงานรื่นเริงสนุกๆ


    จะได้แต่งตัวสวยๆเนอะพี่แก้ว


    จ๊ะน้องทอง  เราจะได้เดินเล่นทั่วงานให้สนุกไปเลย


    พอเห็นลูกสาวทั้งสองแสดงอาการเกินงาม  นางทองมาจึงขยับปากจะสอนสั่งแต่กลับมีมือใหญ่ๆกอบกุมปรามไว้...นางเลยหยุดไม่ว่ากล่าวบุตรสาว...ต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้านทั้งๆไม่ได้ทำผิดคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย  จึงไม่แปลกที่ตระเภาแก้วและตระเภาทองจะเผลอไผลแสดงอาการดีใจจนเกินงามเยี่ยงนี้


    ไอ้ทองดำนั้นไม่ยอมน้อยหน้า  สมองของมันเริ่มวาดฝันวิมานกลางอากาศถึงบรรยากาศสนุกสนานในงานบุญ  งานรื่นเริง  ไม่ว่าเป็นขนม  ของกิน และยังรวมไปถึง...


    ดีเหมือนกันนะ  เราสามหนุ่มรูปงามจะได้มีโอกาสเกี้ยวสาวให้ชุ่มชื้นหัวใจสักสองหรือสามคน...กึ๋ยๆ


    เห็นตาปรือปรอยฝันหวานของมันแล้ว  ไกรทองนึกคันไม้คันมืออยากจะตบหัวเกลอรักอีกสักผัวะให้หายหมั่นไส้ น่าเสียดายคราวนี้ทองดำไม่ยอมเสียทีให้เขาอีกเป็นครั้งที่สอง  พอมือเริ่มง้างมันเลยรีบกระเถิบตัวหนีห่างรัศมีไปเสียไกลลิบ...ฝากไว้เถอะไอ้ทองดำเดี๋ยวเอ็งกับข้ามีบัญชีที่ต้องสะสางกันอีก  


    แล้วพี่นันละคิดไว้หรือยังว่าจะทำอะไร


    นันเอามือกอดอกลูบคางทำท่าครุ่นคิด


    เออ นั่นดิ ทำอะไรดี...เกี้ยวสาวกับทองดำมันก็ไม่เลวแต่ขนมกับของกินมันก็น่าสนใจเหมือนกัน


    ถ้างั้นพอถึงวันงานข้ากับทองดำจะพาพี่เที่ยวให้ทั่วงานเลยนะ


    ครั้นพอเห็นเพื่อนคุยท่าทางสนุก  ทองดำเลยรีบแสลนหน้าขยับเข้าใกล้พร้อมสอดปากร่วมเข้าวงสนทนาเข้ามาทันทีทันใด  โดยมันลืมนึกถึงกำปั้นเกลอรักไปเสียสนิท


    ไม่ต้องห่วงฉันรู้ว่าเจ้าไหนอร่อย ยิ่งไปกับไอ้ไกรรับรองได้กินฟรีทุกเจ้าแน่ๆ


    กินฟรี...ใบหน้าคมสันรู้สึกสดใส สดชื่นขึ้นมาทันทีทันใดก่อนจะหันมามองหน้าไกรทองตั้งความหวังไว้เต็มที่ จนเด็กหนุ่มทำหน้าเมื่อยๆปากบ่นขมุบขมิบ โดนไอ้ทองดำมันเล่นงานคืนเข้าให้แล้ว


    ความสนิทสนมของไกรทองกับนัน  ทำให้ตระเภาแก้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ...ตั้งแต่พี่นันเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน นอกจากมาช่วยงานที่บ้านแล้วพี่ไกรก็ไม่ค่อยจะมาคุยเล่นกับข้าเหมือนเมื่อก่อน  เหตุใดพี่ถึงเหินห่างกับฉันแบบนี้...ถ้าหากฉันเป็นผู้ชายพี่ไกรจะให้ความสำคัญมากกว่าพี่นันหรือปล่าวนะ


    ดีเหมือนกันหากมีการจัดงานบุญใหญ่ๆ บางทีไอ้เสนียดจัญไรที่มีอยู่ในหมู่บ้านมันจะได้กระเด็นหายไปเสียให้หมด


    คำว่า เสนียดจัญไร ที่เอ่ยออกมาจากปากประจวบเหมาะ  เมื่อเจ้าของคำพูดหันมองหน้าไกรทองพอดิบพอดี  ให้อากาศดีๆที่เคยมีเริ่มขุ่นมัวลงจนแทบหายใจหายคอแทบไม่ออก


    เศรษฐีขวานหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของหมู่บ้านปรากฏตัวแล้ว.....ชายกลางคนผู้นี้มีร่างกายสูงใหญ่   แข็งแรงพอๆกันกับเศรษฐีคำ   ซึ่งในความจริงแล้วทั้งคู่ก็ล้วนแต่เคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาคง  และก็เท่ากับว่าทั้งสองเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับขุนไกร


    บริเวณหอนั่งอันกว้างขวางของบ้านในตอนนี้กลับคับแคบลงถนัดตา   เมื่อมีผู้คนนั่งกันอยู่อย่างคับคั่ง  คือหลวงตาคง  เศรษฐีคำ  ไกรทอง    ทองดำ    นัน    เศรษฐีขวาน   เพลิงและไม้นั่งอยู่ใจกลาง   ส่วนพื้นที่โดยรอบล้วนมีชาวบ้านทั้งหมู่บ้านนั่งจับจองอยู่แน่นขนัด.....โดยมีพวกบ่าวไพร่คอยนั่งฟังเป็นพยานทั้งด้านบนและหน้ากระไดของบ้าน


    เสียงโอดโอยระงมดังเป็นระยะและไอ้เสียงโอดครวญอยู่รายรอบนั้นไม่ใช่เสียงอื่นไกลจากที่ไหน   มันก็มาจากปากของเพลิงกับไม้   ในคราวนี้พวกมันมีพ่อมานั่งพับเพียบหน้าเหี้ยมถมึงทึงอยู่ด้านขวามือของหลวงตาคง ตรงข้ามคือเศรษฐีคำที่นั่งพับเพียบจ้องหน้าคู่อาฆาตไม่ยอมลดละ   ถัดมาจากด้านหลังของเศรษฐีคำคือฝ่ายจำเลย  ประกอบด้วย ไกรทอง  ทองดำ และนัน  ที่นั่งนิ่งรอฟังคำตัดสินอยู่เงียบๆ...ฝ่ายนางทองมาครั้นพอเห็นว่าผู้ใดมาเยียนบ้าน นางจึงรีบร้อนพาตระเภาแก้วกับตระเภาทองเข้าห้องไปทันที


    เรื่องของเรื่องคือ  ไกรทองกับนันและทองดำที่โดนหางเลข   ถูกเหล่าหนุ่มๆในหมู่บ้านให้ความว่า โดนเขาทั้งสามช่วยกันรุมทำร้ายบาดเจ็บกันไปประมาณหลายสิบคน   จนเดือดร้อนต้องให้เศรษฐีขวานออกหน้าพามาให้หลวงตาคงเป็นผู้ตัดสินคดีความ   ทั้งๆที่เรื่องนี้มิใช่กิจของสงฆ์แท้ๆ   โดยมีเศรษฐีคำเป็นผู้รับผิดชอบฝ่ายจำเลยและเศรษฐีขวานรับผิดชอบแทนพวกฝ่ายโจทย์


     “ครานี้ข้าไม่ยอมความหรอกนะไอ้คำลูกข้าสองคนโดนเล่นงานเจ็บหนักปางตายถึงเพียงนี้


    เศรษฐีคำเอือมระอากับไอ้สามคนพ่อลูกคู่นี้เต็มทน...ขนาดลูกสาวข้าสองคนเกือบโดนลูกมึงฉุดคร่า  มึงยังไม่นึกเห็นใจเอาแต่เข้าข้างลูก...สะใจกูนัก


    งั้นรึแต่สายตาของข้ากลับยังเห็นพวกมันสองคนแค่บาดเจ็บไม่ยักกะปางตายตามคำกล่าวเกินจริงของเอ็ง...อีกอย่างเจ้าเพลิงกับเจ้าไม้ก็เจ็บหนักพอๆกับเจ้าไกรแต่ไม่ยักกะเห็นมันร้องโอดครวญเกินจริงเหมือนลูกเอ็งเลยสักนิด


    เอ็งดูยังไงวะไอ้คำว่าไอ้...เอ่อ...เจ้าไกรมันเจ็บพอๆกันลูกข้า...ลูกข้าสองคนเจ็บหนักกว่าเห็นๆ


    เศรษฐีคำยักไหล่ไม่นึกสนใจคำพูดของเศรษฐีขวานแต่กลับหันหน้าประนมมือขอความช่วยเหลือจากหลวงตาคง


    เรื่องในครั้งนี้กระผมคงต้องนิมนต์ให้หลวงตาช่วยตัดสินแล้วนะขอรับ เพราะถ้ากระผมตัดสินความเดี๋ยวใครบางคนแถวนี้มันจะกล่าวหาว่ากระผมเข้าข้างเด็กมัน


    ไอ้คำ!!!


    พอได้แล้วโยมขวานแก่จนปูนนี้แล้วยังเลือดร้อนเหมือนตอนสมัยเด็กๆอีกนะ


    เมื่อหลวงตาคงเอ่ยปากปรามเศรษฐีขวานจึงยอมสงบลง  เนื่องจากว่าท่านเป็นพระสงฆ์และยังเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมาก่อนชายกลางคนเลือดร้อนจึงย่อมต้องเคารพยำเกรงเป็นธรรมดา


    เหตุการณ์มันเป็นไงมาไงถึงได้เกิดเรื่องราวแบบนี้ได้...เริ่มจากโยมขวานก่อนแล้วกัน ไหนเล่ามาสิ


    เศรษฐีขวานประนมมือตอบคำถามด้วยท่าทีและน้ำเสียงมั่นใจ...ฮึ!   พยานเยอะแยะเพียงนี้ต่อให้หลวงตาคิดจะหาทางเข้าข้างเห็นทีคงจะลำบาก


    ขอรับ...คือว่าเจ้าไกร  เจ้าคนแปลกถิ่น  และเจ้าทองดำช่วยกันรุมทำร้ายสมัครพรรคพวกของลูกกระผม  โดยเฉพาะเพลิงกับไม้ที่โดนทำร้ายหนักที่สุดขอรับหลวงตา


    ภิกษุชราสำรวจใบหน้าปูดบวมของเด็กหนุ่มแต่ละคน  ก็เห็นจริงดังคำกล่าวเศรษฐีขวานว่าไว้   ยิ่งโดยเฉพาะเพลิงกับไม้นั้นมีใบหน้าปูดบวมจนตาเกือบลืมไม่ขึ้น  เจ้าสามคนนี้ลงมือหนักไปจริงๆ


    แล้วพวกเอ็งสองคนล่ะว่ายังไง...


    เมื่อหลวงตาคงกล่าวถามเพลิงไม่รอช้ารีบเล่าเรื่องบิดเบียนใส่สีตีไข่ให้ร้ายไกรทองกับนันทันทีตามที่ซักซ้อมไว้กับทุกคนก่อนจะมาที่นี่   ซึ่งมันหวังแค่ไว้ว่าจบการตัดสินคดีความในครั้งนี้   พ่อของเขาจะใช้สิทธิ์และอำนาจที่มีเฉดหัวพวกมันออกไปจากหมู่บ้านให้หมด  ไม่อยู่ให้เป็นหนามตำตาตำใจอีก


     “พวกกระผมรวมกลุ่มกันเพื่อไปเที่ยวเล่นกันตามประสาหนุ่มๆ หากแต่อยู่ดีๆก็โดนไอ้ไกร  ไอ้ทองดำ  และไอ้นัน มาดักลอบทำร้ายบาดเจ็บกันหนักไปหลายคนขอรับ


     “อืม


    ครานี้หลวงตาหันไปถามเศรษฐีคำบ้างเพื่อจะได้ฟังเหตุการณ์จากฝ่ายจำเลยทั้งสามแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน  เพราะท่านถือว่าการฟังหูไว้หูย่อมดีกว่าฟังความข้างเดียว


    ว่าไงโยมคำ


    กระผมได้สอบถามพวกนี้แล้วขอรับ  ได้ความว่าเหตุที่เจ้าสามคนนี้ลงมือทำร้ายพวกเจ้าเพลิงจริง แต่หากที่ทำไปเป็นเพราะต้องป้องกันตัวเองจากการถูกรุมทำร้ายขอรับ


    เศรษฐีขวานที่นั่งฟังอยู่เอ่ยโพล่งออกมาอย่างไม่เชื่อในคำพูดที่เศรษฐีคำเอ่ยออกมา


    พวกมันกล้าปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายว่าลูกข้าเลยรึ!”


    ใครกันแน่ที่พูดโกหกไอ้ขวาน!”


    เจ้าไกรไงที่มันพูดโกหกสันดานพ่อมันเป็นยังไงสันดานลูกมันก็ไม่ต่างกันชายกลางคนชี้หน้าไกรทอง  อ้าปากด่ากราดไม่ยอมไว้หน้าอินหน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น...โดยลืมไปว่าเจ้าเด็กหนุ่มที่ด่าไปนั้นเป็นหลานชายของใคร


    แม้จะนั่งฟังนิ่งๆไม่ตอบโต้  หากแต่พอสองหูได้ยินขวานด่าว่าพ่อของตนเอง  ไกรทองจึงเงยนั่งจ้องตาฝ่ายตรงข้ามเขม็งสองมือหมัดกำแน่นอย่างเจ็บใจ


    สายตาเช่นนี้   แววตาแบบนี้   มึงมันหมือนไอ้ขุนไม่มีผิดทั้งหน้า กิริยา...ถ้ามึงมีเค้าแก้วผกาสักนิดกูคงไม่นึกชังและรังเกียจเดียดฉันท์ขนาดนี้หรอกไอ้ไกรจะโทษก็ต้องโทษพ่อมึง


     นี่มันเรื่องของเด็ก ไอ้ขุนมันเกี่ยวอะไรด้วยเถียงไม่ออกเอ็งอย่าพาลสิวะไอ้ขวาน


    หลวงตาคงเริ่มเห็นว่าเรื่องราวจะบานปลายจึงอาศัยผ้าเหลืองเอ่ยปากห้ามปรามเป็นครั้งที่สอง  ก่อนที่นี่จะกลายเป็นเวทีมวยคนแก่ให้ขายขี้หน้าชาวบ้านและเด็กหนุ่มๆกันเสียปล่าว 


    พอๆอย่าทะเลาะให้ขายขี้หน้าใครเขา  โยมคำถือว่าหลวงตาขอล่ะอย่ามีเรื่องกันเลย   และหลวงตาก็อยากจะขอฟังเรื่องราวจากปากพวกเด็กๆทางนี้บ้างเพื่อความยุติธรรม ...เจ้าไกรพูดมาเถอะมีสิ่งใดจงเอ่ยออกมาอย่ามดเท็จ...ส่วนโยมขวานแก่จนหัวขาวเกือบหมดหัวแล้ว  ต่อไปก่อนจะพูดสิ่งใดขอให้นึกคิดตรึกตรองให้ดี  อย่าเอาคนตายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนเป็น


    ไกรทองยังจ้องเศรษฐีขวานตาขวางไม่ยอมเลิกลา   เดือดร้อนทองดำต้องรีบเอ่ยเล่าเรื่องราวออกมาแทน


    กระผมนั้นถึงจะมาไม่ทันเหตุการณ์ทั้งหมด  แต่สิ่งที่เห็นในตอนนั้นคือไอ้ไกรกำลังจะโดนไอ้เพลิงเอาไม้ท่อนเท่าแขนจะฟาดหัวมันให้กบาลแยกขอรับ


    มึงโกหก!!!”


    จริงนะขอรับไอ้ทองดำคนนี้ขอเอาหัวเป็นประกัน


    หลวงตาคงมองหน้าทองดำสลับมองสภาพสองพี่น้อง  ความจริงคดีความนี้มันไม่มีสิ่งใดตัดสินยากเลย ไม่ต้องให้ท่านพูดตัดสินหรอกแค่เหล่าชาวบ้านที่นั่งอยู่รอบๆนี้ก็ตัดสินได้ว่าผู้ใดพูดความจริงผู้ใดพูดโกหก


    ...ภิกษุชรานึกสังเวชใจและลำบากใจไม่น้อย   ด้วยเกรงว่าหากท่านตัดสินไปตามตรงเห็นทีจะไม่มีคนในที่นี้ไม่เข้าใจ  แล้วกล่าวหาว่าเข้าข้างกันแต่ถ้าไม่ตัดสินกันดีๆเจ้าหนุ่มทั้งสามคนนี้ก็จะเป็นแพะรับบาปไปโดยปริยาย...เอาเช่นไรดีหนอ


    งั้นให้ชาวบ้านทุกคนในบริเวณนี้เป็นผู้ตัดสินแล้วกัน


     “เหตุการณ์วิวาทที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่มีคนอื่นรู้เห็นด้วยนอกจากพวกโยมทั้งหมด ฉะนั้นหากจะบอกว่าผู้ใดกล่าวเท็จหรือกล่าวจริงย่อมตัดสินใจลำบาก  ด้วยเกรงว่าจะเป็นการใส่ร้ายคนผิดทำให้คนดีต้องเดือดร้อน…”


    แววตาเยาะเย้ยสะใจหลายคู่มุ่งเป้ามาทางสามหนุ่มยิ่งไกรทองจะโดนเยอะที่สุด


    เช่นนั้นหลวงตาเลยจะขอตั้งคำถามโยมสองคนหน่อยจะได้หรือไม่โยมเพลิง โยมไม้


    ได้ขอรับ


    ไหนโยมสองคนลองนับดูสิว่าหนุ่มๆในหมู่บ้านที่บอกว่าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บนั้นมีกันประมาณกี่คน?”


    เมื่อได้ยินคำถามแรกของหลวงตา  พี่ชายคนโตอย่างเพลิงจึงอาสานับคนเจ็บตามข้อสงสัยโดยไม่ทันนึกเฉลียวใจ 


    สิบห้าคนขอรับ


    เมื่อได้รับคำตอบแล้วพระชราจึงพยักหน้าหงึกหงักแล้วเอ่ยกล่าวเสริมคล้ายน้ำเสียงชื่นชมเล็กน้อยให้ได้ยินกันถ้วนทั่วทุกคน เจ็บเยอะเนอะแสดงว่าโยมสามคนนี้สู้เก่ง เพราะแค่คนสามคนก็สามารถล้มพวกโยมที่เยอะกว่าได้


    คำพูดเนิบๆของหลวงตาคงช่างตรงกับใครหลายๆคนในที่นี้  จนเริ่มส่งเสียงวิจารณ์กันเซ่งแซ่ คนตั้งสิบห้าคนโดนสามคนรุมทำร้ายได้เช่นไร  ต้องบอกว่าคนสิบห้าคนรุมทำร้ายคนสามคนถึงจะถูก


    คำถามข้อสอง   พวกโยมไปทำอะไรที่ท้ายหมู่บ้านและทำไมต้องเป็นที่บ้านของโยมนันหลวงตาคงไม่สนใจเสียงซุบซิบรอบข้าง  ตั้งคำถามข้อต่อไปทันที


    เงียบสนิทไม่มีเสียงผู้ใดกล้าตอบออกมา...


    เพลิงตอบหลวงตาไปสิว่า  พวกเจ้ารวมตัวกันไปหว่านแหจับปลา


    เศรษฐีขวานรีบสอดปากบอกทางรอดให้แก่ลูกชาย


    เอ่อ...ใช่ขอรับพวกกระผมรวมตัวกันไปหาปลามาเผากินแกล้มเหล้ากัน


    เศรษฐีคำหรี่ตามองแบบจับผิด


    ไหนละแห? ข้าไม่เห็นเครื่องมือจับปลาอย่างที่พวกเอ็งว่าสักอัน...


    เด็กมันเจ็บหนักกันปานนั้นผู้ใดจะมานึกถึงเครื่องมือจับปลากัน


    แก้ตัวกันน้ำขุ่นๆนี่หว่าไอ้ขวาน...ทำไม?พวกมันทุกคนเก่งกันจนถึงขนาดจับปลาได้ด้วยมือปล่าวกันงั้นรึ? ที่สำคัญท่าน้ำที่อื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องเจาะจงไปท้ายหมู่บ้านด้วย...บังเอิญหรือจงใจ?”


    มึง!!!”


    ตัวแทนชาวบ้านนามว่าเจิดที่นั่งอยู่ใกล้สุดทนไม่ไหวจึงทะลุกลางปล้องขึ้นมา


    เศรษฐีขวานพอเถอะพวกข้าหาใช่ควายไม่ถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงตาท่านถามออกมา...คนผิดคือพวกท่านอย่าได้ใส่ไคล้พวกไอ้ไกรอีกเลย... ตั้งแต่ที่ข้าเห็นไอ้จอมลูกข้าเจ็บหนักกลับมาบ้าน  มันก็เอาแต่ด่าว่าไอ้ไกร  ไอ้นันและไอ้ทองดำทำมันเจ็บ  ข้าขอยอมรับอย่างไม่ละอายปากเลยนะว่า  ข้าไอ้เจิดและเมียข้าไม่มีใครเชื่อลมปากลูกชายแท้ๆของข้าแม้แต่ครึ่งคำเพราะข้ารู้จักสันดานมันดีว่ามันเป็นไม่เอาถ่านหากเปรียบเทียบกับฝ่ายไอ้สามคนนั่นแล้ว


    จบคำพูดของเจิดก็มีเสียงชาวบ้านตะโกนออกมาพร้อมกันว่า ใช่ๆ


    พอเถอะโยมขวาน   ผู้ใดผิดก็ว่ากันไปตามผิดหรือถ้าโยมไม่พอใจจะให้หลวงตาลงหวายเด็กๆมันก็ได้  แต่ต้องโดนโทษเท่ากัน...ว่าไง?”


    ใบหน้าของเศรษฐีขวานมีสีแดงเข้มดูน่ากลัว  จากอาการกระหยิ่มยิ้มย่องในตอนแรกเริ่มแตกยับเยิน...นับตั้งแต่ไอ้ขุนจนมาถึงไอ้ไกรพวกมันมีดีอะไรทุกคนดันเข้าข้างไอ้เด็กเวรนี้กันหมดไม่เว้นแม้แต่หลวงตา


    งั้นกระผมลากลับนะขอรับหลวงตา...ไปเพลิง ไม้กลับบ้าน


    เศรษฐีขวานรีบกระแทกเท้าปึงปังลงจากเรือนไปพร้อมลูกชายทั้งสองคน  แต่ยังไม่วายหันมาจ้องมองไกรทองด้วยสายตาแค้นเคืองเจ็บใจที่ดวงดีสามารถเอาตัวรอดไปได้อีกครั้ง


    ยังดีที่ยังรู้จักร่ำลาบ้าง   ไม่มองหลวงตาเป็นหัวหลักหัวตอ ภิกษุชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันขัดกับแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล...ผ่านมาหลายสิบปีเอ็งยังเครียดแค้นไม่จบไม่สิ้น...ความอาฆาตแค้นพยาบาลกัดกร่อนจิตใจคนให้บิดเบี้ยวถึงขนาดนี้เชียวรึ...


    นี้ใกล้จะได้เวลาฉันเพลแล้วหลวงตาคงจะต้องขอตัวกลับวัดแล้ว


    ไกรทองกับทองดำรีบขยับกายนิมนต์หลวงตากลับวัดอย่างรู้ในหน้าที่


    เจ้าสองคนอยู่ช่วยงานโยมคำที่นี่ให้เสร็จตามหน้าที่เถอะ...หลวงตากลับเองได้


    ถ้าเช่นนั้นกระผมจะให้หัวหน้าบ่าวในบ้านนิมนต์กลับนะขอรับ


    เห็นแก่น้ำใจเศรษฐีคำหลวงตาคงจึงพยักหน้ารับนิมนต์  แต่ก่อนที่ท่านจะกลับวัดหลวงตาเอ่ยคำกล่าวเนิบๆให้สองเด็กหนุ่มจนหนาวสันหลังรู้สึกเสียววูบ


    เสร็จงานเมื่อไรเจ้าสามคนต้องตามไปที่วัดเพื่อรับโทษจากหลวงตา โดยเฉพาะเจ้าไกรกับเจ้าทองดำต้องโดนหนักเป็นพิเศษ  ส่วนโยมนันถึงจะเป็นคนต่างถิ่นเพิ่งมาอยู่ใหม่เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษเหมือนกัน


    ครั้นเมื่อหลวงจากไปแล้ว  นันถึงได้เอ่ยปากถามสองหนุ่มด้วยความสงสัย


    เคยได้ยินคำร่ำลือว่าหลวงตาคงลงหวายหนักมือ...เจ็บมากไหม?”


    ไกรทองกับทองดำพูดเปล่งออกมาพร้อมกันว่า


    มาก!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×