คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ไกรทอง ตอนที่23 ค่ำคืนที่น่าสะพรึงกลัว
“เฮ้ย! ดื่มโว้ย! ดื่ม! ใครไม่เมา ไม่คลานห้ามกลับบ้านโว้ย!”
เสียงชายฉกรรถ์ขี้เมาทั้งหลายต่างพากันตั้งวงเหล้ากันตั้งแต่กลางวันแสกๆ โดยมีเสียงชาม เสียงไหบรรจุน้ำเมาดังกระทบกันเป็นระยะ และก็ตามมาด้วยเสียงพูดโวยวายพาที เสียงดังเฮลั่นวง ซึ่งมีวี่แววว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆตามสติที่ลดน้อยลงของผู้ที่ดื่มลงไป
เพลิง ลูกชายคนโตของเศรษฐีขวานไม่ยอมน้อยหน้าลูกน้องทั้งหลายในวงเหล้า เด็กหนุ่มยกไหเหล้าซดดื่มอึกๆ ไม่ยอมหยุดเหมือนกับว่าน้ำในไหนั้นเป็นน้ำเปล่าที่ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา
เผลอแผล่บเดียวเหล้าก็หมดไห ลูกน้องคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆรีบประจบเอาใจลูกพี่ด้วยการยกไหเหล้าใบใหม่มาให้ในทันที เพื่อกันไม่ให้ลูกพี่คนสำคัญต้องขาดตอนจนอารมณ์เสีย
“วันนี้พี่เพลิงดูคึกคักเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ฉันเห็นหลายวันมานี้ไม่ค่อยเห้นพี่มาตั้งวงเหล้าเลย จนนึกว่าพี่เลิกดื่มเหล้าเสียแล้วซะอีก”
เพลิงหยิบน่องไก่ขึ้นมาเคี้ยวคำใหญ่ๆแล้วยกไหเหล้าดื่มตามอีกอึกใหญ่ๆ “ฮ้า! ข้ายังไม่เลิกดื่มหรอกโว้ย แค่ช่วงนี้มันมีแต่เรื่องยุ่ง ไหนจะเรื่องงานของพ่อ ไหนจะเรื่องไอ้ไม้อีก ข้าเลยไม่ว่างมาดื่มเท่านั้นเอง...แถมวันนี้ยังมามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอีก ข้าเลยครึ้มใจมาเลี้ยงเหล้าพวกเอ็งนี่แหละ เต็มที่โว้ย! ไม่เมาห้ามกลับบ้าน!”
สิ้นเสียงตะโกนของลูกพี่ผู้เป็นเจ้ามือ วงเหล้าทั้งวงล้วนพากันพร้อมใจส่งเสียงเฮลั่นให้กับเรื่องดีๆและความใจป้ำที่อุตส่าห์ใจดีเลี้ยงเหล้ายา ปลาปิ้งมื้อใหญ่มื้อนี้
วันนี้เป็นวันที่เพลิงรู้สึกโล่งใจที่สุด นับตั้งแต่ไอ้ไม้น้องชายคนเดียวกลับมาบ้านหลังจากที่หายตัวไปเป็นหลายเดือนแบบไร้ซึ่งข่าวคราว
“ข้าดีใจจริงๆที่เห็นเอ็งออกมาเดินเล่นข้างนอกเสียที”
คนเป็นพี่พูดไปยิ้มไปด้วยหัวใจปลอดโปร่ง หลังจากอึดอัดใจมาหลายวันกับการทำตัวแปลกประหลาดของเจ้าน้องชายตัวดี ทั้งการขังตัวเอง ทั้งข้าวปลาแตะกินเท่าแมวดม ทั้งไม่ยอมพูดจากับใคร จนทุกคนในบ้านแทบอกแตกตาย อยากให้มันลุกขึ้นมาอาละวาดทำลายข้าวของจนบ้านแทบพังเสียยังดีกว่าให้นิ่งเงียบเป็นใบ้แบบนี้…
เด็กหนุ่มหน้าคมสันมองร่างน้องชายที่ออกมาเดินเล่นแถวหอนกด้วยท่าทีเหม่อลอย แต่ถ้าเทียบกับสีหน้าก็นับว่าดูดีขึ้นมากกว่าตอนแรกที่เจอ
ถึงแม้สารรูปของมันในตอนนี้จะไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ก็ตาม ดวงตาลึกโหลคล้ายคนอดหลับอดนอน ใบหน้าช่างดูหมองคล้ำน่ากลัว แต่ก็ยังดีที่มันเลิกหมกเก็บซ่อนตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน ออกมาเดินรับแสงแดดยามบ่ายนอกห้องเสียบ้าง แค่เดินอยู่บนบ้านก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดี
...ขอแค่ไอ้ไม้เลิกหมกตัวเองอยู่ในห้องนอน ข้าก็แทบอยากจะเข้าวัดทำบุญใหญ่แล้ว
คงเพราะไอ้ไม้มันรักน้องตระเภาทองมากจนไม่ยอมเผื่อใจ เอ็งถึงได้เตลิดจนกู่ไม่กลับเยี่ยงนี้...อย่าว่าแต่เอ็งเลย หัวใจข้าเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ถึงแม้จะดื้อดึงเฝ้ามอบดวงใจที่มีรักนี้ไปให้มากมายแต่หญิงสาวกลับไม่เคยสนใจใยดี คอยขยี้หัวใจของเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไม่ต่างจากก้อนหินไร้ค่า
ใช่ว่าจะไม่รู้ที่ถูกปฎิเสธ ...ความผิดหวังที่ได้รับนั่นมันเป็นเพราะใคร หากไม่มีมันอยู่ใกล้ๆคอยสนิทชิดเชื้อไม่อย่างนั้นน้องตระเภาแก้วต้องหันมามองข้า ไม่ว่าทั้งฐานะ หน้าตา ทุกสิ่งข้าล้วนมีครบครันไม่น้อยหน้าผู้ใด
...แต่ช่วงนี้ความโกรธและความน้อยใจทุกสิ่งอย่างสมควรที่จะหยุดพักเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้เรื่องน้องชายคนเดียวของเขานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ไม้แหงนคอมองท้องฟ้าด้วยสายตาเลื่อนลอยไร้ซึ่งชีวิตชีวา ‘ทั้งๆที่ความจริงอยากบอกพ่อ พูดคุยกับพี่ เล่าทุกอย่างให้ฟังเพื่อระบายความอัดอั้นตัดใจตลอดสามเดือนที่หายออกจากบ้านไป หากแต่เขากลับพูดไม่ออก... บอกไปใครเขาจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น ได้เจอ เพราะสิ่งที่ได้ประสบมามันไม่น่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ’
แต่หากพอนึกถึงวันคืนเมื่อถูกทรมาณและกักขังไว้ครั้งใด ความหวาดกลัวที่ถูกฝังรากลึกไว้ในใจมันก็จะเริ่มผุดขึ้นมา จนร่างกายเกิดอาการสั่นสะท้านคล้ายคนเป็นไข้ ปวดหัว และปวดท้องจนนึกอยากอ้วกออกมา
เพลิงสังเกตเห็นน้องชายเริ่มมีสีหน้าขาวซีด และท่าทางซวนเซจวนจะล้มลงไป ก็ตื่นตกใจรีบปรี่เข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนอีกฝ่ายจะล้มหัวฟาดพื้นไปจริงๆ “เฮ้ย! ไอ้ไม้เอ็งเป็นอะไรไปวะ?”
“ปะ...ปวดหัวเหมือนมันจะระเบิดออกมา”
เพลิงลองเอามืออังหน้าผากเลยรู้ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบมีอาการไข้อ่อนๆ.....คงเป็นเพราะชอบเอาแต่หมกอยู่ในห้องมาหลายวัน ซึ่งพอได้ออกมาเจอลมนิดหน่อยก็เลยมีไข้แบบนี้
“ข้าจะพาเอ็งไปนอนพักในห้องก่อนนะ”
“ไม่เอา...ไม่นอนในห้อง” ไม้ขืนตัวไม่ยอมเดินตามคนพยุงไปที่ห้องด้วยท่าทีดื้อดึง เลยทำให้พี่ชายอย่างเจ้าเพลิงต้องตามใจพาไปนอนพักแถวหอนั่งแทน เมื่อได้มาอยู่ในที่โล่งโปร่งสบายมีสายลมพัดเย็นให้สดชื่น สีหน้าของเด็กหนุ่มเลยดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
“เอ็งนอนพักเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวข้าจะใช้คนต้มยาแก้ไข้มาให้ดื่ม”
เจ้าไม้เอนตัวลงนอนอย่างว่าง่ายตามคำพี่ชาย แล้วนอนผล่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาเจ้าเพลิงถึงกลับต้องส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ
‘เอ็งไปอยู่ที่ไหนมาวะ นิสัยถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเยี่ยงนี้ ...เพราะจากคนที่เคยนิสัยชอบดื้อและหัวรั้นอย่างเอ็ง กลับกลายต้องมาเป็นคนอมทุกข์ชอบขังตัวเองไว้กับความรู้สึกแย่ๆ....โอ๊ย! ข้าอยากรู้จนใจจะขาดอยู่แล้ว’
เอาวะ! เชื่อฟังคำพ่อรอให้เอ็งดีขึ้นก่อน พยายามอย่าไปคาดคั้นมากเดี๋ยวน้องจะรู้สึกกดดันจนหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอีก...หากหายตัวไปอีก แล้วอีกกี่ปีว่ะที่มันจะกลับมา...ยิ่งตามหาตัวยากๆอยู่
เพลิงหยักไหล่ปลงกับตัวเองเดินไปทางครัวไฟใช้พวกบ่าวไพร่ต้มยา แล้วค่อยหันมาสั่งไอ้เสาลูกน้องคนสนิทคอยอยู่เฝ้าดูแลไม้เอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ก่อนจะเดินลงเรือนไปหาเหล้าดื่มหลังจากที่อดทนไม่ดื่มมาหลายวัน
…แค่คิดเขาก็ชักจะเริ่มเปรี้ยวปากขึ้นมาจนน้ำลายสอ งานการของพ่อเราล้วนทำจนเสร็จหมดแล้วส่วนไอ้ไม้นอนยังนอนไม่ตื่น ถ้าเขาไปดื่มแค่กรึ้มๆคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
‘ว่าแล้วก็ไปดีกว่า รีบไปรีบกลับ ปล่อยให้ไอ้เสาดูแลไอ้ไม้ไปก่อนแล้วกันนะ’
เมื่อตัดสินใจเสร็จสรรพเด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าไปหาวงเหล้าเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ซึ่งถ้าเพลิงรู้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับน้องชาย มันก็คงไม่ยอมทิ้งน้องชายให้อยู่ตามลำพังแบบนี้แน่ๆ
ลึกลงไปในความฝันของไม้.....เด็กหนุ่มฝันเห็นความว่างปล่าวที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดและความเงียบ รอบกายไม่มีใครเลยสักคน ... ไม่มีพ่อ ไม่มีพี่เปลว มีแค่ตัวเขาเองคนเดียวในความมืดมิดนี้
…ทุกคนอยู่ที่ไหน...ข้าอยู่ที่ไหน...ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้...
‘เพราะข้าเป็นผู้นำเจ้ามาที่นี่’
ใคร... มึงเป็นใคร...ต้องการอะไร
‘ไม่รู้จริงๆเหรอ หรือว่าเจ้าแกล้งจำข้าไม่ได้กันแน่นะ’
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง เสียงน้ำหนักของเท้าที่ดังหนักแน่น มั่นคง ย่างสุขุมเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ...และกว่าจะรู้ตัวเขาก็ไร้ซึ่งทางหนี ฝ่ามือหนากำรอบคอเหยื่อจากทางด้านหลัง ถึงแม้เจ้าของมือปริศนาจะไม่ได้ออกแรง แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่ดี
ไม้เริ่มรับรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงผู้นี้คือใคร ด้วยเพราะสำหรับเขาแล้ว ... บุรุษผู้นี้คือชายที่น่ากลัวที่สุด สารเลวที่สุด และน่าเสน่หาที่สุดเท่าที่เขาเคยได้พบเจอะเจอ
ลมหายใจร้อนๆรดเป่าหู กลิ่นกายที่คุ้นเคยโอบล้อมกาย น้ำเสียงทรงเสน่ห์กระซิบอยู่ข้างหู
‘เจ้าหนีข้าไม่พ้น...ไม่มีทางหนีพ้น...เจ้าเป็นของข้า’
ไม้สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวจับใจ แม้จะเป็นเพียงแค่ความแต่มันช่างน่ากลัวเหมือนกับได้อยู่ใกล้ๆ ...เหตุฉไนข้ายังถึงได้ฝันถึงเจ้าปีศาจตนนั้นอยู่อีก เมื่อไรมันถึงจะเลิกหลอนข้าเสียที ต้องใช้วันเวลานานเท่าไรกันข้าถึงจะลืมทุกอย่างได้...เมื่อไร
‘อย่านึกว่าเจ้าจะหนีข้าพ้น หึหึ’ เสียงของ ‘มัน’ ยังดังก้องชัดเจนอยู่ข้างหูข้า มันยังต้องการประโยชน์สิ่งใดจากข้าอีก
ไม้กุมหูงอเข่าบีบตัวเองพยายามหลีกหนีให้พ้นจากเสียงน่ากลัวนั่น ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเด็กหนุ่มอีกครั้งหลังจากที่พยายามลืมไปได้บ้างแล้ว
“อ๊ากกกก!!!”
เสียงร้องตะโกนลั่นดังก้องสร้างความตกอกตกใจให้แก่บ่าวไพร่ทั้งเรือนสะดุ้งตกใจไปตามๆกัน ไอ้เสาไม่รอช้ารีบวิ่งใส่ตีนหมาออกมาจากครัวไฟไปยังที่หอนั่งอย่างรวดเร็ว
และภาพที่มันเห็นคือลูกพี่อีกคนของมันกำลังนั่งกัดเล็บซุกตัวอยู่มุมเสา สายตากวาดมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง ปากบ่นพึมพำยั่งกับคนสติไม่ดี
“พี่ไม้” ไอ้เสาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะดูอาการว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย ทั้งๆที่เมื่อตอนบ่ายสภาพยังดูดีอยู่เลยแท้ๆ ทำไมตกเย็นมาถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“ไม่อย่าเข้ามา! ไป!ไป!อย่าเข้ามา! อย่ามายุ่งกับกู”
ไม้ตะโกนไล่อย่างเสียสติทันทีที่เห็นว่ามีคนเดินขยับเข้ามาใกล้ จนไอ้เสาตกใจต้องรีบถอยห่างออกมา
...เวรกรรมแท้ๆ เศรษฐีขวานกับพี่เพลิงก็ยังไม่กลับมา เอายังไงดีว่ะ
“พี่ไม้จำฉันไม่ได้เหรอจ๊ะ ไอ้เสาไง ไอ้เสานะ”
“ไอ้เสา...เสาไหนว่ะกูไม่รู้จัก!กูไม่รู้จัก!” ไม้ส่งเสียงเอะอะดังลั่นทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงรีบถอยกรูดห่างออกมาอีกหน่อย ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะอาละวาดหนักกว่าเก่า
“จ๊ะๆไม่รู้จักจ๊ะ ไม่รู้จัก ใจเย็นนะจ๊ะพี่ไม้”
พิโธ่! ลูกพี่กูทำตัวเช่นคนบ้าแบบนี้แล้วจะให้กูทำยังไงดีเนี่ย
“พี่ไม้หิวรึยังจ๊ะ ใกล้ค่ำแล้วคงจะหิวแย่เลย ดะ...เดี๋ยวฉันให้คนตั้งสำรับเลยนะจ๊ะ”
“ใกล้ค่ำ?” ไม้ตวัดสายตามองท้องฟ้าด้านนอกก็เบิกตากว้างด้วยความกลัว ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจากแสงแดดยามบ่ายกลับกลายเป็นแสงสีแดงอมส้ม
... ‘มัน’ กำลังจะมา ยามใดเมื่อพระอาทิตย์หายลับไป ‘มัน’ จะโผล่มากับความมืด... ‘มัน’ กำลังจะมาเอาข้าไป...ไม่ ข้าต้องหนี...หนีไปให้ไกลจาก ‘มัน’
“พี่ไม้จะไปไหน!? เฮ้ย เร็ว!พวกเรามาช่วยกันจับพี่ไม้เอาไว้!”
ไอ้เสารีบร้องบอกคนงานทุกคนในบ้านให้ช่วยกันหยุดเด็กหนุ่มแต่ก็ช้าเกินไป...ไม้อาศัยช่วงที่กำลังชุลมุนเผ่นหนีลงจากเรือนวิ่งหายลับไปทางสวนด้านหลัง
เด็กหนุ่มวิ่งหนีไปเรื่อยๆเท่าที่สองขาจะพาหนีไปได้ ฟ้าใกล้มืดเต็มทีเขาควรจะหนีไปที่ไหนดี ‘มัน’ ถึงจะมาลากตัวเขากลับไปไม่ได้ ...ควรไปที่ไหน...ข้าควรไปที่ไหน!
ระหว่างที่กำลังสับสนปนหวาดกลัวจนไร้สติ วิ่งหนีสะเปะสะปะ ล้มลุกคลุกคลานอยู่สักพัก ไม้ก็ได้วิ่งมาถึงกุฏิของหลวงตาคง
เมื่อรู้ว่าอยู่ที่ไหนร่างสูงไม่รอช้ารีบวิ่งเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที จนทองดำที่กำลังจัดเตรียมกางมุงให้หลวงตาอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง
“ไอ้ไม้มืดค่ำปานฉะนี้แล้ว เหตุใดถึงได้พรวดพราดเข้ามา...?”
ประโยคกล่าวเตือนต้องหยุดลง เมื่อเด็กหนุ่มผิวถ่านมองเห็นสภาพไอ้ไม้เต็มสองตา ทองดำถึงกับจ้องมองผู้บุกรุกในยามวิกาลด้วยความมึนงงสงสัย “นี่เอ็งไปคลุกขี้ดินที่ไหนมา? สภาพเอ็งถึงดูไม่ได้เยี่ยงนี้ว่ะ”
ไม้ไม่ยอมตอบคำถามอะไรทั้งนั้น นอกจากคลานคุกเข่าเข้าไปหาหลวงตาคงที่นั่งสมาธิอยู่หน้าองค์พระพุทธรูปด้วยท่าทีตัวสั่นงันงก ...
ภิกษุชราลืมตาตื่นขึ้นมาคล้ายท่านจะรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และเมื่อท่านได้มองเห็นสภาพของเจ้าไม้แล้ว ท่านก็ถอนหายใจออกมาด้วยความสังเวชใจ ‘เวรกรรมจริงหนอไม้เอ้ย’
“ทองดำ”
“ขอรับหลวงตา”
“มาพาเจ้าไม้ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด หาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนทีนะ”
ไม้ส่ายหน้าขืนตัวไม่ยอมตามทองดำไปล้างตัวด้านนอกกุฏิ แม้จะถูกดึง ถูกลากมันก็ยังขืนตัวปักหลั่กไม่ยอมไป จนเด็กหนุ่มผิวถ่านถึงกับเหนื่อยหอบฮักๆ
“อย่ากลัวไปเลย ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่นแล้วค่อยมานอนหลับพักผ่อนให้สบายใจเถอะ”
“คืนนี้จะให้ไอ้ไม้นอนหน้ากุฏิกับกระผมหรือขอรับหลวงตา” ทองดำหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ท่านพูดกับไม้ออกมา
“ใช่ คืนนี้เจ้าไม้จะนอนค้างที่กุฏิแต่ไม่ใช่ข้างนอก นอนข้างในนี่แหละรวมทั้งเจ้าด้วยทองดำ”
ทองดำชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “กระผมด้วยรึขอรับ...แล้วหลวงตาจะนอนไหนล่ะขอรับ”
“คืนนี้หลวงตาจะไม่นอนในกุฏิหรอกนะ แต่จะไปนั่งสมาธิในโบสถ์แทน”
“ทำไมล่ะขอรับหลวงตา”
หลวงตาคงมองพระพุทธรูปเบื้องหน้าด้วยจิตที่นิ่งและสงบเยือกเย็น
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด พวกที่เล่นของนิยมจะปล่อยของออกมาฉะนั้นเจ้าสองถึงต้องมานอนข้างในกุฏินี้แทน...ทองดำหลังจากที่พาเจ้าไม้อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ก็จงปิดหน้าต่าง อุดรู อุดรอยรั่วทุกที่ในกุฏิอย่าให้มีช่องว่างเหลือเด็ดขาด และที่สำคัญจงปิดประตูลงกลอนหน้าต่าง บานประตูให้แน่นหนา หากได้ยินเสียงสิ่งใดหรือเสียงเรียกขานก็ห้ามเปิดประตูออกไปดูเด็ดขาด จนกว่าจะได้ยินเสียงไก่ขันบอกยามบิณฑบาตร...เข้าใจไหม?”
ทองดำรับคำภิกษุชราด้วยน้ำเสียงแข็งขันก่อนจะรีบพาไม้ไปล้างตัว แล้วกลับมาปฎิบัติตามคำสั่งของหลวงตาอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมันรู้ดีว่าวันใดที่เป็นคืนเดือนมืดหลวงตาคงมักจะทำเช่นนี้เสมอ แต่สิ่งที่ผิดแปลกไปก็มีเพียงหลวงตาจะไปนั่งสมาธิในโบสถ์ หาใช่นั่งสมาธิในกุฏิเหมือนเช่นทุกครั้ง
‘เอาเถอะ หลวงตาย่อมจะมีเหตุผลที่เราไม่เข้าใจก็เป็นได้’
เหมือนกับที่บ้านเศรษฐีขวาน หลังจากที่ลูกชายคนเล็กวิ่งหนีออกจากบ้านไปได้ไม่นาน ลูกน้องอย่างไอ้เสาก็รีบวิ่งโกยอ้าวไปที่วงเหล้าอย่างไม่รอช้า ซึ่งทันทีที่รู้ข่าวน้องชายเพลิงรีบบึ่งกลับมาบ้านเพื่อจะเตรียมเกณฑ์บ่าวไพร่ในบ้านให้ช่วยพากันออกตามหา
แต่ทว่า ….
“ไม่ต้องคืนนี้พวกเอ็งทุกคนต้องอยู่แต่ในห้องห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะพ่อ ไอ้ไม้หนีออกจากบ้านไปนะ ถ้าพวกเราไม่รีบตามหาเกิดมันหนีเตลิดไปไม่กลับมาจะทำยังไง ลูกจะไปตามหาน้อง” ครั้งนี้เพลิงไม่ยอมฟังคำสั่งพ่อรั้นจะเกณฑ์กำลังคนออกไปจริงๆให้ได้ในคืนนี้
“ไอ้เพลิง!!” เศรษฐีต่อยหน้าลูกหนึ่งหมัดทำเอาลูกชายคนโตถึงกับอึ้งในการกระทำของพ่อ
“ที่ข้าต่อยเอ็ง หนึ่งเพื่อข้าจะได้เตือนสติเอ็งไม่ให้วู่วามผลีผลามออกไป สองเป็นการลงโทษที่เอ็งกล้าทิ้งน้องไว้ให้มันอยู่คนเดียว ทั้งๆที่เอ็งก็รู้ว่ามันเป็นยังไง...เพราะเอ็งชะล่าใจเกินไปเรื่องมันถึงได้วุ่นวายแบบนี้”
“เพราะงั้นแหละฉันถึงต้องรีบไปตามหามันกลับบ้าน”
เศรษฐีขวานยกมือห้ามปรามลูกชายคนโตเอาไว้พร้อมกับเอ่ยบอกเหตุผล “ไอ้ไม้ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้มันอยู่กับหลวงตาที่วัดฉะนั้นพวกเราวางใจได้ว่ามันจะปลอดภัย”
“พ่อรู้ได้เช่นไรว่าน้องอยู่กับหลวงตา”
“เอาเป็นว่าข้ารู้แล้วกัน เพราะงั้นคืนนี้ข้าขอสั่งห้ามใครไปไหนทั้งนั้น ไอ้เสาเอ็งรีบไปบอกคนงานทุกคนว่าคืนนี้ให้พวกมันอยู่แต่ในห้องห้ามเปิดประตู หน้าต่างเด็ดขาด หากห้องใครมีรู มีช่องว่างก็จงอุดไว้เสียให้เรียบร้อย”
เพลิงมองหน้าพ่อของมันด้วยสายตาไม่เข้าใจแต่ยังไม่ทันจะอ้าปากถามเศรษฐีขวานก็เอ่ยปากเฉลยคำตอบแทรกขึ้นมา “คืนนี้เป็นคืนปล่อยของ หากดูจากฤกษ์ยามคืนนี้แล้วของที่ถูกปล่อยออกมาล้วนแต่อาจทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้...คืนนี้ข้าถึงได้ห้ามทุกคนไปไหนตอนกลางคืน โดยเฉพาะเอ็งคืนนี้ไปอยู่กับพ่อที่ห้องพระ...พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตามน้องกลับบ้าน”
เพลิงรับคำพ่ออย่างว่าง่ายก่อนจะเดินตามหลังเข้าไปในห้องพระ แม้ในใจจะห่วงน้องชายมากแต่เขาก็เชื่อว่าถ้าไม้อยู่กับหลวงตาคงจริง มันคงจะไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกเพราะท่านเป็นพระที่เก่งมาก น้องชายของเขาจะรอดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงแน่นอน
ช่วงเวลาดึกสงัดระหว่างที่ทองดำกำลังหลับไหลนอนฝันหวานอยู่ในมุ้ง จู่ๆหูของเด็กหนุ่มได้แว่วเสียงบ่นงึมงำให้ได้ยินเป็นพักๆ
‘หรือว่าไอ้ไม้จะนอนละเมอวะ’
ทองดำทนสงสัยอยู่ได้ไม่นาน ยอมละทิ้งฝันอันแสนสุขลืมตาตื่นหันมองไปตามเสียง ก็ตกใจจนกระโดดลุกขึ้นมานั่งแทบจะร้องว้ากออกมาครั้นเห็นเงาดำๆใหญ่ๆนั่งกอดเข่าอยู่ด้านข้างมัน แต่หากพอได้สติแล้วลองเพ่งมองดูดีๆไอ้เงาดำที่มันกลัว กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าคมสันที่ตอนนี้กำลังนั่งซุกตัวกอดเข่าแทน
“โธ่!ไอ้ไม้หัวใจกูเกือบวายตายเพราะเอ็งแล้วไหมล่ะ ดึกดื่นป่านนี้แล้วเหตุใดยังไม่ยอมหลับยอมนอนมานั่งซุกตัวอยู่แบบนี้ด้วยว่ะ?”
ตาแดงกล่ำขนาดนี้แสดงว่ามันยังไม่ได้นอนเลยสินะ เป็นอะไรของมันอีกเนี่ย?
ร่างสูงไม่ตอบอะไรนอกจากเอาแต่บ่นเสียงกระซิบกับตัวเองซ้ำไปวนมาครั้นพอทองดำเหงี่ยหูฟังดีๆก็ได้ยินว่า
‘นอนไม่ได้มันกำลังจะมา...นอนไม่ได้มันกำลังจะมา...มันกำลังจะมาแล้ว’
มันกำลังจะมา...ใคร? ไอ้เพลิงรึจะมาหา ตอนนี้เนี่ยนะ?
ตึก ตึก ตึก ตึก
ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามให้คลายสงสัย ทั้งทองดำและไม้ต่างก็ได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาเดินย่ำอยู่ด้านนอกรอบกุฏิไม่ยอมหยุด จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังกุกกักดังตามจุดต่างๆ ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองคนสะดุ้งโหยงตกใจกลัวไปตามๆกัน
...บ้าเอ้ย! เสียงอะไรว่ะ
เสียงก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก ดังมาจากทุกทิศทุกทาง หน้าต่าง บานประตู ไม่เว้นแม้แต่บนหลังคากุฎิ ทำเอาคนที่ไม่กลัวผีอย่างทองดำถึงกับขนลุกชันด้วยความกลัวจับใจ
“แย่ล่ะสิ! หลวงตาอยู่ที่โบสถ์” ด้วยความเป็นห่วงทองดำเลยรีบมุดตัวออกจากมุ้งไปที่ประตู ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูก็ถูกเสียงร้องโวยวายหวาดกลัวของไม้ดังแทรกขึ้นมา
หากได้ยินเสียงสิ่งใดหรือเสียงเรียกขานก็ห้ามเปิดประตูออกไปดูเด็ดขาด จนกว่าจะได้ยินเสียงไก่ขันบอกยามบิณฑบาตร...เข้าใจไหม?
ทองดำระลึกได้ถึงคำเตือนของหลวงตา ‘ถ้าหากข้าฝ่าฝืนคำเตือนของหลวงตาเปิดประตูออกไป...บางทีคนที่จะเป็นอันตรายอาจไม่ใช่ข้าหรือหลวงตาแต่คงเป็นไอ้ไม้ การที่หลวงตาออกไปนั่งสมาธิที่โบสถ์ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้านี่ให้รอดพ้นจาก...อะไรบางอย่างสินะ...’
ไอ้ไม้เองก็คงพอจะรู้ถึงได้หนีมาหาหลวงตาที่นี่
ถึงนิสัยของพวกเขาจะไม่ลงรอยกัน ชอบเขม่นหาเรื่องทำร้ายกันสารพัด แต่พอได้เห็นสภาพของศัตรูในตอนนี้แล้ว เขายอมรับเลยว่าใจอ่อนและสงสารมันยิ่งนัก
หลังจากที่ชั่งใจอยู่พักใหญ่ ทองดำจึงคลานกลับเข้าไปอยู่ในมุ้งตามเดิมก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้ เพื่อให้คลายความหวาดกลัวและเพิ่มความอุ่นใจว่ามันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
อ้อมกอดของทองดำที่คอยปลอบประโลมนี้ทำให้ไม้สามารถสงบสติอารมณ์ลงไปได้มากโข จนเด็กหนุ่มมีทีท่าสงบลงไม่เอาแต่หวาดกลัวเหมือนเก่า
ในระหว่างที่กอดกันจู่ๆกุฎิก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งหลังคล้ายกับใครมาจับเขย่า จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแตกของโอ่งหลายใบที่หน้ากุฎิจนดังเลื่อนลั่น พร้อมกับเสียงกู่ร้องคั่งแค้นคำรามดังก้องจนแสบแก้วหู คล้ายกับว่า ‘มัน’ กำลังโกรธจัด
ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองคนในกุฎิถึงกับผวากอดกันแน่นกว่าเดิม ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั้นมันคืออะไร เหตุใดจึงมีฤทธิ์เดชมากมายเพียงนี้
...พุทโธ ธัมโม สังโฆ กูอยู่กับหลวงตามาตั้งแต่เล็กเห็นผี เจอเรื่องลี้ลับมามากมายแต่ไม่เคยมีครั้งใดน่ากลัวเท่าครั้งนี้เลยว่ะ หรือว่า ‘ไอ้’ ที่อยู่ข้างนอกจะไม่ธรรมดา
ทางฝากฝั่งของพญากุมภีร์ผู้เกรียงไกร ที่กำลังยืนมองสถานการณ์ข้างนอกอยู่เงียบๆ เพราะถึงแม้ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนเดือนมืดก็หาได้มีผลกระทบกับเขาไม่ เสียงคำรามกู่ร้องดังก้องไกลมาถึงนี่ได้แสดงว่ามีอิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดา
และผู้ใดคือเจ้าของเสียงร้องนี้ชาละวันย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ “นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องนอกแผนเพิ่มขึ้นมาให้ปวดดหัวอีกแล้ว”
“อื้อ” ชาละวันทอดสายตาหันไปมองไกรทองที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในมุ้งด้วยแววตาอบอุ่นและเอ็นดู
เอาเถอะ...เรื่องน่าปวดหัวของเจ้านั่นโยนไปให้ท่านแม่ทัพใหญ่อย่างคณัสนันท์จัดการก็แล้วกัน
เพราะข้าในตอนนี้ขอนอนกอดเจ้าเด็กน้อยขี้เซาให้ร่างกายหายหนาวดีกว่า เรื่องอะไรจะให้ค่ำคืนดีๆแบบนี้มาถูกทำให้เสียอารมณ์
...จริงไหม? เด็กน้อยที่น่ารักของข้า
***************************************
รู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่ ไอ้ฉากจับกินเอาไว้ตอนหน้าแล้วกัน
ปล.มันไม่มีอะไรในก่อไผ่หรอกนะ อย่าไปหมุดหามันละ
ความคิดเห็น