ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #27 : ไกรทอง ตอนที่23 ค่ำคืนที่น่าสะพรึงกลัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.05K
      41
      29 พ.ค. 57

    “เฮ้ย! ดื่มโว้ย! ดื่ม! ใครไม่เมา ไม่คลานห้ามกลับบ้านโว้ย!”


    เสียงชายฉกรรถ์ขี้เมาทั้งหลายต่างพากันตั้งวงเหล้ากันตั้งแต่กลางวันแสกๆ   โดยมีเสียงชาม  เสียงไหบรรจุน้ำเมาดังกระทบกันเป็นระยะ   และก็ตามมาด้วยเสียงพูดโวยวายพาที   เสียงดังเฮลั่นวง  ซึ่งมีวี่แววว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆตามสติที่ลดน้อยลงของผู้ที่ดื่มลงไป


    เพลิง ลูกชายคนโตของเศรษฐีขวานไม่ยอมน้อยหน้าลูกน้องทั้งหลายในวงเหล้า  เด็กหนุ่มยกไหเหล้าซดดื่มอึกๆ ไม่ยอมหยุดเหมือนกับว่าน้ำในไหนั้นเป็นน้ำเปล่าที่ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา


    เผลอแผล่บเดียวเหล้าก็หมดไห  ลูกน้องคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆรีบประจบเอาใจลูกพี่ด้วยการยกไหเหล้าใบใหม่มาให้ในทันที  เพื่อกันไม่ให้ลูกพี่คนสำคัญต้องขาดตอนจนอารมณ์เสีย


    “วันนี้พี่เพลิงดูคึกคักเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ฉันเห็นหลายวันมานี้ไม่ค่อยเห้นพี่มาตั้งวงเหล้าเลย จนนึกว่าพี่เลิกดื่มเหล้าเสียแล้วซะอีก”


    เพลิงหยิบน่องไก่ขึ้นมาเคี้ยวคำใหญ่ๆแล้วยกไหเหล้าดื่มตามอีกอึกใหญ่ๆ “ฮ้า! ข้ายังไม่เลิกดื่มหรอกโว้ย  แค่ช่วงนี้มันมีแต่เรื่องยุ่ง ไหนจะเรื่องงานของพ่อ ไหนจะเรื่องไอ้ไม้อีก ข้าเลยไม่ว่างมาดื่มเท่านั้นเอง...แถมวันนี้ยังมามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอีก  ข้าเลยครึ้มใจมาเลี้ยงเหล้าพวกเอ็งนี่แหละ เต็มที่โว้ย! ไม่เมาห้ามกลับบ้าน!”


    สิ้นเสียงตะโกนของลูกพี่ผู้เป็นเจ้ามือ  วงเหล้าทั้งวงล้วนพากันพร้อมใจส่งเสียงเฮลั่นให้กับเรื่องดีๆและความใจป้ำที่อุตส่าห์ใจดีเลี้ยงเหล้ายา ปลาปิ้งมื้อใหญ่มื้อนี้ 


    วันนี้เป็นวันที่เพลิงรู้สึกโล่งใจที่สุด นับตั้งแต่ไอ้ไม้น้องชายคนเดียวกลับมาบ้านหลังจากที่หายตัวไปเป็นหลายเดือนแบบไร้ซึ่งข่าวคราว  


    “ข้าดีใจจริงๆที่เห็นเอ็งออกมาเดินเล่นข้างนอกเสียที”


    คนเป็นพี่พูดไปยิ้มไปด้วยหัวใจปลอดโปร่ง  หลังจากอึดอัดใจมาหลายวันกับการทำตัวแปลกประหลาดของเจ้าน้องชายตัวดี   ทั้งการขังตัวเอง   ทั้งข้าวปลาแตะกินเท่าแมวดม   ทั้งไม่ยอมพูดจากับใคร  จนทุกคนในบ้านแทบอกแตกตาย  อยากให้มันลุกขึ้นมาอาละวาดทำลายข้าวของจนบ้านแทบพังเสียยังดีกว่าให้นิ่งเงียบเป็นใบ้แบบนี้…


    เด็กหนุ่มหน้าคมสันมองร่างน้องชายที่ออกมาเดินเล่นแถวหอนกด้วยท่าทีเหม่อลอย  แต่ถ้าเทียบกับสีหน้าก็นับว่าดูดีขึ้นมากกว่าตอนแรกที่เจอ


    ถึงแม้สารรูปของมันในตอนนี้จะไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ก็ตาม  ดวงตาลึกโหลคล้ายคนอดหลับอดนอน   ใบหน้าช่างดูหมองคล้ำน่ากลัว   แต่ก็ยังดีที่มันเลิกหมกเก็บซ่อนตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน  ออกมาเดินรับแสงแดดยามบ่ายนอกห้องเสียบ้าง   แค่เดินอยู่บนบ้านก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดี


    ...ขอแค่ไอ้ไม้เลิกหมกตัวเองอยู่ในห้องนอน  ข้าก็แทบอยากจะเข้าวัดทำบุญใหญ่แล้ว


    คงเพราะไอ้ไม้มันรักน้องตระเภาทองมากจนไม่ยอมเผื่อใจ เอ็งถึงได้เตลิดจนกู่ไม่กลับเยี่ยงนี้...อย่าว่าแต่เอ็งเลย หัวใจข้าเองก็เจ็บไม่แพ้กัน   ถึงแม้จะดื้อดึงเฝ้ามอบดวงใจที่มีรักนี้ไปให้มากมายแต่หญิงสาวกลับไม่เคยสนใจใยดี คอยขยี้หัวใจของเขาซ้ำแล้ว   ซ้ำเล่า  ไม่ต่างจากก้อนหินไร้ค่า


    ใช่ว่าจะไม่รู้ที่ถูกปฎิเสธ ...ความผิดหวังที่ได้รับนั่นมันเป็นเพราะใคร  หากไม่มีมันอยู่ใกล้ๆคอยสนิทชิดเชื้อไม่อย่างนั้นน้องตระเภาแก้วต้องหันมามองข้า ไม่ว่าทั้งฐานะ หน้าตา ทุกสิ่งข้าล้วนมีครบครันไม่น้อยหน้าผู้ใด


    ...แต่ช่วงนี้ความโกรธและความน้อยใจทุกสิ่งอย่างสมควรที่จะหยุดพักเอาไว้ก่อน  เพราะตอนนี้เรื่องน้องชายคนเดียวของเขานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด


    ไม้แหงนคอมองท้องฟ้าด้วยสายตาเลื่อนลอยไร้ซึ่งชีวิตชีวา  ‘ทั้งๆที่ความจริงอยากบอกพ่อ พูดคุยกับพี่ เล่าทุกอย่างให้ฟังเพื่อระบายความอัดอั้นตัดใจตลอดสามเดือนที่หายออกจากบ้านไป หากแต่เขากลับพูดไม่ออก... บอกไปใครเขาจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น ได้เจอ  เพราะสิ่งที่ได้ประสบมามันไม่น่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ’


    แต่หากพอนึกถึงวันคืนเมื่อถูกทรมาณและกักขังไว้ครั้งใด   ความหวาดกลัวที่ถูกฝังรากลึกไว้ในใจมันก็จะเริ่มผุดขึ้นมา   จนร่างกายเกิดอาการสั่นสะท้านคล้ายคนเป็นไข้    ปวดหัว   และปวดท้องจนนึกอยากอ้วกออกมา


    เพลิงสังเกตเห็นน้องชายเริ่มมีสีหน้าขาวซีด  และท่าทางซวนเซจวนจะล้มลงไป   ก็ตื่นตกใจรีบปรี่เข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนอีกฝ่ายจะล้มหัวฟาดพื้นไปจริงๆ “เฮ้ย! ไอ้ไม้เอ็งเป็นอะไรไปวะ?”


    “ปะ...ปวดหัวเหมือนมันจะระเบิดออกมา”


    เพลิงลองเอามืออังหน้าผากเลยรู้ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบมีอาการไข้อ่อนๆ.....คงเป็นเพราะชอบเอาแต่หมกอยู่ในห้องมาหลายวัน   ซึ่งพอได้ออกมาเจอลมนิดหน่อยก็เลยมีไข้แบบนี้


    “ข้าจะพาเอ็งไปนอนพักในห้องก่อนนะ”


    “ไม่เอา...ไม่นอนในห้อง” ไม้ขืนตัวไม่ยอมเดินตามคนพยุงไปที่ห้องด้วยท่าทีดื้อดึง    เลยทำให้พี่ชายอย่างเจ้าเพลิงต้องตามใจพาไปนอนพักแถวหอนั่งแทน   เมื่อได้มาอยู่ในที่โล่งโปร่งสบายมีสายลมพัดเย็นให้สดชื่น  สีหน้าของเด็กหนุ่มเลยดูดีขึ้นมาเล็กน้อย


    “เอ็งนอนพักเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวข้าจะใช้คนต้มยาแก้ไข้มาให้ดื่ม”


    เจ้าไม้เอนตัวลงนอนอย่างว่าง่ายตามคำพี่ชาย   แล้วนอนผล่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว   ทำเอาเจ้าเพลิงถึงกลับต้องส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ


    ‘เอ็งไปอยู่ที่ไหนมาวะ  นิสัยถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเยี่ยงนี้ ...เพราะจากคนที่เคยนิสัยชอบดื้อและหัวรั้นอย่างเอ็ง   กลับกลายต้องมาเป็นคนอมทุกข์ชอบขังตัวเองไว้กับความรู้สึกแย่ๆ....โอ๊ย! ข้าอยากรู้จนใจจะขาดอยู่แล้ว’


    เอาวะ!  เชื่อฟังคำพ่อรอให้เอ็งดีขึ้นก่อน  พยายามอย่าไปคาดคั้นมากเดี๋ยวน้องจะรู้สึกกดดันจนหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอีก...หากหายตัวไปอีก  แล้วอีกกี่ปีว่ะที่มันจะกลับมา...ยิ่งตามหาตัวยากๆอยู่


    เพลิงหยักไหล่ปลงกับตัวเองเดินไปทางครัวไฟใช้พวกบ่าวไพร่ต้มยา  แล้วค่อยหันมาสั่งไอ้เสาลูกน้องคนสนิทคอยอยู่เฝ้าดูแลไม้เอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา    ก่อนจะเดินลงเรือนไปหาเหล้าดื่มหลังจากที่อดทนไม่ดื่มมาหลายวัน


    …แค่คิดเขาก็ชักจะเริ่มเปรี้ยวปากขึ้นมาจนน้ำลายสอ   งานการของพ่อเราล้วนทำจนเสร็จหมดแล้วส่วนไอ้ไม้นอนยังนอนไม่ตื่น  ถ้าเขาไปดื่มแค่กรึ้มๆคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง


    ‘ว่าแล้วก็ไปดีกว่า   รีบไปรีบกลับ   ปล่อยให้ไอ้เสาดูแลไอ้ไม้ไปก่อนแล้วกันนะ’


    เมื่อตัดสินใจเสร็จสรรพเด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าไปหาวงเหล้าเพื่อผ่อนคลายอารมณ์   ซึ่งถ้าเพลิงรู้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับน้องชาย    มันก็คงไม่ยอมทิ้งน้องชายให้อยู่ตามลำพังแบบนี้แน่ๆ


    ลึกลงไปในความฝันของไม้.....เด็กหนุ่มฝันเห็นความว่างปล่าวที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดและความเงียบ รอบกายไม่มีใครเลยสักคน ... ไม่มีพ่อ  ไม่มีพี่เปลว  มีแค่ตัวเขาเองคนเดียวในความมืดมิดนี้


    …ทุกคนอยู่ที่ไหน...ข้าอยู่ที่ไหน...ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้...


    ‘เพราะข้าเป็นผู้นำเจ้ามาที่นี่’


    ใคร... มึงเป็นใคร...ต้องการอะไร


    ‘ไม่รู้จริงๆเหรอ  หรือว่าเจ้าแกล้งจำข้าไม่ได้กันแน่นะ’


    เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง  เสียงน้ำหนักของเท้าที่ดังหนักแน่น มั่นคง  ย่างสุขุมเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ...และกว่าจะรู้ตัวเขาก็ไร้ซึ่งทางหนี   ฝ่ามือหนากำรอบคอเหยื่อจากทางด้านหลัง   ถึงแม้เจ้าของมือปริศนาจะไม่ได้ออกแรง   แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่ดี


    ไม้เริ่มรับรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงผู้นี้คือใคร    ด้วยเพราะสำหรับเขาแล้ว ... บุรุษผู้นี้คือชายที่น่ากลัวที่สุด    สารเลวที่สุด   และน่าเสน่หาที่สุดเท่าที่เขาเคยได้พบเจอะเจอ


    ลมหายใจร้อนๆรดเป่าหู   กลิ่นกายที่คุ้นเคยโอบล้อมกาย   น้ำเสียงทรงเสน่ห์กระซิบอยู่ข้างหู


    ‘เจ้าหนีข้าไม่พ้น...ไม่มีทางหนีพ้น...เจ้าเป็นของข้า’


    ไม้สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา  หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวจับใจ  แม้จะเป็นเพียงแค่ความแต่มันช่างน่ากลัวเหมือนกับได้อยู่ใกล้ๆ ...เหตุฉไนข้ายังถึงได้ฝันถึงเจ้าปีศาจตนนั้นอยู่อีก  เมื่อไรมันถึงจะเลิกหลอนข้าเสียที  ต้องใช้วันเวลานานเท่าไรกันข้าถึงจะลืมทุกอย่างได้...เมื่อไร


    ‘อย่านึกว่าเจ้าจะหนีข้าพ้น หึหึ’  เสียงของ ‘มัน’ ยังดังก้องชัดเจนอยู่ข้างหูข้า  มันยังต้องการประโยชน์สิ่งใดจากข้าอีก


    ไม้กุมหูงอเข่าบีบตัวเองพยายามหลีกหนีให้พ้นจากเสียงน่ากลัวนั่น  ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเด็กหนุ่มอีกครั้งหลังจากที่พยายามลืมไปได้บ้างแล้ว


    “อ๊ากกกก!!!”


    เสียงร้องตะโกนลั่นดังก้องสร้างความตกอกตกใจให้แก่บ่าวไพร่ทั้งเรือนสะดุ้งตกใจไปตามๆกัน   ไอ้เสาไม่รอช้ารีบวิ่งใส่ตีนหมาออกมาจากครัวไฟไปยังที่หอนั่งอย่างรวดเร็ว


    และภาพที่มันเห็นคือลูกพี่อีกคนของมันกำลังนั่งกัดเล็บซุกตัวอยู่มุมเสา  สายตากวาดมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง ปากบ่นพึมพำยั่งกับคนสติไม่ดี 


     “พี่ไม้”  ไอ้เสาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ๆ   เพื่อจะดูอาการว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย   ทั้งๆที่เมื่อตอนบ่ายสภาพยังดูดีอยู่เลยแท้ๆ   ทำไมตกเย็นมาถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้


    “ไม่อย่าเข้ามา! ไป!ไป!อย่าเข้ามา! อย่ามายุ่งกับกู”


    ไม้ตะโกนไล่อย่างเสียสติทันทีที่เห็นว่ามีคนเดินขยับเข้ามาใกล้   จนไอ้เสาตกใจต้องรีบถอยห่างออกมา 


    ...เวรกรรมแท้ๆ เศรษฐีขวานกับพี่เพลิงก็ยังไม่กลับมา   เอายังไงดีว่ะ


    “พี่ไม้จำฉันไม่ได้เหรอจ๊ะ ไอ้เสาไง ไอ้เสานะ”


    “ไอ้เสา...เสาไหนว่ะกูไม่รู้จัก!กูไม่รู้จัก!” ไม้ส่งเสียงเอะอะดังลั่นทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงรีบถอยกรูดห่างออกมาอีกหน่อย  ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะอาละวาดหนักกว่าเก่า


    “จ๊ะๆไม่รู้จักจ๊ะ ไม่รู้จัก ใจเย็นนะจ๊ะพี่ไม้”


    พิโธ่! ลูกพี่กูทำตัวเช่นคนบ้าแบบนี้แล้วจะให้กูทำยังไงดีเนี่ย 


    “พี่ไม้หิวรึยังจ๊ะ  ใกล้ค่ำแล้วคงจะหิวแย่เลย  ดะ...เดี๋ยวฉันให้คนตั้งสำรับเลยนะจ๊ะ”


    “ใกล้ค่ำ?”  ไม้ตวัดสายตามองท้องฟ้าด้านนอกก็เบิกตากว้างด้วยความกลัว   ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจากแสงแดดยามบ่ายกลับกลายเป็นแสงสีแดงอมส้ม  


    ... ‘มัน’ กำลังจะมา   ยามใดเมื่อพระอาทิตย์หายลับไป ‘มัน’ จะโผล่มากับความมืด... ‘มัน’ กำลังจะมาเอาข้าไป...ไม่ ข้าต้องหนี...หนีไปให้ไกลจาก ‘มัน’


    “พี่ไม้จะไปไหน!? เฮ้ย เร็ว!พวกเรามาช่วยกันจับพี่ไม้เอาไว้!”


    ไอ้เสารีบร้องบอกคนงานทุกคนในบ้านให้ช่วยกันหยุดเด็กหนุ่มแต่ก็ช้าเกินไป...ไม้อาศัยช่วงที่กำลังชุลมุนเผ่นหนีลงจากเรือนวิ่งหายลับไปทางสวนด้านหลัง


    เด็กหนุ่มวิ่งหนีไปเรื่อยๆเท่าที่สองขาจะพาหนีไปได้    ฟ้าใกล้มืดเต็มทีเขาควรจะหนีไปที่ไหนดี  ‘มัน’ ถึงจะมาลากตัวเขากลับไปไม่ได้ ...ควรไปที่ไหน...ข้าควรไปที่ไหน!


    ระหว่างที่กำลังสับสนปนหวาดกลัวจนไร้สติ    วิ่งหนีสะเปะสะปะ ล้มลุกคลุกคลานอยู่สักพัก    ไม้ก็ได้วิ่งมาถึงกุฏิของหลวงตาคง 

    เมื่อรู้ว่าอยู่ที่ไหนร่างสูงไม่รอช้ารีบวิ่งเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที   จนทองดำที่กำลังจัดเตรียมกางมุงให้หลวงตาอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง


    “ไอ้ไม้มืดค่ำปานฉะนี้แล้ว   เหตุใดถึงได้พรวดพราดเข้ามา...?”


    ประโยคกล่าวเตือนต้องหยุดลง   เมื่อเด็กหนุ่มผิวถ่านมองเห็นสภาพไอ้ไม้เต็มสองตา  ทองดำถึงกับจ้องมองผู้บุกรุกในยามวิกาลด้วยความมึนงงสงสัย “นี่เอ็งไปคลุกขี้ดินที่ไหนมา? สภาพเอ็งถึงดูไม่ได้เยี่ยงนี้ว่ะ”


    ไม้ไม่ยอมตอบคำถามอะไรทั้งนั้น   นอกจากคลานคุกเข่าเข้าไปหาหลวงตาคงที่นั่งสมาธิอยู่หน้าองค์พระพุทธรูปด้วยท่าทีตัวสั่นงันงก ...


    ภิกษุชราลืมตาตื่นขึ้นมาคล้ายท่านจะรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง   และเมื่อท่านได้มองเห็นสภาพของเจ้าไม้แล้ว ท่านก็ถอนหายใจออกมาด้วยความสังเวชใจ ‘เวรกรรมจริงหนอไม้เอ้ย’


    “ทองดำ”


    “ขอรับหลวงตา”


    “มาพาเจ้าไม้ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด  หาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนทีนะ”


    ไม้ส่ายหน้าขืนตัวไม่ยอมตามทองดำไปล้างตัวด้านนอกกุฏิ   แม้จะถูกดึง ถูกลากมันก็ยังขืนตัวปักหลั่กไม่ยอมไป จนเด็กหนุ่มผิวถ่านถึงกับเหนื่อยหอบฮักๆ


    “อย่ากลัวไปเลย   ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่นแล้วค่อยมานอนหลับพักผ่อนให้สบายใจเถอะ”


    “คืนนี้จะให้ไอ้ไม้นอนหน้ากุฏิกับกระผมหรือขอรับหลวงตา” ทองดำหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ท่านพูดกับไม้ออกมา


    “ใช่   คืนนี้เจ้าไม้จะนอนค้างที่กุฏิแต่ไม่ใช่ข้างนอก  นอนข้างในนี่แหละรวมทั้งเจ้าด้วยทองดำ”


    ทองดำชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “กระผมด้วยรึขอรับ...แล้วหลวงตาจะนอนไหนล่ะขอรับ”


    “คืนนี้หลวงตาจะไม่นอนในกุฏิหรอกนะ  แต่จะไปนั่งสมาธิในโบสถ์แทน”


    “ทำไมล่ะขอรับหลวงตา”


    หลวงตาคงมองพระพุทธรูปเบื้องหน้าด้วยจิตที่นิ่งและสงบเยือกเย็น


    “คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด  พวกที่เล่นของนิยมจะปล่อยของออกมาฉะนั้นเจ้าสองถึงต้องมานอนข้างในกุฏินี้แทน...ทองดำหลังจากที่พาเจ้าไม้อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว   ก็จงปิดหน้าต่าง  อุดรู  อุดรอยรั่วทุกที่ในกุฏิอย่าให้มีช่องว่างเหลือเด็ดขาด   และที่สำคัญจงปิดประตูลงกลอนหน้าต่าง   บานประตูให้แน่นหนา   หากได้ยินเสียงสิ่งใดหรือเสียงเรียกขานก็ห้ามเปิดประตูออกไปดูเด็ดขาด   จนกว่าจะได้ยินเสียงไก่ขันบอกยามบิณฑบาตร...เข้าใจไหม?”


    ทองดำรับคำภิกษุชราด้วยน้ำเสียงแข็งขันก่อนจะรีบพาไม้ไปล้างตัว    แล้วกลับมาปฎิบัติตามคำสั่งของหลวงตาอย่างเคร่งครัด    เนื่องจากมันรู้ดีว่าวันใดที่เป็นคืนเดือนมืดหลวงตาคงมักจะทำเช่นนี้เสมอ แต่สิ่งที่ผิดแปลกไปก็มีเพียงหลวงตาจะไปนั่งสมาธิในโบสถ์  หาใช่นั่งสมาธิในกุฏิเหมือนเช่นทุกครั้ง


    ‘เอาเถอะ หลวงตาย่อมจะมีเหตุผลที่เราไม่เข้าใจก็เป็นได้’


    เหมือนกับที่บ้านเศรษฐีขวาน   หลังจากที่ลูกชายคนเล็กวิ่งหนีออกจากบ้านไปได้ไม่นาน   ลูกน้องอย่างไอ้เสาก็รีบวิ่งโกยอ้าวไปที่วงเหล้าอย่างไม่รอช้า    ซึ่งทันทีที่รู้ข่าวน้องชายเพลิงรีบบึ่งกลับมาบ้านเพื่อจะเตรียมเกณฑ์บ่าวไพร่ในบ้านให้ช่วยพากันออกตามหา


    แต่ทว่า ….


    “ไม่ต้องคืนนี้พวกเอ็งทุกคนต้องอยู่แต่ในห้องห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”


    “ทำไมล่ะพ่อ  ไอ้ไม้หนีออกจากบ้านไปนะ   ถ้าพวกเราไม่รีบตามหาเกิดมันหนีเตลิดไปไม่กลับมาจะทำยังไง  ลูกจะไปตามหาน้อง” ครั้งนี้เพลิงไม่ยอมฟังคำสั่งพ่อรั้นจะเกณฑ์กำลังคนออกไปจริงๆให้ได้ในคืนนี้  


    “ไอ้เพลิง!!” เศรษฐีต่อยหน้าลูกหนึ่งหมัดทำเอาลูกชายคนโตถึงกับอึ้งในการกระทำของพ่อ


    “ที่ข้าต่อยเอ็ง   หนึ่งเพื่อข้าจะได้เตือนสติเอ็งไม่ให้วู่วามผลีผลามออกไป  สองเป็นการลงโทษที่เอ็งกล้าทิ้งน้องไว้ให้มันอยู่คนเดียว  ทั้งๆที่เอ็งก็รู้ว่ามันเป็นยังไง...เพราะเอ็งชะล่าใจเกินไปเรื่องมันถึงได้วุ่นวายแบบนี้”


    “เพราะงั้นแหละฉันถึงต้องรีบไปตามหามันกลับบ้าน”


    เศรษฐีขวานยกมือห้ามปรามลูกชายคนโตเอาไว้พร้อมกับเอ่ยบอกเหตุผล “ไอ้ไม้ไม่เป็นอะไรหรอก  ตอนนี้มันอยู่กับหลวงตาที่วัดฉะนั้นพวกเราวางใจได้ว่ามันจะปลอดภัย”


    “พ่อรู้ได้เช่นไรว่าน้องอยู่กับหลวงตา”


    “เอาเป็นว่าข้ารู้แล้วกัน เพราะงั้นคืนนี้ข้าขอสั่งห้ามใครไปไหนทั้งนั้น  ไอ้เสาเอ็งรีบไปบอกคนงานทุกคนว่าคืนนี้ให้พวกมันอยู่แต่ในห้องห้ามเปิดประตู  หน้าต่างเด็ดขาด  หากห้องใครมีรู มีช่องว่างก็จงอุดไว้เสียให้เรียบร้อย”


    เพลิงมองหน้าพ่อของมันด้วยสายตาไม่เข้าใจแต่ยังไม่ทันจะอ้าปากถามเศรษฐีขวานก็เอ่ยปากเฉลยคำตอบแทรกขึ้นมา “คืนนี้เป็นคืนปล่อยของ  หากดูจากฤกษ์ยามคืนนี้แล้วของที่ถูกปล่อยออกมาล้วนแต่อาจทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้...คืนนี้ข้าถึงได้ห้ามทุกคนไปไหนตอนกลางคืน  โดยเฉพาะเอ็งคืนนี้ไปอยู่กับพ่อที่ห้องพระ...พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตามน้องกลับบ้าน”


    เพลิงรับคำพ่ออย่างว่าง่ายก่อนจะเดินตามหลังเข้าไปในห้องพระ  แม้ในใจจะห่วงน้องชายมากแต่เขาก็เชื่อว่าถ้าไม้อยู่กับหลวงตาคงจริง   มันคงจะไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกเพราะท่านเป็นพระที่เก่งมาก น้องชายของเขาจะรอดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงแน่นอน


    ช่วงเวลาดึกสงัดระหว่างที่ทองดำกำลังหลับไหลนอนฝันหวานอยู่ในมุ้ง  จู่ๆหูของเด็กหนุ่มได้แว่วเสียงบ่นงึมงำให้ได้ยินเป็นพักๆ  

    ‘หรือว่าไอ้ไม้จะนอนละเมอวะ’   


    ทองดำทนสงสัยอยู่ได้ไม่นาน   ยอมละทิ้งฝันอันแสนสุขลืมตาตื่นหันมองไปตามเสียง   ก็ตกใจจนกระโดดลุกขึ้นมานั่งแทบจะร้องว้ากออกมาครั้นเห็นเงาดำๆใหญ่ๆนั่งกอดเข่าอยู่ด้านข้างมัน   แต่หากพอได้สติแล้วลองเพ่งมองดูดีๆไอ้เงาดำที่มันกลัว   กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าคมสันที่ตอนนี้กำลังนั่งซุกตัวกอดเข่าแทน


    “โธ่!ไอ้ไม้หัวใจกูเกือบวายตายเพราะเอ็งแล้วไหมล่ะ   ดึกดื่นป่านนี้แล้วเหตุใดยังไม่ยอมหลับยอมนอนมานั่งซุกตัวอยู่แบบนี้ด้วยว่ะ?”


    ตาแดงกล่ำขนาดนี้แสดงว่ามันยังไม่ได้นอนเลยสินะ   เป็นอะไรของมันอีกเนี่ย?


    ร่างสูงไม่ตอบอะไรนอกจากเอาแต่บ่นเสียงกระซิบกับตัวเองซ้ำไปวนมาครั้นพอทองดำเหงี่ยหูฟังดีๆก็ได้ยินว่า


    ‘นอนไม่ได้มันกำลังจะมา...นอนไม่ได้มันกำลังจะมา...มันกำลังจะมาแล้ว’


    มันกำลังจะมา...ใคร? ไอ้เพลิงรึจะมาหา   ตอนนี้เนี่ยนะ?


    ตึก  ตึก  ตึก  ตึก 


    ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามให้คลายสงสัย   ทั้งทองดำและไม้ต่างก็ได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาเดินย่ำอยู่ด้านนอกรอบกุฏิไม่ยอมหยุด   จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังกุกกักดังตามจุดต่างๆ   ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองคนสะดุ้งโหยงตกใจกลัวไปตามๆกัน


    ...บ้าเอ้ย!  เสียงอะไรว่ะ 


    เสียงก๊อกแก๊ก   ก๊อกแก๊ก    ดังมาจากทุกทิศทุกทาง   หน้าต่าง   บานประตู    ไม่เว้นแม้แต่บนหลังคากุฎิ  ทำเอาคนที่ไม่กลัวผีอย่างทองดำถึงกับขนลุกชันด้วยความกลัวจับใจ


    “แย่ล่ะสิ! หลวงตาอยู่ที่โบสถ์”  ด้วยความเป็นห่วงทองดำเลยรีบมุดตัวออกจากมุ้งไปที่ประตู   ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูก็ถูกเสียงร้องโวยวายหวาดกลัวของไม้ดังแทรกขึ้นมา  

     

    หากได้ยินเสียงสิ่งใดหรือเสียงเรียกขานก็ห้ามเปิดประตูออกไปดูเด็ดขาด   จนกว่าจะได้ยินเสียงไก่ขันบอกยามบิณฑบาตร...เข้าใจไหม? 


    ทองดำระลึกได้ถึงคำเตือนของหลวงตา  ‘ถ้าหากข้าฝ่าฝืนคำเตือนของหลวงตาเปิดประตูออกไป...บางทีคนที่จะเป็นอันตรายอาจไม่ใช่ข้าหรือหลวงตาแต่คงเป็นไอ้ไม้    การที่หลวงตาออกไปนั่งสมาธิที่โบสถ์ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้านี่ให้รอดพ้นจาก...อะไรบางอย่างสินะ...’


    ไอ้ไม้เองก็คงพอจะรู้ถึงได้หนีมาหาหลวงตาที่นี่  


    ถึงนิสัยของพวกเขาจะไม่ลงรอยกัน  ชอบเขม่นหาเรื่องทำร้ายกันสารพัด  แต่พอได้เห็นสภาพของศัตรูในตอนนี้แล้ว เขายอมรับเลยว่าใจอ่อนและสงสารมันยิ่งนัก


    หลังจากที่ชั่งใจอยู่พักใหญ่  ทองดำจึงคลานกลับเข้าไปอยู่ในมุ้งตามเดิมก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้   เพื่อให้คลายความหวาดกลัวและเพิ่มความอุ่นใจว่ามันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป


    อ้อมกอดของทองดำที่คอยปลอบประโลมนี้ทำให้ไม้สามารถสงบสติอารมณ์ลงไปได้มากโข   จนเด็กหนุ่มมีทีท่าสงบลงไม่เอาแต่หวาดกลัวเหมือนเก่า


    ในระหว่างที่กอดกันจู่ๆกุฎิก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งหลังคล้ายกับใครมาจับเขย่า   จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแตกของโอ่งหลายใบที่หน้ากุฎิจนดังเลื่อนลั่น  พร้อมกับเสียงกู่ร้องคั่งแค้นคำรามดังก้องจนแสบแก้วหู คล้ายกับว่า ‘มัน’ กำลังโกรธจัด 


    ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองคนในกุฎิถึงกับผวากอดกันแน่นกว่าเดิม   ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั้นมันคืออะไร  เหตุใดจึงมีฤทธิ์เดชมากมายเพียงนี้


    ...พุทโธ ธัมโม สังโฆ  กูอยู่กับหลวงตามาตั้งแต่เล็กเห็นผี  เจอเรื่องลี้ลับมามากมายแต่ไม่เคยมีครั้งใดน่ากลัวเท่าครั้งนี้เลยว่ะ  หรือว่า ‘ไอ้’ ที่อยู่ข้างนอกจะไม่ธรรมดา


    ทางฝากฝั่งของพญากุมภีร์ผู้เกรียงไกร   ที่กำลังยืนมองสถานการณ์ข้างนอกอยู่เงียบๆ   เพราะถึงแม้ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนเดือนมืดก็หาได้มีผลกระทบกับเขาไม่    เสียงคำรามกู่ร้องดังก้องไกลมาถึงนี่ได้แสดงว่ามีอิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดา


    และผู้ใดคือเจ้าของเสียงร้องนี้ชาละวันย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ  “นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องนอกแผนเพิ่มขึ้นมาให้ปวดดหัวอีกแล้ว”


     “อื้อ”  ชาละวันทอดสายตาหันไปมองไกรทองที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในมุ้งด้วยแววตาอบอุ่นและเอ็นดู


    เอาเถอะ...เรื่องน่าปวดหัวของเจ้านั่นโยนไปให้ท่านแม่ทัพใหญ่อย่างคณัสนันท์จัดการก็แล้วกัน 


    เพราะข้าในตอนนี้ขอนอนกอดเจ้าเด็กน้อยขี้เซาให้ร่างกายหายหนาวดีกว่า   เรื่องอะไรจะให้ค่ำคืนดีๆแบบนี้มาถูกทำให้เสียอารมณ์


    ...จริงไหม?  เด็กน้อยที่น่ารักของข้า





    ***************************************



    รู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่  ไอ้ฉากจับกินเอาไว้ตอนหน้าแล้วกัน



    ปล.มันไม่มีอะไรในก่อไผ่หรอกนะ   อย่าไปหมุดหามันละ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×