คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ไกรทอง ตอนที่ 28
ควันจากโถกำยานรูปร่างแปลกตากำลังส่งกลิ่นเครื่องหอมประหลาดลอยฟุ้งกระจายคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ราวกับอยู่ในห้วงฝันที่มีแต่ความมืดไร้ซึ่งทางออก...กลิ่นของมันช่างหวานเอียนจนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมา
กี่วันแล้วที่เขาถูกกักขังเอาไว้ที่นี่ ...คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่เพลิง “อยากกลับบ้านเหลือเกิน”
ถ้าเขาไม่ถือทิฐิเอาตนเองเป็นที่ตั้ง
ถ้าเขาลองเชื่อฟังคำพ่อ นึกฟังคำพี่
ถ้าเขารู้จักคิดไม่หนีออกบ้าน
ถ้า...........................
ใจของเด็กหนุ่มสะอื้นกับความโง่เขลาของตัวเอง
‘ก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้’
เคร้ง เคร้ง
เสียงกระทบกันของโซ่เส้นหนาหนักดังสะท้อนขึ้นมาทุกครั้งเมื่อเริ่มมีการขยับตัว
ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ได้ผล แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมละทิ้งความตั้งใจ พยายามออกแรงดึงเจ้าโซ่พวกนี้ให้หลุดพ้นจากร่างกาย
เพราะใจมัวแต่จดจ่ออยู่กับตัวเอง จึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาร่างของใครบางคนกำลังมองความอุตสาหะของเขาเป็นแค่ความบันเทิงฆ่าเวลา
“เจ้านี่มันช่างดื้อด้าน บอกไปกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้จักจำ”
รอยยิ้มเยาะหยันจากมุมมืด ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับตัวสั่นกลัวจับใจ มือไม้อ่อนเผลอปล่อยโซ่ในมือหล่นกระทบพื้นเสียงดังก้อง...เจ้าปีศาจร้ายกลับมาแล้ว
ปีศาจร้ายแสยะยิ้มมองท่าทางลนลานของเหยื่อตัวน้อยด้วยสีหน้ารื่นรมย์.....ช่างดูน่าสงสารและน่ากลั่นแกล้งให้เปิดเผยความกลัวจากแววตานั่นเพิ่มมากขึ้น
ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้ ที่กำลังถูกข้าลงมือทรมาณ แม้ปากจะร้องบอกว่าเจ็บ แต่แววตากับร่างกายกลับสวนทาง ทั้งเบียดกายชิดใกล้และดูดกลืนกินสิ่งที่ข้ามอบให้ไม่ยอมหยุดด้วยความตะกละตะกาม
....ช่างเป็นร่างกายที่น่ารักเสียนี่กระไร....
...ร้องขอข้าอีกสิ จงร้องขอข้าด้วยน้ำเสียงทรมาณต่อไปอย่าหยุด...
...เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสียงของเจ้ามันไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกสงสารเลยสักนิด ตรงกันข้ามน้ำตาของเจ้ากลับยิ่งทำให้ข้ารู้สึกหิวกระหาย...
...อยากรังแกเจ้าไม่ยอมหยุด...
“ไม่เอาน่า ข้ารู้ว่าเจ้ายังทนไหว”
“เจ็บ...ขอร้องล่ะช่วยฆ่ากูให้ตายทีเถอะ...”
สายตาเว้าวอนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหมือนสัตว์ใกล้ตายที่ไร้กำลังต่อสู้และวิงวอนต่อความตายให้มาถึงโดยไว...กลายเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้เลือดในกายของชายหนุ่มสูบฉีดแรงเร็ว เรียกให้ความดิบเถื่อนที่ซุกซ่อนไว้คุกโชนจนแทบมอดไหม้
“ปากช่างโกหก...แม้จะร้องบอกอยู่เสมอว่าทรมานแต่ร่างกายนี้ก็ยังรับความเจ็บปวดที่ข้ามอบให้ไม่หยุด...”
“หุบปากนะ!”
กูมิได้อย่างที่มึงพูด
กูมิได้สุขเปรมปรีดั่งที่มึงกล่าวหา
ตัวกูไม่เคยยินดีกับความเจ็บปวดที่มึงยัดเยียดให้มา
“อย่าทรมานกูต่อไปอีกเลย...ขอร้อง” น้ำเสียงแหบพร่าเริ่มขาดห้วง ส่งเสียงร่ำไห้ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและทิฐิที่เคยมี
ก่อนสติจะหลุดลอยหายไปเด็กหนุ่มก็เหมือนได้ยินเสียงจากที่ไกลๆ เป็นเสียงทุ้มนุ่มแต่หนักแน่นดังเข้ามาในหัวและสลักลึกอยู่ในใจเขาไม่หายไปไหน
“เจ้ามนุษย์ตัวน้อย...เจ้าเป็นของข้าตลอดไป”
ข้าจะฝึกฝนเจ้าให้ร่างกายและหัวใจดวงนี้เป็นทาสของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะหนีข้าไปไหนเจ้าก็ยังเป็นของข้าตลอดไป
...จงจำเอาไว้ให้ดี...
ไม้สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย
สายลมโบกโชยรู้สึกเย็นสบาย เสียงนกกาเริ่มบินกลับรัง เหมือนคนงานทั้งหลายในท้องนาที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านไปพักผ่อน
นี่ข้าฝันไปอีกแล้วงั้นรึ?
เหตุใดถึงกลับมาฝันถึงปีศาจร้ายตนนั้นอีก?
“ตื่นแล้วรึ? เออดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาปลุก ไหนบอกว่าจะมาช่วยงานเกี่ยวข้าวไปได้หน่อยเดียวก็ดันเสือกเป็นลมแดดนอนสลบเมือดไปทั้งวัน”
ไม้แหงนหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งใส่เขาไม่หยุดปาก
“ฝันอีกแล้ว”
คณัสนันท์เลิกคิ้วมองหน้าเด็กหนุ่ม...บอกกูทำไม?
“หลังจากที่อาศัยอยู่กับหลวงตาที่วัด ก็ไม่ได้ฝันเห็นตอนอยู่ข้างล่างแต่ไฉนวันนี้ถึงได้กลับมาฝันอีก....พวกเจ้ายังต้องการอะไรอีก”
อ๋อ....พี่กูแผลงฤทธิ์นี่เอง
จะทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจต่อไปก็รู้สึกสงสาร ถ้าเช่นนั้นก็ถือเสียว่าช่วยเหลือให้ ‘ว่าที่พี่สะใภ้’ กับพี่ตัวเองให้ได้ลงเอยกันเสียที...ขี้เกียจปวดหัวกับเจ้าพวกนี้ต่อไปอีกแล้ววุ้ย
“จะบอกอะไรดีๆให้ฟัง แรกเริ่มเดิมทีข้าลักพาตัวเอ็งไปก็แค่จะเอาไปขังสักหลายวันเพื่อสั่งสอนให้ลดความปากดีและท่าทางถือดีลง ไม่รู้เป็นบังเอิญหรือเพราะกรรมของเอ็งก็ไม่รู้ที่พี่ข้าดันกลับมาพักผ่อนจากการทำงานพอดี.....”
คณัสนันท์ตัดสินใจนั่งยองๆ พร้อมกับป้องปากบอกความจริงให้เด็กหนุ่มได้รับรู้
“พี่ข้าถูกใจเอ็งตั้งแต่แรกเห็น”
หา!?
“มีเอ็งคนแรกนี่แหละที่ได้อยู่ชิดใกล้กับพี่ข้านานขนาดนั้น”
ไม้รู้สึกเหมือนเห็นหมูบินได้ ม้าออกลูกเป็นไข่ “แต่เจ้าปีศาจร้ายตนนั้นทรมาณข้านานหลายเดือน แล้วจะให้เชื่อในสิ่งที่พูดออกมาได้เช่นไร?”
“ขอพูดแบบเปิดอกเลยนะ...พี่ข้านิสัยเหมือนสหายข้าตรงที่ไม่นิยมชมชอบให้ใครชิดใกล้เกินความจำเป็น นิสัยขี้เบื่อสนใจสิ่งใดแค่ชั่วครู่ก็เลิก แต่กับเอ็งที่ถูกกักขังในห้องพี่ข้านานนับเดือน แม้จะถูกปล่อยตัวมาแล้วพี่ข้าก็ยังไม่ยอมเลิกลาตามมาวุ่นวายกับมนุษย์เช่นเอ็งอีก...เช่นนี้จะให้คิดเป็นอย่างอื่นหรือไง?”
ไม้ยังคงนั่งนิ่งเป็นหิน มองชายหนุ่มเหมือนเห็นของประหลาด
“ข้าบอกได้แค่นี้ที่เหลือก็ลองถามใจตัวเองดูว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือไม่?...ป่ะ ไอ้ทองดำเริ่มกวักมือเรียกแล้ว”
เด็กหนุ่มเริ่มมีอาการสับสนคล้ายโลกใบนี้หมุนพลิกกลับ ไม่ใช่โลกใบเดิมที่เคยรู้จัก
ในช่างแรกๆที่เขาหลุดพ้นมาจากขุมนรกนั่นมา ทุกคืนก็จะนอนฝันร้ายถึงวันคืนที่ผ่านมาจนไม่กล้าแม้แต่จะนอน กลางวันไม่กล้าออกไปข้างนอกเพราะกลัวที่จะถูกลากกลับไปสถานที่แห่งนั้นอีก
ในหัวเฝ้าวนเวียนนึกถึงแต่ปีศาจร้ายตนนั้น
ปีศาจร้ายที่......โหดร้าย
ปีศาจร้ายที่......เลือดเย็น
ปีศาจร้ายที่......ไร้ความปรานี
ปีศาจร้ายที่......ชอบทรมานข้าให้เจ็บปวด
กลัว......ข้ากลัว....
....ข้า.....
“คิดถึงเจ้า”
นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?....ใครก็ได้ช่วยบอกข้าที ว่าสิ่งที่ข้าเห็นตรงหน้ามันมิใช่ความฝัน
หมับ!
“อูย...ท่านท้าวชาละวันที่เคารพ เอ็งจะหยิกแขนกูทำหอกอะไรวะ!? ดูสิแดงจนเกือบเขียวเลยเห็นไหม?”
เสียงกระซิบร้องโอดโอยจากปากเพื่อนรัก ทำให้ชายหนุ่มรูปงามตั้งมือขึ้นมาทำท่าจะลงมือหยิกอีกรอบ เพื่อจะได้พิสูจน์ดูว่า ไอ้หนังที่หนาเป็นหนังควายเช่นมันจะมีอาการแดงจนเกือบเขียวจริงดังปากบ่นหรือไม่
“พอๆ กูรู้นะว่าคิดจะทำอะไร ตั้งแต่ริจะมีเมียเด็กรู้สึกว่าจะชอบหยอกเล่นแรงๆขึ้นนะท่านท้าว”
“ปากดีเหลือเกินนะท่านแม่ทัพ ถ้ากูมีเมียเด็กแล้วไปหนักส่วนไหนของมึงฮะ? หรือเพราะเดี๋ยวนี้เริ่มมองไม่เห็นหัวว่าใครเป็นเจ้านายถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานได้เพียงนี้” ไอ้นี่ไม่รู้อะไรเสียแล้วด่าตัวข้า ข้าไม่รู้สึกเจ็บแต่ถ้าด่า ‘ว่าที่เมีย’ ที่เคารพกูเอาตาย
“ขอรับๆ ข้าน้อยขอประทานอภัยด้วยขอรับ” คณัสนันท์ขานรับอย่างขอไปที เมื่อกำลังจะเจออิทธิฤทธิ์ฟาดหัวฟาดหางของคนเริ่มกลัวเมีย
วันนี้เกี่ยวข้าวกันอยู่ดีๆกับชาละวัน จู่ๆก็มีคนงานจากบ้านเศรษฐีคำวิ่งแจ้นมาบอกให้ไปที่บ้านใหญ่ แถมยังบอกแค่ว่าครอบครัวเศรษฐีขวานกับหลวงตารออยู่...ไอ้เราก็นึกว่าเจ้าสองตัวแสบนั่นจะไปก่อเรื่องเดือดร้อนอะไร หากแต่พอเหยียบเท้าขึ้นมาบนบ้านเท่านั้นล่ะ
...แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“น้องนัน!” เสียงร้องแหลมสูงของสตรีร่างระหงเอ่ยปากร้องตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มตัดหน้า พร้อมกับโผเข้ามากอดปนกับเสียงสะอื้นและน้ำตา โดยที่คนถูกกอดทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ อ้าปากพะงาบๆหาเสียงตัวเองไม่เจอ สติมึนวูบไปสักพัก จวบจนได้ยินเสียงต่ำๆที่คุ้นเคยเอ่ยข่มขู่กระซิบอยู่ข้างหู
‘เล่นตามน้ำไปก็พอ อย่าให้ข้าเสียเรื่องนะไอ้น้องชาย’
บ๊ะเจ้า!...เสียงนี้ใช่เลย...ใช่เจ้านั่นจริงๆด้วย
...เมื่อวานเพิ่งจะนินทามันไปหยกๆ
ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ? แถมยังมาในสารรูปนี้ด้วย
สายตาคมเข้มกวาดสายตามองบริเวณรอบๆอย่างรวดเร็ว
ที่กลางบ้านมีหลวงตาคงนั่งอยู่เป็นประธาน ฝั่งซ้ายมือของท่านมีครอบครัวเศรษฐีขวานนั่งอยู่ ส่วนทางฝั่งขวามือนั้นก็มีเศรษฐีคำ ไกรทอง และทองดำ โดยทีไม้นั่งตัวสั่น หน้าตาดูซีดๆอยู่ตรงกลางระหว่างทุกคน
จากแผนผังการนั่งของทุกคนในที่นี้ แสดงให้รู้ว่ากำลังมีการสอบสวนอะไรบางอย่างแน่ๆ ซึ่งคนที่โดนสอบอยู่คงจะเป็นไอ้ไม้และ......
“อย่ามัวแต่ยืนอ้ำอึ้ง เอ็งรีบพา ‘พี่สาว’ไปนั่งให้เรียบร้อยเสียทีสิวะ ปล่อยให้คนอื่นเขาสงสัยนานๆมันจะไม่ดี”
ชาละวันตบบ่าหนาของเพื่อนรักปุๆ
เมื่อได้สัญญาณเตือนจากพวกเจ้าแผนการทั้งสอง ชายร่างใหญ่จึงต้องรีบกุลีกุจอไหลสรไปตามน้ำ ด้วยการพาผู้เป็นพี่สาวไปนั่งอยู่ข้างๆไม้ตามเสียงกระซิบ ก่อนจะถอยหลังมานั่งข้างๆชาละวันทางฝั่งเศรษฐีคำ
“เอาละในเมื่อมากันครบแล้ว ในฐานะที่อาตมาเป็นคนกลางจึงจะขอซักถามเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง...เริ่มจากเจ้าแล้วกัน ตอนที่มาอยู่หมู่บ้านใหม่ๆเจ้าบอกเป็นคนพเนจร เหตุไฉนมาวันนี้ถึงได้มีสตรีมาร้องบอกว่าเป็นพี่สาวที่พัดพรากจากกัน ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่ขอให้เจ้าเอ่ยปากชี้แจงแถลงไขเถิด”
พี่สาว!?
หมายถึงเจ้านี่นะเหรอ?
‘เอาเช่นไรดีวะ? ไม่รู้ว่าไอ้พี่สาวตัวดีมันบอกอะไรออกไปแล้วบ้างวะ ถ้าขืนพูดไม่ตรงกันมีหวังข้าซวยแน่ๆ’
“ว่าเช่นไรเจ้านัน มีอะไรทำไมไม่พูดออกมา”
ดูจากสถานการณ์และคำพูดของทุกคนแล้ว คงรู้เพียงแค่ว่าเขากับเจ้าพี่ตัวดีเป็นแค่พี่น้องที่พัดพรากจากกันเท่านั้นสินะ...ดีละ ถ้าเช่นนั้นก็แต่งเรื่องมันไปสดๆนี่แหละ
คณัสนันท์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
“เดิมทีครอบครัวของข้าเคยอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อ แม่ พี่สาวและข้า จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวข้าถูกปล้นบุพการีทั้งสองถูกฆ่าตาย ส่วนข้าเพื่อปกป้องพี่สาวจึงพลั้งมือสังหารอีกฝ่าย ข้าจึงจำใจต้องทิ้งศพพวกท่านเอาไว้แล้วพาพี่สาวหนีมาหลบอยู่กับญาติห่างๆแถบแถวคุ้งใต้ แต่เพื่อความปลอดภัยจึงได้ฝากพี่เอาไว้ก่อนจะออกเดินทางทำงานเก็บเงินตั้งตัว....หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นงั้นรึ? ‘พี่พิน’ถึงมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้”
เมื่อโดนน้องชายส่งเผือกร้อนโยนคืนกลับมาให้ หญิงสาวจำแลงจึงหาทางแก้ลำด้วยการก้มหน้ามอบกระแตลงกับพื้น เสแสร้งร้องห่มร้องไห้เสียงดังให้ฟังดูน่าเวทนาสงสาร จนทำให้เหล่าผู้ชมไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทั้งหลายล้วนเกิดอาการเลิ่กๆลั่กๆ
ชาละวันเหล่ตามองคนเจ้าบทบาทด้วยความอิดหนาระอาใจ
‘ข้าบอกให้เล่นละครตบตาเอาแค่พอประมาณ แต่นี่กลับ...เฮ้อ!...อย่าให้ลูกน้องมาเห็นกันนะไม่เช่นนั้น...’
...ลูกน้องได้มีหมดศรัทธากันแน่ๆ...
“พี่พินใจเย็นลงเถิด หากมีเรื่องอันใดไม่ดีกับพี่ก็ช่วยบอกแจ้งให้พวกฉันรู้เถิด อย่าเก็บงำหรือปิดบังต่อไปอีกเลย”
...เลิกเล่นบ้าๆกันได้แล้ว จะโกหกเช่นไรก็พูดไป ข้าไม่มีเวลามานั่งฟังพวกเจ้าสองพี่น้องหยอกเย้ากันทั้งวันหรอกนะ....
เมื่อโดนข่มขู่มาทางสายตาคนเจ้าน้ำตาเลยทำเป็นเก็บความเศร้าโศกเอ่ยเล่าเรื่องราวให้ฟังด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ “...หลังจากที่น้องนันจากไป เดิมทีพี่ก็อยู่กับญาติมีความสุขดีจนกระทั่งป้าป่วยตาย...ฮึกๆ....ไม่รู้ผีตนใดเข้าสิงลุงให้คิดตบแต่งพี่เป็นเมีย ซ้ำร้ายลูกชายของลุงกับป้าที่กลับมาจากค้าขายก็อยากได้พี่เป็นเมียเหมือนกัน....พี่....พี่ไม่รู้จะทำเช่นไรจึงหาทางบ่ายเบี่ยงไปว่า อยากไว้ทุกข์ให้ป้าสักร้อยวันเมื่อครบกำหนดพี่ถึงจะเลือกว่าจะแต่งกับผู้ใด”
ครั้นฟังพี่สาวเล่าจบคณัสนันท์เลยรีบแกล้งร้องโวยวายเสียงดัง ทำท่าถมึงทึงโกรธเกรี้ยวน่ากลัว “นี่ไม่เท่ากับว่าข้าฝากปลาย่างไว้กับแมว หนีเสือปะจระเข้งั้นรึ...หนอย ไอ้พวกชั่วกูอยากฆ่าพวกมันให้ตายคามือนัก”
ไม่เพียงแค่ชายร่างหนาเท่านั้นที่โกรธแต่ชาละวันที่นั่งฟังอยู่ก็แสดงสีหน้าขุ่นแค้นไม่แพ้กัน ไกรทองและทองดำที่นั่งอยู่ใกล้กันต้องรีบสอดมือเข้าปลอบใจพี่ชายทั้งสองคนให้ใจเย็นลง
“แล้วเหตุใดแม่พินถึงมารู้จักน้องชายฉันได้? ไปรู้จักกันตอนไหน?” แม้ในใจเริ่มรู้สึกสงสารหญิงสาวที่ต้องเจอโชคชะตาอันโหดร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ควรถามความเป็นมาทั้งหมดให้กระจ่างดีเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
หญิงสาวนามว่าพินเลยก้มหน้าทำทีให้ดูเป็นกุลสตรี กระบิดกระบวนดูเขินอายไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามาสบตาหรือเอ่ยปากบอกผู้ใดในที่นี้รับทราบ ทำเอาคณัสนันท์ ชาละวัน และไม้ ถึงกับขนแขนลุกชันทั้งตัว เมื่อได้มาเห็นการแสดงที่สมจริงสมจังของคนตรงหน้า
‘ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทำถึงขนาดนี้ ประเมินเจ้าผิดไปจริงๆ’
“ว่าไงไอ้ไม้ ช่วยบอกข้ากับพ่อทีสิว่าไปรู้จักมักจี่กับแม่พินได้เช่นไร? แม่พินถึงได้เดินทางตามหาเอ็งด้วยตัวเองเยี่ยงนี้” เมื่อรู้ตัวว่าไม่ควรตั้งคำถามเช่นนี้กับอิสตรี คนเป็นพี่ชายเลยหันไปถามเรื่องราวจากปากน้องชายแทน
ไม้ที่นั่งเงียบมานานถึงกับสะดุ้งตกใจที่โดนพี่ชายโยนคำถามมาให้อย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าตัวเลยทำได้แค่เสียงเอ่อๆอ่าๆในลำคอ ไม่ยอมอธิบายความเป็นมาให้ทุกคนฟังเสียที
สายตาที่กดดันมาจากทุกทิศ ทุกทางยิ่งทำให้เด็กหนุ่มนั่งตัวลีบปากหุบเงียบเหมือนหอยกาบ.....ถ้าพูดความจริงออกไปทุกคนจะต้องหาว่าสติฟั่นเฟือนแน่ๆ จากนั้นก็คงไม่แคล้วโดนเจ้าสามคนนี้รุมหักคอโทษฐานเปิดเผยตัวจริงให้คนอื่นรับรู้ แต่ถ้าหากพูดโกหกออกไปแล้วทุกคนเชื่อละ...มันจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับข้าหรือปล่าว
“ไอ้ไม้” เมื่อเห็นน้องชายนิ่งเงียบนานเกินไป เจ้าตัวเลยต้องเร่งเอาคำตอบเป็นคำรบสอง
‘ข้าควรจะเลือกทางใดดี....บอกความจริงให้ทุกคนรับรู้หรือช่วยพวกนี้ปิดบังความจริงต่อไป’
ไม้ส่งสายตาเลิ่กลักไปทางพ่อ พี่ชาย เศรษฐีคำ หลวงตา พวกไกรทอง และหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายตน
ทันทีที่สบตากับแม่พิน เด็กหนุ่มจึงรู้ได้ทันทีว่าทางเลือกของเขามีเพียงแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นคือ.....
‘เอาวะ...ตายเป็นตาย...โกหกมันไปสดนี่แหละถ้ามีตรงไหนผิดพลาดเดี๋ยวเจ้าปีศาจคงจะช่วยหาทางออกให้เอง’
“วะ...วันที่หนีเตลิดไปเพราะความเสียใจ...ฉะ...ฉันซัดเซพเนจรเดินทางไปเรื่อยไร้จุดหมาย...จน...จนไปถึงหมู่บ้านที่แม่พินอาศัยอยู่....เอ่อ...คือ....และ...และได้แม่พินคอยดู...ดูแลฉัน”
เพลิงเลิกคิ้วมองหน้าเจ้าน้องชายตัวดี “ตลอดสามเดือน?”
“ใช่”
คำว่าใช่ของเอ็งทำไมมันเสียงแผ่วจังวะ? แถมเวลาเล่าก็ยังเอาแต่ก้มหน้า เวลาพูดอธิบายตะกุกตะกัก เหมือนคนไม่กล้าเล่า...สงสัยจะกลัวพ่อโกรธ
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเห็นน้ำตาที่หางปรอยๆให้ดูเป็นที่น่าสงสาร
จนเศรษฐีขวานอดไม่ได้ที่ขอเอ่ยถามเรื่องราวเป็นไปของนางต่อจากนั้น
แม่พินแกล้งบีบน้ำตาเอ่ยปากเล่าด้วยความระทมใจ “หลังจากไม้เดินทางกลับบ้าน ชั้นก็ได้แต่เฝ้ารอจนใกล้ครบกำหนดร้อยวัน สองพ่อลูกเลยยิ่งพากันรุกไล่ชั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ....จน...จน...จนฉันต้องแอบหนีออกจากบ้านเพื่อฆ่าตัวตาย แล้วค่อยเดินทางตามหาไม้จนมาถึงที่นี่”
เล่าจบถึงตรงนี้หญิงสาวก็ยิ่งน้ำหูน้ำตาไหลหนักขึ้น จนทำให้ตาทั้งสองข้างแดงกร่ำ ดูบอบบางและน่าสงสารเสียจริง...โถ่! แม่คุณเดินทางมาตัวคนเดียวคงจะลำบากน่าดู คนเราก็ช่างใจไม้ไส้ระกำ ตัณหาจัดจนต้องบีบให้หญิงสาวหนีออกมาลำบากลำบน
...แต่สำหรับสามหนุ่มสองวัยกับเริ่มรู้สึกขนพองสยองตั้งขึ้นเรื่อย เมื่อเจอกับน้ำตาสั่งได้ของปีศาจร้ายยิ่งโดยเฉพาะไม้ที่ตอนนี้มองอีกฝ่ายเหมือนเห็นผีก็ไม่ปาน
‘นี่ขนาดเจอมารยาแค่ไม่กี่เล่มเกวียนมันยังกลัวถึงเพียงนี้ แล้วนี่ถ้ามันเจอมารยาครบทุกพันเล่มเกวียนพี่ข้าเข้าไปมิตกใจตายไปเลยหรือไงวะ...นี่แค่เบาๆนะเจ้าหนู อยู่ด้วยกันไปนานๆแล้วเอ็งจะรู้ว่าพี่ข้ากับเพื่อนข้านะมันร้ายกาจแค่ไหน’
“ไอ้ไม้นี่เอ็งเป็นอะไรกับแม่พิน ถึงได้ปล่อยให้ระหกระเหินเดินทางตามหาเอ็งมาไกลขนาดนี้!”
ทันทีที่ฟังเรื่องน่าเวทนาของหญิงสาวจบพี่ชายอย่างเพลิงก็หันมาไล่บี้กับน้องชายอย่างไม่ลังเล เพราะแม้ตนจะเป็นนักเลงไม่ค่อยเอาการเอางานเสียเท่าไร แต่ถ้าจะให้เขาทำเรื่องใจดำกับผู้หญิงเช่นนี้ก็ทำไม่ลง
ท่าทางเอาจริงและโกรธจัดของพี่ชายคนเดียว ทำให้เด็กหนุ่มเกิดอาการฝ่ามือเย็นเฉียบ ใจเต้นรัวด้วยความกลัว จนทำให้เขาอยากหนีไปจากตรงนี้แต่ติดตรงที่หนีไปไหนไม่ได้
วินาทีนี้ไม้เข้าใจแล้วว่าน้ำท่วมปากนั้นเป็นยังไง
ทางออกทางเดียวที่อีกฝ่ายเหลือไว้ให้ก็แค่.....
“เมีย”
คำเดียวสั้นๆแต่เบาอย่างกับเสียงยุง ทำให้ทุกคนต้องเงี่ยหูฟังใหม่อีกรอบ
“ว่าใหม่สิไอ้ไม้ พูดดังๆด้วยนะคราวนี้”
ไม้กลั้นใจพูดขึ้นมาอีกรอบด้วยความระทมใจ “แม่พินเป็น...เป็นเมียข้า”
“เมีย!? นี่เอ็งไม่ได้รักตระเภาทองแล้วรึไงถึงได้ไปแม่พินมาเป็นเมีย”
“ก็ยังรักอยู่” ไม้สะดุ้งตกใจนิดๆเมื่อรับรู้ถึงรังสีอำมหิตน่ากลัวจากคนข้างๆ “แต่แม่พินก็ดูแลฉันดี...ฉันเลย...”
“เออๆ ข้าพอเข้าใจ มีผู้หญิงหน้าตาดีๆมาคอยดูแลเอาอกเอาใจ เป็นใครก็ต้องใจอ่อนหลงรักกันทั้งนั้น” เพลิงกอดอกพยักหน้าเป็นเชิงทำนองเข้าใจนิสัยลูกผู้ชายด้วยกันดี
“งั้นประเดี๋ยวข้าจะช่วยหาหญิงสาวหน้าตาดี นิสัยดีช่างเอาอกเอาใจมาให้เอ็งแล้วกันนะ เอ็งจะได้เลิกมาเกาะแกะลูกสาวข้าเสียที”
“ไม่ต้องเดือดร้อนเศรษฐีคำหรอกจ้ะ เพราะน้องแก้วของฉันก็มีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว...จริงไหมจ๊ะ?”
เมื่อเจอคำพูดจีบลูกสาวของเด็กหนุ่มเข้าให้ หนวดบนหน้าเศรษฐีคำถึงกับกระตุกยิกๆ มือกำไม้ตะพดแน่น “ลูกข้าไปเป็นของเอ็งตั้งแต่เมื่อไรวะไอ้เพลิง!?”
เศรษฐีขวานรีบเอ่ยปากห้ามปรามลูกชายก่อเรื่องใหญ่โต ยิ่งต่อหน้าหลวงตาคงด้วยแล้วจะดูไม่ดี “ตอนนี้จัดการเรื่องเจ้าไม้กับแม่พินให้สำเร็จเสร็จสิ้นเสียก่อนเถอะ ส่วนเรื่องของเอ็งเดี๋ยวพ่อจะจัดการให้เองไม่ต้องห่วง”
คราวนี้เศรษฐีคำถึงกับเกิดอาการตีนกระตุก อยากกระโจนเข้าไปอาละวาดเล่นงานเจ้าสองคนพ่อลูกหัวใสให้หัวร้างค้างแตกกันไปข้าง....ลูกสาวข้าใครอย่าแตะ!!!
เดือดร้อนให้เด็กหนุ่มสองคนต้องรีบกระเถิบเข้ามารั้งคนอายุคราวพ่อแต่เรี่ยวแรงยังมีเหลือเฟือเอาไว้ ก่อนที่จะมีการวิวาทกันต่อหน้าพระผู้ใหญ่
แต่สองพ่อลูกยังคงไม่สนใจหันไปถามชายร่างหนาด้วยสีหน้าจริงจัง “ไอ้นัน เอ็งจะเรียกเท่าไร?”
“หือ? อะไรเท่าไร?” คณัสนันท์แคะขี้หูเพื่อฟังคำถามอีกฝ่ายถนัดชัดเจน
“ลูกข้าถามว่าเอ็งจะคิดค่าสินสอดทองหมั้นเท่าไร? เรียกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ส่วนเรือนหอกับงานแต่งเดี๋ยวทางข้าจะเป็นธุระจัดการเอง”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้กระมัง”
ปึง!
ด้วยเพราะเข้าใจว่าชายร่างใหญ่หาทางปฏิเสธไม่ยอมรับน้องชายตนเป็นพี่เขย คนเลือดร้อนอย่างเพลิงเลยทนไม่ไหวทุบกำปั้นลงพื้นเรือน ก่อนจะกราบขอโทษหลวงตาคงที่นั่งเป็นประธานเมื่อรู้ตัวว่าทำกิริยาเสียมารยาทต่อหน้าพระสงฆ์
“ห้ามปฏิเสธนะเว้ยไอ้นัน ในเมื่อไอ้ไม้ได้พี่สาวเอ็งเป็นเมียแล้ว ครอบครัวข้านับว่าเป็นลูกผู้ชายพอและพร้อมที่จะรับผิดชอบ ไม่ต้องลังเลแล้วจัดงานแต่งไปเลย”
แววตาและท่าทีเอาจริงของเพลิงทำเอาคณัสนันท์แปลกใจเล็กน้อย...ถึงสันดานเดิมจะชอบรังแกผู้อื่นจนดูเป็นพวกอันธพาลปลายแถว แต่หัวใจในด้านความรับผิดชอบของมันนับว่านักเลงไม่เบาทีเดียว
“เอาเช่นนั้นเลยรึ?”
“เออ! ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบใจที่ครอบครัวเอ็งกับครอบครัวข้าต้องมาเกี่ยวดองกัน แต่เพื่อความสุขของน้องชายข้าจะยอมทนปิดตาข้างหนึ่งเปิดตาข้างหนึ่งก็แล้วกัน”
ชายร่างหนามองหน้าพี่สาวอย่างนึกคิดชั่งใจ แล้วทำทีถอนหายใจด้วยความเสียดาย “เอาก็เอา ไหนๆข้าวสารมันก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้วนี่”
เมื่อทางญาติฝ่ายหญิงเพียงคนเดียวตกลง เศรษฐีขวานจึงขอความเห็นจากหลวงตาคง แต่ด้วยเพราะท่านนั้นเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าจึงต้องบอกปัดออกไปว่า “เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องของผัวๆเมียๆพระยุ่งไม่ได้”
เศรษฐีคำจึงรับอาสาเข้าช่วยจัดการแทน “ถ้างั้นให้ครอบครัวไอ้ขวานรับหน้าที่ไปจัดเตรียมสินสอดให้พร้อม ส่วนแม่พินให้มาอยู่ที่บ้านข้าไปก่อน เดี๋ยวทางครอบครัวข้าจะช่วยจัดเตรียมงานแล้วก็จะรับหน้าที่เป็นญาติทางฝ่ายเจ้าสาวให้แทนเอง”
สองครอบครัวเศรษฐีประจำหมู่บ้านจึงวางเรื่องบาดหมางเอาไว้ชั่วคราว หันหน้ามาปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงาน ยิ่งโดยเฉพาะไอ้เพลิงรู้สึกจะกระเหี้ยนกระหือเป็นพิเศษ...งานแต่งน้องชายคนเดียวของข้าจะต้องไม่น้อยหน้าใครในหมู่บ้านหรือใครหน้าในทั้งนั้น
ส่วนทางเจ้าคณัสนันท์เขยิบเข้าไปใกล้ไม้แล้วจับมือมันวางทาบทับบนมือหญิงสาวก่อนจะเอ่ยฝากฝังด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “ฝากพี่ข้าด้วยนะพี่เขย”
คนเป็นพี่เขยถึงกับหน้าซีดเผือด ซึ่งกว่าจะตั้งสติได้ทั้งเด็กหนุ่มก็ตกอยู่ท่ามกลางเสียงพูดคุยดังลั่นของทุกคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเสียงสั่งงานหรือแม้แต่เสียงอวยพร
“ดีใจด้วยนะไอ้ไม้ที่ได้เป็นฝั่งเป็นฝาก่อนใครเขา แถมว่าที่เมียยังสวยเสียขนาดนี้ น่าอิจฉาเอ็งจริงๆ” ทองตบบ่าว่าที่เจ้าบ่าวปุๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ข้าคงพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะถึงจะเกลียดกันแค่ไหน ไม่ชอบหน้ากันเพียงใด แต่ข้าก็จะช่วยงานแต่งเอ็งเต็มที่ไม่ต้องห่วง”
ชาละวันยีหัวไกรทองด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วหันมาอวยพรด้วยอีกคน
“ดีใจด้วยนะ อยู่กันยาวๆละ”
ไม้เกิดอาการใบ้กินไปชั่วขณะ สองหูรู้สึกอื้อจนไม่ได้ยินเสียงของทุกคน ยกเว้นเพียงเสียงกระซิบเบาๆลอยกระทบมาตามลม แต่กลับเป็นเสียงที่เขาได้ยินชัดเจนที่สุด
“ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”
*****************************
ไอ้ไม้กำลังจะได้แต่งเมีย(?) แล้วเมียมันเป็นใคร
เดี๋ยวคงจะได้รู้กัน
ปล.สรุปแล้วไม้น้องชายพี่เพลิงเป็น M ใช่มั้ยเนี่ย!?
ความคิดเห็น