คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ไกรทอง ตอนที่ 31
ทองดำนั่งมองไอ้เพื่อน รักถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของวัน...ความจริงเพราะมันเยอะจัดเลยขี้เกียจนับ บ้างครั้งก็ชอบเหม่อลอยเรียกทีต้องตะโกนจนเสียงเกือบแหบแห้ง
...ดูสิ
ถอนหายใจออกมาอีกแล้ว ‘อยากรู้จริงๆมันกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่’
“ไอ้ไกร”
ยังนั่งเฉย
สงสัยจะไม่ได้ยิน
“ไอ้ไกร”
กูคงเรียกมันเสียงดังไม่พอ
“ไอ้ไกร!!!” คราวนี้เด็กหนุ่มผิวถ่านป้องปากตะโกนร้องข้างรูหูเสียงดังลั่น เล่นเอาเจ้าของชื่อตกใจมากจนเผลอ....
พลั่ก! ตุบ!
“โอ๊ย!!”
เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจจนเผลอถีบเพื่อนรักสุดตีน ทำเอามันลอยกระเด็นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
“โทษที
โทษที...ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
ไกรทองรีบไปพยุงเพื่อนกลับขึ้นมานั่งบนแคร่ ทองดำคลำเอวตัวเองปอยๆด้วยความเจ็บและจุก
“ถ้าเอ็งตั้งใจข้าคงได้นอนสลบคาตีน”
“ก็ใครใช้ให้เอ็งเล่นพิเรนทร์แบบนี้ ดีที่ข้าไม่หัวใจวายตาย” ทองดำมองค้อนควักใส่คนด่า
“ข้าเรียกตั้งหลายรอบเอ็งก็ยังไม่ได้ยิน
ข้าถึงต้องใช้วิธีนี้ไงเล่า...ถามจริงๆเถอะช่วงนี้เป็นอะไรไปวะ
เหม่อได้เหม่อดีแถมยังเอาแต่ถอนหายใจทิ้งตั้งหลายครั้ง” ไกรทองทำหูทวนลมหยิบเอางานที่ทำค้างไว้กลับมาต่อให้เสร็จ
ทองดำหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างจับผิด... ทำเป็นหาทางเลี่ยงเบี่ยงไปทางอื่น ไอ้ท่าทางไม่อยากพูดแบบนี้แหละ ยิ่งทำให้อยากรู้เข้าไปใหญ่
ด้วยเพราะคบหากันมานานหลายสิบปี ทองดำจึงรู้ไส้รู้พุงเพื่อนตัวเองดีกว่าใคร โดยเฉพาะเรื่องอาการปากหนัก...ปากหนักเสียจนชนิดที่ว่า ถ้าไม่บอกก็คือไม่บอกต่อให้คาดให้คั้นหนักแค่ไหนเจ้าหอยกราบตัวนี้ จะหุบปากเงียบไม่ยอมอ้าเด็ดขาด
...หากให้วิเคราะห์จากสันดานไอ้ไกรแล้ว
ปัญหาที่มันพบเจอในช่วงนี้คงมิแคล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ชาละวันเป็นแน่
เพราะเดี๋ยวนี้เอะอะหายใจเข้าหายใจออกล้วนมีแต่เรื่องพี่ชาละวัน จนหลายครั้งดูเหมือนผัวเมียเพิ่งแต่งงานใหม่ยังไงชอบกล
‘...อืม....ถ้าให้ลองเดาดูคง...’
ทะเลาะกัน?....พี่เขาก็ดูเอาอกเอาใจมันดี ปัญหานี้ไม่น่าจะใช่
แย่งผู้หญิงคนเดียวกัน?...ไม่รู้ทำไมแต่คิดว่าปัญหานี้น่าจะตัดทิ้งไปได้เลย
เงินทอง? ติดหนี้ผู้อื่นอยู่?
...เคยได้ยินมาจากพี่นันแว่วๆว่าเงินค่าจ้างที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์ พี่ชาละวันก็ให้ไอ้ไกรเป็นคนเก็บรักษาไว้ คนช่างมัธยัสถ์อย่างมันแม้แต่อัฐเดียวไม่ยอมให้กระเด็นหาย คงไม่มีทางไปเป็นหนี้ใครที่ไหนหรอก
‘เหตุการณ์ช่วงนี้ล้วนปกติสุขดี ไม่มีใครหน้าไหนเทียวมาระรานให้ขุ่นเคืองใจเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเช่นนั้นอะไรล่ะคือสาเหตุให้ไอ้ไกรเก็บมาทุกข์ใจ’
ลองคิดไปคิดมาอยู่หลายตลบจนหัวจะระเบิด
ทองดำก็ยังไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่าสหายผู้นี้กำลังมีเรื่องคับอกคับใจอันใด
... อยากรู้
อยากรู้ ...อยากรู้จริงโว้ย!!
“เอ็งเชื่อเรื่องความฝันไหมวะ?” หืม...ความฝัน? หมายถึงฝันบอกเหตุนะเหรอ?
“ก็พอจะเชื่ออยู่ เอ็งถามทำไม?”
ไกรทองหยุดนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
แต่มันช่างยาวนานมากสำหรับคนอยากรู้อย่างทองดำ
“...ข้าคงคิดมากไปเอง...เอ็งช่วยลืมๆกับคำพูดข้าไปทีนะ”
จะให้กูลืม!!
มึงเป็นบ้าอะไรไอ้ไกรถึงได้มาพูดให้อยากแล้วจากไปเยี่ยงนี้...บอกให้กูลืม กูคงจะลืมให้มึงได้ทันทีหรอกนะไอ้เวรตะไล
เก็บอาการไว้
อย่าโมโห...อย่าตะโกนด่า...อย่าทำให้มันน้อยใจเด็ดขาด ประเดี๋ยวจะอดรู้ความจริงกันพอดี
“แล้วทำไมเอ็งไม่ลองเล่าให้ฟังดูก่อน เผื่อข้าจะช่วยคิดวิเคราะห์ว่าควรเชื่อเรื่องความฝันไหม?” ปกติถ้าเห็นว่าเพื่อนไม่อยากเล่าปัญหาในใจให้ฟัง ทองดำก็จะไม่คาดคั้นถามให้เสียน้ำใจ
ยกเว้นเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เขาทนไม่ได้จริงๆ
เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเพื่อนรัก(ที่อยากรู้อยากเห็น) ไกรทองจึงยอมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง...ความลับที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้กับตัวไม่ยอมบอกใคร...ยิ่งโดยเฉพาะกับชาละวัน
ในท่ามกลางความฝันอันรางเลือน
ไกรทองพบว่าตัวเองกำลังยืนโดดเดี่ยวในกลางป่า
ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ล้วนมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ
‘เป็นสถานที่ไม่คุ้นตาเลย
ต่อให้เป็นแค่ความฝันก็ไม่น่าจะฝันเห็นสถานที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้...อืม แปลกจริงๆ’
ไกรทองสำรวจมองสถานที่โดยรอบด้วยความสงสัยและสนใจ
ด้วยเพราะไม่บ่อยนักที่คนเราจะฝันเห็นสถานที่ที่ไม่เคยพบเจอแล้วเก็บเอามาฝันถึง
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...ข้ารอวันที่จะได้พบเจ้านานแล้ว ไกรทอง”
เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียง แต่ก็ไม่พบผู้ใด “นั่นใคร?”
“อย่าสนใจว่าข้าคือใคร
ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีเรื่องสำคัญจะมาบอกให้รู้”
“มีเรื่องสำคัญจะพูดคุย เหตุใดจึงไม่ปรากฏกายให้เห็น เอาแต่หลีกหนีเร้นหน้าในพงไพรผู้ใดจะเชื่อว่ามาดีหรือมาร้าย”
“ไม่เอาน่าเด็กน้อย อย่าทำหน้าตาน่ากลัวเช่นนั้นสิ
เจ้าทำเหมือนกับว่าข้าเป็นคนไม่ดีมารังแกเจ้ายังไงก็ไม่รู้”
เสียงทุ้มห้าวของบุรุษดังมาจากทิศทางใดเด็กหนุ่มมิอาจเดาได้ แต่สิ่งเดียวที่พอจะเดาออกคืออีกฝ่ายน่าจะยังหนุ่มแน่น
ถ้าฟังจากน้ำเสียงดีๆอายุคงใกล้เคียงกับพี่ชาละวัน
“งั้นลองมาเป็นข้าดูบ้างดีไหม?
ผู้หนึ่งอยู่ในที่โล่งส่วนอีกคนนั้นหลบเร้นอยู่ในที่ลับตา ทำตัวเหมือนไอ้ขี้ขลาดที่คอยเที่ยวซ่อนกายไม่สู้หน้าผู้ใด”
...ไม่เลววาจาคมคายด่าได้เจ็บดี แสดงว่าคงได้รับการอบรมมาดีจากหมอนั่น
สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวเงียบในเงามืดจ้องมองเหยื่อตรงหน้าด้วยดวงตาวาววับ
แสยะยิ้มชอบใจกับความเฉลียวฉลาดของเจ้าเหยื่อตัวน้อย
“ข้าล้อเล่นเพียงนิดหน่อย เหตุไฉนต้องโกรธเคือง...”
“เลิกพูดจาโยกโย้ มีธุระอันใดจงพูดมาให้เสร็จสิ้น อย่าให้ข้าต้องไปลากเจ้าออกมาจากมุมมืด” ไกรทองชักจะเริ่มรำคาญบุรุษปริศนาเต็มทน จึงจงใจเอ่ยตัดบทสนทนา
“เจ้านี่ไร้อารมณ์ขันจริงๆ...ข้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่เพื่อพูดเรื่องของชาละวันแท้ๆ เหตุใดจึงใจร้ายตัดรอนกันได้ลงคอ” ว่าไงนะ?
“พี่ชาละวันเกี่ยวอะไรด้วย?” ไกรทองขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับเจตนาอีกฝ่าย
ชายหนุ่มยกยิ้มดีใจเมื่อเห็นปลาเริ่มตอดเบ็ด
“เจ้าไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่...ถ้าให้ข้าเดาเจ้าคงรู้แต่ทำเป็นมองข้ามมากกว่า”
“ว่าไงนะ!?”
เจ้าบ้านี่พูดถึงเรื่องอะไร?
รู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้...
“น่าผิดหวังแทนพ่อเจ้าเสียจริงที่มีลูกเช่นเจ้า
คำสัตย์สาบานที่เจ้าเคยลั่นวาจาไว้บัดนี้ลืมสิ้นจากใจไปแล้วงั้นรึ”
“เจ้า!!!”
“ไหนบอกจะล้างผลาญไอ้พวกจระเข้เลวเหมือนกับที่พวกมันทำกับพ่อของเจ้า เจ้าลืมไปหมดสิ้น”
ไกรทองยกมือปิดหูไม่อยากฟังคำพูดเสียดหูเหล่านี้
“ไม่จริง
ข้าไม่เคยลืม ข้าไม่เคยลืม!!” ผู้ใดจะลืมลง
ถ้าไม่ใช่เพราะจระเข้ยักษ์ตนนั้นพ่อของเขาก็คงไม่ตาย
พ่อต่อสู้จนร่างกายเจ็บหนักจนป่วยตายเพราะมัน...เพราะมัน!!!
“หากเจ้าไม่ลืมเหตุใดถึงปล่อยให้มันอยู่ข้างกาย หนำซ้ำยังไปตกหลุมรักมันอีก”
“เจ้าหมายถึงพี่ชาละวัน?”
“ใช่”
ไม่จริง
...พี่ชาละวันเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับเขา กับทองดำ ...ไม่ใช่อมนุษย์อย่างที่เจ้าว่า
“ลองนึกทบทวนดูให้ดีสิไกรทอง
เจ้าเป็นคนฉลาดย่อมมองออกว่าสิ่งใดคือความจริง สิ่งไหนคือเรื่องโกหก นึกดูให้ดี...”
ตำราที่เคยศึกษามีบันทึกไว้
เหล่าอมนุษย์ภายนอกแม้ดูคล้ายมนุษย์ธรรมดาแต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อแตกต่าง
หน้าตา...พวกนี้ล้วนสามารถจำแลงแปลงกายให้ดูสวยงาม
หรือไม่ก็มีความงดงามอยู่แล้วเพื่อคอยล่อหลอกมนุษย์ให้หลงระเริงกับมายาภายนอก
สติปัญญา...มีมันสมองไม่ต่างจากมนุษย์ แต่โดยมากนิสัยจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ร้ายกาจ
กลิ้งกลอกไปมาเสมือนน้ำกลิ้งบนในบอนก็ไม่ปาน
นิสัย...ดุร้ายเฉกเช่นสัตย์ป่า โหดเหี้ยมไร้ความปรานี
บางตนอาจดำรงตนด้วยผลไม้หรือไม่ก็อิ่มทิพย์แต่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะยังชีพอยู่ได้ด้วยเลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิต
พละกำลัง... เนื้อกายนอกจากจะแข็งแกร่งดุจหินผา พวกนี้ยังมีกำลังวังชามากมายจนดูคล้ายไม่เหน็ดเหนื่อย อิทธิฤทธิ์ก็มีเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามากมายหลายเท่า หนำซ้ำยังมีอายุก็อยู่ได้ยืนยาวไม่แก่ไม่เฒ่า
‘ที่กล่าวมาทั้งหมด...ช่างดูคล้ายพี่ชาละวันยิ่งนัก แต่สิ่งที่เราสังเกตเห็นมาทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
จงอย่าเพิ่งปักใจเชื่อหากยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด’
แววตามั่นคง
รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างใจเย็นของเด็กหนุ่ม
ทำให้สัตว์ร้ายตนนี้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองที่ทุกอย่างล้วนไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
...แต่ไม่เป็นไร
ขอเพียงแค่ใจเย็นๆแล้วปรับแผนให้เข้าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
“ลองเอาคำพูดของข้าไปคิดให้ดีๆ
มั่นสังเกตให้มากแล้วเจ้าจะมองเห็นในสิ่งที่ข้าเตือน”
ทองดำถามออกไปด้วยความอยากรู้ “แล้วยังไงต่อ?”
“จากนั้นข้าก็ตื่น...แล้วหลังจากคืนนั้นข้าก็ได้ฝันเห็นแต่เหตุการณ์เดิมๆ
อย่างกับว่าเป็นฝันที่เที่ยวคอยย้ำเตือนไม่ให้ข้าลืม ให้ข้าหวาดระแวงพี่ชาละวัน...ข้า...”
“เอ็งเลยเฝ้าแต่จับผิดพี่ชาละวัน” ทองดำต่อประโยคให้อย่างรู้ทันความคิดเพื่อน
เด็กหนุ่มผิวถ่านมองดูสีหน้ากลุ้มใจของไกรทองแล้วครุ่นคิด “ข้าว่าเอ็งฝันไปมากกว่า”
ไกรทองขมวดคิ้วไม่พอใจ “หมายความว่ายังไง?”
“จำคำที่หลวงตาเคยสอนพวกเราไว้ได้ไหม...คิดมากฝันมาก ฟังนะเอ็งมันพวกชอบเก็บปัญหาไว้กับตัว
ที่นี่พอเก็บกดเอาไว้มากๆก็เลยฝันถึงมันซ้ำๆ ถูกไหม?”
ไกรทองพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเพื่อนรัก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี
“แล้วถ้าพี่ชาละวันเป็นพวกจระเข้ยักษ์จริงๆ มันไม่เท่ากับว่าข้าเอาศัตรูมาไว้ข้างกายหรอกเหรอ?”
“ข้าขอถามหน่อยเถอะ ทุกวันนี้พี่ชาละวันดูแลเอ็งดีไม่พอใช่ไหม พี่เขาไม่เคยแม้แต่จะดุด่าหรือทำร้ายเอ็งเลยสักครั้ง” ทองดำไม่เข้าใจความคิดของเพื่อนเลยสักนิด...อีกฝ่ายคอยประคบประงมดูแล เอาอกเอาใจใส่ทุกอย่างประหนึ่งเป็นน้องชายแท้ๆก็ไม่ปาน
อยู่ดีกินดียิ่งกว่าผัวเมียข้าวใหม่ปลามันเสียด้วยซ้ำไป แล้วเอ็งจะมาเที่ยวระแวงพี่เขาทำหอกอะไรอีกว้า
“อีกอย่างข้าคิดว่าความกลุ้มใจทั้งหมดของเอ็ง
ส่วนหนึ่งมันก็เกิดมาจากความกลัวและความเกลียดพวกอมนุษย์...อาจจะเป็นเพราะเอ็งยังคงฝังใจกับการตายของพ่อ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเกิดจากที่เอ็งเที่ยวฟังมาจากชาวบ้านคนอื่นจนนำมาประติดประต่อเรื่องราวเองแล้วเชื่อตามนั้น...ทำให้เอ็งเลยกลายเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น...โดยเฉพาะพวกจระเข้ที่เอ็งเชื่อนักเชื่อหนาว่าเป็นสาเหตุให้พ่อเอ็งตาย”
“แต่ข้าไม่เคยฝันเห็นเรื่องพรรค์นี้เลยสักครั้ง แล้วอีกอย่างข้ายังพอจำได้นะว่า
ตอนนั้นพ่อบาดเจ็บหนักจนล้มป่วยแล้วไม่เคยหาย...”
“เอ็งมั่นใจเหรอไอ้ไกร?
เท่าที่ข้ารู้เอ็งจำได้แค่ตอนเห็นพ่อสู้กับจระเข้ยักษ์ ตอนพ่อบาดเจ็บแล้วหลังจากนั้น....เอ็งก็จำทุกอย่างไม่ได้ รวมทั้งคนปริศนาที่เอ็งเฝ้ารอคอย” ทุกประโยค
ทุกคำพูดที่ทองดำกล่าวออกมา ล้วนกระทบลงบาดแผลในใจ จนไม่อาจหาเหตุผลโต้แย้งกลับไปได้
“ไอ้ไกรนี่เอ็งคงไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่านับตั้งแต่พี่ชาละวันมาอยู่กับพวกเรา เอ็งนั้นรู้จักยิ้มมากขึ้น หน้าดูดีมีความสุขทุกครั้งเวลาอยู่กับพี่เขาไม่เศร้าหมองเหมือนแต่ก่อน
และที่สำคัญเอ็งก็ไม่เคยถามหาคนปริศนาที่ว่านั่นอีกเลย...”
ดังเอาน้ำเกลือราดลงแผลสด แม้จะดูเป็นการทำร้ายจิตใจกัน แต่นี่คือความหวังดีที่มอบให้แก่เพื่อนรัก
“ข้า...”
ไม่แปลกที่ไกรทองจะเกิดความรู้สึกลังเล
เพราะชายหนุ่มที่ตนระแวงคือคนรัก...เป็นคนที่เขารักจนหมดหัวใจ
“ไหนบอกจะล้างผลาญไอ้พวกจระเข้เลวเหมือนกับที่พวกมันทำกับพ่อของเจ้า เจ้าลืมไปหมดสิ้น”
แต่คำสัตย์สาบานที่เคยไว้ให้กับพ่อเขาก็ทิ้งไปไม่ได้....มันฆ่าพ่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะมันพ่อก็คงยังอยู่กับข้าจนถึงทุกวันนี้
“ยังไงก็ต้องตรวจสอบเพื่อหาความจริง ถึงแม้พี่ชาละวันจะนิสัยดีแค่ไหนแต่อมนุษย์นั้นไม่สามารถอยู่รวมกันกับมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราได้หรอก...ไม่มีวัน”
“แล้วหากพี่ชาละวันเป็นพวกอมนุษย์จริง เอ็งคิดจะทำเช่นไร?”
ไกรทองขยุ้มอกข้างซ้ายข่มหัวใจที่กำลังเจ็บปวด “ข้าคงจำเป็นต้องสังหารพี่ชาละวัน”
ทองดำเบิกตากว้างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของสหายรัก
“ข้าเคยตั้งสัจอธิษฐานต่อดวงวิญญาณพ่อไว้
ว่าจะกำจัดพวกอมนุษย์ให้สิ้นเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายใคร”
“แต่พี่ชาละวันยังไม่ได้ทำร้ายหรือเข่นฆ่าผู้ใด...” ทองดำพยายามชี้ให้ไกรทองมองเห็นความเป็นจริง
“ทองดำอมนุษย์เหล่านี้ล้วนแต่ไว้ใจไม่ได้ หากปล่อยไว้นานวันเข้าย่อมไม่เกิดผลดี”
แววตาเอาจริงของไกรทองทำให้ทองดำสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย
แต่เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วไอ้เพื่อนหัวดื้อยังรั้นที่จะทำ เขาคงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆและเฝ้าภาวนาให้อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเช่นพวกเขา
...ไอ้ไกร
ไอ้เพื่อนหัวรั้น หากเอ็งสังหารพี่ชาละวันจริงดังปากว่า ข้ากลัวว่าเอ็งนั่นแหละที่จะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
‘สาธุ...ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นเลย’
หลังจากลอบเฝ้าสังเกตพฤติกรรมคนรักมาหลายวัน ค่ำคืนนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่ไกรทองจะได้พิสูจน์หาความจริงอย่างที่เคยเอ่ยไว้กับทองดำเสียที
เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่คนลึกลับบอกจริงๆเสียด้วย ว่าค่ำคืนนี้พี่ชาละวันจะอาศัยช่วงเวลาที่เขาหลับแอบออกไปข้างนอก หากเป็นช่วงตอนกลางวันหรือช่วงหัวค่ำคงไม่แปลกที่จะไปไหนมาไหน
แต่นี่มันเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนช่วงที่ผู้คนต่างหลับใหล ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆเลยสักนิดที่จะต้องออกไป
‘คืนนี้ชาละวันจะออกไปหาบุคคลหนึ่งในป่า
หากเจ้าอยากรู้ความจริงก็จงเร่งติดตามไป’
‘จะแน่ใจได้เช่นไร’ ถึงที่ผ่านมาตัวเองจะทำอย่างที่อีกฝ่ายแนะนำมาโดยตลอด
แต่ใช่ว่าจะเชื่อฟังไปเสียทั้งหมดเพราะอย่างน้อยหลวงตาก็เคยสั่งสอนให้รู้จักฟังหูไว้หู อย่าหลงเชื่อใครเขาง่ายๆ
‘ลองตามไปดูสิ แล้วเจ้าจะมองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่’
คนลึกลับกล่าวทิ้งไว้แค่นั้นเด็กหนุ่มก็ตื่น ตอนแรกถึงจะลังเลว่าควรเชื่อดีหรือไม่ แต่ถ้าหากปล่อยให้มีเรื่องค้างคาใจอยู่เช่นนี้ต่อไป
ใจที่มีแต่ความระแวงอาจจะทำให้เขาไม่สามารถมองหน้าคนรักได้อย่างสนิทใจ ฉะนั้นเขาจึงต้องตรวจสอบว่าพี่ชาละวันคืออมนุษย์ที่จำแลงกายมาหรือว่าเป็นมนุษย์จริงๆ
ไกรทองพนมมือร่ายคาถาอาคมพรางกายกลืนไปความมืดมิด
แล้วแอบย่องลงเรือนตามหลังชายหนุ่มรูปงามไป
แม้ภายนอกไกรทองจะดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป หากแต่ในความเป็นจริงทั้งเขาและทองดำล้วนเป็นผู้มีวิชาอาคมติดตัว
เพราะเมื่อครั้งตอนยังเด็กและอาศัยอยู่กับหลวงตาที่วัด ตอนแรกพวกเขาได้แค่เรียนอ่านเขียนให้พอมีความรู้ติดตัว แต่หลังจากไกรทองถูกคนลอบทำร้ายจนเกือบตาย หลวงตาคงจึงยอมผิดศีลถ่ายทอดวิชาให้เพื่อนำไปใช้ป้องกันตัวรวมทั้งวิชาปราบจระเข้ก็ด้วย...ซึ่งวิชานี้หลังตอนแรกท่านไม่อยากสอนเพราะด้วยถือครองผ้าเหลืองอยู่ แต่เนื่องจากถูกหลานชายคนเดียวรบเร้าจะร่ำเรียนหนักเข้า
สุดท้ายก็ใจอ่อนประกอบกับอยากมีทายาทสืบทอดวิชาปราบจระเข้ เลยยอมถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ทั้งสองอย่างไม่หวงวิชา
...แต่มีข้อแม้แค่ว่า
ทั้งสองคนจะต้องนำวิชาที่ร่ำเรียนมาคอยช่วยเหลือผู้คน
ห้ามนำไปใช้ในทางที่เสื่อมเสียและชั่วร้ายเด็ดขาด รวมถึงทำร้ายหรือฆ่าคนบริสุทธิ์โดยเด็ดขาด ซึ่งไกรทองกับทองดำก็ให้คำสัตย์สาบานแก่หลวงตา
เด็กหนุ่มใช้วิชาความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาจากหลวงตาคงสะกดรอยตามหลังชายหนุ่มไปชนิดไม่ให้คลาดสายตา
แม้อีกฝ่ายจะเดินเข้าไปในป่าลึกเจ้าตัวก็ยังตามติดไม่ยอมทิ้งห่าง
‘น่าแปลก...พี่ชาละวันมาทำอะไรที่เขตป่าแถวนี้
นึกว่าจะไปหาพี่นันที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านเสียอีก’ ไกรทองลองขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกนิดแต่ไม่ประมาทให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตาม
...เหตุไฉนในเส้นทางที่มืดมิดไร้แสงนำทาง ชาละวันถึงเดินต่อไปได้อย่างคล่องแคล่ว คล้ายกับมองเห็นทุกสิ่งอย่างได้ดีแม้อยู่ในความมืด
‘เหมือนสัตว์นักล่า...มีเพียงแค่สัตว์นักล่าที่หากินตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะมีสายตาที่มองเห็นในความมืดได้’
เด็กหนุ่มสะบัดหัวทีสองทีพยายามไม่คิดเรื่องเหลวไหล
เพราะใจที่วอกแวกไปชั่วครู่ทำให้เผลอคลาดสายตาจากคนตรงหน้า พอหันไปมองอีกทีก็พบว่าชายหนุ่มรูปงามหายไป
‘บ้าน่า หายไปไหนแล้ว...’
ด้วยความตกใจสมาธิหดหายคาถาจึงคลายลง จากนั้นคนที่หายตัวไปกับโผล่มาทางด้านหลังไกรทอง พญากุมภีร์หนุ่มรวบตัวเด็กหนุ่มไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ตะปบปิดปากเอาไว้
‘เสร็จกัน!’
ใบหน้างดงามเหยียดยิ้มให้เหยื่อตัวน้อยในอ้อมแขน “พี่เคยเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่าออกมาจากบ้านเวลาค่ำๆมืดๆคนเดียว” น้ำเสียงเย็นชาเสียจนคนฟังรู้สึกหนาวเข้ากระดูก
ไกรทองตัวสั่นด้วยความกลัว...นี่ไม่ใช่พี่ชาละวันที่ข้าเคยรู้จัก
“น้องไกรทองนี่เป็นเด็กดื้อเสียจริง พี่เคยบอกไม่ให้คุยกับคนไม่ดีน้องก็ไม่ฟัง
เห็นทีคงต้องจัดการให้เรียบร้อยเพื่อป้องกัน.....”
ยังไม่ทันได้เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดให้กระจ่าง จู่ๆสติของเด็กหนุ่มก็เกิดดับวูบไปโดยไม่รู้ตัว
“หลับให้สบายเถิดเด็กน้อยของข้า
ยามเมื่อเจ้าลืมตาตื่นขึ้นมา...เจ้าจะพบความจริงที่อยากรู้”
หลังจากที่เด็กหนุ่มถูกเขาทำให้หลับไปแล้ว คณัสนันท์ก็ปรากฏกายออกมาจากหลังต้นไม้ทางด้านหลัง
ชายหนุ่มคอยซุ่มสังเกตการณ์อยู่ที่นี่นานแล้วจึงมองเห็นทุกอย่าง
“ดูท่าพวกเราจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าผิดเองที่ดันประมาท ทำตัวตกลงไปในหลุมพรางที่พวกมันขุดดักไว้”
แม้จะเคยเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง
แต่พอได้เห็นท่าทีตื่นกลัวของคนรักก่อนหน้านี้ทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก
“เราควรบิดเบือนความทรงจำของทุกคนก่อนจากไป...”
ทุกคนที่คณัสนันท์กล่าวถึง
ย่อมหมายรวมถึงเด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ข้าไม่อยากให้ตัวตนของข้าเป็นเพียงแค่ความฝันสำหรับน้องไกรทอง...”
คณัสนันท์รีบท้วงติงความคิดอันตรายของผู้เป็นนายเหนือหัว “แต่ถ้าหากเราไม่บิดเบือนความทรงจำของไอ้ไกร
ข้าเกรงว่าการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์กุมภีร์จะถูกเปิดเผย แบบนี้ไม่เท่ากับว่าพวกเรากำลังเปิดศึกสองทางหรือยังไง?
ข้าสืบมาแล้วไกรทองกับทองดำได้รับการสืบทอดวิชาปราบจระเข้มาจากหลวงตาคง
อดีตหมอจระเข้ที่พวกเราล้วนเคยได้กิตติศัพท์ด้านการสังหารจระเข้และกุมภีร์”
“แต่ยังไงข้าก็ไม่อาจทำใจได้หากน้องไกรทองจะลืมความรักที่เรามีให้กัน” ความดันทุรังไม่สนใจคำเตือนของชายหนุ่ม ทำให้ท่านแม่ทัพร่างยักษ์เกิดความรู้สึก......
อยากตบกะโหลกมันเพื่อเรียกสติเสียจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกน้องนะ...มันกับกูคงได้แลกหมัดกัน
หรือบางทีกูควรจะซัดมันให้สลบไปแล้วจับมัดส่งกลับไปหาท้าวรำไพดีหว่า
...ความรักทำให้คนตาบอดได้จริงๆ...ไม่ใช่แค่ตานะหูก็หนวก ใจก็มืดบอด
สติก็เลอะเลือน
ไม่เห็นจะมีเรื่องดีเลยสักอย่าง
“แต่ถ้าหากปล่อยไว้...”
ชาละวันเอ่ยปากแทรกอย่างตัดสินใจแน่วแน่ “ข้าจะพาน้องไกรทองไปอยู่ด้วย”
“อะไรนะ!? เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?”
ชาละวันไม่สนใจ “ข้าขอเปลี่ยนแผน...เจ้าอยู่นี่ไปก่อนแล้วอย่าลืมแอบส่งข่าวให้กันตพิญช์ให้รู้ ถ้ามีใครถามหาก็ให้โกหกไปว่าข้าต้องรีบกลับบ้านไปจัดการเรื่องสำคัญไกรทองจึงขออาสาไปกับข้าด้วย เอาไว้เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยถึงจะกลับมา”
คณัสนันท์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ “เจ้าก็รู้ว่ามันเสี่ยงเกินไป”
“ข้ารู้”
“ไอ้ไกรอาจถูกสองสาวนั่นรุกราน” ตัวนี้แหละที่น่ากลัว หากเกิดวิมาลากับเลื่อมลายวรรณร่วมมือกันจริง เรื่องราวทุกอย่างคงวุ่นวายเละเทะจนเกินยากจะแก้ไขได้
“ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการเรื่องนี้เอง” ก็ลองดูสิข้าจะเล่นงานกลับชนิดไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยคอยดู...หากใครหน้าไหนกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับไกรทอง ต่อให้อีกฝ่ายเป็นสตรีข้าก็ไม่ละเว้น
“อีกอย่างถ้าเมื่อใดที่เจ้าเด็กนี่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วรู้ความจริง ข้าเกรงว่าเขาจะเกลียดชังเจ้า”
“ถ้าให้เลือกระหว่างถูกเกลียดกับถูกลืม...” ชาละวันมองคนรักในอ้อมกอด “ข้าเลือกให้เขาเกลียดข้าเสียยังจะดีกว่า”
ในเมื่อผู้เป็นนายตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้ ลูกน้องย่อมต้องก้มหัวยอมรับ
“ข้าน้อมรับคำสั่ง”
...เจ้าละไกรทอง เจ้าจะเลือกอะไรระหว่าง เกลียดข้าหรือลืมว่าเคยรักข้า
...หรือจะลงมือสังหารข้าให้ตาย
************************************* หลังไมค์จ้า ***********************************
ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี.....อืม......เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันระหว่างคนเขียนกับคนอ่าน ไรเตอร์จะขอเสนอหัวข้อการตอบคำถามก็แล้วกันเนอะ
เอาแบบง่ายๆคือ หนึ่งคนสามารถถามได้สามข้อ(ยังกะขอพรจินนี่) จะถามเกี่ยวกับไรเตอร์หรือถามตัวละครก็ได้ ถามอะไรมาจะตอบให้หมดเลย (หากให้มีการสปอยเนื้อเรื่องจะตอบแค่นิดเดียวพอนะ)
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มีให้สั้นๆง่ายแบบนี้แหละ
ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ทุกคนมีให้ชาละวันกับไกรทองเสมอมาแม้คนเขียนจะชอบหายหัวแต่ก็ยังไม่ทิ้งกัน
ความคิดเห็น