ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #37 : ไกรทอง ตอนที่ 31

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.25K
      26
      14 มี.ค. 59


    ทองดำนั่งมองไอ้เพื่อน รักถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของวัน...ความจริงเพราะมันเยอะจัดเลยขี้เกียจนับ  บ้างครั้งก็ชอบเหม่อลอยเรียกทีต้องตะโกนจนเสียงเกือบแหบแห้ง 


    ...ดูสิ  ถอนหายใจออกมาอีกแล้ว  อยากรู้จริงๆมันกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่


    “ไอ้ไกร”


    ยังนั่งเฉย  สงสัยจะไม่ได้ยิน


    ไอ้ไกร” 


    กูคงเรียกมันเสียงดังไม่พอ


    ไอ้ไกร!!!”  คราวนี้เด็กหนุ่มผิวถ่านป้องปากตะโกนร้องข้างรูหูเสียงดังลั่น  เล่นเอาเจ้าของชื่อตกใจมากจนเผลอ....


    พลั่กตุบ!


    “โอ๊ย!!


    เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจจนเผลอถีบเพื่อนรักสุดตีน  ทำเอามันลอยกระเด็นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น


    “โทษที  โทษที...ข้าไม่ได้ตั้งใจ”  ไกรทองรีบไปพยุงเพื่อนกลับขึ้นมานั่งบนแคร่  ทองดำคลำเอวตัวเองปอยๆด้วยความเจ็บและจุก


    “ถ้าเอ็งตั้งใจข้าคงได้นอนสลบคาตีน”


    “ก็ใครใช้ให้เอ็งเล่นพิเรนทร์แบบนี้  ดีที่ข้าไม่หัวใจวายตาย”  ทองดำมองค้อนควักใส่คนด่า


    “ข้าเรียกตั้งหลายรอบเอ็งก็ยังไม่ได้ยิน  ข้าถึงต้องใช้วิธีนี้ไงเล่า...ถามจริงๆเถอะช่วงนี้เป็นอะไรไปวะ  เหม่อได้เหม่อดีแถมยังเอาแต่ถอนหายใจทิ้งตั้งหลายครั้ง”  ไกรทองทำหูทวนลมหยิบเอางานที่ทำค้างไว้กลับมาต่อให้เสร็จ


    ทองดำหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างจับผิด... ทำเป็นหาทางเลี่ยงเบี่ยงไปทางอื่น  ไอ้ท่าทางไม่อยากพูดแบบนี้แหละ  ยิ่งทำให้อยากรู้เข้าไปใหญ่


    ด้วยเพราะคบหากันมานานหลายสิบปี  ทองดำจึงรู้ไส้รู้พุงเพื่อนตัวเองดีกว่าใคร   โดยเฉพาะเรื่องอาการปากหนัก...ปากหนักเสียจนชนิดที่ว่า  ถ้าไม่บอกก็คือไม่บอกต่อให้คาดให้คั้นหนักแค่ไหนเจ้าหอยกราบตัวนี้  จะหุบปากเงียบไม่ยอมอ้าเด็ดขาด


    ...หากให้วิเคราะห์จากสันดานไอ้ไกรแล้ว   ปัญหาที่มันพบเจอในช่วงนี้คงมิแคล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ชาละวันเป็นแน่   เพราะเดี๋ยวนี้เอะอะหายใจเข้าหายใจออกล้วนมีแต่เรื่องพี่ชาละวัน   จนหลายครั้งดูเหมือนผัวเมียเพิ่งแต่งงานใหม่ยังไงชอบกล


    ...อืม....ถ้าให้ลองเดาดูคง...


    ทะเลาะกัน?....พี่เขาก็ดูเอาอกเอาใจมันดี  ปัญหานี้ไม่น่าจะใช่


    แย่งผู้หญิงคนเดียวกัน?...ไม่รู้ทำไมแต่คิดว่าปัญหานี้น่าจะตัดทิ้งไปได้เลย


    เงินทองติดหนี้ผู้อื่นอยู่? ...เคยได้ยินมาจากพี่นันแว่วๆว่าเงินค่าจ้างที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์   พี่ชาละวันก็ให้ไอ้ไกรเป็นคนเก็บรักษาไว้   คนช่างมัธยัสถ์อย่างมันแม้แต่อัฐเดียวไม่ยอมให้กระเด็นหาย  คงไม่มีทางไปเป็นหนี้ใครที่ไหนหรอก


    เหตุการณ์ช่วงนี้ล้วนปกติสุขดี  ไม่มีใครหน้าไหนเทียวมาระรานให้ขุ่นเคืองใจเหมือนเมื่อก่อน  ถ้าเช่นนั้นอะไรล่ะคือสาเหตุให้ไอ้ไกรเก็บมาทุกข์ใจ


    ลองคิดไปคิดมาอยู่หลายตลบจนหัวจะระเบิด  ทองดำก็ยังไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่าสหายผู้นี้กำลังมีเรื่องคับอกคับใจอันใด


    ... อยากรู้   อยากรู้ ...อยากรู้จริงโว้ย!!


    “เอ็งเชื่อเรื่องความฝันไหมวะ?”  หืม...ความฝัน?  หมายถึงฝันบอกเหตุนะเหรอ?


    “ก็พอจะเชื่ออยู่  เอ็งถามทำไม?”  ไกรทองหยุดนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง  แต่มันช่างยาวนานมากสำหรับคนอยากรู้อย่างทองดำ


    “...ข้าคงคิดมากไปเอง...เอ็งช่วยลืมๆกับคำพูดข้าไปทีนะ” 


    จะให้กูลืม!!  มึงเป็นบ้าอะไรไอ้ไกรถึงได้มาพูดให้อยากแล้วจากไปเยี่ยงนี้...บอกให้กูลืม  กูคงจะลืมให้มึงได้ทันทีหรอกนะไอ้เวรตะไล


    เก็บอาการไว้   อย่าโมโห...อย่าตะโกนด่า...อย่าทำให้มันน้อยใจเด็ดขาด  ประเดี๋ยวจะอดรู้ความจริงกันพอดี


    “แล้วทำไมเอ็งไม่ลองเล่าให้ฟังดูก่อน  เผื่อข้าจะช่วยคิดวิเคราะห์ว่าควรเชื่อเรื่องความฝันไหม?”  ปกติถ้าเห็นว่าเพื่อนไม่อยากเล่าปัญหาในใจให้ฟัง  ทองดำก็จะไม่คาดคั้นถามให้เสียน้ำใจ  ยกเว้นเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เขาทนไม่ได้จริงๆ


    เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเพื่อนรัก(ที่อยากรู้อยากเห็น)  ไกรทองจึงยอมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง...ความลับที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้กับตัวไม่ยอมบอกใคร...ยิ่งโดยเฉพาะกับชาละวัน


    ในท่ามกลางความฝันอันรางเลือน  ไกรทองพบว่าตัวเองกำลังยืนโดดเดี่ยวในกลางป่า  ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ล้วนมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ


    เป็นสถานที่ไม่คุ้นตาเลย  ต่อให้เป็นแค่ความฝันก็ไม่น่าจะฝันเห็นสถานที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้...อืม  แปลกจริงๆ ไกรทองสำรวจมองสถานที่โดยรอบด้วยความสงสัยและสนใจ   ด้วยเพราะไม่บ่อยนักที่คนเราจะฝันเห็นสถานที่ที่ไม่เคยพบเจอแล้วเก็บเอามาฝันถึง


    “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...ข้ารอวันที่จะได้พบเจ้านานแล้ว  ไกรทอง”


    เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียง  แต่ก็ไม่พบผู้ใด  “นั่นใคร?”


    “อย่าสนใจว่าข้าคือใคร  ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีเรื่องสำคัญจะมาบอกให้รู้”


    “มีเรื่องสำคัญจะพูดคุย  เหตุใดจึงไม่ปรากฏกายให้เห็น  เอาแต่หลีกหนีเร้นหน้าในพงไพรผู้ใดจะเชื่อว่ามาดีหรือมาร้าย”


    “ไม่เอาน่าเด็กน้อย  อย่าทำหน้าตาน่ากลัวเช่นนั้นสิ  เจ้าทำเหมือนกับว่าข้าเป็นคนไม่ดีมารังแกเจ้ายังไงก็ไม่รู้”


    เสียงทุ้มห้าวของบุรุษดังมาจากทิศทางใดเด็กหนุ่มมิอาจเดาได้  แต่สิ่งเดียวที่พอจะเดาออกคืออีกฝ่ายน่าจะยังหนุ่มแน่น  ถ้าฟังจากน้ำเสียงดีๆอายุคงใกล้เคียงกับพี่ชาละวัน


    “งั้นลองมาเป็นข้าดูบ้างดีไหม?  ผู้หนึ่งอยู่ในที่โล่งส่วนอีกคนนั้นหลบเร้นอยู่ในที่ลับตา  ทำตัวเหมือนไอ้ขี้ขลาดที่คอยเที่ยวซ่อนกายไม่สู้หน้าผู้ใด”


    ...ไม่เลววาจาคมคายด่าได้เจ็บดี   แสดงว่าคงได้รับการอบรมมาดีจากหมอนั่น


    สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวเงียบในเงามืดจ้องมองเหยื่อตรงหน้าด้วยดวงตาวาววับ  แสยะยิ้มชอบใจกับความเฉลียวฉลาดของเจ้าเหยื่อตัวน้อย


    “ข้าล้อเล่นเพียงนิดหน่อย  เหตุไฉนต้องโกรธเคือง...”


    “เลิกพูดจาโยกโย้  มีธุระอันใดจงพูดมาให้เสร็จสิ้น  อย่าให้ข้าต้องไปลากเจ้าออกมาจากมุมมืด”  ไกรทองชักจะเริ่มรำคาญบุรุษปริศนาเต็มทน  จึงจงใจเอ่ยตัดบทสนทนา


    “เจ้านี่ไร้อารมณ์ขันจริงๆ...ข้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่เพื่อพูดเรื่องของชาละวันแท้ๆ  เหตุใดจึงใจร้ายตัดรอนกันได้ลงคอ”  ว่าไงนะ?


    “พี่ชาละวันเกี่ยวอะไรด้วย?”  ไกรทองขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับเจตนาอีกฝ่าย


    ชายหนุ่มยกยิ้มดีใจเมื่อเห็นปลาเริ่มตอดเบ็ด  “เจ้าไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่...ถ้าให้ข้าเดาเจ้าคงรู้แต่ทำเป็นมองข้ามมากกว่า”


    “ว่าไงนะ!?”  เจ้าบ้านี่พูดถึงเรื่องอะไร?  รู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้...


    “น่าผิดหวังแทนพ่อเจ้าเสียจริงที่มีลูกเช่นเจ้า  คำสัตย์สาบานที่เจ้าเคยลั่นวาจาไว้บัดนี้ลืมสิ้นจากใจไปแล้วงั้นรึ”


    “เจ้า!!!


    “ไหนบอกจะล้างผลาญไอ้พวกจระเข้เลวเหมือนกับที่พวกมันทำกับพ่อของเจ้า  เจ้าลืมไปหมดสิ้น”  ไกรทองยกมือปิดหูไม่อยากฟังคำพูดเสียดหูเหล่านี้


    “ไม่จริง  ข้าไม่เคยลืม  ข้าไม่เคยลืม!!”  ผู้ใดจะลืมลง  ถ้าไม่ใช่เพราะจระเข้ยักษ์ตนนั้นพ่อของเขาก็คงไม่ตาย  พ่อต่อสู้จนร่างกายเจ็บหนักจนป่วยตายเพราะมัน...เพราะมัน!!!


    “หากเจ้าไม่ลืมเหตุใดถึงปล่อยให้มันอยู่ข้างกาย  หนำซ้ำยังไปตกหลุมรักมันอีก”


    “เจ้าหมายถึงพี่ชาละวัน?”


    “ใช่”


    ไม่จริง   ...พี่ชาละวันเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันกับเขา  กับทองดำ ...ไม่ใช่อมนุษย์อย่างที่เจ้าว่า


    “ลองนึกทบทวนดูให้ดีสิไกรทอง   เจ้าเป็นคนฉลาดย่อมมองออกว่าสิ่งใดคือความจริง  สิ่งไหนคือเรื่องโกหก  นึกดูให้ดี...”


    ตำราที่เคยศึกษามีบันทึกไว้   เหล่าอมนุษย์ภายนอกแม้ดูคล้ายมนุษย์ธรรมดาแต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อแตกต่าง


    หน้าตา...พวกนี้ล้วนสามารถจำแลงแปลงกายให้ดูสวยงาม   หรือไม่ก็มีความงดงามอยู่แล้วเพื่อคอยล่อหลอกมนุษย์ให้หลงระเริงกับมายาภายนอก


    สติปัญญา...มีมันสมองไม่ต่างจากมนุษย์  แต่โดยมากนิสัยจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว  ร้ายกาจ  กลิ้งกลอกไปมาเสมือนน้ำกลิ้งบนในบอนก็ไม่ปาน


    นิสัย...ดุร้ายเฉกเช่นสัตย์ป่า  โหดเหี้ยมไร้ความปรานี  บางตนอาจดำรงตนด้วยผลไม้หรือไม่ก็อิ่มทิพย์แต่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะยังชีพอยู่ได้ด้วยเลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิต 


    พละกำลัง... เนื้อกายนอกจากจะแข็งแกร่งดุจหินผา  พวกนี้ยังมีกำลังวังชามากมายจนดูคล้ายไม่เหน็ดเหนื่อย  อิทธิฤทธิ์ก็มีเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามากมายหลายเท่า  หนำซ้ำยังมีอายุก็อยู่ได้ยืนยาวไม่แก่ไม่เฒ่า


    ที่กล่าวมาทั้งหมด...ช่างดูคล้ายพี่ชาละวันยิ่งนัก  แต่สิ่งที่เราสังเกตเห็นมาทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้  จงอย่าเพิ่งปักใจเชื่อหากยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด


    แววตามั่นคง  รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างใจเย็นของเด็กหนุ่ม  ทำให้สัตว์ร้ายตนนี้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองที่ทุกอย่างล้วนไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้


    ...แต่ไม่เป็นไร  ขอเพียงแค่ใจเย็นๆแล้วปรับแผนให้เข้าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง   ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย


    “ลองเอาคำพูดของข้าไปคิดให้ดีๆ  มั่นสังเกตให้มากแล้วเจ้าจะมองเห็นในสิ่งที่ข้าเตือน”


    ทองดำถามออกไปด้วยความอยากรู้  “แล้วยังไงต่อ?”


    “จากนั้นข้าก็ตื่น...แล้วหลังจากคืนนั้นข้าก็ได้ฝันเห็นแต่เหตุการณ์เดิมๆ  อย่างกับว่าเป็นฝันที่เที่ยวคอยย้ำเตือนไม่ให้ข้าลืม  ให้ข้าหวาดระแวงพี่ชาละวัน...ข้า...”


    “เอ็งเลยเฝ้าแต่จับผิดพี่ชาละวัน”  ทองดำต่อประโยคให้อย่างรู้ทันความคิดเพื่อน


    เด็กหนุ่มผิวถ่านมองดูสีหน้ากลุ้มใจของไกรทองแล้วครุ่นคิด  “ข้าว่าเอ็งฝันไปมากกว่า”


    ไกรทองขมวดคิ้วไม่พอใจ  “หมายความว่ายังไง?” 


    “จำคำที่หลวงตาเคยสอนพวกเราไว้ได้ไหม...คิดมากฝันมาก  ฟังนะเอ็งมันพวกชอบเก็บปัญหาไว้กับตัว  ที่นี่พอเก็บกดเอาไว้มากๆก็เลยฝันถึงมันซ้ำๆ  ถูกไหม?”


    ไกรทองพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเพื่อนรัก  แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี  “แล้วถ้าพี่ชาละวันเป็นพวกจระเข้ยักษ์จริงๆ   มันไม่เท่ากับว่าข้าเอาศัตรูมาไว้ข้างกายหรอกเหรอ?” 


    “ข้าขอถามหน่อยเถอะ  ทุกวันนี้พี่ชาละวันดูแลเอ็งดีไม่พอใช่ไหม  พี่เขาไม่เคยแม้แต่จะดุด่าหรือทำร้ายเอ็งเลยสักครั้ง”    ทองดำไม่เข้าใจความคิดของเพื่อนเลยสักนิด...อีกฝ่ายคอยประคบประงมดูแล  เอาอกเอาใจใส่ทุกอย่างประหนึ่งเป็นน้องชายแท้ๆก็ไม่ปาน อยู่ดีกินดียิ่งกว่าผัวเมียข้าวใหม่ปลามันเสียด้วยซ้ำไป  แล้วเอ็งจะมาเที่ยวระแวงพี่เขาทำหอกอะไรอีกว้า 


    “อีกอย่างข้าคิดว่าความกลุ้มใจทั้งหมดของเอ็ง  ส่วนหนึ่งมันก็เกิดมาจากความกลัวและความเกลียดพวกอมนุษย์...อาจจะเป็นเพราะเอ็งยังคงฝังใจกับการตายของพ่อ  ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเกิดจากที่เอ็งเที่ยวฟังมาจากชาวบ้านคนอื่นจนนำมาประติดประต่อเรื่องราวเองแล้วเชื่อตามนั้น...ทำให้เอ็งเลยกลายเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น...โดยเฉพาะพวกจระเข้ที่เอ็งเชื่อนักเชื่อหนาว่าเป็นสาเหตุให้พ่อเอ็งตาย”   


    “แต่ข้าไม่เคยฝันเห็นเรื่องพรรค์นี้เลยสักครั้ง   แล้วอีกอย่างข้ายังพอจำได้นะว่า  ตอนนั้นพ่อบาดเจ็บหนักจนล้มป่วยแล้วไม่เคยหาย...”


    “เอ็งมั่นใจเหรอไอ้ไกร?  เท่าที่ข้ารู้เอ็งจำได้แค่ตอนเห็นพ่อสู้กับจระเข้ยักษ์  ตอนพ่อบาดเจ็บแล้วหลังจากนั้น....เอ็งก็จำทุกอย่างไม่ได้   รวมทั้งคนปริศนาที่เอ็งเฝ้ารอคอย”   ทุกประโยค  ทุกคำพูดที่ทองดำกล่าวออกมา  ล้วนกระทบลงบาดแผลในใจ   จนไม่อาจหาเหตุผลโต้แย้งกลับไปได้ 


    “ไอ้ไกรนี่เอ็งคงไม่รู้ตัวเลยสินะ   ว่านับตั้งแต่พี่ชาละวันมาอยู่กับพวกเรา   เอ็งนั้นรู้จักยิ้มมากขึ้น  หน้าดูดีมีความสุขทุกครั้งเวลาอยู่กับพี่เขาไม่เศร้าหมองเหมือนแต่ก่อน  และที่สำคัญเอ็งก็ไม่เคยถามหาคนปริศนาที่ว่านั่นอีกเลย...” 


    ดังเอาน้ำเกลือราดลงแผลสด  แม้จะดูเป็นการทำร้ายจิตใจกัน  แต่นี่คือความหวังดีที่มอบให้แก่เพื่อนรัก


    “ข้า...”  ไม่แปลกที่ไกรทองจะเกิดความรู้สึกลังเล  เพราะชายหนุ่มที่ตนระแวงคือคนรัก...เป็นคนที่เขารักจนหมดหัวใจ 


    “ไหนบอกจะล้างผลาญไอ้พวกจระเข้เลวเหมือนกับที่พวกมันทำกับพ่อของเจ้า  เจ้าลืมไปหมดสิ้น”


    แต่คำสัตย์สาบานที่เคยไว้ให้กับพ่อเขาก็ทิ้งไปไม่ได้....มันฆ่าพ่อ  ถ้าไม่ใช่เพราะมันพ่อก็คงยังอยู่กับข้าจนถึงทุกวันนี้  


    “ยังไงก็ต้องตรวจสอบเพื่อหาความจริง  ถึงแม้พี่ชาละวันจะนิสัยดีแค่ไหนแต่อมนุษย์นั้นไม่สามารถอยู่รวมกันกับมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราได้หรอก...ไม่มีวัน”


    “แล้วหากพี่ชาละวันเป็นพวกอมนุษย์จริง  เอ็งคิดจะทำเช่นไร?”


    ไกรทองขยุ้มอกข้างซ้ายข่มหัวใจที่กำลังเจ็บปวด  “ข้าคงจำเป็นต้องสังหารพี่ชาละวัน”


    ทองดำเบิกตากว้างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของสหายรัก


    “ข้าเคยตั้งสัจอธิษฐานต่อดวงวิญญาณพ่อไว้  ว่าจะกำจัดพวกอมนุษย์ให้สิ้นเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายใคร”


    “แต่พี่ชาละวันยังไม่ได้ทำร้ายหรือเข่นฆ่าผู้ใด...”  ทองดำพยายามชี้ให้ไกรทองมองเห็นความเป็นจริง


    “ทองดำอมนุษย์เหล่านี้ล้วนแต่ไว้ใจไม่ได้  หากปล่อยไว้นานวันเข้าย่อมไม่เกิดผลดี”


    แววตาเอาจริงของไกรทองทำให้ทองดำสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย  แต่เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วไอ้เพื่อนหัวดื้อยังรั้นที่จะทำ  เขาคงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆและเฝ้าภาวนาให้อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเช่นพวกเขา


    ...ไอ้ไกร  ไอ้เพื่อนหัวรั้น   หากเอ็งสังหารพี่ชาละวันจริงดังปากว่า   ข้ากลัวว่าเอ็งนั่นแหละที่จะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต


    สาธุ...ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นเลย


    หลังจากลอบเฝ้าสังเกตพฤติกรรมคนรักมาหลายวัน  ค่ำคืนนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่ไกรทองจะได้พิสูจน์หาความจริงอย่างที่เคยเอ่ยไว้กับทองดำเสียที


    เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่คนลึกลับบอกจริงๆเสียด้วย   ว่าค่ำคืนนี้พี่ชาละวันจะอาศัยช่วงเวลาที่เขาหลับแอบออกไปข้างนอก   หากเป็นช่วงตอนกลางวันหรือช่วงหัวค่ำคงไม่แปลกที่จะไปไหนมาไหน  แต่นี่มันเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนช่วงที่ผู้คนต่างหลับใหล   ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆเลยสักนิดที่จะต้องออกไป


    คืนนี้ชาละวันจะออกไปหาบุคคลหนึ่งในป่า  หากเจ้าอยากรู้ความจริงก็จงเร่งติดตามไป


    จะแน่ใจได้เช่นไร’  ถึงที่ผ่านมาตัวเองจะทำอย่างที่อีกฝ่ายแนะนำมาโดยตลอด  แต่ใช่ว่าจะเชื่อฟังไปเสียทั้งหมดเพราะอย่างน้อยหลวงตาก็เคยสั่งสอนให้รู้จักฟังหูไว้หู  อย่าหลงเชื่อใครเขาง่ายๆ


    ลองตามไปดูสิ   แล้วเจ้าจะมองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่


    คนลึกลับกล่าวทิ้งไว้แค่นั้นเด็กหนุ่มก็ตื่น  ตอนแรกถึงจะลังเลว่าควรเชื่อดีหรือไม่  แต่ถ้าหากปล่อยให้มีเรื่องค้างคาใจอยู่เช่นนี้ต่อไป  ใจที่มีแต่ความระแวงอาจจะทำให้เขาไม่สามารถมองหน้าคนรักได้อย่างสนิทใจ   ฉะนั้นเขาจึงต้องตรวจสอบว่าพี่ชาละวันคืออมนุษย์ที่จำแลงกายมาหรือว่าเป็นมนุษย์จริงๆ


    ไกรทองพนมมือร่ายคาถาอาคมพรางกายกลืนไปความมืดมิด   แล้วแอบย่องลงเรือนตามหลังชายหนุ่มรูปงามไป 


    แม้ภายนอกไกรทองจะดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป  หากแต่ในความเป็นจริงทั้งเขาและทองดำล้วนเป็นผู้มีวิชาอาคมติดตัว


    เพราะเมื่อครั้งตอนยังเด็กและอาศัยอยู่กับหลวงตาที่วัด  ตอนแรกพวกเขาได้แค่เรียนอ่านเขียนให้พอมีความรู้ติดตัว  แต่หลังจากไกรทองถูกคนลอบทำร้ายจนเกือบตาย   หลวงตาคงจึงยอมผิดศีลถ่ายทอดวิชาให้เพื่อนำไปใช้ป้องกันตัวรวมทั้งวิชาปราบจระเข้ก็ด้วย...ซึ่งวิชานี้หลังตอนแรกท่านไม่อยากสอนเพราะด้วยถือครองผ้าเหลืองอยู่  แต่เนื่องจากถูกหลานชายคนเดียวรบเร้าจะร่ำเรียนหนักเข้า  สุดท้ายก็ใจอ่อนประกอบกับอยากมีทายาทสืบทอดวิชาปราบจระเข้  เลยยอมถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ทั้งสองอย่างไม่หวงวิชา 


    ...แต่มีข้อแม้แค่ว่า  ทั้งสองคนจะต้องนำวิชาที่ร่ำเรียนมาคอยช่วยเหลือผู้คน  ห้ามนำไปใช้ในทางที่เสื่อมเสียและชั่วร้ายเด็ดขาด  รวมถึงทำร้ายหรือฆ่าคนบริสุทธิ์โดยเด็ดขาด   ซึ่งไกรทองกับทองดำก็ให้คำสัตย์สาบานแก่หลวงตา


    เด็กหนุ่มใช้วิชาความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาจากหลวงตาคงสะกดรอยตามหลังชายหนุ่มไปชนิดไม่ให้คลาดสายตา  แม้อีกฝ่ายจะเดินเข้าไปในป่าลึกเจ้าตัวก็ยังตามติดไม่ยอมทิ้งห่าง


    น่าแปลก...พี่ชาละวันมาทำอะไรที่เขตป่าแถวนี้  นึกว่าจะไปหาพี่นันที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านเสียอีก’  ไกรทองลองขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกนิดแต่ไม่ประมาทให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตาม


    ...เหตุไฉนในเส้นทางที่มืดมิดไร้แสงนำทาง  ชาละวันถึงเดินต่อไปได้อย่างคล่องแคล่ว  คล้ายกับมองเห็นทุกสิ่งอย่างได้ดีแม้อยู่ในความมืด


    เหมือนสัตว์นักล่า...มีเพียงแค่สัตว์นักล่าที่หากินตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะมีสายตาที่มองเห็นในความมืดได้


    เด็กหนุ่มสะบัดหัวทีสองทีพยายามไม่คิดเรื่องเหลวไหล 


    เพราะใจที่วอกแวกไปชั่วครู่ทำให้เผลอคลาดสายตาจากคนตรงหน้า  พอหันไปมองอีกทีก็พบว่าชายหนุ่มรูปงามหายไป


    บ้าน่า  หายไปไหนแล้ว...


    ด้วยความตกใจสมาธิหดหายคาถาจึงคลายลง   จากนั้นคนที่หายตัวไปกับโผล่มาทางด้านหลังไกรทอง   พญากุมภีร์หนุ่มรวบตัวเด็กหนุ่มไว้ด้วยแขนข้างเดียว  ส่วนมืออีกข้างก็ตะปบปิดปากเอาไว้


    เสร็จกัน!’


    ใบหน้างดงามเหยียดยิ้มให้เหยื่อตัวน้อยในอ้อมแขน  “พี่เคยเตือนแล้วใช่ไหม  ว่าอย่าออกมาจากบ้านเวลาค่ำๆมืดๆคนเดียว”   น้ำเสียงเย็นชาเสียจนคนฟังรู้สึกหนาวเข้ากระดูก 


    ไกรทองตัวสั่นด้วยความกลัว...นี่ไม่ใช่พี่ชาละวันที่ข้าเคยรู้จัก


    “น้องไกรทองนี่เป็นเด็กดื้อเสียจริง  พี่เคยบอกไม่ให้คุยกับคนไม่ดีน้องก็ไม่ฟัง  เห็นทีคงต้องจัดการให้เรียบร้อยเพื่อป้องกัน.....” 


    ยังไม่ทันได้เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดให้กระจ่าง  จู่ๆสติของเด็กหนุ่มก็เกิดดับวูบไปโดยไม่รู้ตัว


     “หลับให้สบายเถิดเด็กน้อยของข้า  ยามเมื่อเจ้าลืมตาตื่นขึ้นมา...เจ้าจะพบความจริงที่อยากรู้”


    หลังจากที่เด็กหนุ่มถูกเขาทำให้หลับไปแล้ว  คณัสนันท์ก็ปรากฏกายออกมาจากหลังต้นไม้ทางด้านหลัง  ชายหนุ่มคอยซุ่มสังเกตการณ์อยู่ที่นี่นานแล้วจึงมองเห็นทุกอย่าง


    “ดูท่าพวกเราจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”


    “ข้าผิดเองที่ดันประมาท  ทำตัวตกลงไปในหลุมพรางที่พวกมันขุดดักไว้”  


    แม้จะเคยเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง แต่พอได้เห็นท่าทีตื่นกลัวของคนรักก่อนหน้านี้ทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก


    “เราควรบิดเบือนความทรงจำของทุกคนก่อนจากไป...”   ทุกคนที่คณัสนันท์กล่าวถึง  ย่อมหมายรวมถึงเด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม


    “ข้าไม่อยากให้ตัวตนของข้าเป็นเพียงแค่ความฝันสำหรับน้องไกรทอง...” 


    คณัสนันท์รีบท้วงติงความคิดอันตรายของผู้เป็นนายเหนือหัว  “แต่ถ้าหากเราไม่บิดเบือนความทรงจำของไอ้ไกร  ข้าเกรงว่าการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์กุมภีร์จะถูกเปิดเผย  แบบนี้ไม่เท่ากับว่าพวกเรากำลังเปิดศึกสองทางหรือยังไง?   ข้าสืบมาแล้วไกรทองกับทองดำได้รับการสืบทอดวิชาปราบจระเข้มาจากหลวงตาคง   อดีตหมอจระเข้ที่พวกเราล้วนเคยได้กิตติศัพท์ด้านการสังหารจระเข้และกุมภีร์”  


    “แต่ยังไงข้าก็ไม่อาจทำใจได้หากน้องไกรทองจะลืมความรักที่เรามีให้กัน”   ความดันทุรังไม่สนใจคำเตือนของชายหนุ่ม  ทำให้ท่านแม่ทัพร่างยักษ์เกิดความรู้สึก......


    อยากตบกะโหลกมันเพื่อเรียกสติเสียจริงๆ   นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกน้องนะ...มันกับกูคงได้แลกหมัดกัน  หรือบางทีกูควรจะซัดมันให้สลบไปแล้วจับมัดส่งกลับไปหาท้าวรำไพดีหว่า


    ...ความรักทำให้คนตาบอดได้จริงๆ...ไม่ใช่แค่ตานะหูก็หนวก  ใจก็มืดบอด  สติก็เลอะเลือน   ไม่เห็นจะมีเรื่องดีเลยสักอย่าง


    “แต่ถ้าหากปล่อยไว้...”


    ชาละวันเอ่ยปากแทรกอย่างตัดสินใจแน่วแน่  “ข้าจะพาน้องไกรทองไปอยู่ด้วย”


    “อะไรนะ!?  เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?”


    ชาละวันไม่สนใจ  “ข้าขอเปลี่ยนแผน...เจ้าอยู่นี่ไปก่อนแล้วอย่าลืมแอบส่งข่าวให้กันตพิญช์ให้รู้    ถ้ามีใครถามหาก็ให้โกหกไปว่าข้าต้องรีบกลับบ้านไปจัดการเรื่องสำคัญไกรทองจึงขออาสาไปกับข้าด้วย   เอาไว้เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยถึงจะกลับมา”


    คณัสนันท์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้  “เจ้าก็รู้ว่ามันเสี่ยงเกินไป”


    “ข้ารู้”


    “ไอ้ไกรอาจถูกสองสาวนั่นรุกราน”    ตัวนี้แหละที่น่ากลัว   หากเกิดวิมาลากับเลื่อมลายวรรณร่วมมือกันจริง  เรื่องราวทุกอย่างคงวุ่นวายเละเทะจนเกินยากจะแก้ไขได้


    “ไม่ต้องห่วง  ข้าจัดการเรื่องนี้เอง”   ก็ลองดูสิข้าจะเล่นงานกลับชนิดไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยคอยดู...หากใครหน้าไหนกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับไกรทอง  ต่อให้อีกฝ่ายเป็นสตรีข้าก็ไม่ละเว้น 


    “อีกอย่างถ้าเมื่อใดที่เจ้าเด็กนี่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วรู้ความจริง   ข้าเกรงว่าเขาจะเกลียดชังเจ้า”


    “ถ้าให้เลือกระหว่างถูกเกลียดกับถูกลืม...”  ชาละวันมองคนรักในอ้อมกอด  “ข้าเลือกให้เขาเกลียดข้าเสียยังจะดีกว่า”


    ในเมื่อผู้เป็นนายตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้  ลูกน้องย่อมต้องก้มหัวยอมรับ


    “ข้าน้อมรับคำสั่ง”


    ...เจ้าละไกรทอง    เจ้าจะเลือกอะไรระหว่าง   เกลียดข้าหรือลืมว่าเคยรักข้า


    ...หรือจะลงมือสังหารข้าให้ตาย


    *************************************  หลังไมค์จ้า   ***********************************



    ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี.....อืม......เอาอย่างนี้แล้วกัน     เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันระหว่างคนเขียนกับคนอ่าน    ไรเตอร์จะขอเสนอหัวข้อการตอบคำถามก็แล้วกันเนอะ

    เอาแบบง่ายๆคือ   หนึ่งคนสามารถถามได้สามข้อ(ยังกะขอพรจินนี่)  จะถามเกี่ยวกับไรเตอร์หรือถามตัวละครก็ได้  ถามอะไรมาจะตอบให้หมดเลย  (หากให้มีการสปอยเนื้อเรื่องจะตอบแค่นิดเดียวพอนะ) 

     

                                                                          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มีให้สั้นๆง่ายแบบนี้แหละ     

                ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ทุกคนมีให้ชาละวันกับไกรทองเสมอมาแม้คนเขียนจะชอบหายหัวแต่ก็ยังไม่ทิ้งกัน     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×