ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่ปรับซาตาน - ตีพิมพ์กับ Simplybook Love & Desire

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 สัญญาสงบศึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      9
      12 ต.ค. 53

    บทที่ 4 สัญญาสงบศึก
                เจ้าบ้านหนุ่มรู้สึกพอใจเมื่อคนในอ้อมแขนนิ่งฟัง แม้จะแอบดื้อรั้นดิ้นรนบ้าง ซึ่งมันไม่แปลกในเมื่อเขากำลังจะเจรจาอย่าศึกกับม้าดีดกะโหลกตัวแม่           
                “ข้อหนึ่ง...หากโรสจะออกไปไหนนอกเหนือบนเกาะนี้ จะต้องรายงานพี่ทุกครั้ง ข้อสอง...ห้ามโรสออกไปไหนตามลำพังกับนทีหรือผู้ชายคนอื่นเด็ดขาดถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากพี่ และห้ามทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ ข้อสาม...”
                “มันจะเกินไปแล้วนะ คุณมีสิทธิอะไรมาบงการชีวิตฉัน ขนาดคุณพ่อยังไม่จุกจิกจู้จี้ขนาดนี้เลย”
                เพียงได้ฟังกฎเหล็กข้อสอง สาวเจ้าก็แทรกขึ้นอย่างไม่ยอมรับ
                “นั่นมันก็เรื่องของโรส แต่ถ้าจะอยู่ที่นี่ต้องทำตามคำสั่งพี่เท่านั้น เพราะหากโรสเป็นอะไรไปคนที่ซวยทั้งขึ้นทั้งล่องก็คือพี่ ที่เปรียบเสมือนผู้ปกครองของโรสในเวลานี้”
                “อ๋อ...ที่แท้ก็กลัวความผิด”
    คนตัวเล็กพูดขึ้นลอยๆ อย่างดูแคลน มันทำให้พอพลต้องขึงตาใส่ แต่นอกจากคนในอ้อมแขนจะไม่เกรงกลัวแล้ว สาวเจ้ายังสบตาอย่างไม่มีหลบ
                “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามในเมื่อพี่สั่ง โรสมีหน้าที่แค่ทำตาม ส่วนข้อสามห้ามแทนตัวเองว่าฉันหรือดิฉัน ต้องแทนตัวเองทุกครั้งที่พูดกับพี่ว่าโรส”
                “เอ๊ะ!”
                “ไม่ต้องมาเอ๊ะ ส่วนข้อสี่ถือเป็นข้อสุดท้าย ถ้าโรสก่อเรื่องหรือละเมิดกฎเหล็กของพี่ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม โรสจะต้องได้รับการลงโทษทุกครั้ง จากพี่...”
                ชายหนุ่มจบข้อตกลงด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นอย่างผู้กุมชัยชนะ
                “ลงโทษ วิธีไหนล่ะ” ชายหนุ่มสบตาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนตอบออกไปแบบคลุมเครือ
                “นั่นมันก็แล้วแต่พี่ อยู่ที่ว่าความผิดของโรสมันร้ายแรงมากหรือน้อย”
                “มันจะมากไปแล้วนะคุณพอพล กฎบ้าๆ นั่นฉันไม่ยอมรับหรอก ฉันจะโทรไปบอกคุณพ่อว่าฉันไม่ฝึกงานกับไอ้ลามกหื่นกามแบบคุณแล้ว ผู้ชายอะไรเผด็จการที่สุด”
                โรสิตาพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะผลักอกแกร่งให้ออกห่างอย่างพาลๆ ซึ่งคนตัวใหญ่ก็ยอมถอยห่าง ให้ร่างบางที่กระฟัดกระเฟียดลอยตัวไปยังบันไดหิน เพื่อขึ้นจากสระน้ำ
                “หรือว่าโรสกำลังกลัวพี่”
                คำท้าทายนั่นเรียกให้สาวเจ้าที่กำลังโมโหหันกลับมามองตาขุ่น เข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปากยั่วด้วยแล้ว ก็อยากจะปรี่เข้าไปตะบันหน้าให้ตาขวามันช้ำไม่แพ้ตาซ้ายที่ยังไม่หายดี
                “ฉันไม่เคยกลัวคุณ”
                “ถ้าไม่กลัวแล้วจะหนีกลับบ้านทำไม หากแน่จริงโรสก็ควรจะอยู่ให้ได้แม้ต้องใช้คำว่าอดทนก็ตาม ไม่ใช่เจอปัญหานิดหน่อยก็โยเยร้องจะกลับบ้านเหมือนเด็กสิบขวบแบบนี้”
                “อย่ามาว่ากันนะ ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันโตแล้ว”
                “อ้อ...เหรอ...”
                คนตัวใหญ่เลิกคิ้วเบ้ปากขานรับเสมือนไม่อยากเชื่อ และกริยานั้นมันกวนประสาทคนฟังอย่างที่สุด
                “แต่ฉันเหม็นขี้หน้าไม่อยากจะอยู่ใกล้ไอ้คนฉวยโอกาส ที่ดีแต่จะเอาเปรียบผู้หญิงอย่างคุณต่างหากล่ะ”
                “ถ้างั้น...พี่ให้โรสออกกฎของตัวเองสองข้อ ดีไหม”
                ชายหนุ่มหยั่งเชิงรอดูท่าที ซึ่งสาวเจ้าทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ และก็เป็นจริงอย่างที่พอพลคาดการเมื่อโรสิตาตอบรับทันที
    ‘เด็กเอ๊ย...แผนตื่นๆ เพื่อเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ ต่อให้เก่งและทันเล่ห์เหลี่ยมคนแค่ไหน ประสบการณ์ที่ด้อยกว่า มันก็ทำให้คนตัวเล็กแสนดื้อรันดูไม่ออกแม้แต่น้อย’
                “ก็ได้”
                “ว่ากฎของโรสมาสิ พี่รอฟังอยู่”
                ใบหน้ากวนๆ ซึ่งอยู่ห่างไม่กี่เมตร ทำให้โรสิตามีโอกาสสำรวจเครื่องหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจน ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยสังเกตเลยว่า เพลย์บอยตัวพ่อจะหล่อเหลาและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างเหลือร้าย ประกอบกับสัมผัสที่ตัวเองพึ่งได้รับเมื่อครู่ มันทำให้หญิงสาวยิ่งต้องระแวดระวังใจให้มากขึ้น ผู้ชายตรงหน้าแทบไม่ต้องทำอะไร มีแค่เพียงใบหน้าและดวงตาสีมรกตเข้มคู่นั้นวาววับ มันก็เพียงพอจะดึงดูดเพศตรงข้ามมากมายให้กระโจนเข้าสู่อ้อมอกเขา
                “อ้าวว่าไง ทำไมเงียบไปล่ะ”
                นั่นทำให้ร่างบางรู้สึกตัว จึงทำเฉไฉเสดวงตาไปทางอื่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ ว่าเธอกำลังสำรวจเขาอยู่
                “ข้อหนึ่ง ฉันยินดีทำตามสัญญาของคุณทุกข้อ แต่คุณกับฉันต้องต่างคนต่างอยู่ และคุณห้ามเข้าใกล้ฉันในระยะหนึ่งเมตร”
                หญิงสาวหยุดนิ่งอึดใจดูท่าที ซึ่งพอพลก็พยักหน้ารับโดยไม่โต้แย้ง
                “ข้อสอง ห้ามคุณเอ่อ...จูบฉันอีกเด็ดขาด” ประโยคท้ายคนพูดรู้สึกกระดากปาก จึงเอ่ยออกไปเสียงเบาขัดกับเมื่อครู่ จนคนฟังรู้สึกได้ถึงอาการเขินอายของเด็กสาว
                “ได้ พี่ยินดีทำตามที่โรสร้องขอ แต่...อย่าลืมเสียล่ะว่า ถ้าโรสทำผิดพี่จะต้องทำโทษ ซึ่งบทลงโทษไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นวิธีไหน”
                “รู้แล้วไม่ต้องมาย้ำ คุณเองก็เหมือนกัน จำสองข้อนี้ให้ขึ้นใจด้วยล่ะ”
                “โอเค งั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พี่กับโรสต้องใช้กฎนั้นร่วมกัน”
                ใบหน้านวลเนียนรูปไข่ที่เปียกมะลอกมะแลกพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปบนขอบสระ และเพียงหันไปมองใบหน้าคมเข้มที่เดินกอดอกอยู่ด้านหลัง ก็ให้หงุดหงิด ไม่รู้ทำไมเธอจึงรู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบกับสัญญาบ้าๆ นั่นก็ไม่รู้ และยิ่งเห็นรอยยิ้มยียวนของอีกฝ่ายก็พาลให้อารมณ์เสีย ก่อนโรสิตาจะกระแทกเท้าปึงปังขึ้นห้องไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
                พอพลผิวปากออกมาจากห้องน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะหยิบกางเกงนอนผ้าฝ้ายที่สวมสบายใส่ติดกายเพียงชิ้นเดียว แล้วเอนตัวลงนอนด้วยความรื่นรมสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
                ทีวีจอยักษ์ที่ฝังติดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับผนังห้อง ไม่ได้อยู่ในความสนใจของคนบนเตียงแม้แต่น้อย นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวยราวกับกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง สาวรอบกายมากมายก็จริงแต่ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกสนุกปนคึกคักได้เท่ากับ เจ้าของร่างบางที่ใบหน้างอง้ำชิงชังแสดดื้อรั้นนั่น
                อาจจะเพราะการได้ใช้พลัง การได้ถกเถียงปราบพยศเจ้าหล่อนกระมัง จึงทำให้เขารู้สึกเสมือนเป็นคนคุมเกม ไม่เหมือนแม่สาวร้อนรักไวไฟช่ำชองเรื่องบนเตียง ที่คอยแต่จะพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจจนน่าเบื่อหน่ายไร้ความตื่นเต้น และให้ตายเถอะจูบเมื่อครู่ให้ความรู้สึกดีชะมัด
                ชายหนุ่มนอนอมยิ้มคนเดียวขณะใช้ปลายนิ้วแกร่งแตะไล้ริมฝีปากตนเองไปมา ก่อนจะสอดแขนสองข้างรองศีรษะ ให้หวนนึกถึงความหวานที่ได้รับเมื่อครู่ และดูเหมือนว่ามันจะตราตรึงจนเขารู้สึกถึงความหวานที่ยังประทับใจไม่จางหาย กลิ่นไอสาวบริสุทธิ์ ที่เขาไม่เคยคิดจะแตะต้องหรือเฉียดเข้าใกล้ เพราะคิดว่ามันคงจะจืดชืดไร้ซึ่งอัฐรส      
    มาวันนี้เขาพึ่งเข้าใจว่า หญิงสาวที่ไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนนั้นมันทั้งหอมทั้งหวานพานให้หัวใจสั่นไหวเอาได้ง่ายๆ จนใคร่กระหายอยากจะได้ทำแบบนั้นอีก พอพลจึงได้แต่ภาวนาให้สาวน้อยแสนดื้อรันทำผิดกฎบ่อยๆ เพื่อเขาจะได้ลงโทษเธอตามใจปรารถนา
    อีกแล้ว...ไม่...ไม่...ไม่...ชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างรุนแรง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองฝ่าความมืดแห่งรัตติกาลสับสนกับความคิดสองแพร่ง ให้ตายเถอะพอพล นี่แกกำลังจะคิดอกุศลกับเด็กอีกแล้วนะโว้ย
    โรสิตาคือน้องสาว...น้องสาว...และก็น้องสาว...จำไว้...จำๆๆๆ
    หนุ่มนักรักท่องคำว่าน้องสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนไปมาในหัวราวจะให้มันฝังลึก เพื่อคอยตอกย้ำตัวเองไม่ให้ทำอะไรเลยเถิดไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ สาวน้อยคนนั้นกำลังจะทำให้เพลย์บอยอย่างเขาเสียการควบคุมตัวเอง
                ร่างหนาใหญ่ลุกจากเตียงไปยืนกอดอกอยู่หน้ากระจก ที่มองเห็นท้องทะเลรอบทิศทาง หากเขาปล่อยอะไรให้เลยเถิดไปมากกว่านี้มันจะไม่เป็นผลดีแน่...ชั่วขณะที่ไม่อยากจะเอาหัวใจไปผูกมัดกับใคร...ทำให้หนุ่มนักรักตัดสินใจจะแก้ปัญหาด้วยวิธีของตัวเอง...ไม่อย่างนั้นความโสดที่เขารักและห่วงแหนอาจถูกบ่อนทำลายลงได้ง่ายๆ จากเด็กสาวที่เขาเคยดูแคลน ซึ่งเขายอมไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายตัวเองให้เสียหน้า
     
                 โรสิตานอนกระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่ง หันซ้ายแลขวาทั้งที่บรรยากาศรอบตัวแสนจะน่านอน แต่เธอกลับข่มตาให้หลับลงไม่ได้ ความรู้สึกบางอย่างโลดแล่นในหัวจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี
                ทั้งที่บอกตนเองว่าเกลียดแสนเกลียดผู้ชายคนนั้น แต่แทนที่เธอจะขยะแขยงสัมผัสอันแนบชิดเมื่อครู่ ความรู้สึกกลับขัดแย้งกันจนน่าใจหาย เธอต้องทำอะไรบางอย่างแล้วโรสิตา เธอต้องหาตัวช่วยไม่อย่างนั้นหัวใจที่แสนจะบริสุทธิ์ไร้ราคีของเธอ จะต้องบอบช้ำด้วยน้ำมือเพลย์บอยอย่างเขาแน่
                สมองน้อยๆ ฉุกคิดบางอย่างแวบขึ้นมาในสมอง ก่อนจะต่อโทรศัพท์ภายในหาใครบางคนที่หญิงสาวคิดว่า น่าจะพอช่วยเหลือได้ หากอีกฝ่ายยินยอมให้ความร่วมมือ
                “สวัสดีครับ ผมนทีพูดครับ”
                “เอ่อ...คุณนที นี่โรสเองนะ”
                สร้างความประหลาดปนดีใจให้ปลายสายไม่น้อย เมื่อหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึงโทรมากลางดึก
                “คือวันเสาร์นี้...”
                “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมคงพาคุณโรสไปเที่ยวไม่ได้ เพราะคุณพอพลต้องเข้ากรุงเทพและผมต้องไปด้วย แต่ไว้ผมกลับมา แล้วค่อยพาไปได้ไหมครับ” ไม่ทันที่โรสิตาจะพูดจบ ชายหนุ่มก็ชิงเอ่ยก่อน เมื่อคิดว่าหญิงสาวจะโทรมาคอมเฟิร์มเรื่องนัดที่ตกลงกันไว้เมื่อบ่าย
                “อะ...อ้อ...ได้ค่ะได้”
                คำตอบของหญิงสาวทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาบ้างอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นมือเท้าให้กับพอพล เวลาที่เหลือทั้งหมดจึงมีให้เจ้านายหนุ่มเพียงคนเดียว แต่เวลานี้เพียงมีหญิงสาวบางคนผ่านเข้ามาในสายตา หัวใจหนุ่มจึงหวั่นไหวจนอยากใกล้ชิด
                “คุณโรสมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
                “เอ่อ...”
                โรสิตาพูดไม่ออก เกิดความลังเลในหัวเมื่อจะต้องขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายจริงๆ
                “ว่าไงครับ”
                “ไม่มี โรสไม่มีอะไรแล้วละ พอดีวันเสาร์เพื่อนโรสจะมาจากกรุงเทพ แต่นทีไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร เดี่ยวโรสให้ลุงมีเป็นสารถีไปรับเอง”
                “อ้อ...ครับ ต้องขอโทษอีกครั้งที่ผม...”
                “ไม่เป็นไร งั้นแค่นี้นะ โรสง่วงนอนแล้วเหมือนกัน”
                “ครับๆ”
                ก่อนต้นสายจะถูกตัดไป นทีได้แต่มองหูโทรศัพท์แบบงงๆ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดมากกว่านั้น แต่เพราะพึ่งรู้จักกัน และหญิงสาวก็เปรียบเสมือนน้องสาวของเจ้านาย เขาจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะเซ้าซี้ได้
               
                รถกอล์ฟคันเล็กแล่นปราดมาจนถึงด้านหน้าซึ่งเป็นหาดทรายเม็ดละเอียดขาวสะอาด ผู้โดยสารสาวน้อยหน้าใสมาพร้อมกับผลขับสูงวัย เมื่อรถคันเล็กจอดสนิท สาวเจ้าจึงเดินแกมวิ่งนำหน้าผู้สูงวัยไปยังเรือเฟอร์รี่ที่พึ่งเข้าเทียบท่า ร่างบางชะเง้อชะแง้จนผู้อาวุโสเกรงว่าคอเด็กสาวจะเคล็ด
                “นั่นไง เพื่อนโรส”
                หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ หลังจากกรุ๊ปทั่วยี่สิบกว่าคนเดินผ่านหน้าไป และสองร่างที่สูงต่ำแตกต่างทางสรีระเดินรั้งท้ายปรากฏกายให้เห็น ก่อนคนที่สูงกว่าจะขยับหมวกปีกกว้างใหญ่ยักษ์โบกสะบัดให้อย่างมีจริตจะก้าน
                “ทางนี้ ริช ครีม ทางนี้”
                ว่าแล้วหนึ่งหนุ่มล้ำสันขาวตี๋บวกดีกรีรางวัลการเขย่าเช็คอันดับหนึ่งของประเทศ ก็เดินนวยนาดมาพร้อมกับหนึ่งหญิงสาวน่ารักตากลมที่ฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ
                “คิดถึงพวกแกจังเลย” พูดจบโรสิตาก็โผเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนสองคนในทันที ก่อนชายหนุ่มที่สวมเสื้อฮาวาย จะขยับถอดแว่นกันแดด แล้วเพ่งมองลุงมีอย่างสงสัย
                “นี่ คุณเพื่อน อย่าบอกนะยะ ว่านั่นคือเจ้าของ ธาราสยามรีสอร์ท”
                พูดพลางชี้นิ้วกรีดกราย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
                “จะบ้าหรือไงริช นั่นน่ะลุงมี คนขับรถและก็ดูแลบ้านพัก”
                “ต๊าย...ก็ใครจะไม่รู้ล่ะยะ เห็นยืนรออยู่ก็เลยนึกว่า เป็นคนเดียวพ่อหนุ่มรูปงามที่ลงหน้าหนังสือบันเทิงรายวัน  ได้กลายร่างไปเสียแล้ว” พูดจบก็ป้องปากหัวเราะคิกคัก ตามประสาหนุ่มลูกครึ่ง...ครึ่งหญิงครึ่งชาย
                “พอได้แล้ว เดี่ยวก็ให้เดินเข้าห้องพักเองเสียเลย”
                “ใช่ๆ”
                “ย่ะ เดินน่ะบ่ยั่นอยู่แล้ว ขอให้มีหนุ่มๆ รออยู่ในห้องเถอะ แม่จะงาบให้ลืมผู้หญิงทั้งหมดเลย”
                “ดูพูดเข้า ทำอย่างกับตายอดตายอยากเชียวนะ เดี่ยวคนงานที่นี่ได้แตกตื่นหวาดกลัวนายพอดี”
                “แหม...คุณเพื่อน ริชชี่คนนี้ไม่ใช่ผีนะยะ” คนพูดค้อนควับแต่ก็ไม่จริงจังนัก ขณะลากกระเป๋าใบใหญ่เดินเอวบิดซ้ายย้ายขวามาบนสะพานไม้สีขาว กระทั่งถึงรถกอล์ฟคันเล็ก
                “นี่ลุงมี”
                “สวัสดีค่ะคุณลุง” หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวพูดพร้อมกัน ก่อนผู้สูงวัยจะรีบยกมือขึ้นรับไหว้แทบจะทันที
                “เอ่อ...สวัสดีครับ ว่าแต่ชื่ออะไรกันบ้างล่ะนี่”
                “คนนี้ครีมค่ะ” โรสิตาผ่ายมือไปยังเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง
                “ส่วนคนนี้ สำริดค่ะ”
                “อ้าย...ไม่ใช่นะฮะคุณลุง ริชชี่ฮ่ะ หนูชื่อริชชี่”
                คนร่างสูงทักท้วงรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าเพื่อนสาวกลั่นแกล้ง ก่อนจะส่งค้อนให้อีกฝ่ายวงใหญ่ ซึ่งคนถูกมองก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอันใด ด้วยเธอกลับริชชี่หรือสำริดเพื่อนหนุ่มก็มักหยอกล้อกันแบบนี้เป็นประจำ จนเป็นที่ชินตาในหมู่กลุ่มเพื่อน
                “ครับๆ ริชชี่ เออแปลกดี แต่ลุงว่าชื่อสำริดก็เพราะดีนะพ่อหนุ่ม”
                “ไม่นะคะ...อย่าบ้าจี้ตามยัยโรส อย่าเรียกริชชี่ว่าพ่อหนุ่มสิฮะคุณลุง ฟังแล้วปวดใจ”
                ผู้สูงวัยได้แต่ทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้จะจำกัดความกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่มองภายนอก ก็เสมือนผู้ชายทั่วไปคนนี้ว่าอย่างไร หากไม่นับรวมการแต่งกายด้วยสีฉูดฉาดกับท่าทางมีจริตราวผู้หญิง เหมือนที่กำลังทำอยู่นี้ จนอดเสียดายไม่ได้ แต่อย่างว่าสังคมมันเปลี่ยนไปมาก และการยอมรับในเพศที่สามก็เปิดกว้างมากขึ้นจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
                “ทำไม ทนฟังไม่ได้หรือไงแก”
                “นั่นสิ” เปรมสินีร่วมด้วยกับโรสิตา ร่างใหญ่ที่ถือหมวกปีกกว้างค้อนขวับ
                “เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะคุณเพื่อน ยัยครีมก็เหมือนกันเจอยัยโรสเข้าหน่อย ลืมฉันเลยนะ สำริดนะฉันรู้ว่ามันเพราะ แต่ขอสงวนสิทธิ์ให้เรียกได้เฉพาะที่ว่าการอำเภออย่างเดียวเข้าใจไหมยะ”
                พูดจบหนุ่มตี๋เจ้าสำอางก็สาวเท้าเข้าไปนั่งโบกสะบัดหมวกรอสองสาวในรถ ก่อนโรสิตากับเปรมสินีจะบุ้ยใบ้กับท่าทางราวคุณนายของเพื่อนชายใจหญิง
                “อ้าว นั่นจะยืนให้แดดมันเลียกันไปถึงไหน ฉันอยากพักผ่อนจะแย่แล้ว”
                “จ้า...คุณนาย แหมใจร้อนจริงนะ”
                “โหย ก็เดินทางมาจะค่อนวันแล้วเนี่ย จะไม่ให้เหนอะหนะตัวได้ไง อยากอาบน้ำอาบท่าจะแย้แล้ว เร็วๆ กันหน่อยเหอะ” สุดท้ายคนท่ามาก ก็บ่นกระปอดกระแปดราวกับผู้หญิง เปรมสินีที่มาด้วยยังไม่ออกอาการเท่า โรสิตาได้แต่อมยิ้มขำกับกิริยาเพื่อนหนุ่ม
                “คุณหนูจะเข้าบ้าน หรือไปส่งเพื่อนสองคนที่ห้องพักก่อนดีครับ”
                หลังจากขับรถเข้าถนนเส้นหลัก ผู้สูงวัยจึงเอ่ยถามขึ้น
                “ไปที่ห้องพักก่อนดีกว่าจ๊ะลุง เอากระเป๋าไปเก็บแล้วค่อยไปที่บ้าน” คนขับพยักหน้า
                แล้วรถคันเล็กก็แล่นมาจอดยังหน้าตึกสีขาวสะอาดสามตึก ซึ่งจัดแบ่งห้องพักแยกออกเป็นตึกของพนักงานหญิง พนักงานชาย และพนักงานที่อยู่กันเป็นครอบครัวอย่างเป็นสัดส่วน
                “มากันแล้วเหรอคะ”
                เสียงของเลขาสาวใหญ่ที่รอต้อนรับ เรียกให้สายตาคนมาใหม่ต้องมองอย่างฉงน ก่อนจะยกมือไหว้เมื่อโรสิตาแนะนำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร กระทั่งถึงห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
                “น้องครีมนอนกับพี่สมรนะคะ ส่วนเอ่อ...น้องริชชี่ พอจะอยู่ได้ไหมคะ ห้องนี้อาจจะแคบไปสักหน่อย”
                “ได้สิฮะ...” แล้วมือเล็กบางของโรสิตาก็ขยับมาสะกิดสะเกาที่ชายโครงเพื่อนชาย สร้างความงุนงงให้อีกฝ่ายไม่น้อย
                “มีอะไรคุณเพื่อน” หนุ่มเจ้าสำอางเอี่ยวตัวกระซิบถาม
                “เก็บอาการด้วย โรสมีอะไรจะให้ช่วยหน่อย”
                “เรื่องอะไรยะ”
                “เออน่า...ไว้ไปที่บ้านแล้วจะบอก” อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะตีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ กับทุกคนในทีนี้ โดยเฉพาะบรรดาพนักงานชายหนุ่มที่เดินกันให้ขวักไขว่ราวกับเวทีหนุ่มคลีโอ นี่ถ้าเพื่อนสาวไม่ห้ามปรามไว้ก่อนละก็ เจ้าตัวคงได้วี้ดว้ายกระตู้ฮู้ไปนานแล้ว
                “ถ้างั้นเดี่ยวโรสขอพาเพื่อนไปที่บ้านก่อนนะคะ ไว้ค่ำๆ โรสจะพามาส่ง”
                “ได้สิจ๊ะ” สาวใหญ่ตอบอย่างอ่อนโยน อาจจะเป็นเพราะรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวร่างเล็กตรงหน้าก็เป็นได้
                แล้วไม่นานลุงมีก็พาสองสาวกับหนึ่งหนุ่มสำอาง มาจนถึงบ้านหลังใหญ่ และเพียงก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไปด้านใน ริชชี่ก็ร้องวี้ดวิ่งนอกออกในสำรวจชั้นล่างอย่างตื่นเต้นไม่ได้อยู่สุข
                “มายก็อด สวรรค์...สวรรค์จริงๆ คุณเพื่อน เห็นข้างนอกก็ว่าสวยแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยโอ๊ย...อกริชชี่จะระเบิด อยากจะหาสามีอยู่ที่นี่เป็นตัวเป็นตนซะให้รู้แล้วรู้รอด”
                จีบปากจีบคอร่ายยาวกับภาพท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะยกมือสองข้างมากุมไว้หว่างอกทำท่าเพ้อฝันจนสองสาวที่เดินตามมา ต่างพากันส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเพื่อน ซึ่งอาการนี้ทั้งสองสาวเห็นเป็นประจำ ยามเจ้าตัวพบสิ่งตื่นตาตื่นใจหรือชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่ตรงสเป็ก
                “จะชื่นชมโสมมนัสอีกนานไหมริช ถ้าจะอยู่ตรงนี้ ฉันพายัยครีมไปบนห้องนอนก่อนนะ”
                “ไปก็ไป” ตอบกระแทกแดกดัน ก่อนจะเดินตามเพื่อนสาวร่างบางทั้งสองไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
                “เอ่อ...คุณหนูค่ะ จะให้ป้าเตรียมอาหารเย็นเลยไหมคะ” เสียงถามของแม่บ้านจากด้านล่าง ทำให้เท้าที่เดินขึ้นบันไดหยุด ก่อนจะหมุนตัวเดินแกมวิ่งไปยังห้องครัว
                “ไม่ต้องหรอกป้าแก้ว เดี่ยวโรสกับเพื่อนจะทำทานกันเองจ้ะ”
                “ถ้างั้นป้ากลับเลยนะคะ”
                หลังจากทำงานประจำที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว แม่บ้านสูงวัยจึงเตรียมตัวกลับเข้าที่พัก และดูท่าวันนี้สาวน้อยน่ารักกับเพื่อนอาจจะไม่ได้นอนกันแน่แท้ เพราะเสียงคุยกันไม่หยุดราวกับนกกระจอกแตกรังนั้น เป็นคำตอบให้ผู้สูงวัยได้เป็นอย่างดี
                “ค่ะ เอ่อ...แล้วคุณพอลของป้าเขาจะกลับเมื่อไรเหรอ”
                “พรุ่งนี้ค่ะ ถามทำไมเหรอคะ”
                “เปล่า โรสก็แค่อยากรู้เฉยๆ คืนนี้ว่าจะคุยกับเพื่อนให้หายคิดถึง เลยเกรงใจคุณพอพลน่ะ แต่ถ้าเจ้าของบ้านไม่อยู่แบบนี้โรสไม่เกรงใจแล้วนะป้า” แล้วร่างบางก็วิ่งกลับขึ้นไปด้านบนทันที แม่บ้านได้แต่ส่ายหน้าอมยิ้มกับความคิดเด็กสาว
               
    ห้องนอนกว้างโล่งผนังสามด้านเป็นกระ และเมื่อรูดม่านเปิดออกก็จะมองเห็นทิวทัศน์รอบเกาะรวมไปถึงท้องทะเลสีครามเบื้องหน้า แต่เพราะเป็นกลางคืนจึงมองไม่ชัดตานัก ซึ่งทั้งสามเพื่อนซี้พากันไปนั่งยังขอบสระน้ำขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวเชื่อมต่อกับห้องนอนของโรสิตา  โดยทั้งสามสามารถสัมผัสเสียงคลื่นกระทบฝั่งและสายลมโชยจากท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ไม่แพ้วิลล่าหลังอื่น ขนมกรุบกรอบกับน้ำผลไม้ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นร่อยหรอลงเรื่อยๆ เมื่อทั้งสามคุยไปกินไป
                “ฉันโทรไปบอกพี่สมรแล้ว ว่าแกสองคนจะนอนที่นี่”
                “พระเจ้า...ความฝันของริชชี่เป็นจริงเสียที พักวิลล่าสุดหรูโดยไม่ต้องเสียเงิน เสียดายที่ไม่มีผู้ชายมานอนข้างกายให้ความอบอุ่น ไม่อย่างนั้นคงโรแมนติกกว่านี้เยอะ”
                “เว่อไปมั้ง” เปรมสินีแหย่เพื่อน ซึ่งก็ได้สายตาค้อนปะหลักปะเหลือกแทนคำตอบ
                “ยิ้มอะไรยะ ก็คนมันไม่เคยพักที่หรูหราขนาดนี้มันก็ต้องเห่อเป็นธรรมดา ถ้ารู้ว่าสถานที่ฝึกงานสวยขนาดนี้ ฉันคงมาพร้อมกับยัยโรสแล้ว คุณเพื่อนก็กระไรเลยไม่บอกกันสักนิด”
                พูดพลางยกน้ำพั้นขึ้นดื่มซึ่งมีส่วนผสมของเหล้าจินเพียงเล็กน้อย ที่เจ้าตัวโชว์ฝีมือการผสมด้วยตัวเอง
                “โรสก็พึ่งมาครั้งแรก ตอนมาถึงก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่ามันจะดูดีขนาดนี้ ตอนนั้นที่พ่อกับพี่ลิลลี่มาฉันก็ไปออกค่ายกับชมรม”
                “จริงเหรอ”
                “อืม”
                “เป็นริชชี่หน่อยไม่ได้ แม่งจะมาทุกเดือนเที่ยวให้เบื่อกันไปข้างเลย”
    พูดน้ำเสียงจริงจัง ด้วยนึกเสียดายแทนเพื่อนสาว
                “โรสโชคดีมากนะ ที่พ่อมีหุ้นส่วนในธาราสยาม อยากจะมาพักเมื่อไรก็ได้ แต่ครีมกับริชสิ คงต้องตรากตรำทำงานงานเก็บเงินเป็นปีๆ ถึงจะได้มาพักรีสอร์ทไฮคราสระดับนี้”
                “ใช่ ฉันละอิจฉาเป็นที่สุด ทำไมน้า...ริชชี่คนนี้ถึงไม่เกิดมาบนกองเงินกองทองบ้าง ช่างน่าเศร้าซะเหลือเกิน” นอกจากน้ำเสียงที่ทอดสูงต่ำแล้ว เจ้าตัวยังจะทำตาละห้อยตีบทแตกยิ่งกว่านางเอกในละครทีวีเสียอีก
                “พอๆ ทั้งคู่เลย เจ้าของที่นี่คือคุณพอพลต่างหาก พ่อโรสถือหุ้นนิดเดียวก็ไม่ต่างจากพวกเธอสักหน่อย ไงก็เป็นผู้อาศัยเหมือนกัน เพราะถ้าฉันเป็นเจ้าของคงให้แกสองมาพักด้วยแล้ว”
                “เหรอ...แย่จัง...นึกว่าจะได้อาศัยพักฟรีคราวหน้าสักหน่อย”
                พูดอย่างเสียดาย ก่อนจะหยิบขนมในถุงหย่อนเข้าปาก และกระเดือกลงคอรวดเร็ว
                “เออโรส...แล้วคุณพอพลอะไรนั่น เขาไม่ว่าใช่ไหมที่ครีมกับริชจะนอนที่นี่”
                “ก็ลองว่าดูสิ เธอสองคนเป็นเพื่อนฉันนะ มานอนแค่คืนเดียวเสาเข็มคงไม่ถึงกับหักหรอก”
                “จ๊ะแม่คนเก่ง แล้วเสื้อผ้าล่ะ อย่าบอกนะจะให้ยัยครีมกับฉันเหม็นเน่าคาห้องนอนสุดหรูนี่ ขอบอกว่าริชชี่ไม่ยอมเด็ดขาด”
                สิ้นคำพูดเพื่อน ร่างบอบบางก็ลุกขึ้นยืนก่อนเจ้าตัวจะเดินผ่าวงเข้าไปในห้อง หายไปพักใหญ่โรสิตาก็เดินมาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ ซึ่งคาดคะเนว่าเพื่อนทั้งสองน่าจะพอสวมแก้ขัดได้
                “นี่ของแกนะริช ส่วนชิ้นนี้ของครีม ลองดูแล้วกัน”
                มือหนาขยับคลี่ชุดนอนลายทางของเพื่อนสาวดู ก่อนจะเบ้หน้า เมื่อลองทาบกับลำตัวแล้วไม่น่าจะสวมได้ หรือหากใส่ได้มันก็คงฟิตเปรียะอึดอัดน่าดู
                “ไม่มีใหญ่กว่านี้แล้วเหรอ”
    เจ้าของห้องส่ายหน้า และเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ สาวเจ้าจึงเดินหายออกไปด้านนอกอีกครั้ง ก่อนจะเข้ามาพร้อมกางเกงนอนตัวยาวใหญ่และเสื้อเข้าชุด ซึ่งเพื่อนของเธอน่าจะสวมใส่ได้ เพราะจากความสูงของเพื่อนชายก็ต่ำกว่าอีกฝ่ายไม่มาก
                “ของใครกันยะ กลิ่นห้อมหอม...” ว่าแล้วมือหนาก็ยกผ้าขึ้นสูดดมเสียเต็มปอด
                “ของคุณพอล แกก็ใส่แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน”
                “ท่าทางจะตัวใหญ่ไม่ใช่เล่นนะเนีย ฉันที่ว่าตัวใหญ่ยังรู้สึกว่าถ้าใส่อาจจะหลวมเลย แล้วอะไรๆ ของเขาก็คงจะ...ใหญ่ตามด้วยด้วยละมังเนี่ย” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ตาเป็นประกายระยิบเมื่อลองจินตนาการสิ่งที่ตัวเองพูดถึง
                “ลามก คิดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว”
                “อะไรยะที่ว่าไม่เข้าท่า แกนั่นแหละยัยครีมคิดลึก อะไรที่ว่าใหญ่ก็หมัดกล้ามไงล่ะ” เปรมสินีจึงได้แต่ทำหน้าหมั่นไส้เมื่อเพื่อนหนุ่มเอาตัวรอดไปน้ำขุ่นๆ
                “แล้วจะเอาไหม”
                “เอาสิยะ แหม...กลิ่นไอผู้ชายชัดเจนขนาดนี้ ของชอบเลยค่ะคุณเพื่อน”
                จบประโยคหนุ่มตี๋เจ้าสำอางก็ป้องปากหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ไม่วายจะยกชุดนอนแบรดเนมตัวใหญ่ขึ้นสูดดมอีกหลายครั้งราวกับจะฟังเข้าไปในอณูเนื้อ
                “เออ...ริชฉันมีอะไรจะวานให้แกช่วยหน่อยได้หรือเปล่า”
                “เรื่องอะไรเหรอ” ถามโดยไม่มองหน้า เพราะมัวแต่ใส่ใจกับชุดนอนของเจ้าบ้านหนุ่ม
                “คือโรสอยากให้ริช ช่วยแสดงเป็นเอ่อ...เป็น...”
                “เป็นอะไรล่ะโรส” เป็นเปรมสินีที่ถามอย่างสงสัย ด้วยเห็นอาการกระอักกระอ่วนของเพื่อน
                “เป็นแฟน”
                “ฮ่า! เป็นแฟน!” ทั้งสองคนถามแทบจะพร้อมกัน คนพูดได้แต่ยิ้มพยักหน้าหงิกๆ
                “หัวเด็ดตีนขาด ฉันก็ไม่ทำ ให้เอาปังตอมาฟันหน้ากันดีกว่า ให้ริชชี่คนนี้ไปทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกแบบนั้น”
                “แต่โรสมองไม่เห็นใครจริงๆ” โรสิตาเว้าวอนตาละห้อย
                “แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือว่า...”
                “โรสก็แค่รำคาญคุณพอล เขาชอบทำตัวขวางโลกเหมือนเห็นเราเป็นเด็กไปไหนก็ต้องขออนุญาต บางทีหากเขาเห็นว่าเรามีแฟนเขาอาจจะเลิกจุกจิก เราก็เลยอยากจะให้ริชช่วยหน่อย หรือแค่ทำเป็นสนิทกันก็ได้ แต่อย่าแสดงอาการแต๋วแตกออกไปก็พอ”
                “ฆ่ากันเลย ฆ่าฉันเลยยัยโรส ฉันไม่ยอมทำอะไรที่เสมือนตายทั้งเป็นแบบนั้นเด็ดขาด”
                “โห่...ช่วยหน่อยก็ไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันนะ...นะ...นะ” โรสิตาโอดครวญ พร้อมส่งสายตาวิงวอนแกมขอร้องให้อีกฝ่าย และพยักเพยิดให้เปรมสินีช่วยคะยั้นคะยอ
                “ริชลองดูก็ไม่น่าเสียหายนี่นา” เปรมสินีเป็นแนวร่วมอีกคน
                “เออ...ก็ได้ๆ ฉันจะลองดู แต่ถ้าความลับแตกก็ช่วยไม่ได้นะ ฉันมันพวกลักปิดลักเปิดไม่เก่งเสียด้วย”
                แม้จะทำทีท่าใจแข็ง แต่สุดท้ายหนุ่มตี๋ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ทั้งที่มันสุดแสนจะฝืนหัวใจตัวเองเป็นที่สุด แต่เพราะไอ้ดวงตากลมโตที่กระพริบปริบๆ แถมมือบางยังมาจับแขนเขาเขย่าจนตัวเอนนี่สิ ทำให้ต้องตกปากรับขำทั้งจำใจ
                “สัญญาแล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจ” คนตัวเล็กมัดมือชกทันที อีกฝ่ายจึงค้อนขวับ
                “ฉันจะพยายาม อย่างที่บอกถ้าความแตกรับผิดชอบคนเดียวนะยะหล่อน”
                “แค่ริชชี่คนดี้คนดียอมช่วยเหลือ โรสก็ดีใจแล้วจ้ะ” สาวเจ้ารีบยกยอปอปั้นเพื่อนเป็นการใหญ่
                คนฟังสะบัดหน้าหนีด้วยความหมั่นไส้ สองสาวจึงได้แต่มองหน้ากันอมยิ้มกับท่าทีเพื่อนชายใจหญิง รายนั้นจึงได้แต่คว้าขนมมุบมับเข้าปากเคี้ยวแก้อาการหงุดหงิด
                “ถ้าซื้อหวยก็คงถูกไปแล้ว มิน่าล่ะ ตาซ้ายกระตุกตลอดทางเลย ที่แท้คุณเพื่อนจะให้เดี๊ยนทำอะไรพิเรนๆ นี่เอง เซ็งจริงๆ”         ไม่วายบ่นกระปอดกระแปดตามเรื่องตามราว แต่สุดท้ายคนชอบความสนุกสนานอย่างริชชี่ก็งอนตุ๊บป่องสองสาวได้ไม่นาน ก็หันกลับมาคุยจ้อเป็นนกกระจอกแตกรังเหมือนเดิม และกว่าทั้งสามจะได้อาบน้ำเข้านอนก็ล่วงเข้าไปตีสองของวันใหม่
     

    ****สวัสดีจ้ามาอัพแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ วันนี้มาจนดึกเลยแบบว่าพึ่งปั่นเสร็จหมาดๆ ฝากติดตามด้วยนะคะ มีคำผิดก็ต้องขออภัย แบบว่าคนแต่งตาลายแล้ว ขอไปนอนก่อนนะจ้า

    ปล. เรื่องนี้กะไว้ไม่เกินยี่สิบสองตอนนะคะ ส่วนจะมีเลิฟซีนขนาดไหนฝากติดตามด้วยเน้ออิๆ ตอนนี้พึ่งเริ่มเรื่อง ไม่อยากทำให้คนอ่านที่รักใจสั่นตั้งแต่เริ่มอิๆ

    ***** ช่อศิลาญา *****
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×