ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    9th letter

    ลำดับตอนที่ #3 : วันที่ 1 ตอนที่ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 240
      0
      8 เม.ย. 52

    />

     

    ธีระเหลือบมองผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆ เด็กสาวยังคงเหลือบมองออกไปยังทิวทัศน์ขางทางด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะมุ่งสมาธิกลับไปที่การขับรถ

    เขาไม่รู้จักเด็กสาวคนนี้ ไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอ ธีระพึ่งเก็บเธอขึ้นมาจากข้างทางเมื่อราวสิบห้านาทีก่อน

    เด็กสาวอายุราวสิบห้า-สิบหกปี เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ต คลุมฮู้ดบังแดด ยืนโบกรถอยู่ข้างถนนกลางแสงแดดร้อนระอุในฤดูร้อนของเมืองไทย

    ครู่แรกธีระนึกว่าตัวเองตาฝาดไป ก่อนที่จะคิดอะไร เบรกของรถเก๋งสีบรอนของเขาก็ถูกเหยียบ รถจอดลงตรงหน้าเธอพอดี

    เด็กสาวก้าวขึ้นมาบนรถ เอ่ยขึ้นมาเพียงคำเดียวด้วยนำเสียงเรียบเฉย

    ภูเก็ต

    โดยไม่ถามอะไร ธีระรับเธอซึ่งมีจุดหมายปลายทางเดียวกับเขาขึ้นมาบนรถ

                    ขณะนี้นาฬิกาดิจิตอลบนรถบอกเวลาแปดโมงสามสิบนาที เหลือเวลาอีกสามชั่วโมงครึ่งก่อนเวลานัดหมาย น่าจะมากพอที่จะแวะส่งเด็กสาว ชายหนุ่มคิด

    นี่หนูธีระเอ่ย ทว่าเด็กสาวยังคงเหม่อมองตรงออกไปนอกหระจกรถราวกับเขาไม่มีตัวตน “... นี่เธอ หิวหรือเปล่า

    ราวกับต้องใช้เวลาแปลภาษาที่เขาพูด ครู่หนึ่งเด็กสาวจึงพยักหน้าช้าๆ

    ชายหนุ่มบอกตำแหน่งของขนมปังที่ซื้อเก็บไว้ในรถให้เธอซึ่งหยิบมันออกมากินเงียบๆ

    หนูจะไปทำอะไรที่ภูเก็ตเหรอเขาถาม แต่ขนมปังเพียงก้อนเดียวคงยังไม่พอที่จะทำให้เธอเห็นว่าเขามีตัวตน

    ธีระเหนื่อยใจจริงๆ เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้ารถที่จอดรับเธอไม่ใช่รถของเขาจะเป็นอย่างไร ถึงจะผมซอยสั้นจะฟูกระเซิง เนื้อตัวมอมแมม แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้คราบฝุ่นนั้น ผิวขาวใส ใบหน้าได้รูป และดวงตานิ่งดั่งบ่อน้ำไร้ก้นบึ้ง เพียงพอที่จะทำให้เธอถูกส่งไปเป็นสินค้าขายดีในมาเล

    เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นชายหนุ่มรู้สึกเหมือนจมลงสู่บ่อแห่งความมืดมิด

    เขารู้สึกตัวอีกทีเมื่อนิ้วเล็กๆ นั้นสะกิดไหล่ของเขาเบาๆ เด็กหญิงยื่นธนบัตรยี่สิบบาทใบหนึ่งให้เขา

    ธีระไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าเช่นกับการกระทำที่ดูขัดแย้งภายในตัวของตัวเองของเธอ เด็กสาวอาศัยรถของเขาโดยไม่เอ่ยขอร้องตามมารยาท ทว่ากลับจ่ายค่าขนมปังเล็กๆ น้อยๆ เหมือนไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณ ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก

    ขนมปังนั้นน่ะพี่ให้เขาเอ่ยแทนตัวว่าพี่ด้วยความเคยชิน

    ดูเหมือนเด็กสาวจะคิดว่าเขาไม่มีตัวตนจริงๆ เธอเปิดเก๊ะหน้ารถออกแล้วหย่อนแบงค์ยี่สิบเข้าไปในนั้น

     

    ********************

     

     

    ดลมาถึงจุดนัดพบที่ระบุไว้ในจดหมายเมื่อเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาตรง ก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี

    เมื่อลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก้าวผ่านประตูกระจกหมุนของโรงแรม อากาศร้อนชื้นแบบริมทะเลก็เปลี่ยนเป็นอากาศเย็นแห้งโดยฉับพลัน

    เขายื่นจดหมายให้พนักงานต้อนรับ เธอรับซองไปพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าให้โดยไม่เปิดอ่านด้านใน

    ขณะเดินตามเธอไปยังสถานที่ซึ่งทางรายการเตรียมไว้ ดลถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจเขาร่วมเกมส์บ้าๆ นี่

    ตลอดชีวิตดลไม่เคยทำอะไรโดยไม่วางแผนล่วงหน้า จนเพื่อนๆ มันจะล้อเขาว่าขี้กังวลเกินเหตุ และเมื่อประกอบอาชีพที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนนิสัยนี้จึงทวีขึ้นกว่าเดิม

    จนกระทั้งเขาหยิบจดหมายปริศนาฉบับนี้ขึ้นมา

    ซองจดหมายสีขาว ถูกปิดผนึกด้วยตาประทับสีแดงสด ไม่มีทั้งชื่อผู้ส่งและผู้รับ ดูราวกับเลือดที่หยดลงบนผ้าขาวสะอาด

    ตัวหนังสือภายในจดหมายถูกเขียนด้วยหมึกดำ ลายมือตวัดสวยงาม... ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าถูกพิมพ์ด้วยรูปแบบตัวอักษรที่ดูประณีตคล้ายลายมือตวัดสวยงามมากกว่า

    อาจจะเป็นเพราะอารมณ์สับสนในวันนั้น เพียงอ่านมันแค่ไม่กี่รอบดลก็ตัดสินใจตกลงเข้าร่วมเกมส์นี้

    คิดซะว่านี่เป็นการพักร้อนแฟนของเขาบอกคุณควรทำอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง บางทีจิตใจอาจจะสงบลง

    ชายหนุ่มหวังว่าจะเป็นดังที่เธอว่า เขาหวังว่านี่จะเป็นวันหยุดพักร้อนที่ไม่รู้ลืม

    ครู่เดียวเขาก็มาถึงห้องโถงขนาดเล็กห้องหนึ่ง เมื่อเปิดประตูออกชายหนุ่มพบว่าภายในมีผู้คนห้าชีวิตรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

    เป็นชายสอง หญิงสาม

    ผู้ที่นั่งตรงโต๊ะหน้าสุดเป็นหญิงวัยเกษียณ ทว่ายังดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง เธอสวมชุดเรียบร้อยเหมาะกับวัยและแว่นตาที่มีสายสร้อยคล้องกับคอ บุคลิกดูน่านับถือ จากประสบการณ์ของดล เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นครู

    หญิงสาวคนที่สองนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างๆ เธออยู่ในชุดแสคแบบสาวทำงาน ผมยาวโกรกเป็นสีอ่อน หน้าถูกแต้มบางๆ กระเป๋าถือมียี่ห้อ ใบหน้าสวยยิ้มจางๆ ให้เขา

    หญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ด้านหลังกับชายหนุ่มคน หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงลำลองธรรมดา ดูอ่อนหวาน ฝ่ายชายหน้าตาดีแต่งตัวในชุดลำลองเช่นกัน ดูทั้งคู่คุยหัวเราะกัน เหมือนกำลังจะไปเที่ยวพักผ่อนกันมากกว่า

    ดลเกือบลืมชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้องไป เขาดูเลือนรางอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาหลังแว่นของเขาหลบลงไม่สบตากับผู้ใด ด้วยบรรยากาศใกล้ชิดกับความตายที่แผ่ออกมา ตอนแรกดลจึงเข้าใจว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับเขา ทว่าชายหนุ่มใส่แว่นไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนเชื่อถือดังที่ผู้ประกอบอาชีพเดียวกับเขาควรจะมี

    ดลยิ้มให้พวกเขา ก้มหน้าทักทายเล็กน้อย จากนี้ไปพวกเขาเหล่านี้จะเป็นทั้งคู่แข่ง เพื่อน และผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×