คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วันที่ 1 ตอนที่ 1
ธีระเหลือบมองผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆ เด็กสาวยังคงเหลือบมองออกไปยังทิวทัศน์ขางทางด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะมุ่งสมาธิกลับไปที่การขับรถ
เขาไม่รู้จักเด็กสาวคนนี้ ไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอ ธีระพึ่งเก็บเธอขึ้นมาจากข้างทางเมื่อราวสิบห้านาทีก่อน
เด็กสาวอายุราวสิบห้า-สิบหกปี เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ต คลุมฮู้ดบังแดด ยืนโบกรถอยู่ข้างถนนกลางแสงแดดร้อนระอุในฤดูร้อนของเมืองไทย
ครู่แรกธีระนึกว่าตัวเองตาฝาดไป ก่อนที่จะคิดอะไร เบรกของรถเก๋งสีบรอนของเขาก็ถูกเหยียบ รถจอดลงตรงหน้าเธอพอดี
เด็กสาวก้าวขึ้นมาบนรถ เอ่ยขึ้นมาเพียงคำเดียวด้วยนำเสียงเรียบเฉย
“ภูเก็ต”
โดยไม่ถามอะไร ธีระรับเธอซึ่งมีจุดหมายปลายทางเดียวกับเขาขึ้นมาบนรถ
ขณะนี้นาฬิกาดิจิตอลบนรถบอกเวลาแปดโมงสามสิบนาที เหลือเวลาอีกสามชั่วโมงครึ่งก่อนเวลานัดหมาย น่าจะมากพอที่จะแวะส่งเด็กสาว ชายหนุ่มคิด
“นี่หนู” ธีระเอ่ย ทว่าเด็กสาวยังคงเหม่อมองตรงออกไปนอกหระจกรถราวกับเขาไม่มีตัวตน “... นี่เธอ หิวหรือเปล่า”
ราวกับต้องใช้เวลาแปลภาษาที่เขาพูด ครู่หนึ่งเด็กสาวจึงพยักหน้าช้าๆ
ชายหนุ่มบอกตำแหน่งของขนมปังที่ซื้อเก็บไว้ในรถให้เธอซึ่งหยิบมันออกมากินเงียบๆ
“หนูจะไปทำอะไรที่ภูเก็ตเหรอ” เขาถาม แต่ขนมปังเพียงก้อนเดียวคงยังไม่พอที่จะทำให้เธอเห็นว่าเขามีตัวตน
ธีระเหนื่อยใจจริงๆ เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้ารถที่จอดรับเธอไม่ใช่รถของเขาจะเป็นอย่างไร ถึงจะผมซอยสั้นจะฟูกระเซิง เนื้อตัวมอมแมม แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้คราบฝุ่นนั้น ผิวขาวใส ใบหน้าได้รูป และดวงตานิ่งดั่งบ่อน้ำไร้ก้นบึ้ง เพียงพอที่จะทำให้เธอถูกส่งไปเป็นสินค้าขายดีในมาเล
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นชายหนุ่มรู้สึกเหมือนจมลงสู่บ่อแห่งความมืดมิด
เขารู้สึกตัวอีกทีเมื่อนิ้วเล็กๆ นั้นสะกิดไหล่ของเขาเบาๆ เด็กหญิงยื่นธนบัตรยี่สิบบาทใบหนึ่งให้เขา
ธีระไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าเช่นกับการกระทำที่ดูขัดแย้งภายในตัวของตัวเองของเธอ เด็กสาวอาศัยรถของเขาโดยไม่เอ่ยขอร้องตามมารยาท ทว่ากลับจ่ายค่าขนมปังเล็กๆ น้อยๆ เหมือนไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณ ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก
“ขนมปังนั้นน่ะพี่ให้” เขาเอ่ยแทนตัวว่า “พี่” ด้วยความเคยชิน
ดูเหมือนเด็กสาวจะคิดว่าเขาไม่มีตัวตนจริงๆ เธอเปิดเก๊ะหน้ารถออกแล้วหย่อนแบงค์ยี่สิบเข้าไปในนั้น
********************
ดลมาถึงจุดนัดพบที่ระบุไว้ในจดหมายเมื่อเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาตรง ก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี
เมื่อลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก้าวผ่านประตูกระจกหมุนของโรงแรม อากาศร้อนชื้นแบบริมทะเลก็เปลี่ยนเป็นอากาศเย็นแห้งโดยฉับพลัน
เขายื่นจดหมายให้พนักงานต้อนรับ เธอรับซองไปพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าให้โดยไม่เปิดอ่านด้านใน
ขณะเดินตามเธอไปยังสถานที่ซึ่งทางรายการเตรียมไว้ ดลถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจเขาร่วมเกมส์บ้าๆ นี่
ตลอดชีวิตดลไม่เคยทำอะไรโดยไม่วางแผนล่วงหน้า จนเพื่อนๆ มันจะล้อเขาว่าขี้กังวลเกินเหตุ และเมื่อประกอบอาชีพที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนนิสัยนี้จึงทวีขึ้นกว่าเดิม
จนกระทั้งเขาหยิบจดหมายปริศนาฉบับนี้ขึ้นมา
ซองจดหมายสีขาว ถูกปิดผนึกด้วยตาประทับสีแดงสด ไม่มีทั้งชื่อผู้ส่งและผู้รับ ดูราวกับเลือดที่หยดลงบนผ้าขาวสะอาด
ตัวหนังสือภายในจดหมายถูกเขียนด้วยหมึกดำ ลายมือตวัดสวยงาม... ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าถูกพิมพ์ด้วยรูปแบบตัวอักษรที่ดูประณีตคล้ายลายมือตวัดสวยงามมากกว่า
อาจจะเป็นเพราะอารมณ์สับสนในวันนั้น เพียงอ่านมันแค่ไม่กี่รอบดลก็ตัดสินใจตกลงเข้าร่วมเกมส์นี้
“คิดซะว่านี่เป็นการพักร้อน” แฟนของเขาบอก “คุณควรทำอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง บางทีจิตใจอาจจะสงบลง”
ชายหนุ่มหวังว่าจะเป็นดังที่เธอว่า เขาหวังว่านี่จะเป็นวันหยุดพักร้อนที่ไม่รู้ลืม
ครู่เดียวเขาก็มาถึงห้องโถงขนาดเล็กห้องหนึ่ง เมื่อเปิดประตูออกชายหนุ่มพบว่าภายในมีผู้คนห้าชีวิตรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
เป็นชายสอง หญิงสาม
ผู้ที่นั่งตรงโต๊ะหน้าสุดเป็นหญิงวัยเกษียณ ทว่ายังดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง เธอสวมชุดเรียบร้อยเหมาะกับวัยและแว่นตาที่มีสายสร้อยคล้องกับคอ บุคลิกดูน่านับถือ จากประสบการณ์ของดล เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นครู
หญิงสาวคนที่สองนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างๆ เธออยู่ในชุดแสคแบบสาวทำงาน ผมยาวโกรกเป็นสีอ่อน หน้าถูกแต้มบางๆ กระเป๋าถือมียี่ห้อ ใบหน้าสวยยิ้มจางๆ ให้เขา
หญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ด้านหลังกับชายหนุ่มคน หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงลำลองธรรมดา ดูอ่อนหวาน ฝ่ายชายหน้าตาดีแต่งตัวในชุดลำลองเช่นกัน ดูทั้งคู่คุยหัวเราะกัน เหมือนกำลังจะไปเที่ยวพักผ่อนกันมากกว่า
ดลเกือบลืมชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้องไป เขาดูเลือนรางอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาหลังแว่นของเขาหลบลงไม่สบตากับผู้ใด ด้วยบรรยากาศใกล้ชิดกับความตายที่แผ่ออกมา ตอนแรกดลจึงเข้าใจว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับเขา ทว่าชายหนุ่มใส่แว่นไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนเชื่อถือดังที่ผู้ประกอบอาชีพเดียวกับเขาควรจะมี
ดลยิ้มให้พวกเขา ก้มหน้าทักทายเล็กน้อย จากนี้ไปพวกเขาเหล่านี้จะเป็นทั้งคู่แข่ง เพื่อน และผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขา
ความคิดเห็น