ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    9th letter

    ลำดับตอนที่ #4 : วันที่ 1 ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 204
      0
      8 เม.ย. 52

    />

     

    ธีระประหลาดใจเมื่อเด็กสาวเอ่ยชื่อโรงแรมซึ่งเป็นเป้าหมายของการเดินทางของเขาขึ้นมา ชายหนุ่มคิดว่าบางที่พ่อแม่ของเธออาจจะรออยู่ที่นั่นก็เป็นได้

    ธีระเคยพบคดีเด็กหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง ปรกติแล้วเด็กสาวที่หนีออกจากบ้านมักจะต้องการหนีไปหาหนุ่มคนรัก ด้วยความคิดที่ว่าฝ่ายชายจะพึ่งพิงได้ในยามที่ตนมีปัญหา

    เขาเองก็พอจะเข้าใจความคิดของพวกเธอ เด็กสาวเหล่านั้นเพียงต้องการหลบหนีจากความทุกข์ตรงหน้าไปหาแสงสว่างดวงใดก็ได้ที่พอมองเห็น ทว่าความคิดที่ว่าความรักช่วยได้ทุกอย่างนั้นไม่เคยเป็นจริงเลย

    ธีระบอกตัวเองว่าเขาไม่ควรสรุปว่าเด็กสาวเป็นเด็กหนีออกจากบ้านเช่นนี้ บางทีเธออาจจะเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่อยากผจญภัยโดยการโบกรถเที่ยวช่วงปิดเทอม

    เด็กหญิงไม่ตอบเมื่อเขาถามว่า เธอมีญาติรออยู่ที่โรงแรมเหรอ

    ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเธอยอมพูดอะไรออกมามากกว่านี้เขาอาจจะขอร้องให้เพื่อนตำรวจที่นี้ช่วยอะไรได้บ้าง เขาคิด ก่อนจะตระหนักได้ว่า ไม่อำนาจจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ซองขาวถูกยื่นออกไป

    ในวันนั้น นอกจากซองที่ใส่จดหมายลาออกที่เป็นสีขาว ทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นสีดำสนิท เขาไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้วว่าคนที่เขาเคยนับถือเอ่ยอะไรเมื่อรับมันไป

    ธีระจมอยู่ในโลกอันดำมืดนั่นจนพบกับจดหมายสีขาวอีกฉบับ

    เขาจึงมาที่โรงแรมแห่งนี้

    ทันทีที่เขาหยุดรถ เด็กสาวก็เปิดประตูออกแล้วก้าวจากไป ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณสักคำ

    ชายหนุ่มไม่ได้โมโห ทว่าภาพด้านหลังของเธอที่ค่อยๆ ก้าวจากไปกลับทำให้เขารู้สึกเศร้า

    ธีระคิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสุดท้ายของเด็กสาวในความทรงจำ

    เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง พยายามทำให้จิตใจที่สั่นไหวสงบลง

    เขาจะชนะ ธีระบอกตัวเอง ชนะและทวงความเป็นธรรมให้เธอ

    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นก่อนจะก้าวเข้าไปในโรงแรม

     

    ********************

     

     

    ฟ้าเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เธอหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมายื่นให้หญิงสาวหลังเคาน์เตอร์

    พนักงานประชาสัมพันธ์ฉีกยิ้มออกมาด้วยท่าทางเสแสร้งน่ารังเกียจ เด็กสาวพยายามอดกลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนไว้แล้วเดินตามเธอไป

    จนถึงห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วหกคน เธอเป็นคนที่เจ็ด

    เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งไม่มีใครจับจองอยู่ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง อีกห้านาทีจะถึงเวลาเทียงตรงซึ่งเป็นเวลานัดพบ

    เธอคิดว่าผู้รวมเกมส์ทั้งเจ็ดคงจะมากันครบแล้ว แต่ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง

    ผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นชายหนุ่มที่เธอโบกรถมาเมื่อครู่ ฟ้ามองสีหน้าตกใจของเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย

     

    *******************

     

     

    "เธอก็รวมเกมส์นี้ด้วยงั้นเหรอ"

    ชายหนุ่มเอ่ยถาม ทว่าเด็กสาวไม่ตอบ

    หญิงสาวผมยาวสีอ่อนในชุดแสคยกมือป้องปากหัวเราะเบาๆ

    "แหมม ถูกสาวน้อยเมินซะแล้วนะคะ"

    ชายหนุ่มยิ้มให้เธอแก้เขิน

    รู้จักกันมาก่อนเหรอ ขี้โกงนี่

    ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่โต๊ะเดี๋ยวกับหญิงสาวในชุดลำลองสีหวาน เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเอาเรื่องจริงๆ

    "เหอะๆ พวกเขาแค่รู้จักกัน แต่พวกเธอสองคนเป็นแฟนกันเลยไม่ใช่เหรอ"

    คุณป้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยขึ้น

    ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    "ว้า รู้ซะแล้วเหรอครับ"

    ธีระยิ้มให้ทุกคนในห้อง แต่ก็ประเมินทุกคนตามสัญชาตญาณที่ได้รับการฝึกมา เขาค้อมหัวให้ทุกคนก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เด็กสาว พร้อมๆ กับจังหวะที่ประตูเปิดออก ธีระสังเกตว่าขณะนี้เวลาเที่ยงตรงพอดี

    ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่เป็นชายในชุดสูท พร้อมกระเป๋าเอกสาร เขาดูเหมือนทนายความมากกว่าทีมงานของรายการโทรทัศน์

    ทุกคนเงียบเสียงลงฟังคำที่เขากำลังจะเอ่ยออกมา

    ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนชายตรงหน้าแนะนำตัวว่าตนเป็นทนายความจริงๆ

    "ก่อนอื่นทุกคนในที่นี้คงได้ทำความเข้าใจเนื้อความในจดหมายแล้วใช่ไหมครับ"

    ทุกคนในห้องพยักหน้า

    ผมต้องขอชี้แจงให้ทุกท่านในที่นี้ทราบก่อนว่านี่ไม่ใช่รายการทีวีอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ"

    ชายหนุ่มที่มากับแฟนอุทาน "อ้าว" ก่อนจะยิ้มเชิงขอโทษแล้วเงียบเสียงลง

    นี่เป็นเงื่อนไขของพินัยกรรมของท่านผู้หนึ่งซึ่งไม่อาจเอ่ยนามได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ผมในถานะของผู้จัดการมรดก ขอรับรองว่าสมบัติทั้งหมดของเจ้ามรดกจะเป็นของผู้ชนะตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในจดหมายจริง

    นี่เป็นละครเพิ่มความตื่นเต้นของทีมงานหรือเปล่า ธีระคิด เขาพยายามจับพิรุธของเรื่องนี้

    ผมขอทวนเงื่อนไขอีกครั้ง พวกท่านจะต้องไปอยู่ในเกาะซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้ามรดก และทำการลงคะแนนเลือกคนหนึ่งคนออกจากกลุ่มเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมของวันนั้น ทำแบบนี้ในทุกวัน จนเหลือสองคนสุดท้ายซึ่งจะให้ตัดสินกันด้วยเงื่อนไขที่จะทราบทีหลัง

    ทุกคนพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ

    เกาะที่พวกท่านจะไปอยู่อยู่นอกเขตสัญญาณโทรศัพท์ พวกท่านไม่อาจติดต่อคนอื่นนอกเกาะ จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นผมจะขอถามอีกครั้งว่ามีใครต้องการถอนตัวหรือไม่

    เขากวาดสายตามองทุกคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เมื่อไม่เห็นว่าใครต้องการสละสิทธิ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×