คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วันที่ 1 ตอนที่ 2
ธีระประหลาดใจเมื่อเด็กสาวเอ่ยชื่อโรงแรมซึ่งเป็นเป้าหมายของการเดินทางของเขาขึ้นมา ชายหนุ่มคิดว่าบางที่พ่อแม่ของเธออาจจะรออยู่ที่นั่นก็เป็นได้
ธีระเคยพบคดีเด็กหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง ปรกติแล้วเด็กสาวที่หนีออกจากบ้านมักจะต้องการหนีไปหาหนุ่มคนรัก ด้วยความคิดที่ว่าฝ่ายชายจะพึ่งพิงได้ในยามที่ตนมีปัญหา
เขาเองก็พอจะเข้าใจความคิดของพวกเธอ เด็กสาวเหล่านั้นเพียงต้องการหลบหนีจากความทุกข์ตรงหน้าไปหาแสงสว่างดวงใดก็ได้ที่พอมองเห็น ทว่าความคิดที่ว่าความรักช่วยได้ทุกอย่างนั้นไม่เคยเป็นจริงเลย
ธีระบอกตัวเองว่าเขาไม่ควรสรุปว่าเด็กสาวเป็นเด็กหนีออกจากบ้านเช่นนี้ บางทีเธออาจจะเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่อยากผจญภัยโดยการโบกรถเที่ยวช่วงปิดเทอม
เด็กหญิงไม่ตอบเมื่อเขาถามว่า เธอมีญาติรออยู่ที่โรงแรมเหรอ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเธอยอมพูดอะไรออกมามากกว่านี้เขาอาจจะขอร้องให้เพื่อนตำรวจที่นี้ช่วยอะไรได้บ้าง เขาคิด ก่อนจะตระหนักได้ว่า ไม่อำนาจจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ซองขาวถูกยื่นออกไป
ในวันนั้น นอกจากซองที่ใส่จดหมายลาออกที่เป็นสีขาว ทุกอย่างที่เห็นล้วนเป็นสีดำสนิท เขาไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้วว่าคนที่เขาเคยนับถือเอ่ยอะไรเมื่อรับมันไป
ธีระจมอยู่ในโลกอันดำมืดนั่นจนพบกับจดหมายสีขาวอีกฉบับ
เขาจึงมาที่โรงแรมแห่งนี้
ทันทีที่เขาหยุดรถ เด็กสาวก็เปิดประตูออกแล้วก้าวจากไป ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณสักคำ
ชายหนุ่มไม่ได้โมโห ทว่าภาพด้านหลังของเธอที่ค่อยๆ ก้าวจากไปกลับทำให้เขารู้สึกเศร้า
ธีระคิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสุดท้ายของเด็กสาวในความทรงจำ
เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง พยายามทำให้จิตใจที่สั่นไหวสงบลง
เขาจะชนะ ธีระบอกตัวเอง ชนะและทวงความเป็นธรรมให้เธอ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นก่อนจะก้าวเข้าไปในโรงแรม
********************
ฟ้าเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เธอหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมายื่นให้หญิงสาวหลังเคาน์เตอร์
พนักงานประชาสัมพันธ์ฉีกยิ้มออกมาด้วยท่าทางเสแสร้งน่ารังเกียจ เด็กสาวพยายามอดกลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนไว้แล้วเดินตามเธอไป
จนถึงห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วหกคน เธอเป็นคนที่เจ็ด
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งไม่มีใครจับจองอยู่ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง อีกห้านาทีจะถึงเวลาเทียงตรงซึ่งเป็นเวลานัดพบ
เธอคิดว่าผู้รวมเกมส์ทั้งเจ็ดคงจะมากันครบแล้ว แต่ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง
ผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นชายหนุ่มที่เธอโบกรถมาเมื่อครู่ ฟ้ามองสีหน้าตกใจของเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย
*******************
"เธอก็รวมเกมส์นี้ด้วยงั้นเหรอ"
ชายหนุ่มเอ่ยถาม ทว่าเด็กสาวไม่ตอบ
หญิงสาวผมยาวสีอ่อนในชุดแสคยกมือป้องปากหัวเราะเบาๆ
"แหมม ถูกสาวน้อยเมินซะแล้วนะคะ"
ชายหนุ่มยิ้มให้เธอแก้เขิน
“รู้จักกันมาก่อนเหรอ ขี้โกงนี่”
ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่โต๊ะเดี๋ยวกับหญิงสาวในชุดลำลองสีหวาน เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเอาเรื่องจริงๆ
"เหอะๆ พวกเขาแค่รู้จักกัน แต่พวกเธอสองคนเป็นแฟนกันเลยไม่ใช่เหรอ"
คุณป้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ว้า รู้ซะแล้วเหรอครับ"
ธีระยิ้มให้ทุกคนในห้อง แต่ก็ประเมินทุกคนตามสัญชาตญาณที่ได้รับการฝึกมา เขาค้อมหัวให้ทุกคนก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เด็กสาว พร้อมๆ กับจังหวะที่ประตูเปิดออก ธีระสังเกตว่าขณะนี้เวลาเที่ยงตรงพอดี
ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่เป็นชายในชุดสูท พร้อมกระเป๋าเอกสาร เขาดูเหมือนทนายความมากกว่าทีมงานของรายการโทรทัศน์
ทุกคนเงียบเสียงลงฟังคำที่เขากำลังจะเอ่ยออกมา
ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนชายตรงหน้าแนะนำตัวว่าตนเป็นทนายความจริงๆ
"ก่อนอื่นทุกคนในที่นี้คงได้ทำความเข้าใจเนื้อความในจดหมายแล้วใช่ไหมครับ"
ทุกคนในห้องพยักหน้า
“ผมต้องขอชี้แจงให้ทุกท่านในที่นี้ทราบก่อนว่านี่ไม่ใช่รายการทีวีอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ"
ชายหนุ่มที่มากับแฟนอุทาน "อ้าว" ก่อนจะยิ้มเชิงขอโทษแล้วเงียบเสียงลง
“นี่เป็นเงื่อนไขของพินัยกรรมของท่านผู้หนึ่งซึ่งไม่อาจเอ่ยนามได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ผมในถานะของผู้จัดการมรดก ขอรับรองว่าสมบัติทั้งหมดของเจ้ามรดกจะเป็นของผู้ชนะตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในจดหมายจริง”
นี่เป็นละครเพิ่มความตื่นเต้นของทีมงานหรือเปล่า ธีระคิด เขาพยายามจับพิรุธของเรื่องนี้
“ผมขอทวนเงื่อนไขอีกครั้ง พวกท่านจะต้องไปอยู่ในเกาะซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้ามรดก และทำการลงคะแนนเลือกคนหนึ่งคนออกจากกลุ่มเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมของวันนั้น ทำแบบนี้ในทุกวัน จนเหลือสองคนสุดท้ายซึ่งจะให้ตัดสินกันด้วยเงื่อนไขที่จะทราบทีหลัง”
ทุกคนพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ
“เกาะที่พวกท่านจะไปอยู่อยู่นอกเขตสัญญาณโทรศัพท์ พวกท่านไม่อาจติดต่อคนอื่นนอกเกาะ จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นผมจะขอถามอีกครั้งว่ามีใครต้องการถอนตัวหรือไม่”
เขากวาดสายตามองทุกคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เมื่อไม่เห็นว่าใครต้องการสละสิทธิ์
ความคิดเห็น