ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #110 : ตอนที่ 108 เค้าลางบอกเหตุ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.34K
      49
      3 เม.ย. 64

                         เขาย่อมรู้ดีถึงสัญญาณเตือนที่เกิดขึ้นจากตราเวทลงอาคม แต่ในสถานการณ์แบบนี้หากสีหน้าเปลี่ยนไปแค่ชั่วครู่ ฝ่ายตรงข้ามย่อมที่จะฉวยโอกาสนั้นเข้ามาซ้ำเติมได้ตลอดเวลา ตาเดินของชาร์ลก้าวนี้เขาย่อมมองออกตั้งแต่ตอนนั้น นับว่าเป็นเรื่องเหลือคาดเกินที่จะตั้งรับไว้ ในใจภาวนาขอให้มีใครซักคนไปช่วยคนที่นอนอยู่บนเตียงได้ทันเวลา

     

                “แต่...ดูเหมือนว่าจะมีตัวปัญหาเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง” ชาร์ลหรี่ตาลงเล็กน้อย อารันที่ยืนฟังอยู่ได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ ถ้าเกิดเป็นคนในพรรคพวกของเขา ชาร์ลเองก็ไม่น่าที่จะพูดเช่นนั้น

     

                “ให้ตายเถอะ เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่คาดไม่ถึงด้วยหรือนี่ ดูท่าสงครามครั้งนี้คงจะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกมากทีเดียว” ชายผมสีม่วงหัวเราะในลำคอ แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่ได้แสดงอะไร แต่เขาเองก็ยังมองออกถึงอาการชะงักเล็กน้อยของพ่อค้าผู้นั้น แต่ในเมื่อมันเป็นผลดีกับฝ่ายอารัน ก็ไม่ใช่กงการอะไรของชาร์ลที่ต้องไปยินดีด้วย

     

                “ถ้างั้นก็หวังว่าคนของนายที่ส่งไปทางนั้นจะทำงานล้มเหลว” อารันกระตุกยิ้ม “เหมือนที่อื่นๆ” และเน้นหนักประโยคท้ายชัดถ้อยชัดคำ แต่ทว่าปฏิกิริยาที่ชาร์ลแสดงออกมาก็ยังนิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

     

                เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

     

                อารันรู้ว่าชาร์ลเองมีวิธีติดต่อกับลูกน้องตัวเองด้วยทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นหากเทียบเรื่องการประสานงาน ชาร์ลย่อมทำได้ดีกว่าอารัน ดังนั้นถ้าสิ่งที่เขาคิดไม่มีผิดพลาดไปจากเป้าหมายที่คาดเอาไว้ตอนแรก ในตอนนี้ชาร์ลควรจะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่ายืนนิ่งเฉยมากกว่านี้

     

                เว้นเสียแต่ฝั่งตรงข้ามยังมีไม้เด็ดที่ยังไม่ปล่อยออกมา

     

                “บอกตามตรง กลุ่มคนพวกนั้นที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ถือเป็นก้างชิ้นโต แต่เพราะก้าวเดินสุดท้ายที่พวกข้าเองได้เตรียมมานานปี ไม่ว่าเจ้าจะวางกลหมากอย่างไรเอาไว้ ก็ขอให้เลิกหวังกับมันได้ตั้งแต่ตอนนี้” เขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย นึกรำพึงรำพันถึงฉากจบที่เดาได้โดยไม่ต้องบอก

     

                ความมั่นใจที่มีมากเกินไปของชาร์ลทำให้อารันเริ่มระแวงขึ้นมากกว่าเดิม ข้อมูลที่เขาในตอนนี้แม้จะมากแต่ก็ใช่ว่ามหาศาลหากเทียบกับฝ่ายอื่นๆ อันที่จริงหากประสานงานกับทางส่วนกลางของเมืองอัลเทร่าได้ทุกสิ่งอย่างย่อมง่ายดายกว่านี้มากนัก เพราะเรื่องบางเรื่องเขาเองก็ยังไม่รู้ ทำให้ส่วนประกอบของแผนหลักยังไม่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งเหนือจากเขาไปก็ยังมีบุคคลผู้เป็นเลิศในศาสตร์ด้านนี้คอยคุมแผนรวมอยู่อีกขั้น สิ่งที่เขาทำได้เต็มที่ก็มีแต่การทุ่มหมดน้ำตักให้กับการจากไปของโนอาห์ก็เท่านั้น

     

                “ในตอนนี้เจ้าเองก็คงคิด ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชายแดนทางตอนเหนือ” ชาร์ลเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง

     

                “นายเองก็ใช่ว่าจะรู้ไปซะทั้งหมดไม่ใช่เหรอไง” อารันโต้กลับอย่างไม่กลัวเกรง เผยอรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ทว่าในความเป็นจริงแล้วแม้จะสัมผัสได้เลือนราง เขาก็ยังรู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างกำลังล้วนเข้าตาเดินของพวกมันช้าๆ

     

                “นั้นมันก็ถูก แต่เจ้าเองก็จงอย่าลืม....ว่าสิ่งใดกันแน่ที่กำลังจะเกิดขึ้น” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาสบาย

     

                สิ่งที่ชาร์ลปราถนามากที่สุด และอารันไม่พึงต้องการมากที่สุด

     

                เช่นเดียวกันกับทุกคนในอัลเทร่าที่ไม่ต้องการเลยซักนิด

      ระดับของจอมเวทมีเส้นแบ่งออกเป็นหลายระดับ ส่วนมากอิงจากขีดความสามารถในการร่ายเวทเป็นหลัก ซึ่งผู้คนส่วนมากมักยึดถือหลักปฏิบัตินี้เป็นกฎใหญ่ แต่ว่าในระดับจอมเวทยอดฝีมือ ก็มีการแบ่งชนชั้นแยกย่อยออกไปต่างหากอีกมากมายนับไม่ถ้วน บ้างก็วัดจากความเร็วในการร่าย บ้างก็วัดจากปริมาณเวทมนตร์ที่ครอบครองอยู่

     

                รวมถึงความสามารถในการพลิกแพลงที่เป็นเลิศเหนือจอมเวทใดๆ

     

                ในเรื่องนี้ไรเซลเหนือกว่าใครต่อใครชนิดหาคนเทียบเทียมได้ยากยิ่ง

     

                           มีหนึ่งคนเหมือนมีมากกว่าหนึ่ง กระสุนพลังงานหลากหลายขนาดพุ่งเข้ามาหาอาเบลและเซเรน่าดั่งลูกกระสุน ลำบากร่ายโล่มนตรามาป้องกันตัวหรือใช้ทหารเทพมาเป็นเกราะกำบัง มีบ่อยครั้งเซเรน่าหาช่องว่างของพายุมนตราโจมตีสวนกลับไปได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถผ่านพ้นเข้าไปถึงตัวไรเซลได้ซักครั้งเดียว หนำซ้ำยังถูกผลักออกหรือตรึงไว้อยู่กับที่ซะอย่างนั้น

     

                ที่สำคัญถ้ายังยืดเยื้อแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

     

                อย่าว่าแต่สภาพห้องพยาบาลที่จะพังกันไปข้าง

     

                ไม่เซเรน่าก็อาเบลนี้แหละที่จะชะตาถึงฆาตก่อน

     

                “และอย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วยพวกเจ้าได้ ต่อให้ได้ยินก็มาไม่ถึง พื้นที่โดนรอบข้าได้วางข่ายมนตร์เอาไว้แล้ว ดังนั้นต่อให้ยื้อเวลาไปได้นานกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์” ไรเซลกล่าว เขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือสำหรับจัดการธุระตรงหน้า แต่เด็กพวกนั้นกลับแตกต่างออกไป

     

                อาเบลยืนเฉยตรึกตรองอยู่ในใจ เมื่อซักครู่เขาเองก็รู้สึกผิดปกติอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลนั้นคือเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อนำมาคิดรวมกับข้อความของไรเซลแล้ว ใช่ว่าเรื่องที่มันพูดจะไม่มีมูลความจริง และถ้าไม่มีกำลังเสริมคนอื่นๆมาสนับสนุน อาศัยข้อเสียและข้อได้เปรียบที่มีของฝั่งเขามาหักลบกันแล้ว มันยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้

     

                “ฝากเรื่องการป้องกันที” อาเบลพูดสั้นๆ ก่อนจะดีดตัวออกไปด้านข้างพร้อมกับให้ทหารเทพออกมาบังตนไปด้วย ซึ่งตอนนี้ก็พรุนไปทั่วร่างจนสภาพแทบจะดูไม่ได้

     

                “ฝากบ้าฝากบออะไรกันยะ! ปั๊ดโถ่เอ้อ...” เซเรน่าแหวใส่ ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่ก้มหน้ารับภาระที่ว่าอยู่กับที่ขยับไปไหนไม่ได้ เพราะข้างหลังของเธอก็คือซายากะที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ขืนละจากจุดนี้ไปชะตาเพื่อนของเธอคงขาดกันพอดี

     

                เวทมนตร์ธาตุแสง ระดับ 4 เส้นแสงกรีดนภา

     

              อาเบลเมื่อสบโอกาสก็เริ่มเป็นฝ่ายชิงร่ายเวทขึ้นมาบ้าง วงเวทสีเหลืองปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไม้เท้าหมื่นทิวา เส้นแสงสีเหลืองทองขนาดใหญ่ตรงดิ่งออกมาจากวงเวทไปหาไรเซลด้วยความเร็วในระดับสะท้านขวัญ ทว่าเมื่อแสงสีเหลืองดังกล่าวออกห่างไปได้ซักระยะ มันก็เริ่มแตกหน่อออกมาเป็นเส้นเล็กเส้นน้อย จนในที่สุดก็ครอบคลุมไปเกือบทั้งห้อง กินพื้นที่มากพอจะไม่ให้ไรเซลหลบหนีไปไหน

     

                “เปล่าประโยชน์!!”

     

                ไรเซลแค่นเสียง สะบัดไปยังเวทมนตร์เส้นแสงกรีดนภา หอกลมที่ไม่ได้ร่ายโดยเวทมนตร์ธาตุลมก็โผล่ขึ้นมาปัดป้องแสงสีทองได้จนหมดสิ้น หนำซ้ำเมื่อสังเกตจะพบว่ารอบๆของหอกที่ไรเซลสร้างมา มีแรงต้านปริศนาล้อมกรอบเป็นออร่าอยู่รอบนอก เพียงแค่นี้ต่อให้ไม่ต้องสัมผัสกับเวทมนตร์ของอาเบลโดยตรง มันก็สามารถผลักเส้นแสงกรีดนภาให้กระจัดกระจายไปคนละทิศละทางได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก

     

                เวทมนตร์ธาตุแสง ระดับ 6 ทหารเทพ

     

              ความวุ่นวายเมื่อครู่เป็นเพียงเครื่องบังตา ทหารเทพที่ถูกลดขนาดให้พอเหมาะพอดีกับห้องจำนวนหกตนโผล่ขึ้นยืนอยู่ข้างหน้าอาเบล ทั้งโล่และดาบเตรียมพร้อมสรรพอยู่ในมือ แม้จะไม่มีดวงตาแต่ก็รู้ได้ว่าเอาเรื่องไม่ใช่เล่น

     

                “คิดงั้นจริงสิ” อาเบลกระตุกรอยยิ้ม พร้อมกันกับที่ทหารเทพสองตนพุ่งทะยานไปหาไรเซลด้วยความรวดเร็ว เป็นที่แน่นอนว่าต้องติดพันกับอาณาเขตแรงโน้มถ่วงของชายคนนั้น ทว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

     

                คมดาบของทหารเทพสองตนถูกตรึงไว้กลางอากาศ ด้วยขนาดที่ไม่แตกต่างไปจากไรเซลมากนักจึงทำให้ช่องว่างที่พึงมีแต่เดิมหายไป กระสุนพลังงานที่แม้จะทุ่มเทการโจมตีไปทางเซเรน่าแล้ว ไรเซลยังสามารถสร้างห่าฝนมนตราคอยโจมตีสวนกลับอาเบลได้อีกโดยไม่ต้องลำบาก จริงอยู่ที่แม้บอลพลังงานของไรเซลพอกระทบเข้ากับทหารเทพจะไม่เกิดผลอะไรมากนัก แต่ถ้านานเข้าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมองข้ามได้อีกต่อไป

     

                เวทมนตร์ไร้ธาตุ ระดับ 2 โล่มนตรา

     

                อยู่ๆด้านหน้าของอาเบลก็ปรากฏโล่เวทโปร่งแสงขึ้นมา โดยต้นเหตุมาจากเซเรน่าที่ยืนยิ้มหอบๆอยู่ตรงจุดเดิมที่เธอยืนอยู่ การแบ่งสมาธิสองฝั่งเป็นเรื่องยากสำหรับจอมเวท ยิ่งการร่ายเวทสองบทค้างไว้พร้อมกันยิ่งแล้วใหญ่ แต่ถ้าเป็นเวทมนตร์ประเภทเดียวกันก็ยังอยู่ในวิสัยที่หญิงสาวจะทำได้ ถึงจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นจะตรงกับความคิดของอาเบลหรือไม่ แต่ถ้าชายหนุ่มบอกให้เธอคอยป้องกัน นี่ก้เป็นสิ่งที่เธอทำได้มากที่สุดในเวลาแบบนี้แล้ว

     

                “สมแล้วที่เป็นเธอ...” อาเบลยิ้มขำเล็กน้อย เหลือบมองไปทางเพื่อนสมัยเด็กที่ตอนนี้เริ่มจะไม่ไหวอยู่รอมร่อ ดังนั้นเขาคงต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด

     

                ด้วยทุกสิ่งที่เขามีในตอนนี้

     

                เมื่อไม่ต้องมาพะวงกับการป้องกันร่างกาย สมองของอาเบลก็ปรอดโปร่งมากพอจะสั่งการทหารเทพหกตนพร้อมกัน สองตนแรกยังคงฝ่าดันโล่แรงโน้มถ่วงต่อไปอย่างไม่ลดละ ในขณะที่อีกสี่วิ่งฝ่าบอลพลังงานและหอกพลังงานที่พุ่งสวนเข้าอยู่เรื่อยๆ ทั้งนี้ทหารเทพสี่ตนสามารถลดภาระในเรื่องของการป้องกันได้ในระดับหนึ่งโดยการยกโล่และกวัดแกว่งดาบหยุดการโจมตีของไรเซลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายพวกมันก็เข้าไปในจุดที่อาเบลเล็งไว้อย่างพอดิบพอดี

     

                ประสานมนตรา ระดับ 5 ค่ายกลเทพเจ้า

     

              ค่ายกลเทพเจ้าเป็นการประสานเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสี่ตน ซึ่งในที่นี้ทหารเทพของอาเบลก็ครบเงื่อนไขไปตั้งแต่แรก ทหารเทพทั้งสี่ตนที่เดินมาสมทบทีหลังทิ้งดาบและโล่ไว้กลางทาง ก่อนจะยกมาขึ้นมาทาบไว้ที่กลางหลังของทหารเทพสองตนที่กำลังฝ่าอาณาเขตแรงโน้มถ่วง พวกมันทั้งหกตนเปล่งแสงสีทองจางๆ การกระทำอันแปลกประหลาดนี้ทำให้ไรเซลรู้สึกสงสัยได้บ้าง และเขาเองก็ไม่ต้องการให้สิ่งที่อาเบลต้องการสำเร็จขึ้นมาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

     

                หัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้าง

     

           ไรเซลบังคับให้แรงโน้มถ่วงกดทับทหารเทพทั้งหมดทั้งจากซ้ายและขวา จริงอยู่ที่เขวาสามารถสร้างการกดทับด้วยแรงโน้มถ่วงได้เพียงด้านเดียว เพียงแต่บอลพลังงานและหอกพลังงานที่ปล่อยไปไม่หยุดเมื่อซักครู่ที่เขาสามารถปล่อยออกได้ทั้งซ้ายและขวานั้น แท้จริงแล้วมาจากจุดๆเดียวที่ไรเซลสร้างแรงกดดันในระดับมหาศาลขึ้นมาจนก่อเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ซึ่งเขาเองก็ปั้นได้แต่รูปทรงง่ายๆเท่านั้น ดังนั้นหากไม่ถึงคราวจวนตัวจริงๆคงไม่ใช้เวทมนตร์ประจำตัวพร่ำเพรื่อเหมือนอย่างที่ผ่านมา

     

                ซึ่งอาเบลคิดว่าอาศัยเวลาเพียงไม่กี่วิก็สามารถทำลายทหารเวทได้หมดสิ้น

     

                และนั้นเองเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์

     

                เวทมนตร์ธาตุแสง ระดับ 3 โล่ศักดิ์สิทธิ์

     

              โล่เวทธาตุแสงที่เคยป้องกันหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างโผล่พรวดขึ้นมาป้องกันทหารเทพเอาไว้อย่างทันท่วงที ไรเซลมองไกลออกไปก็เห็นอาเบลกำลังบริกรรมเวทมนตร์ป้องกันอยู่ด้านหลัง และในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเด็กพวกนี้คืออะไร

     

                พวกมันอาศัยการโจมตีของเขาที่มุ่งเน้นมาเพียงด้านเดียวให้เบาบางลง โดยการกระจายตัวออก หลังจากนั้นต่อให้เขาจะทุ่มเทกับการโจมตีไปมากเท่าใด ปริมาณก็ไม่เท่ากับมุ่งหวังผลไปที่ด้านๆเดียว และทีนี้ต่อให้เซเรน่าจะแบ่งมานาไปสร้างโล่มนตราสองอันก็สามารถป้องกันได้โดยที่ไม่แตกไปซะก่อน จากนั้นอาเบลที่ว่างที่สุดก็จะหาทางโจมตีสวนกลับด้วยทหารเทพที่สามารถทนการโจมตีจากก้อนแรงโน้มถ่วงได้หลายต่อหลายครั้ง

     

                “แถมให้อีกข้อ จุดอ่อนอีกอย่างของนาย” อยู่ๆอาเบลก็พูดขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับออร่าของทหารหกตนเริ่มทวีความเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

     

                “นายสามารถเดินไปพร้อมกับใช้เวทมนตร์นั้นได้ก็จริง แต่มันก็ทำได้แค่ด้านเดียว” คำชี้แจงที่ถึงกับทำให้ไรเซลเบิกตากว้าง ไม่นึกว่าอาเบลจะล่วงรู้ถึงความลับของหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างข้อนี้ด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขายืนปักหลัก แทนที่จะเดินไปพร้อมกับโจมตีไปด้วย

     

            

     

                “น่าเสียดาย...ถ้าฉันหรือเซเรน่าต้องสู้กับนายคนเดียวในสภาพพื้นที่แบบนี้ ผลสุดท้ายก็คงมีแต่แพ้กับแพ้ แต่ถ้าพวกฉันมีด้วยกันสองคนแล้วล่ะก็ การจะเอาชนะนายในสภาพที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดมันมีมากมายก่ายกองเลยเชียวล่ะ” ชายหนุ่มผมดำกล่าวทิ้งทาย พร้อมกันกับแสงออร่าของทหารที่เปล่งประกายเจิดจ้าถึงขีดสุด

     

                ค่ายกลเทพเจ้าเป็นการเพิ่มพลังให้กับสิ่งที่อยู่ในค่ายกล ซึ่งในกรณีของอาเบลก็คือทหาร อย่างไรก็ตามค่ายกลเทพเจ้าของอาเบลยังไม่ถือว่าเป็นขั้นสมบูรณ์ แต่ถ้าจะแก้ขัดโดยการถ่ายเทพลังทั้งหมดไปที่ทหารเทพสองตนแทนที่จะเป็นหกตนแล้วล่ะก็ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างเหนือคาด

     

                ไรเซลยกเลิกการโจมตีด้วยบอลพลังงานทั้งหมดแล้วหันมาทุ่มเทกับการป้องกันแทน ถ้าหากตนถอยหลบทหารเทพพวกนี้ก็ต้องตามมารังควานไม่มีจบสิ้น และเป็นโอกาสให้ศัตรูอีกสองคนเข้ามาฉกฉวยได้ จึงเพิ่มความหนาแน่นของอาณาเขตแรงโน้มถ่วงและแรงในส่วนที่กดทัพทหารเทพมากขึ้น จนสีหน้าของอาเบลที่เป็นคนร่ายเริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆ

     

                แต่ในที่สุดอาเบลก็เป็นฝ่ายชนะ

     

                เสียงสายลมแตกกระเซ็นซ่าน เป็นสัญญาณได้อย่างดีว่าโล่มองไม่เห็นที่ไรเซลภาคภูมิใจได้พลันมลายหายสาบสูญเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวผงะสุดขีด นัยต์ตาเบิกกว้างประหนึ่งไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ถ้าเจอโนอาห์หรืออารันยังพอทำเนาได้ แต่มาเสียท่าโดยที่ตนไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่งสำหรับไรเซล

     

                เวทมนตร์ธาตุสายฟ้า ระดับ 7 ธาราอัศนีบาต

     

              ความตื่นตระหนกสำหรับไรเซลยังไม่หมดเพียงแค่นั้น วงเวทสีเหลืองขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเซเรน่าเป็นจุดเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวอายุไม่ถึงยี่สิบจะร่ายเวทระดับสูงได้เร็วขนาดนั้น แต่ต่อให้ความเป็นไปได้ที่มีมากที่สุดซึ่งก็คือการหน่วงเวท ไรเซลก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเซเรน่าสามารถใช้เวทมนตร์ไปพร้อมๆกันกับร่ายเวทระดับสูงได้

     

                เสือซุ่มพยัคฆ์ซ่อนเสียเหลือเกิน

     

                ดูเหมือนว่าพวกเขามาสะดุดตอชิ้นใหญ่เข้าเสียแล้ว

     

                มังกรสายฟ้าขนาดมหึมา กินความสูงตั้งแต่พื้นห้องยันเพดาน พุ่งตรงมาหาไรเซลด้วยความเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เสียงระเบิดดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินจนได้ยินกันหมดทุกผู้คน หมอกควันตลบอบอวลในบริเวณที่ไรเซลยืนอยู่ กำแพงด้านหลังที่แต่เดิมเคยมีมาบัดนั้นกำลังพังทลายเปิดรับแสงอาทิตย์ ศัตรูที่เซเรน่าหมายมั่นปั้นมือจะให้ตายยังคงลอยเคว้งอยู่ในอากาศด้วยการควบคุมแรงพยุงตัวเอาไว้

     

                แต่สภาพยังคงสะบักสะบอมห่างไกลจากคำว่าดูดีอยู่มากโข เสื้อผ้าหลุดลุ่ยขาดเป็นทางยาว เนื้อตัวมอมแมมเหมือนไปผ่านสนามรบที่ไหนมาซักแห่ง ถ้าหากเมื่อซักครู่นี้เขาไม่ป้องกันด้วยหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างในจังหวะสุดท้าย เกรงว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคงเลวร้ายกว่านี้มากนัก

     

                อย่างไรก็ตาม เมื่อกำแพงถูกเปิด

     

                สิ่งที่อยู่เบื้องล่างก็ไม่มีอะไรถูกปิดบังอีกต่อไป

     

              “...น...นั้นมัน!!” เซเรน่าที่เดินมาถึงขอบปราสาทร้องเสียงหลง ภาพที่เห็นใครไม่ตกคงใจแข็งเกินคน

     

                กองทัพที่ดูยังไงก็เป็นข้าศึกรุกฮือกันเข้ามาทางประตูหน้า พวกนักเรียนและทหารบางส่วนที่ถูกโยกมาช่วยดูแลชาวบ้านกระจายกำลังกันรับมือแทบไม่ทัน รวมถึงบรรดาคณาอาจารย์ที่มีอยู่น้อยนิด และเมื่อแหงนหน้ามองไปบนฟ้า เหล่าศัตรูที่บินได้ก็พากันลุกฮือเข้ามาเต็มน่านฟ้า แม้จำนวนจะไม่มากเท่ากำลังทางภาคพื้นดิน แต่เธอคิดว่าแค่ไวเวิร์นเพียงสี่ห้าตัวก็ทำให้พวกนักเรียนปีหนึ่งถึงปีสองลำบากจนแทบจะลากเลือดได้แล้ว

     

                “ข้าก็ลืมบอกไป คนที่ถ่วงเวลาไม่ได้มีแต่พวกเจ้าฝ่ายเดียว…” ไรเซลกัดฟันตอบพร้อมแค่นยิ้ม ในตอนนี้ชัยชนะได้ลอยมาอยู่ด้านหน้ารำไร และถ้ากองทัพของพวกเขามาถึงจุดๆนี้ได้เมื่อไหร่ แสดงว่าแผนการขั้นสุดท้ายคงเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวแล้ว

     

                หลังจากนั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนี้

     

                แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

     

     

     

                บริเวณป่าแห่งหนึ่ง ไม่มีวี่แววของสัตว์น้อยหรือใหญ่ จะมีก็แต่เสียงนกคอยขับขานประสานเข้ากับถิ่นพงไพรให้จิตใจร่มรื่นก็เท่านั้น ถึงกระนั้นก็ยังมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่คล้ายกับว่ารออะไรบางอย่าง หมวกปีกกว้างสานแบบง่ายๆทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงว่ามีลักษณะเช่นไร เขาผู้นั้นคล้ายกับว่ามองหาอะไรบางสิ่ง กระทืบเท้าเหมือนกับเช็คพื้นที่อะไรซักอย่าง

     

                “พวกท่านพร้อมแล้วใช่หรือไม่” ก่อนจะเหลือบตามองไปข้างหลังพร้อมกล่าวอีกหนึ่งประโยค

     

                และอีกประโยคแถมท้ายเอาไว้ในใจ

     

                มังกรกำลังจะไปเยือนแล้ว!!       

           

     

     

               ภาพรวมของสถานการณ์จากแต่เดิมที่ไม่ได้ดีเด่อะไร ในตอนนี้กลับย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า บริเวณที่ปลอดภัยกลายเป็นสมรภูมิรบขนาดย่อมๆ ฝ่ายที่เตรียมพร้อมมาดีย่อมเป็นผู้ได้เปรียบ ในขณะที่พลพรรคกองกำลังผสมเฉพาะกิจระหว่างนักเรียนกับทหารแน่นอนว่าต้องเสียเปรียบเต็มประตู

     

                ประตูที่ไม่มีวันเปิดได้อีกต่อไป

     

                “ขอให้โชคดี...” ไรเซลแสยะยิ้มกลางอากาศ พร้อมกับร่างกายค่อยๆเลือนหายเสมือนหมอกควัน เซเรน่าและอาเบลก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปขัดขวางซักเท่าไหร่นัก ในเมื่อภาพที่เห็นเบื้องล่างดูน่าวิตกกว่ากันเป็นไหนๆ

     

                ชาวบ้านไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้วนได้รับลูกหลงกันถ้วนหน้า แต่นับว่ายังโชคดีที่ฝ่ายนักเรียนยังเคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาแล้วในคืนที่กลุ่มบุคคลปริศนาบุกโจมตีโรงเรียน ทางด้านทหารเองก็ไม่มีทีท่าร้อนรนอะไรมากนัก กลายเป็นว่าประชาชนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดไปโดยปริยาย แต่ว่านั้นก็เป็นแค่ระยะแรกของการต่อสู้เท่านั้น

     

                ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าขืนกำลังรบยังคงสภาพเช่นนี้ต่อไป ฝ่ายบุกโจมตีก็ยิ่งได้เปรียบ ทั้งในด้านกำลังหนุนซึ่งขนมาได้เรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ห่วงแค่ชีวิตตัวเองก็พอ ไม่เหมือนฝั่งนักเรียนที่ต้องปกป้องทั้งชีวิตตนเองและชาวประชาที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น ยังไม่นับเรื่องที่กำลังหลักอย่างนักเรียนปีสามและปีสี่ไม่อยู่อีก และต่อให้จะไปพึ่งสองประธานคนสำคัญ พวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเวลาแบบนี้สองคนนั้นมัวไปหลบอยู่ที่ไหน

     

                “ชักจะแย่จริงๆแล้วแฮะ เมื่อไหร่เจ้านั่นจะมา” คิ้วของอาเบลเริ่มย่นเข้ามาทุกขณะจิต ในตอนนี้ทั้งมานาของเขาและเซเรน่าล้วนไม่เท่าเดิม หรือพูดให้ถูกก็คือไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบ  ในขณะที่สนามรบตรงหน้าดูเหมือนว่ากระสันอยากจะแล่นมาหาพวกเขาเต็มแก่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×