ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #115 : ตอนที่ 112 ตัวหมากนอกกระดาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      50
      19 เม.ย. 64

           

     

               

                      เซเรน่าที่ตอนนี้กำลังยืนว่างเนื่องจากไม่มีอะไรทำ คำทิ้งท้ายที่อาเบลทิ้งไว้ให้ก็ดูเหมือนจะกล่าวเกินจริงไปหน่อย ถึงแม้ศัตรูจะมีมากแต่ด้านฝีมือยังนับว่าห่างชั้นกับเหล่าทหาร และถึงพวกนักเรียนจะได้รับบาดเจ็บ การรักษาก็เป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาด อีกทั้งบรรดาชาวบ้านที่ควรจะเป็นจุดบอดของพวกเธอยังได้รับการจัดแจงให้ไปหลบอยู่ในตัวปราสาท ที่ตอนนี้ยังไม่มีศัตรูตนไหนย่างกรายเข้ามาได้

     

                เพราะฉะนั้นเธองานที่เธอกำลังรับได้รับจึงกลายเป็นของง่ายไปโดยปริยาย

     

                “จะว่าไป...ซายะนี่สบายจริงน้า ไม่ต้องตื่นมาเจออะไรแบบนี้” เธอยิ้มเจื่อนๆ หันไปมองเพื่อสาวของตนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอะไรจนถึงตอนนี้

     

                แต่เสียงจอแจในสมรภูมิขนาดย่อมที่ข้างล่างยังคงดึงดูดความสนใจเธอได้เสมอ แต่ด้วยเหตุที่ตอนนี้เธออยู่สูงมากเกินไปจึงไม่รู้ใครเป็นใคร แต่ก็พอเดาได้จากสภาพโดยรอบหรือลักษณะเด่นที่จำได้ง่าย หรือจะเป็นน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะมีแค่ไรอัน เพื่อนผู้ชายในชั้นปีซึ่งมีน้ำเสียงทรงพลังกว่าที่คิด ถึงจะเป็นแค่การตะโกนโหวกแหวกก็ตาม

     

                “พูดก็พูดเถอะ เจ้าข่ายมนตร์นี้เป็นตัวสร้างปัญหาจริง” เซเรน่าขมวดคิ้วมองท้องฟ้าด้านบน ทำให้อดนึกถึงคนผู้หนึ่งที่พึ่งออกตัวว่าจะจัดการพวกศัตรูบนท้องฟ้าแทบไม่ได้ แต่ถ้าข่ายมนตร์ที่ว่าทำให้ฝ่ายเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้ อาเบลที่มีจุดยืนบนฟ้าโดยต้องอาศัยทหารเทพก็ไม่น่าจะลอยอยู่ได้อีกต่อไป

     

                แต่การที่เธอยังไม่เห็นใครตกลงมาจากท้องฟ้าก็นับเป็นสัญญาณที่ดี

     

                “แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป...” หญิงสาวพึมพำ สิ่งเธอคิดใครต่อใครก็ต้องคิดเหมือนกัน ถ้าจอมเวทที่เป็นกำลังหลักใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ต่อให้เก่งกาจมาจากไหนก็ไม่มีอะไรประโยชน์อะไร

     

                อย่างสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นให้เธอเห็นในตอนนี้ นักเรียนชั้นปีหนึ่งและปีสองที่แต่ก่อนเคยสู้รบอย่างห้าวหาญ แต่พอการปรากฏของข่ายมนตร์เจ้าปัญหา จากได้เปรียบก็เปลี่ยนเป็นเสียเปรียบ บางส่วนที่ยังพอมีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ระยะประชิดอยู่บ้างก็ยังพอทำเนา แต่คนที่โดดเด่นด้านเวทเพียงอย่างเดียวก็แทบจะกลายเป็นฝูงมดวิ่งพล่านไปมาด้วยเรื่องของการอ่อนประสบการณ์ เป็นเรื่องที่ทำใจยากกับการที่สูญเสียความสามารถอันทรงพลังไป และนั้นก็นำมาซึ่งการเสียขวัญที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                “แสดงว่าตานั่นไม่อยู่แล้วจริงๆด้วยสิน่า” เซเรน่าหรี่ตามองไวเวิร์นสองตัว ที่กำลังบินตรงมาหาเธอซึ่งยืนอยู่ตรงจุดที่ผนังแตกหักด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่าอาเบลคงไม่อยู่คุมพื้นที่ด้านบนเหมือนที่ได้พูดเอาไว้เสียแล้ว

     

                ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างก่อนสบถคำไม่สมกับหญิงออกมา

     

                จอมเวทที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ จะเอาอะไรไปรับมือกับไวเวิร์นตั้งสองตัวกันหา!!!

     

                เสียงตะโกนในใจของเซเรน่าดังสะท้อนไปมาภายในหัว ในตอนนี้จะเรียกแค่คทาขึ้นมาแก้ขัดก็ยังทำไม่ได้ หรือจะให้วิ่งหนีก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะคนที่นอนอยู่ข้างหลังน่าเป็นห่วงกว่าเธออีกตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หรือจะเป็นบรรดาชาวบ้านที่มาหลบภัยอยู่ในตัวปราสาท แต่ด้วยทางเข้าที่พอเป็นไปได้สำหรับพวกมันมีเพียงทางเดียว ซึ่งก็คือจุดที่หญิงสาวกำลังยืนอยู่

     

                เร็วช้าแค่ไหนก็สั้นเพียงกระพริบตา ระยะห่างระหว่างเธอกับไวเวิร์นสองตัวกับอีกหลายตัวที่เริ่มเห็นแล้วว่าทางสว่างสำหรับพวกมันคือทางไหน แต่ขณะนั้นเดียวกันนั้นเอง เธอก็ไม่คิดว่าจะต้องมาจบอยู่กับสัตว์วิเศษไม่กี่ตัว เตรียมพร้อมวิ่งกลับไปหาซายากะพร้อมอุ้มไปทุกหนแห่งเท่าที่เธอจะทำได้

     

                ถ้าไม่มีเสียงๆหนึ่งขัดขึ้นซะก่อน

     

                “ไม่เห็นเหรอว่าใครมา” น้ำเสียงชวนคุ้นหูดังขึ้นจากระยะใกล้ๆ ต่อให้ไม่มองก็รู้ได้ว่าต้นเสียงต้องมาจากในห้อง ก่อนที่หญิงสาวจะต้องเบิกตากว้าง ตะลึงเผยอปากขึ้นเล็กน้อย ตัวเธอในตอนนี้กำลังตกใจยิ่งกว่าตอนที่เห็นไวเวิร์นบินเข้ามาหาตนเสียด้วยซ้ำ

     

                บริเวณด้านข้างที่ควรมีแต่อากาศ ในตอนนี้กลับมีผู้ชายหนึ่งคนยืนอยู่ เจ้าของเรือนผมสีดำยาวประบ่าที่ดูกี่ทีก็ให้ความรู้สึกแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตาสีดำคมกริบประหนึ่งใบมีดแต่ยังฉายแววขี้เล่นได้อย่างหน้าประหลาด ถึงแม้เขาจะไม่ได้หน้าตาดีอะไรมากนัก แต่รอยยิ้มที่พึงประดับอยู่ตลอดเวลาก็ช่วยเสริมให้ผู้ชายคนดังกล่าวดูดีได้อย่างประหลาด อีกทั้งเสื้อผ้าก็ไม่ใช่แบบเดิมเหมือนตอนขาไป แต่เป็นลักษณะเครื่องแต่งกายที่เธอไม่คุ้นตามาก่อน

     

                คนที่เธอเรียกหานักเรียกหาหนา มาบัดนี้ได้ยืนอยู่ข้างๆเธอแล้ว

     

                แต่ด้วยอารามของความตกใจ ประกอบกับที่ไม่รู้จะพูดอะไรดี

     

                จึงได้เอ่ยออกมาเพียงหนึ่งประโยค

     

                “ทำไมมาช้านักยะ!”  

     

     

     

     

                “สมกับเป็นเธอจริงๆ เจอหน้ากันทั้งที...แทนที่จะพูดจาหวานๆหน่อยก็ไม่มี” โนอาห์ส่ายหน้าไปมาทำเสียงชิชะในลำคอ ชวนให้น่าหมั่นไส้ยิ่งนักถ้าไม่ติดว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไงล่ะก็

     

                แต่เมื่อชายหญิงทั้งสองใช้เวลาในการพูดคุยจนหมดสิ้น ก้เป็นโอกาสอันงามให้กับไวเวิร์นสองตัวที่ไร้สิ่งใดมากีดขวาง ตามสัญชาติญาณของเผ่านพันธ์ พวกมันย่อมเห็นว่ามนุษย์สองคนนี้ย่อมไม่ใช่คู่มือของมันอย่างแน่นอน

     

                ลำนำจันทรา

     

              กระบี่เวทหนึ่งเล่มลอยปรากฏอยู่ด้านหน้าโดยที่โนอาห์ไม่ต้องขยับท่าทางอะไร เอี

     อีกด้านของความวุ่นวายโกลาหลในอัลเทร่า บริเวณตึกสูงที่ซึ่งดูเปล่าเปลี่ยวผู้คนอย่างน่าเหลือเชื่อ อันเป็นเพราะคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนยอดได้วางข่ายอาคมเอาไว้ตั้งแต่ต้น ในตอนนี้คนๆนั้นกำลังยืนยิ้มหยันให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามกับเขา บุรุษผมสีเขียวที่บัดนี้สภาพกลับดูไม่เหมือนเค้าเดิมแม้แต่นิด รวมถึงสภาพพื้นที่ซึ่งไม่เหมือนเค้าเดิมแม้แต่น้อย เปลวไฟสีหลากสีกระจัดกระจายออกเป็นหย่อมๆ พร้อมกับเศษซากกระดาษลอยปลิวไปทั่วบริเวณ

     

                การต่อสู้ระหว่างอารันและชาร์ลดำเนินมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว

     

                ผลสรุปของการปะทะเป็นอย่างไรคนทั้งสองย่อมรู้ดีอยู่เต็มอก

     

                “ข้านึกว่าเจ้าจะฝีมือดีเหมือนฝีปากซะอีก น่าเสียดายที่คาดหวังในตัวเจ้าสูงเกินไปหน่อย” คำพูดเสียดแทงที่ตีความได้ทั้งสองส่วน ใบหน้าของคนพูดเต็มไปด้วยความมั่นใจที่ยังคงไม่เสื่อมคลาย ในขณะที่อารันนั้นได้แต่ส่งยิ้มฝืดๆตอบกลับแบบขอไปที

     

                อารันรู้ตัวดีว่าในสภาพที่ใช้เวทมนตร์ย่อมไม่ได้ ในตอนนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของศัตรูระดับชาร์ลที่แม้แต่เขาเองยังไม่อาจล่วงรู้ถึงความสามารถที่แท้จริง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับมืออีกฝ่ายไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ตามทักษะการใช้ม้วนคัมภีร์เวทของเขาไม่ได้เป็นสองรองใคร ออกจะเหนือชั้นกว่าจอมเวทปกติด้วยซ้ำ

     

                          แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชาร์ลเขากลับรู้สึกว่าเหมือนกำลังเผชิญกับกำแพงที่ตนไม่รู้จัก เรื่องหลบหนีเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เขาจะนึกถึงเนื่องจากข่ายมนตราที่อีกฝ่ายได้วางเอาไว้ อารันเองก็จับได้ตั้งแต่เวทมนตร์ยังไม่ถูกผนึก ดังนั้นสิ่งที่พอทำได้ก็คือลงมือดิ้นรนเอาตัวรอด ซึ่งยิ่งสู้กันนานเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกเสียเปรียบไปทุกที

     

                “อันนั้นมันก็ต้องลองกันดู” อารันพูดพร้อมกับตั้งสมาธิให้มั่นคงอีกครั้ง

     

                “สภาพแบบนี้เจ้าเองเอาชนะข้าได้ที่ไหน มองไปรอบๆก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอไง” ศัตรูแสนร้ายกาจตอบกลับด้วยน้ำเสียงระรื่น ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างถือดีเป็นที่สุด

     

                แต่ถ้านับตามเนื้อผ้าก็ต้องยอมรับกันแบบนั้นจริงๆ เวทมนตร์ที่อีกฝ่ายใช้อารันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีรูปีร่างเป็นยังไง ความรู้สึกละม้ายคล้ายคลึงกับตอนที่สู้กับไอล์ได้หวนกลับมาอีกครั้ง แต่ด้วยอีกฝ่ายเขายังพอจับสังเกตและคว้าชัยชนะมาได้โดยอาศัยทักษะฝีมือและดวงตาแห่งธอธ และในตอนนั้นพอเทียบกันแล้วในเรื่องของฝีมืออารันอาจจะสูสีหรือก้ำกึ่งกับชาร์ล แต่การที่อีกฝ่ายใช้เวทได้แต่เขาใช้ไม่ได้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

     

                ถึงอย่างนั้นพ่อค้าเวทก็พอเดาได้จากลักษณะการโจมตีที่ผ่านมาว่าเวทมนตร์ของชาร์ลเน้นธาตุไฟเป็นหลัก เปลวไฟที่เกาะกลุ่มอยู่เป็นหย่อมๆทั่วบริเวณชี้ชัดได้เป็นอย่างดี รูปแบบการโจมตีแทบจะเหมือนกับเวทสายลมของไอล์ทุกระเบียดนิ้ว แตกต่างกันที่ประสบการณ์และความร้ายซึ่งชาร์ลมีมากกว่าหลายขุม เพียงเท่านี้ก็เหลือเฟือที่จะกดดันจอมเวทคนหนึ่งให้เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความพ่ายแพ้ได้ในเวลาอันสั้น

     

                แต่ในที่สุดอารันก็ยิ้มออกมาได้ซักที

     

                เมื่อได้ยินเสียงบุคคลที่สามดังแว่วขึ้นมาตามสายลม

     

                “รังแกผู้ด้อยกว่าเป็นวิธีปฏิบัติของคนที่นี่หรืออย่างไรกัน” เสียงทุ้มนุ่มพอฟังออกว่าคนพูดอยู่ในวัยชรา การปรากฏของเสียงนี้แทบจะทำให้ชาร์ลสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในขณะที่อารันเองเริ่มรู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างกำลังจะเข้ารูปเข้ารอยไปทุกทีแล้ว

     

                ประตูทางเดินปรากฏให้เห็นแขกผู้มาเยือนอีกครั้ง ชายสูงวัยผมสีขาวโพลนยาวถึงกลางหลัง เคราสีเดียวกันยาวเกือบเลยต้นคอ นัยต์ตาสีดำฉายแววใจดีและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน รูปร่างสูงองอาจไม่มีอาการของคนวัยนี้เลยแม้แต่น้อย เนื้อผ้าสองสีดำตัดขาวไปมา ลวดลายหยินหยางและหมู่เมฆาให้ความรู้สึกขัดแย้งกับผู้คนในไอช่าโดยสิ้นเชิง สองมือไพล่หลังก้าวเดินเข้ามาไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น

     

                “เจ้าคงเป็นสหายกับคนๆนั้นสินะ” ชายชราเบนหน้าหันไปทางอารัน ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแต่พยักหน้าตอบแทนคำพูด

     

                “และเจ้าเองก็คงจะเป็น...” ผู้มาใหม่หันหน้าไปหาชาร์ล “ธุระที่ข้าจะต้องมาสะสางในวันนี้ ให้ตายเถอะ...เจ้าเด็กนั่นไม่เคยเกรงใจคนแก่เลยจริงๆ” ก่อนจะส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มผิดกับคำพูดที่พึ่งกล่าวออกไป

     

                “ท่านเป็นใครกันแน่...” ชาร์ลเอ่ยเสียงเครียด หน้านิ่วคิ้วขมวดจริงจังยิ่งกว่าที่เคย ถึงแม้ชายชราผู้มาใหม่จะไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดจ้าวมนตราที่พวกเขากลัวกันหนักหนา แต่ว่าบรรยากาศที่แผ่ออกมาโดยรอบ นับว่าเขาเองไม่เคยพบเจอมาก่อนจริงๆ

     

                ทั้งดูอบอุ่นและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน

     

                ดูยังไงก็ไม่ใช่จอมเวททั่วไปอย่างแน่แท้ หรือบางทีอาจจะร้ายยิ่งกว่านั้น

     

                “เรียกข้าว่าเฒ่าสูงวัยก็เพียงพอ” เสียงตอบกลับของผู้มาเยือนมีเพียงแค่นั้น แต่นามที่แท้จริงของชายชราอารันคิดว่าเขาทราบดี เพราะถ้าข้อมูลที่โนอาห์มันฝอยให้ฟังอยู่เกือบทุกวันเป็นเรื่องจริง คนๆนี้ก็ต้องเป็น

     

                เจ้าสำนักที่โนอาห์มันเอ่ยปากชมนักชมหนา

     

                ว่าในใต้หล้าที่มันจากมา ไม่มีใครเลยที่จะทัดเทียมชายชราผู้นี้ในด้านพลังวัตรและกระบวนท่าได้

     

                สายน้ำพิสุทธิ์ ลู่ชิง

     

     

     

                เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับอาเบล ในชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษตกจากฟ้าลงมาสู่ดินมาก่อน ซึ่งมันก็ได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มจำได้ว่ากำลังสู้รบปรบมือกับข้าศึกบนท้องฟ้า โดยอาศัยทหารเทพเป็นพาหนะจำเป็นกลางอากาศ ทว่าเมื่อข่ายมนต์ขนาดใหญ่ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง ทหารเทพพลันหายไปซะอย่างนั้น และแน่นอนว่าผลที่ตามมาก็คือเขาอาจจะโดนรุมทึ้งกลางอากาศ ในสภาพที่ตอบโต้ไม่ได้แต่อย่างใดเนื่องจากร่ายเวทไม่ได้

     

                และเหตุการณ์ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ

     

               

     

                 

     

               

     

     

     

               

     

               

     

     

               

     

                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×