ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #148 : ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายซวย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 755
      65
      26 มี.ค. 64

                

     

     

            

    โนอาห์กระแทกฝ่ามือใส่อากาศไปทางด้านหน้า ลมปราณมหาเมฆาเข้าปะทะกับอีกด้านของไม้เท้าสยบมังกรเช่นเดียวกันกับที่อีกด้านมีมังกรปราณสีฟ้าของหลี่เจิ้งหมินกำลังแหวกอากาศพุ่งเข้ามา แต่ฝ่ามือนี้ของโนอาห์กลับไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเป็นไม้ค้ำยันให้ไม้เท้าสยบมังกรต่อต้านมังกรปราณ

    หากเป็นการใส่แรงปะทะที่ไม่แพ้กันเข้าใส่ไม้เท้าสยับมังกรราวกับว่าจะบดขยี้ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ!!

     

    คลื่นปราณของโนอาห์กับมังกรปราณของหลี่เจิ้งหมินเข้าปะทะกันโดยมีไม้เท้าสยบมังกรเป็นตัวคั่นกลาง การปะทะระดับนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ไม้เท้าสยบมังกรไม่ปลิวหายไปไหน กลับกลายเป็นว่ามันกำลังลอยเด่นเป็นสง่าอยู่ระหว่างกลางอย่างปลอดภัยไร้กังวลท่ามกลางสายตาตกตะลึงนับสิบของคนที่กำลังรับชมการประลองครั้งนี้อยู่

                กระทั่งหลี่เจิ้งหมินยังขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ชั่วพริบตาต่อมาเจ้าตัวกลับยกยิ้มบางเบาเหมือนกับนึกอะไรออก และนี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เจิ้งหมินเปลี่ยนสีหน้าหลังจากประลองกับโนอาห์

                ส่วนคนที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปากเหมือนกับคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว

                เห็นจะมีแต่โนอาห์เท่านั้น

                ไม้เท้าสยบมังกรมีความเป็นมาลึกลับไม่น้อยกว่าผู้ถือครองคนก่อน ลำพังแค่วัสดุเขาก็ยังมองไม่ออกว่ามันทำ

                คำถามที่โนอาห์เผอเรอลืมไปตั้งแต่ต้น โดยสามัญอุปกรณ์เวทมนตร์เกือบทุกชนิดในไอช่าหรือกระทั่งอิซซูมีลล้วนต้องผ่านมือช่างผู้ชำนาญการและพิธีกรรมอันซ้ำซ้อน เหนือไปกว่านั้นวัตถุดิบยังจำเพาะเจาะจงมีแค่ในโลกอิซซูมีลใบนี้เท่านั้น ทำให้ไม้เท้าไปจนถึงอุปกรณ์มนตราทั้งหลายของผู้ใช้เวทในไอช่ามีความพิเศษในตัวของมัน

                จริงอยู่ถ้าเป็นจอมเวทระดับสูงหรือเชี่ยวชาญในศาสตร์อาคมมากพอ อาศัยท่อนไม้ธรรมดาก็ใช้งานต่างไม้เท้าเหมือนกัน แต่นั่นเป็นส่วนน้อยและไม่ใช่เรื่องที่จอมเวทจะพึงปฏิบัติ มิหนำซ้ำเก่งกาจถึงระดับจะฝืนไปใช้ท่อนไม้ที่เก็บมาตามพื้น ร่ายเวทออกมาตรงๆเลยจะง่ายเสียกว่า

                แล้วเหตุใดไม้เท้าสยบมังกรถึงสามารถร่ายเวทได้ตั้งมากมายอย่างไม่เคอะเขิน พอเขาค้นคว้าศึกษาไปๆมาๆพบว่าวัตถุดิบที่จะนำมาสร้างเป็นวัตถุเวทมนตร์นั้นจำเป็นต้องมีแกนกลางเป็นส่วนสำคัญ ของที่ออกมาจะสูงหรือต่ำล้วนวัดกันที่แกนกลางว่ามีค่าควรเมืองมากแค่ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าวัตถุดิบอื่นจะไม่มีความสำคัญ เปรียบแกนกลางเป็นดั่งหัวใจ วัตถุดิบอื่นๆเป็นแขนขาถึงจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้

                โนอาห์จึงสันนิษฐานไปเองคนเดียวว่าไม้เท้าสยบมังกรยังมีความลับที่เขามองข้ามอะไรไปอยู่อีก จึงอาศัยการต่อสู้ครั้งนี้ทดสอบมันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้าง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาโนอาห์ยังลอบตกใจ แรงกดดันจากพลังวัตรของเขาเพียงฝ่ายเดียวว่ามหาศาลพอแล้ว เมื่อรวมหลี่เจิ้งหมินเข้าไปอีกคนไปถามใครในยุทธภพก็รู้ดีว่าไม่อาจดูเบาได้ แต่นี่ไม้เท้าสยบมังกรยังสามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ไม่แตกหัก ถ้าไม่ตกใจเรื่องนี้แล้วจะให้ไปประหลาดกับเรื่องใดอีกเล่า

         โนอาห์ไม่รอช้าโคจรลมปราณมหาเมฆาให้สูงขึ้นไปอีกขั้น ต่อให้ไม่มีเรื่องไม้เท้าสยบมังกรมาข้องเกี่ยวเจ้าตัวก็รู้ดีว่าถ้าขืนผ่อนแรงแม้เพียงนิด นอกจากมังกรปราณของหลี่เจิ้งหมินจะหลุดเข้ามาหาเขาได้แล้ว ยังเสี่ยงต่อการย้อนกลับของพลังวัตรอีกต่างหาก

                หลี่เจิ้งหมินเองก็ใช่ว่าจะยอมน้อยหน้า อีกฝ่ายเพิ่มแรงมามากเท่านั้น เขาก็ใส่จัดเต็มไปมากกว่านั้น คลื่นพลังไร้รูปกับมังกรปราณเริ่มทวีอานุภาพขึ้นเรื่อยๆ ข่ายอาคมที่กางเอาไว้รอบสนามประลองเกิดเสียงปริแตกเล็กน้อย ที่สำคัญไม้เท้าสยบมังกรเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างเป็นครั้งแรก

                แสงสีทองอ่อนๆลอยออกมาจากตัวไม้เท้าราวกับจะประชันขันแข่งกับพลังวัตรของโนอาห์และหลี่เจิ้งหมิน แต่แสงสีทองก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ช่วงเวลานั้นเองโนอาห์และหลี่เจิ้งหมินรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด ต่างฝ่ายต่างโคจรลมปราณให้สูงขึ้นกว่าเดิมเพื่อเพิ่มอานุภาพให้กับฝ่ามือของตัวเอง

                และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผู้คนได้เห็นก่อนที่แสงสว่างเจิดจ้าจะเกาะกุมไปทั่วทั้งสนามประลอง....

                          บาฮามุทหรี่ตาลงเล็กน้อย ลำพังแสงแค่นี้ไม่มีทางทำให้นางถึงกับต้องปิดตาหรือเบือนหน้าหนีเหมือนคนอื่น แต่ที่นางหรี่ตาเป็นเพราะความสงสัยบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในสมอง

                ‘ช่างมันเถอะ...อย่างไรเสียกงการพวกนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของข้า’ มังกรบรรพกาลคิดในใจ สะบัดมือเหมือนไล่แมลง ทำให้แสงประหลาดค่อยๆหรี่ลงจนทุกคนกลับมาลืมตาได้อีกครั้ง เผยให้เห็นโนอาห์และหลี่เจิ้งหมินบนลานประลอง

                ไม่ถูก...ต้องบอกว่าอีกคนอยู่บนเวที แต่อีกคนตกเวทีมาแล้ว

                “ล่วงเกินท่านแล้ว” เป็นโนอาห์ที่ยืนอยู่บนเวทีประลองขนาดใหญ่ เขาประสานมือคารวะไปทางหลี่เจิ้งหมินที่ตกเวทีไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่มีใครรู้

                จอมปราชญ์ตอบยิ้มๆ “เช่นกัน” จากนั้นเขาก็ไม่สนใจโนอาห์อีก ปล่อยผ่านผลลัพธ์การต่อสู้ไปโดยปริยาย ดูเหมือนว่าเขายังรู้หน้าที่ของตัวเองในยามนี้อยู่ จึงหันไปทางนักเรียนคนอื่นๆที่บางคนเหมือนจะยังตั้งสติไม่ได้

                “เมื่อครู่เห็นแล้วใช่หรือไม่ จงนำไปทบทวนให้เป็นดี ครั้งหน้าข้าจะมาทดสอบว่าพวกเจ้าเป็นผู้เรียนที่ดีแค่ไหน” หลี่เจิ้งหมินกล่าวแค่นั้น ต่อก็ไล่ทุกคนออกไปจากลานประลองเพราะหมดคาบเรียนพอดี ไม่สนใจสีหน้างุนงงของใครหลายคนเลยแม้แต่น้อย

            ทั้งคู่ยกยิ้มออกมาบางเบา ผิดกลับผู้ชมจำเฉพาะกิจที่ต่างก็เป็นเพื่อนพ้องชั้นเดียวกันที่รู้สึกแปลกใจเป็นการใหญ่ ก่อนหน้านี้การต่อสู้ระหว่างโนอาห์กับอาเบลเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนในความสามารถของโนอาห์มาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าชายหนุ่มเมื่อตอนนั้นเห็นทีจะเทียบไม่ได้กับตัวเขาในวันนี้ การต่อสู้เมื่อครู่พวกเขาบางคนยังจับตามองไม่ทันเลยด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีถึงโนอาห์จะได้มาหนึ่งแผล ในทางกลับกันชายเสื้อของหลี่เจิ้งหมินก็ขาดไปเล็กน้อย ผลลัพธ์เช่นนี้เรียกได้ว่าออกมาได้ดีมากแล้วเมื่อเทียบกับคนก่อนๆหน้าที่ไปประลองกับอาจารย์คนนี้

                แต่ความเสียหายเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีทางหยุดโนอาห์และหลี่เจิ้งหมินลงได้อยู่แล้ว เป็นโนอาห์ที่เริ่มขยับก่อน มือขวาชูออกไปทางด้านหน้า ละอองแสงสีทองก่อตัวรวมกันกลายเป็นไม้เท้าสยบมังกรที่เจ้าตัวไม่ได้หยิบมาใช้ตั้งแต่แรก

                หลี่เจิ้งหมินเลิกคิ้วเมื่อเห็นไม้เท้าที่คุ้นหน้าคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นในมือของอีกฝ่าย ที่โนอาห์ไม่ได้ใช้ไม้เท้าสยบมังกรมาตั้งแต่แรกใช่ว่าเขาจะไม่รู้แจ้งในความนัย การต่อสู้ระดับนี้ถ้ายังมาใช้อาวุธที่ไม่ถนัดมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียเปรียบ แม้จะเป็นผลพวงเล็กๆแต่ก็นับว่ามีผล อีกอย่างถ้าเทียบวรยุทธ์ด้านนี้โนอาห์หรือชิวหลงไม่มีทางเหนือไปกว่าหลี่เจิ้งหมิน แล้วกระทั่งหลี่เจิ้งหมินยามเอาจริงก็ใช่ว่าจะเก่งกาจไปกว่าเขา

                เว้นเสียแต่...จอมปราชญ์ขยับรอยยิ้มที่ทุกคนคุ้นเคยดีมาประดับมุมปากอีกครั้ง

                โนอาห์เองก็รู้ดีว่าการที่เขาถือไม้เท้าสยบมังกรไม่ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แต่อย่างใด และแน่นอนว่าเขาคงไม่หวังให้ไม้เท้าสยบมังกรเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้อยู่แล้ว ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลี่เจิ้งหมินก็ยิ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกหนักใจที่เลือกเส้นทางสายนี้ แต่ในเมื่อเดินมาแล้วก็ต้องไปให้สุด กระบี่ปราณเวทสองเล่มที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทและลมปราณลอยอยู่ด้านหลังโนอาห์พร้อมกันกับที่ไม้เท้าสยบมังกรมาปรากฏอยู่ในมือ

                ท่าเท้าล่องนภา เท้าที่ห้า ลำนำแห่งหมู่ดาว

       กระบวนท่าที่ไม่ได้ใช้มานานมีโอกาสสำแดงเดชอีกครั้ง ประกายแสงวิบวับละลานไปทั่วลานประลองมองไม่เห็นแม้แต่เงาของโนอาห์ หากเป็นท่าเท้าล่องนภาในสมัยก่อนหลี่เจิ้งหมินยังพอคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่เมื่อผสานเข้ากับเคล็ดลับที่เซียนดาวตกถ่ายทอดมาให้ก็เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากเดิมมากแล้ว

                แม้จะไม่ได้วิชาตัวเบาของหลิ่งเหวินมาโดยตรง แต่ได้กลวิธีที่ทำให้เจ้าตัวผาดโผนไปทั้งยุทธภพได้ก็นับว่าโนอาห์ไม่ขาดทุน เขาไม่คิดว่าหลิ่งเหวินจะบอกสิ่งที่รู้ให้ตนจนหมดสิ้น ทว่าเมื่อนำมารวมกับท่าเท้าล่องนภา ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมสร้างความประหลาดใจให้ยอดฝีมือได้ทุกคน

                จุดที่ประกายแสงวิ่งผ่านมากกว่าครึ่งเป็นมุมอับสายตาสำหรับหลี่เจิ้งหมิน ต่อให้สายตาของเขาจะเฉียบคมมากกว่านี้ก็ยังไม่อาจมองเห็นร่างของโนอาห์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และแค่นั้นก็มากพอสำหรับโนอาห์ที่จะกระทำการบางอย่าง

                เวทมนตร์ธาตุสายฟ้าระดับสอง ประกายแสงเทพอัสนี

              สายฟ้าขนาดเล็กพุ่งออกมาจากวงเวทด้านหลังของหลี่เจิ้งหมิน หากเป็นคนทั่วไปแน่นอนว่ายากจะหลบพ้น แต่ที่ยืนอยู่ตรงนี้คือหนึ่งในยอดฝีมือที่สร้างชื่อไปทั้งใต้หล้ามาแล้ว จอมปราชญ์ไม่เสี่ยงกับลูกเล่นหรือเวทมนตร์ของโนอาห์โดยตรง เอี้ยวตัวหลบสายฟ้าขนาดเล็กอย่างง่ายดาย

                และเวลานั้นเองประกายแสงเทพอัศนีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น

                เวทมนตร์ธาตุสายฟ้าระดับหก ระเบิดสายฟ้า

              ประกายสายฟ้าขนาดเล็กขยายใหญ่ขึ้นจนระเบิดออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเวทมนตร์คนละบทกันอย่างสิ้นเชิง โดยปกติแล้วกรณีนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นมาได้ หากแต่โนอาห์ที่มีลมปราณมหาเมฆาถือว่าเป็นตัวตนผิดปกติอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ประกายแสงเทพอัศนีในตอนแรกก็ได้ผสานลมปราณมหาเมฆาเคล็ดปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นนี้เอาไว้แล้ว

                หลี่เจิ้งหรี่ตาลงเล็กน้อย ระเบิดแค่นี้ไม่มีทางทำให้ยอดฝีมือระดับเขาต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง สะบัดมือสร้างลมปราณออกไปหนึ่งสายทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพง ในขณะที่ตัวเองตั้งท่ารออะไรบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามา ทันใดนั้นราวกับหลี่เจิ้งหมินรู้ล่วงหน้า เขาหมุนตัวกลับหลังหันไปโดยไร้สาเหตุ แต่นั่นก็ทำให้เขาได้เจอกับโนอาห์ที่มาปรากฏตรงนั้นอย่างพอดิบพอดี

                กระบองแรกฟาดเข้ามาพร้อมกับกระบี่ปราณเวทอีกสองเล่มที่ลอยอยู่เหนือหัว การโจมตีของโนอาห์มาสามทิศทางยากจะรับมือไหว ไม้เท้าสยบมังกรฟาดเข้าแสกกลาง กระบี่ปราณเวทอีกสองเล่มแยกไปซ้ายขวา อานุภาพในแต่ละทิศไม่ได้ย่อหย่อนไปมากกว่ากัน ทว่าถ้าแค่นี้หลี่เจิ้งหมินรับมือไม่ได้ก็ไม่คู่ควรกับฉายาจอมปราชญ์ของเขาแล้ว

                หลี่เจิ้งหมินป้องกันการโจมตีทั้งสามได้อย่างไม่ยากเย็น โนอาห์เองก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเช่นเดียวกัน

                ท่าเท้าล่องนภา เท้าที่สอง ดาราหมุนวน

                กระบี่ปราณเวททั้งสองเล่มที่พลาดเป้าไปโนอาห์ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ใช้ดาราหมุนวนในรูปแบบพิศดารกว่าที่ผ่านๆมาหมุนผ่านหลี่เจิ้งหมินไปอย่างอัศจรรย์ ไม้เท้าสยบมังกรฟาดอีกทีเข้าที่กลางหลัง แต่ก็ถูกหลี่เจิ้งหมินหมุนตัวมาปัดป้องได้อีกครา

                เวทมนตร์ธาตุสายฟ้าระดับหก ร่างแยกสายฟ้า

              โนอาห์อีกสี่คนปรากฏขึ้นพร้อมกันล้อมกรอบหลี่เจิ้งหมินไว้ตรงกลาง ไม้เท้าสยบมังกรอีกสี่เล่มฟาดเข้าพร้อมกัน รอบนี้ถึงจะไม่ทำให้หลี่เจิ้งหมินต้องจนมุม แต่ถ้าเป็นการสร้างความลำบากนับว่าโนอาห์สอบผ่านฉลุย ถึงจะเป็นความลำบากที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

                ในขณะเดียวกันก้าวต่อไปของโนอาห์ก็ก้าวตามมาติดๆไม่กะให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ

                ท่าเท้าล่องนภา เท้าที่สอง ดาราหมุนวน

              วิชาตัวเบาถูกใช้ออกเรื่อยๆไม่มีหยุดพัก ร่างแยกเงาสายฟ้าไม่ใช่แค่สร้างร่างแยกธรรมดา เมื่อถูกโจมตีจะระเบิดออกมาสร้างความเสียหายเหมือนกับระเบิดสายฟ้า ซึ่งผู้ร่ายยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้มันระเบิดตอนไหน ในที่นี้โนอาห์เลือกที่จะระเบิดทันทีที่หลี่เจิ้งหมินปัดการโจมตีผล เขาไม่ได้หวังให้อานุภาพของระเบิดทำให้จอมปราชญ์เสียหลัก ทว่าเป้าหมายที่เล็งไว้คือประกายสายฟ้าตอนที่ระเบิดต่างหาก

    ลำพังดาราหมุนวนไม่มีทางหลอกหลี่เจิ้งหมินได้เป็นครั้งที่สองอีกทั้งในช่วงเวลาที่ติดๆกัน ดังนั้นโนอาห์จึงเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกอย่างนั่นก็คือแสงก่อกวนจากเวทมนตร์ธาตุสายฟ้า ดูเผินๆจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่เมื่อถูกใช้โดยโนอาห์อย่างถูกที่ถูกทางกลับกลายเป็นเหมือนค่ายกลชนิดหนึ่งล้อมกรอบหลี่เจิ้งหมินไว้ตรงกลาง

     แต่ถึงหลี่เจิ้งหมินจะโดนกดดันขนาดนั้น สีหน้าของเขายังไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสี ทั้งมือและเท้าปัดป้องไปมาพร้อมกับสวนกลับไปได้หลายจังหวะ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเข้าห้ำหั่นภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ทว่าในสายตาคนภายนอกเวลาเพียงเศษเสี้ยวนี้กลับยาวนานเสียเหลือเกิน

    โนอาห์และหลี่เจิ้งหมินรุกลับกันไปมาในลักษณะนี้ไปเกือบหลายร้อยกระบวนท่า มองดูแล้วเหมือนโนอาห์จะได้เปรียบเพราะเป็นฝ่ายรุกอยู่ท่าเดียว แต่เจ้าตัวและหลี่เจิ้งหมินตระหนักดีว่าการต่อสู้ระดับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงสูงต่ำได้ทุกเมื่อ อีกทั้งการโจมตีของโนอาห์ใช่ว่าจะเฉียดกรายเข้าใกล้หลี่เจิ้งหมินได้ ในทางกลับกันโนอาห์ยังต้องมาพะวงการสวนกลับของหลี่เจิ้งหมินด้วยซ้ำไป

    ไม่มีประกายแสงสีเสียงเหมือนที่จอมเวทท้าประลองกัน

    แต่ไม่รู้เหตุใด...แทบทุกคนล้วนถูกภาพตรงหน้าสะกดไว้ราวกับต้องมนต์ ด้วยความที่พวกเขาทั้งหมดเป็นจอมเวท การต่อสู้ลักษณะนี้จึงไม่มีทางได้สัมผัส ถึงจะมีคนที่ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระยะประชิดอย่างยูกิยังไม่แน่ใจว่าถ้าเปลี่ยนให้ตนไปยืนแทนหนึ่งในสองคน เธอจะรั้งอยู่บนเวทีได้นานซักเท่าใด

    ในที่สุดพยุหะการโจมตีของโนอาห์ก็ถูกหยุดลงหลังจากหลี่เจิ้งหมินคว้าจับไม้เท้าสยับมังกรไว้ได้ จอมปราชญ์กระแทกลมปราณสายหนึ่งผลักให้โนอาห์ถอยออกไป ในอีกทางลอบโคจรเคล็ดวิชาเปิดสวรรค์เตรียมพร้อมรุกตีต่อในทันที โนอาห์ซึ่งตกอยู่ในสภาพจำเป็นต้องถอยไม่ฝืนแรงต้านแต่อย่างใด ปล่อยให้ร่างถลาไปด้านหลังอย่างไร้การควบคุม

    หลี่เจิ้งหมินไม่พลาดที่จะเข้าไปซ้ำเติม ลมปราณห่อหุ้มทั่วร่างจนคล้ายกับโล่เวทมนตร์ หากแต่ไอสีฟ้าที่ลอยออกมาจากตัวดูยังไงก็ร้ายกาจกว่าเวทมนตร์ธรรมดามากนัก เบื้องหลังมีมังกรปราณสีฟ้าขนาดมหึมาเกือบเทียบเท่าตอนที่ต่อสู้กับบาฮามุทเลยด้วยซ้ำลำพังส่วนหัวก็บดบังหลี่เจิ้งหมินได้ทั้งตัวพุ่งตามมาพร้อมกันสนองบัญชาผู้เป็นนาย ถึงจะจับไอสังหารหรือรังสีฆ่าฟันจากหลี่เจิ้งหมินไม่ได้ แต่การโจมตีครั้งนี้ใครก็รู้ว่าไม่ได้มีการออมมือเลยแม้แต่น้อย

    เคล็ดวิชาเปิดสวรรค์ กระบวนท่าที่หก มังกรค้ำฟ้าดิน

    หลี่เจิ้งหมินขยับฝ่ามือคล้ายรูปแบบโคจรไร้ลักษณ์ของลู่ชิง รวบรวมมานารอบบริเวณมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนท่า หลังจากนั้นจึงสะบัดฝ่ามือออกไปด้านหน้าสุดแรงจนอากาศรอบด้านยังกระเพื่อมสั่นไหว มังกรปราณพุ่งถลาเข้าไปหาโนอาห์ในทันที

                เห็นอะไร? แล้วจะยังทดสอบอะไรอีก!? ว่าแต่เมื่อกี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!

                โนอาห์ราวกับไม่สนใจความเป็นไปของโลกภายนอก เดินไปหยิบไม้เท้าสยบมังกรที่วางแหมะอยู่ตรงพื้น พบว่ามีรอยแตกเล็กน้อยบริเวณด้านที่ปะทะกับมังกรปราณของหลี่เจิ้งหมิน โนอาห์หันมองไปทางยอดฝีมืออันดับต้นๆแห่งยุคด้วยแววตาหยั่งลึก ก่อนที่สติจะกลับมาเพราะเสียงวีนของใครบางคน

                “อยากตายนักรึไงฮะ!! ทำอะไรไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง ทำเอาคนอื่นเขาเป็นห่วงกันไปหมด!” เสียงของเซเรน่าดังมาก่อนเจ้าตัวเสียอีก โนอาห์หน้ายู่หันไปก็พบกับเพื่อนๆของเขาที่กำลังเดินมาทางนี้ สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

                นิกซ์แสดงความห่วงใยฉายชัดบนใบหน้า...สหายร่างเล็กคนนี้ยังทำให้เขายิ้มออกได้เสมอ

                  อารันมีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มพลางเหลือบมองไม้เท้าสยบมังกร...คาดว่าเจ้านี่คงอ่านใจเขาออกได้เหมือนเคย

                ซายากะยิ้มบางๆคล้ายอารัน...แต่ทำไมเขาถึงมองเห็นความโกรธเกรี้ยวในแววตาของหญิงสาว?

                ยูกิยังคงหน้านิ่งตลอดศกได้เหมือนเคย...นอกไปเหนือจากนั้นคือความประหลาดใจ? สงสัยคงทึ่งในฝีมือของฉันสินะ

                ดูท่าจะมีแต่เซเรน่าที่ใช้ความโวยวายนำมาตั้งแต่ไก่โห่

                “เอาน่าๆ ฉันขอโทษแล้วกันที่ทำให้พวกเธอเป็นห่วง ตอนนี้ก็เห็นไม่ใช่เหรอไงว่าสบา...อ๊อก!!” พูดไม่ทันจบประโยคโนอาห์ก็กระอักเลือดคำโต สร้างความปั่นป่วนให้กับบริเวณนั้นไปอีกพักใหญ่

          บนที่นั่งฝั่งผู้ชมในอัฒจันทร์มีชายสองคนมองความเป็นไปเบื้องล่างอยู่มาตั้งแต่ต้น ฐานะของพวกเขาไม่ว่าใครในโรงเรียนล้วนตอบได้ ประธานนักเรียนคนสำคัญของหอซูซาคุและเบียคะโกะที่ไม่รู้ว่าวันนี้ไม่มีเรียนหรือโดดออกมาดูการเรียนของชั้นปีสองอย่างหน้าไม่อายได้แบบนี้

                ฮาร์ทถามเพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ “นายมีความคิดเห็นว่าไงบ้าง”

      “เด็กปีสองของหอนายนับว่าไม่เลว แต่ที่น่าสนใจจริงๆคงจะเป็นอาจารย์คนใหม่นั่น...” อาเซียร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกว่าที่เคย แต่ก็ยังไม่ถึงกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

                เขาเองก็พึ่งจะทราบว่าวันนี้จะมีอาจารย์คนใหม่เข้ามา แถมยังเป็นคนคุ้นเคยเห็นหน้าค่าตากันมาแล้ว พลังที่หลี่เจิ้งหมินใช้อาเซียร์ยังไม่รู้จัก นอกเหนือไปจากนั้นข้อมูลของบุรุษผู้นี้ล้วนมืดแปดด้าน แต่ลำพังฝีมือที่เขาแสดงออกมาในวันนี้เห็นได้ชัดว่าจงใจออมมือไว้หลายส่วน พูดกันตามตรงฐานะอาจารย์ธรรมดาของโรงเรียนอวาลอนยังไม่เพียงพอต่อความสามารถที่หลี่เจิ้งหมินพึงมีเลยด้วยซ้ำ

                ฮาร์ทหัวเราะเบาๆ เลิกคิ้วเล็กน้อย “นายคงไม่คิดจะมีปัญหากับคนที่พวกอาจารย์ใหญ่รับเข้ามาเองหรอกนะ”

                อาเซียร์เหลือบมองฮาร์ทด้วยแววตาที่หลุบลงเล็กน้อย ก่อนจะอับจนถ้อยคำ ถึงความเป็นจริงจะไม่ใช่อย่างที่ฮาร์ทเอ่ย แต่หลี่เจิ้งหมินผู้นี้กลับเป็นคนที่บรรดา’พวกท่าน’เหล่านั้นบอกไว้เพียงว่าไม่ต้องไปข้องแวะด้วยไม่ว่าจะด้วยทางไหนก็ตาม รวมถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาก็อย่าไปแตะต้อง

                “ถ้างั้นนายลากฉันมานี่ก็เพื่ออะไรกัน...” อาเซียร์เริ่มขมวดคิ้ว พวกเขาถึงจะอยู่ในมีตำแหน่งเป็นประธานก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเวลาว่างมากกว่าใคร ในทางกลับกันยิ่งต้องทำตัวงานหนักกว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ

                ผิดก็แต่เพื่อนของเขาคนนี้ที่ดูผ่าเหล่าผ่ากอเป็นที่สุด

                รอบนี้ฮาร์ทไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงมองไปทางด้านล่าง เห็นโนอาห์กำลังโดนมะรุมมะตุ้มกึ่งพยุงกึ่งลากโดยเพื่อนที่เป็นผู้ชายในห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะดิ้นรนขัดขืนอยู่ไม่น้อย พวกเขากลุ่มนั้นจึงยังไม่ได้ออกไปจากสนามประลองเสียที

                 อาเซียร์กล่าวอย่างไม่ค่อยจะเชื่อในสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก “นายสนใจคนที่ชื่อโนอาห์เป็นพิเศษ? ก็จริงอยู่...เจ้านั่นน่าสนใจจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นพลังเวทของใครแปลกประหลาดเท่าโนอาห์มาก่อน ไม่สิ…ถ้าเป็นนายควรจะต้องบอกว่าสนใจนิสัยไร้กฏเกณฑ์จงเจ้าตัวเข้าแล้วล่ะสิ”

                “ฝีมือของเขาอยู่ในระดับไหน...แม้แต่ฉันเองยังมองไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาย” ฮาร์ทไหวไหล่วืด อาเซียร์ที่ชินแล้วกับคำพูดพรรค์นี้ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ “แต่ก็นั่นแหละ ทั่วทั้งอวาลอนในตอนนี้คงมีแค่เจ้าหมอนั่นที่โดนตาฉันมากที่สุด นายก็รู้ว่าคนธรรมดาที่ไหนจะกล้าไปยืนเถียงกับซีกได้ถึงขนาดนั้น”

                ชื่อเสียงของซีกอยู่ในระดับทุกคนล้วนรับทราบกันเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับนักเรียนทั่วไปหรือกระทั่งจอมเวทส่วนมากมีแต่จะเหนือกว่า คนที่กล้าไปมีเรื่องกับซิกมีอยู่ด้วยกันไม่กี่ประเภท ถ้าไม่ใช่เบื่อชีวิตขึ้นมาก็เพราะคนผู้นั้นไร้ซึ่งความกลัวเกรงจริงๆ

                โนอาห์คนนี้คงจะเป็นคนในหมวดหมู่ที่สอง

                ความเป็นมาลึกลับราวกับหมอกควัน มีเรื่องมีราวตั้งมากมายขนาดนั้นยังเอาตัวรอดมาได้ถ้าไม่บอกว่าเป็นผู้มีความสามารถแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ประการสำคัญเดิมทีพวกเขาประธานนักเรียนทั้งสี่คนมีอีกหน้าที่หนึ่งคือคอยเป็นดั่งแขนขาให้กับจ้าวมนตราทั้งสี่ที่ร่วมก่อตั้งอวาลอนขึ้นมา บ้างทำงานในที่ลับและที่แจ้ง ทว่าเรื่องของโนอาห์พวกเมอร์ลินเลือกที่จะไม่บอกอะไรไปมากกว่าที่คนอื่นรู้

                ประธานทั้งสี่เองก็ฉลาดพอที่จะไม่ซักไซ้ให้มากความ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหนึ่งในนั้นจะไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดซะทีเดียว อาเซียร์มองทายาทแม่ทัพมนตราลำดับสองอย่างใช้ความคิด กำลังฝีมือของฮาร์ทเป็นเช่นไรใช่ว่าเขาจะไม่รู้ แต่ที่น่าหวั่นใจคือนิสัยที่ไม่เหมือนเอ็ดเวิร์ดผู้เป็นพ่อ ดูไปดูมาออกจะคล้ายโนอาห์อยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ

                ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้าสมองอาเซียร์

                คงไม่ใช่ว่าเป็นคนประเภทเดียวกันก็เลยให้ความสนใจหรอกนะ...

                “นายอย่าลืมว่าโนอาห์ไม่ใช่เป้าหมายของพวกเรา ถ้ามีเวลาว่างถึงขนาดนี้ไม่สู้ไปช่วยเร็นจัดการองค์ชายเจ้าปัญหานั่นดีกว่าไหม” อาเซียร์ถอนหายใจ นึกถึงสหายผู้เงียบขรึมของเขาคนนั้นทีไรเป็นต้องนึกเวทนาทุกที แม้ซิกจะไม่สร้างปัญหาเหมือนวันเปิดการศึกษาก็จริง แต่การคงอยู่ของเขาต้องยอมรับว่าเริ่มทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย หนึ่งในนั้นคือขั้วอำนาจภายในอวาลอน

                ปกติอำนาจหน้าที่จะขึ้นอยู่กับสภานักเรียนเป็นสำคัญ พวกอาจารย์ปกติจะไม่ยืนมือเข้ามายุ่งเกี่ยวเว้นเสียแต่จะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ บทบัญญัตินี้เมอร์ลินได้เขียนเอาไว้เองทำให้ไม่มีกล้าล่วงละเมิด ซึ่งโดยปกติอย่างน้อยๆทางสภามีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในโรงเรียน แต่เมื่อมีซิกกระโดดเข้ามากลางวงจึงเริ่มทำให้ศูนย์กลางอำนาจของสภาเริ่มสั่นคลอน

                ลำพังตัวซิกเองไม่ใช่ปัญหา แต่ลูกหาบของเขาทั้งหลายและพวกที่ถือหางเขานี่สิเรื่องใหญ่  ประเด็นคือส่วนมากมักเป็นพวกแอบอ้างชื่อซะส่วนใหญ่ จริงๆเรื่องนี้พวกเขาสามารถทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งปล่อยผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจก็ยังได้ แต่ในเมื่ออีกทางเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเชื้อพระวงศ์ อีกด้านถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่แน่ว่าภายภาคหน้าอาจจะเกิดเรื่องใหญ่เข้าซักวัน ดังนั้นเร็นที่เป็นประธานหอเซย์ริวจึงต้องรับภาระหนักที่สุด เพราะนักเรียนที่อยู่ข้างซิกส่วนมากอยู่ในหอเซย์ริวกันทั้งนั้น

                 ทางสภาจึงลงมติกันกลายๆว่าระยะนี้ให้จับตาดูกันไปก่อนอย่าเพิ่งผลีผลามอะไรนัก

                ปัญหาก็อยู่ที่ฮาร์ทเหมือนจะไม่นำพาอะไรเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลย

                “จริงๆฉันกำลังคิดข้ามขั้นตอนอยู่ต่างหาก” ฮาร์ทพูดยิ้มๆ แต่รอยยิ้มที่ว่ากลับไปไม่ถึงดวงตา “บางทีเราอาจจะใช้ประโยชน์จากโนอาห์ได้ แต่ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ไว้ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง นายไม่ต้องมายุ่งให้เสียเวลา”

                พูดจบฮาร์ทก็ยักมือตบบ่าอาเซียร์เบาๆเหมือนปลอบใจ

     ในขณะที่ฮาร์ทกำลังถูกหมายตาใครบางคนให้เป็นโล่กันชน เจ้าตัวบัดนี้กำลังฝืนยิ้มอย่างสุดแรงกล้าทั้งๆที่สีหน้าดูไม่ไหวเต็มทีแล้ว ข้างซ้ายและขวามีอารันกับนิกซ์คอยหิ้วประคองพาไปห้องพยาบาลให้สำเร็จหลังจากยื้อยุดฉุดกระชากอยู่นาน

                “ฉันบอกแล้วว่านายยังเดินไหว เกะกะจริงเจ้าพวกนี้” โนอาห์สบถออกมาสั้นๆ แต่น้ำเสียงพอฟังออกได้ว่าเพียงพูดเล่นเท่านั้น

     

     

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×