ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #94 : ตอนที่ 92 ก้าวที่เจ็ด บุกโจมตีสายฟ้าแลบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      48
      13 มิ.ย. 64

                ในคราครั้งแรกโนอาห์คิดว่าปัญหาที่เขากำลังเผชิญนั้น สามารถรับมือได้ง่ายๆด้วยลำพังตัวเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่อนิจจาถอนหายใจร้อยครั้งย่อมไม่เหมือนกันร้อยครั้งฉันท์ใด เรื่องราวในสากลโลกก็เฉกเช่นเดียวกัน

     

                โนอาห์ประเมินความสามารถของตัวบงการต่ำเกินไป

     

                เขาไม่รู้ว่าใครผู้ใดหรือคนกลุ่มใด ใช้วิธีการแบบไหนถึงสามารถขุดคุ้ยที่มาของเขาได้อย่างหมดจด จะบอกว่ารู้มาจากคนรอบข้างยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ ไม่งั้นเขาคงคอขาดไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงตอนนี้แต่อย่างใด

     

                คิดไปก็ป่วยการ

     

                “หายากนะที่คนอย่างนายจะทำหน้าอดอาลัยตายอยากแบบนั้น” อารันที่นั่งอยู่ข้างนอกห้องขังเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าการยืนนานๆก็ทำให้พ่อค้าคนนี้เมื่อยได้เหมือนกัน

     

                “มองไม่ออกเลยซักนิดว่าจุดบอดของแผนการมันอยู่ตรงไหน...” นักโทษหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้

     

                ความรู้สึกของคนที่เป็นแต้มรองบ่อน

     

                “เพราะงั้นนายถึงต้องเล่นนอกเกมใช่ไหมล่ะ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการชีวิตของนาย สิ่งที่ต้องทำก็แค่หนีไปให้ไกลๆ...และถ้าจะให้ไกลก็คงไม่พ้นโลกเดิมที่นายจากมา เพราะที่นั้นคงไม่มีใครกล้าตามไปอยู่แล้ว จริงไหม” ชายหัวเขียวยักคิ้วหลิ่วตานิดๆ เขาทราบดีว่าในโลกเก่าของโนอาห์เต็มไปด้วยยอดฝีมือและวิชาพิสดารแค่ไหน อันที่จริงโนอาห์เพื่อนของเขาก็นับว่าถูกจัดรวมอยู่ในจำพวกนั้นด้วยเช่นกัน

     

                เสียแต่ว่าเป็นคนไม่ชอบอยู่กับร่องกับรอย

     

                ถ้าเพื่อนของเขาคนนี้ทมิฬขึ้นอีกซักนิด อารันคิดว่ามันคงร้ายกาจซะยิ่งกว่าเขาเอง

     

                “จะว่าไปนายไปทำอีท่าไหนถึงคืนชีพเจ้านี่ขึ้นมาได้ล่ะฮื้ม ไม่ได้คาดหวังไว้เลยนะว่าจะทำสำเร็จน่ะ” โนอาห์ยิ้มเจื่อนๆ พลางขยับม้วนคัมภีร์วณิพกพนจรไปมาเพื่อพินิจพิเคราะห์ดูอีกครั้ง

     

                “ความลับทางการค้า” คำตอบที่สั้นเหมือนอย่างเคยดังออกมาจากของอารัน

     

                คัมภีร์วณิพกพเนจร สิ่งของเจ้าปัญหาที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่บางทีมันอาจจะสบายกว่านี้มากถ้าไม่มีไอ้บ้าตัวหนึ่งที่คงนึกอยากครองโลก แล้วเขาก็ดันกลายเป็นหินถ่วงเท้าของมันโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจุดสูงสุดของแผนการที่อีกฝ่ายวางเอาไว้คืออะไร เขาคงไม่มีวันได้เห็น

     

                อย่างน้อยๆก็ในตอนนี้

     

                “ไปตามยัยนั่นกลับมาได้แล้วมั้งป่านนี้ เดี๋ยวเที่ยวไปก่อเรื่องที่ไหนเข้ามันจะยิ่งวุ่นไปกันใหญ่” เจ้าตัวที่เมื่อกี้ยังทำหน้าอมทุกข์ มาบัดนี้กลับฉีกยิ้มร่าเริงจนอารันได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้าเจื่อน ก่อนจะเดินไปตามเซเรน่ามาแต่โดยดี เพราะคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว

     

                “แต่จะไม่รอบอกคนอื่นๆจริงน่ะเหรอ อย่างน้อยก็ล่ำลากันซักนิดหน่อย...” อารันหยุดชะงักก่อนจะพูดออกมาโดยไม่หันหลังกลับมามอง

     

                “เรื่องแบบนี้ยิ่งเร็วยิ่งดีไม่ใช่เหรอ รีบไปได้แล้วไป๊” ชายผมดำโบกมือไล่ปัดๆทำเสียงชิ้วๆ อารันโคลงหัวไปมาเล็กน้อยจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อตามตัวเซเรน่ากลับมา

     

                คนที่อยู่ในคุกมองบุรุษผมเขียวจนเกือบสุดจะลับสายตา เจ้าตัวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไปไกลแล้วจึงค่อยๆทิ้งตัวลงพิงกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้เขาตัดสินใจได้แล้วแท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงกลับยากมากกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

     

                ดูท่าเราจะเหนื่อยเกินไป

     

                บรึ้ม!!!

     

                เสียงดังกัมปนาทดังขึ้นมาจนคุกที่โนอาห์อยู่สะเทือนเลือนลั่น โสตประสาทของชายหนุ่มตื่นตัวถึงขีดสุด ขยายขอบเขตลมปราณมหาเมฆาออกไปให้กว้างไกลมากที่สุด ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเซเรน่ากลับอารันวิ่งหน้าตั้งมาเขาที่กำลังยืนตาตั้งไม่ต่างกัน

     

                “อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผน!!...” โนอาห์ตะโกนถาม ดูเหมือนค่ำคืนนี้จะวุ่นวายกว่าที่เขาคิดเสียแล้ว

     

                “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพวกฉันจะขอบคุณมากเลย ดูเหมือนว่า...” เซเรน่าที่วิ่งกลับมาจิกเขาไปหนึ่งดอก ก่อนจะทำปากพึมพำเหมือนอย่างเชื่อในสิ่งที่ตนคิดเท่าไหร่

     

                “พอดีว่าข้างนอกเกิดเรื่องนิดหน่อย” อารันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้สนใจกับเสียงระเบิดที่ดังมาเป็นหย่อมๆ คละเคล้าเสียงร้องโหญหวยเลยแม้แต่น้อย แต่ทางด้านเซเรน่ากับโนอาห์นั้นทำเหยแกไปแล้วเรียบร้อย

     

                “ข้าศึกบุก!!!” เสียงทหารในคุกที่วิ่งพล่านตะโกนเสียงหลง แต่ดูท่าจะอยู่ไกลพอตัวเสียงถึงเบาริบหรี่จนแทบโดนเสียงระเบิดกลบทับ เซเรน่าและโนอาห์หน้าตื่นเหมือนโดนผีหลอกทันทีที่ได้ยิน ในขณะที่อารันนั้นเพียงแต่ขมวดคิ้วตีหน้าเครียดก็เท่านั้น

     

                นิดหน่อยบ้านแกสิอารัน

     

                “เดี๊ยวนะ ตกลงมันหมายความว่ายังไง นายวางแผนไว้งั้นเหรอ…” โนอาห์เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี ตามองอารันที่กำลังขมักเขม้นไขกุญแจห้องขังที่ไม่รู้ไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่

     

                โนอาห์รู้อยู่ว่าขอบเขตก้าวเดินของอารันนั้นกว้างไกลแค่ไหน ถ้าเขาทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นที่เรื่องที่ใครๆก็ทำได้ อารันก็สามารถคาดคำนวณถึงจุดที่เขาคาดไม่ถึงได้เช่นกัน แต่ถ้านี้เป็นสิ่งที่พ่อค้าคนนี้วางแผนเอาไว้จริงๆล่ะก็ คงจะเลยเถิดกันไปหน่อยแล้ว

     

                “ไม่ บอกตามตรงก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน” อารันตอบกลับด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าปกติ ในขณะที่เซเรน่านั้นเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไร

     

                หัวสมองของอารันรีบเรียงลำดับความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ในทันที ต้นเหตุที่น่าจะทำให้เกิดการโจมตีเขาเชื่อมั่นว่าต้องมาจากสถานการณ์ทางตอนเหนือของไอช่า ที่นานวันเข้าก็ยังไม่มีข่าวอะไรเล็ดรอดมาแม้เพียงกระผึก แต่ดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นตัวยืนยันได้อย่างดีแล้วว่าสถานการณ์ทางตอนเหนือนั้นย่ำแย่แค่ไหน

     

                อารันเองก็อยากจะมองโลกในแง่ดีให้มันมากกว่านี้

     

                ติดอยู่ที่ทุกอย่างมันดันดูลงตัวเสียเหลือเกิน

     

                “ป...เป็นไปไม่ได้ อัลเทร่าไม่เคยมีข้าศึกที่ไหนบุกมาถึงมาก่อน” หญิงสาวพึมพำขึ้นมาเบาๆ ตลอดเวลาหลายร้อยปีไม่เคยมีกองกำลังใดๆ หรืออาณาจักรไหนๆ ที่สามารถเข้ามาเหยียบย่ำในมหานครมนตราแห่งนี้ได้มาก่อน

     

                แต่ถ้าสิ่งที่ทหารคนเมื่อครู่บอกเป็นความจริง

     

                นั้นก็หมายความว่าข้ออวดอ้างดังกล่าวย่อมถูกลบล้างลงในบันดล

     

                “จะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ไว้ช่างมันทีหลัง ถ้าอยากรู้ก็คงต้องขึ้นไปข้างบน” โนอาห์ที่เดินออกมาจากคุกเหมือนเดิมออกจากบ้านพูดขึ้น ดูเหมือนว่าเพราะการบุกโจมตีที่ข้างบนหัวเขานั่น อย่างน้อยมันก็ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยโดยเวทมนตร์รวนจนไม่เป็นอันทำงาน ไม่งั้นอาศัยกุญแจเพียงดอกเดียวคงไม่สามารถเปิดประตูคุกแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

     

                โนอาห์พูดจบไม่อยู่รีรอเสียงตอบรับ เขาพุ่งตัวขึ้นไปทางบันไดที่อยู่ใกล้ที่สุด สะเก็ดหินจากฝาผนังร่วงหล่นมาเป็นระยะๆ พร้อมกับเสียงอลหม่านอันเป็นที่มาของความวุ่นวายซึ่งดังแทรกมาเรื่อยๆ ข้างหลังอารันและเซเรน่าวิ่งตามมาติดๆ อย่างน้อยในตอนนี้ทั้งสามหวังเพียงแค่ว่าขอให้เรื่องในวันนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน

     

                 เป็นแค่ความฝันจริงๆ

     

                แต่เป็นฝันร้ายที่ใครบางคนคิดว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิต

     

                ภาพแรกที่พวกโนอาห์เห็นแทนที่จะเป็นความสงบของคุกหลวงที่พบเห็นได้ทั่วไป เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นหนึ่งในเขตพระราชวังคัลเดีย แต่ทว่าทุกสิ่งกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เปลวเพลิงโหมกระหน่ำในบางจุดจนพวกทหารต้องขนกำลังคนไปดับไฟโดยไม่ทันสังเกตแม้กระทั่งพวกเขาทั้งสาม ผู้บาดเจ็บนอนเรียงรายอย่างทรมาน รวมถึงมีบางคนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซากปรักหักพังพบได้ทุกแห่งหน แต่ก็ยังมีไม่มากพอจะเทียบได้กับเหตุการณ์บุกโจมตีโรงเรียนอวาลอนเมื่อคืนนั้น

     

                ถึงอย่างนั้นมันก็มากพอแล้ว

     

                มากพอที่จะทำให้เซเรน่าต้องปิดปากกลั้นเสียงบางอย่างเอาไว้

     

                มากพอที่จะทำให้อารันต้องตีหน้าเครียดที่สุดเป็นครั้งแรกที่พวกโนอาห์รู้จัก

     

                และมากพอที่จะทำให้ดวงตาของโนอาห์เปล่งประกายวาวโรจน์เป็นครั้งแรก

     

                สงคราม ได้อุบัติขึ้นแล้ว

     

     

      “ยูกิกับนิกซ์ตอนนี้อยู่ที่ไหน...” โนอาห์เอ่ยเสียงเครียด แต่จุดสายตายังคงจับจ้องไปที่ความวินาศสันตะโรที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ในอาณาบริเวณโดยรอบพระราชคัลเดียแม้จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่พื้นที่แห่งหนอื่นต่อให้เขาอยู่ไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความโกลาหล

     

                “สองคนนั้นยังอยู่ในเมือง และคงจะเป็นเขตรอบนอก...” เซเรน่าพึมพำออกมาเบาๆ สิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้โนอาห์และอารันย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่เหมือนมีอะไรมารั้งปากหญิงสาวเอาไว้จนสาวเจ้าต้องหุบปากเงียบทันควัน

     

                หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

     

                เพราะทิศทางที่สองคนนั้นอยู่ ดูยังไงมันก็พื้นที่เดียวกับที่มีระเบิดโครมครามชัดๆ

     

                “โนอาห์ นายอยู่ที่นี้ เซเรน่า...รีบวิ่งไปหาพ่อของเธอให้เร็วที่สุด ระดับเขาน่าจะรู้แล้วว่าตอนนี้ควรทำอะไร ทำยังไงก็ได้ให้สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้มันมีประโยชน์มากที่สุด” อารันเร่งพูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว ออกปากสั่งการจนโนอาห์ยังเผลอเลิกคิ้วสงสัย

     

                “เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางตอนเหนือ เพราะงั้นเหมาะแล้วที่นายจะอยู่ตรงนี้” ชายหัวเขียวอธิบายให้เพื่อนของตนเข้าใจถึงความนัย แต่เป็นความนัยอีกอย่างที่ซ่อนมาในประโยคนี้อีกที

     

                และโนอาห์ก็ได้รับสารนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันวุ่นวายเกินกว่าจะสรุปผลได้ในเวลาอันสั้น ลำพังแค่ทหารและประชาชนชาวไอช่ายังไม่รู้ซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญยังมีศัตรูที่ดูเหมือนจะร้ายกาจเป็นอย่างยิ่งคอยคุมหลังฉากอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นสิ่งที่โนอาห์ควรจะก้าวเดินในตอนนี้มากที่สุดก็คือสุดยอดกลยุทธ์ที่เจ้าตัวไม่นึกอยากจะใช้มาก่อน จนเมื่อได้มาอยู่ในโลกใหม่แห่งนี้

     

                สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหนี

     

                แต่แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่การหนีในแบบชนชั้นสามัญทั่วไป

     

                “แล้วนายล่ะ อย่าบอกนะว่าจะออกไปสดกับพวกมันตัวคนเดียวน่ะฮะ” เซเรน่าแย้ง ถึงเธอจะรู้ว่าชายคนนี้มีความเก่งกาจในระดับที่เรียกได้ว่าเกินเลยขอบเขตของคนวัยเดียวกันไปไกลลิบแล้ว แต่คนเพียงหนึ่งก็ยังยากที่จะต้านกระแสน้ำหลาก โดยเฉพาะกระแสน้ำที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตด้วยยิ่งแล้วใหญ่

     

                “อย่าห่วงไปเลย อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ประเภทเดียวกับเจ้าหมอนี่ที่จะลุยดะไปทุกงานหรอกนะ รับรองว่าไม่โง่ถึงขนาดไปลุยกับพวกมันตรงๆแน่นอน แค่จะไปหาใครบางคนก็เท่านั้น” อารันยักไหล่ มุ่ยหน้าไปพลางชายเจ้าปัญหาที่ชี้นิ้วมาหาตัวเองเหมือนจะถามทวนซ้ำ พลางเหลือบมองบริเวณโดยรอบที่ยังคงวุ่นวายได้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

     

                “เหอะน่า ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ควรทำไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเจ้านี่ก็ใช่ว่าจะอยากตายเร็วถึงขนาดนั้น” ชายผมดำหัวเราะเสียงใส เมื่อเห็นว่าเซเรน่ายังคงมีความเคลือบแคลงอยู่เล็กน้อย

     

                “ถ้างั้น...” เธอเว้นวรรคไปชั่วครู่ ก่อนจะโดนโนอาห์ตัดจบด้วยความว่องไว

     

                “พวกเราทุกคนจะต้องรอด ฉันสัญญา” โนอาห์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น หญิงสาวผมทองกับนายวานิชยืนนิ่งลังเลซักพัก ก่อนจะค่อยๆรีบวิ่งออกไปตามจุดหมายของตนที่ตั้งเอาไว้ในทันที

     

                โนอาห์มองลับหลังคนทั้งสองจนสุดสายตา

     

                ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

                “นั้นมันนักโทษที่แหกคุกไม่ใช่เหรอนั่น จับมันไว้!!” เหมือนดวงชะตาของโนอาห์จะบังเอิญเหลือเชื่อ ทันทีที่อารันและเซเรน่าแยกตัวจากเขาไป ทหารนายหนึ่งที่หันมาทางนี้พอดีตะโกนลั่นจนคนอื่นๆในหน้าคุกหลวงแห่งนี้ต่างพากันหันมองที่เขาเป็นทางเดียว

     

                รวมๆแล้วก็ครึ่งร้อยได้

     

                “ขอโทษทีนะพี่ชายทั้งหลาย พอดีตอนนี้ฉันไม่ได้มีเวลามากถึงขนาดนั้น” นักโทษแหกคุกฉีกยิ้มกว้าง มือสยายม้วนไม้ไผ่ในมือออก จนมันเปล่งแสงเจิดจ้าไม่แตกต่างไปจากม้วนคัมภีร์เวทที่ทหารพวกนี้คุ้นชินเลยแม้แต่น้อย

     

                “จงจำเอาไว้ให้ดี วันนี้จะเป็นวันที่ทุกท่านทั้งหลายต้องจดจำเอาไว้ว่าเป็นวันที่...เกือบจะจับตัวชิวหลงผู้นี้ได้” สิ้นคำกล่าวของเจ้าตัว ร่างพลันอันตรธานหายไปในอากาศพร้อมกับคัมภีร์ไม้ไผ่เล่มนั้นทันที โดยที่เหล่าทหารกล้าทั้งหลายไม่ทันแม้แต่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

     

                และวันนี้เป็นวันเดียวกันกับอีกหลายวันที่จะถูกจารึกไว้ในภายหลัง

     

                หนึ่งในนั้นคือผู้ต้องหาคนสำคัญของไอช่าได้เลือนหายไปราวกับไม่มีตัวตนมาก่อน

     

                ราวกับว่าจะหายไปตลอดกาล

     

     

     

                    

                ในเมืองอัลเทร่าตอนนี้วุ่นวายยังไง รอบรั้วภายในเขตโรงเรียนอวาลอนก็อลละหม่านไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อขาดเสาหลักอย่างประธานที่ดันเหลืออยู่แค่สองคน กับบรรดาอาจารย์หลายท่านที่มีชีวิตเหลืออยู่ไม่ถึงยี่สิบคน ทำให้สถานการณ์เริ่มทวีความตึงเครียดไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นนอกโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย

     

                แต่ยังดีที่ความอันตรายเหมือนจะยังไม่ย่างกรายเข้ามาเพราะเหตุผลบางสิ่ง

     

                เหตุผลที่เป็นดั่งเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขาเอาไว้

     

                ถึงกระนั้นก็ยังมีห้องๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ ณ แห่งใดแห่งหนึ่งในปราสาทสีขาวที่ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่แตกต่างกับข้างนอกอย่างเห็นได้ชัด ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงสงบเรียบร้อยไม่แตกตื่น ห้องที่เต็มไปด้วยการไหลเวียนของมานาอันเหลือล้น ห้องที่มีบุรุษเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องแห่งนี้

     

                หนึ่งในนั้นก็คือคนที่ไปหาโนอาห์ถึงสองครั้ง

     

                “เจ้าชอบหางานให้คนรอบข้างเหมือนเคย” ชายผมดำยาวถักเป็นเปียไว้รอบคอเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน สวมเสื้อคลุมยาวสีดำขลิบแดง รวมถึงเครื่องประดับตามร่างกายที่ดูจะมีมากผิดสามัญชนชั้นล่างหรือกลาง ดวงตาสีแดงเพลิงคู่นั้นให้ความรู้สึกถึงความเฉลียวฉลาดและความชั่วร้ายที่ผสมปนเปกัน เขาผู้นั้นเหลือบมองไปนอกหน้าต่างเวทที่ทำให้มองเห็นภาพเบื้องล่างได้ชัดเจนราวกับอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

     

                “มนุษย์ทุกคนล้วนอยากทำงานกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง ข้าก็แค่ทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นเท่านั้น” บุรุษในเสื้อคลุมฮู้ดสีขาวสนิทพูดกลั้วหัวเราะ

     

                “อีกอย่าง...ข้าว่าตัวท่านเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันซักเท่าไหร่ อย่าลืมไปซะล่ะว่าใครกันที่เปิดเผยชื่อให้คนรุ่นหลังรับรู้เป็นคนแรกในหมู่พวกเรา” เขาพูดย้ำออกมาอีกหน ราวกับจะเตือนสติว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิดมากกว่ากัน

     

                อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำถึงสถานะที่ถูกเปิดเผยแล้วของคนผู้นั้น           

    “ช้าเร็วคนอื่นๆก็ต้องรับรู้เรื่องนี้อยู่ดี จะว่าไป...ทั้งหมดยังคงอยู่ในขอบเขตการคำนวณของเจ้าอยู่ใช่ไหม” ชายที่แนะนำตัวให้กับโนอาห์ว่าตนนั้นชื่อโซโลมอนหันไปถามคนอีกคนที่ยืนอยู่ในห้องนี้ ลักษณะการแต่งกายของเขาล้วนเป็นแบบเดียวกับบุรุษในฮู้ดสีขาว แตกต่างกันแค่สีที่ของเขาเป็นสีฟ้าราวกับน้ำทะเล

     

                “อาจจะเหนือคาดกับการกระทำของใครบางคนไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังถือว่าเป็นไปอย่างสะดวกโยธิน” ชายผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

                โซโลมอนได้แต่ยิ้มเย้ยที่มุมปาก แต่คนที่รู้จักกันมานานย่อมรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นหมายถึงอะไร เขากำลังพึงพอใจที่ทุกสิ่งอย่างยังคงเดินมาถูกทางแม้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อีกทั้งถ้าเพื่อนของเขาคนนี้ยอมรับด้วยตนเองแล้ว ต่อให้สถานการณ์มันจะเลวร้ายซักสิบเท่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาเป็นแบบไหนก็แทบจะรู้ได้ทันที

     

                ตัวตนของโซโลมอนเป็นอะไรยังไงนั้น ชาวไอช่าทุกคนย่อมรู้แจ้งกระจ่างชัดเป็นอย่างดี หนึ่งในจ้าวมนตราทั้งเจ็ดที่สลักชื่อไว้บนแผ่นดินเวทมนตร์อย่างที่สุดจะหาใครมาเทียมทัน ชายที่ควบคุมได้แม้กระทั่งปิศาจจากขุมนรกหรือทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ เบื้องบน อีกทั้งเขายังเป็นคนเดียวในหมู่จ้าวมนตราที่ไม่ได้เป็นจอมเวทเพียงอย่างเดียว แต่ฐานะโดยแท้ของเขาก็คือราชา

     

                ราชาที่ว่ากันว่าหากเขานึกเอาจริงขึ้นมาซักครั้งแล้ว

     

                ราชวงศ์คัลเดียคงไม่ได้ดำรงมาจนถึงปัจจุบัน

     

                และปฐมกษัตริย์ของไอช่าคงเป็นโซโลมอนแทนไปแล้ว

     

                “ถ้างั้นตอนนี้ธุระภายนอกพวกข้าคงต้องให้ท่านช่วยจัดการ” ชายในชุดคลุมสีขาวเอ่ย หันหน้าไปทางสหายของตนอย่างมีนัยยะสำคัญ

     

                ถ้าหากโซโลมอนเป็นหนึ่งในจ้าวมนตราผู้เกรียงไกรในด้านเวทมนตร์คาถาแล้วไซร้

     

                คนอื่นๆในห้องแห่งนี้ก็ล้วนมีฐานะเดียวกัน

     

                “ข้าขอซ้ำแผนเดิม...” ชายในชุดคลุมสีฟ้าเผยอปากและใบหน้าขึ้นเล็กน้อย จนเหลือบเห็นแววตาสีดำคมกริบราวกับตาเหยี่ยว เรือนผมสีดำและขาวที่เล็ดรอดผ่านฮู้ดออกมาเล็กน้อย

     

                “นำเทพยดามาช่วยรบ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลิงโลดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะนั้นหมายความว่ากลยุทธ์เลื่องชื่อในสมัยอดีตกาลกำลังจะโลดแล่นขึ้นอีกครั้งในยุคสมัยแห่งนี้

     

              

    ประกาศ

     

    สำหรับตอนรีไรท์ของวันนี้ มีอยู่แล้วหนึ่งตอนๆแน่น่ะครับ ซึ่งผมอัพไปก่อนหน้าที่จะอัพตอนนี้อีก แต่ถ้าสปีดยังไหว ก็อาจจะมีต่อ---

     

    ขอย้ำว่าถ้ายังไหวนะ ฟฟฟ

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×