ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] - แรงใคร่ แรงแค้น - [TVXQ]

    ลำดับตอนที่ #1 : INTRO & CHAPTER 1 : ฮัน แจจุง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 143
      1
      30 ต.ค. 55

    ..Intro..

     

     ‘ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง นี่ฉันจะต้องเลี้ยงแกไปจนแก่เลยใช่ไหม?

    เรียนก็ไม่จบ ริอาจจะไปทำงานในเมือง ดูตัวอย่างพี่แกบ้าง ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา ถ้าแกจะปีกกล้าขาแข็งทั้งแบบนี้ก็ลองดู

     

    สองประโยคที่ผมจำได้จนขึ้นใจ

    มันแปลได้คร่าวๆว่าผมอ่อนแอ อ่อนเปลี้ย ทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่มีปัญญาแม้แต่จะเรียนให้จบ

    และผมเทียบกับพี่ชายของผมไม่ได้.

     

    ผมเดินออกมาจากบ้านเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว หวังจะได้งาน ได้เงิน และได้ทุกอย่างที่อยากได้ ผมหวังสักครั้งว่าจะมีเงินพอจะซื้อรถ ซื้อบ้านให้พ่อกับแม่

    แต่ฝันเหล่านั้น.. ผมว่าพี่ชายผมคงทำมันได้ง่ายกว่าเยอะ

    ใช่สิ เพราะผมคนนี้ ไม่มีปัญญา..

     


    ...........................................................................


     

    ตอนที่ 1

         

         “แจจุง แจจุง”

         เสียงนุ่มของใครบางคนดังขึ้นมาที่ข้างใบหูของผม ยุนโฮเหรอ?

         “อืมม.. ยุนโฮ”

         ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาพลางใช้มือบางของตัวเองขยี้ตาเบาๆเพื่อปรับดวงตาให้รับเข้ากับแสงไฟของสตูดิโอที่สาดส่องเข้ามา เมื่อผมลืมตาและปรับจุดโฟกัสดวงตาให้เข้าที่ ก็หันไปหาเจ้าของเสียงที่เพิ่งเอ่ยเรียกชื่อผมอยู่เมื่อครู่

         “อ้าว.. ยูชอนเหรอ” รอยยิ้มบางและเสียงที่เบาลงของผมพูดกับยูชอนที่ยิ้มหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย “ขอโทษทีนะ แจจุงนึกว่าเป็นยุนโฮน่ะ แล้วยุนโฮล่ะ?”

         “ยุนโฮมันออกไปกับจุนซูน่ะ เห็นว่าจะไปทำงานต่อหลังจากถ่ายแบบที่นี่เสร็จแล้ว ยุนโฮมันไม่ได้บอกแจจุงหรอกเหรอ?” ยูชอนพูดขณะที่นั่งลงข้างผม

         “เปล่า.. ไม่หรอก เขาไม่ได้บอกน่ะ” ผมฝืนยิ้มบางส่งให้ก่อนจะหันไปมองไปอีกทาง

         ทำงานต่อ.. ดึกขนาดนี้จะงานที่ไหนกันล่ะยุนโฮ..

         นี่มันหลายครั้งแล้ว คือ.. แทบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้ที่ยุนโฮจะไปไหนมาไหนชอบไม่บอกผมเลย ทั้งที่ผมเป็นผู้จัดการเขา แล้วที่สำคัญผมเป็นคนรักของเขา

         แล้วทำไมเขาชอบปล่อยให้คนอื่นมาบอกผมทุกทีเลยล่ะครับ ไม่เคยเลยที่ยุนโฮจะเดินมาบอกผมด้วยตัวเอง

         เสียเวลาแค่เดินมาบอกผมสักหน่อย ยุนโฮคงจะเดือดร้อนมากเลยสินะ..

         คิดได้แบบนั้นก็ทำให้ผมยิ้มฝืดขึ้นมา แต่ดูเหมือนยูชอนก็สังเกตเห็น เพราะเขาบอกว่า “อย่าคิดมากเลย ยุนโฮมันไปกับจุนซู รับรองได้แน่ๆว่างานก็คืองาน”

         รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ผม นั่นทำให้ผมมียิ้มที่พอจะมีน้ำมีนวลมากขึ้นส่งกลับไปให้ยูชอน

         “งั้นแจจุงกลับก่อนนะ ขอบคุณนะยูชอนที่อุตส่าห์มาบอก เจ้าตัวเขาไม่เห็นสนใจมาบอกเลย” ผมส่งยิ้มให้ก่อนที่ประโยคสุดท้ายผมจะเผลอทำหน้าหงิกงอไปบ้าง

         ผมจัดการรวบเอกสารงานที่วางอยู่เกลื่อนโต๊ะมาไว้ในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองที่เต็มแล้วเต็มอีกจนผมต้องถืออีกส่วนเอาไว้ด้วย ผมเอากล้องถ่ายรูปประจำตัวมาคล้องคอไว้ก่อนที่จะใช้กระดาษทิชชูเช็ดคราบน้ำลายของผมที่หยดลงใส่บนโต๊ะที่ผมเพิ่งฟุบหลับในขณะที่รอยุนโฮถ่ายแบบเสร็จ

         “ต้องล้างด้วยไหมเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆในความเลอะเทอะของตัวเอง ขนาดนอนหลับยังทำของสกปรกซะได้

         ยูชอนที่สังเกตเห็นว่าผมกำลังพูดคนเดียวยิ้มออกมา ก่อนที่จะเอาของในมือผมไปถือโดยที่ผมยังไม่ได้อนุญาตเขาสักคำ

         “เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง ถือของเยอะแบบนี้ลำบากแย่สิ”

         “ไม่ลำบากเลย แจจุงก็ถือแบบนี้มาแทบทุกวันนะ ยูชอนกลับเถอะ มันดึกแล้ว” ผมพยายามยื้อของตัวเองกลับมาแต่ยูชอนกลับถือมันไว้แน่น ทั้งยังคว้ากระเป๋าสะพายข้างสีขาวของผมไปสะพายไว้ที่ไหล่ของเขาอีกต่างหาก

         “ฉันจะไปส่ง” เขาพูดก่อนจะเดินนำออกไปจากสตูดิโอถ่ายแบบโดยที่ไม่รอให้ผมพูดสักคำ ผมเลยจำต้องเดินตามเขาไปเพราะผมรู้ว่าผมไม่มีทางได้ของคืนแน่ๆจนกว่าจะถึงบ้าน

         “แหม แจจุง วันนี้มีหนุ่มไปส่งเหรอจ๊ะ”

         เสียงแหลมเฟี้ยวของพี่จีฮโยดังขึ้นข้างหลังผม ผมหันไปมองก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มกว้างให้ “เปล่าครับ ยูชอนเป็นเพื่อนผม”

         “จ้าๆ พี่ก็แซวไปอย่างนั้น ปกติเห็นกลับบ้านคนเดียวนี่เนอะ”

         เมื่อพูดจบ พี่สไตลิสต์คนสวยก็หันกลับไปจัดเสื้อผ้าที่เตรียมเก็บไว้ต่อ ผมชะงัดเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

         กลับบ้านคนเดียว.. แจจุง ตอนนี้นายเหมือนกับคนโสด ไม่สิ.. มีคนรักแต่เหมือนไม่มี มันเหงายิ่งกว่าคนโสดอีกนะ

         ผมพูดกับตัวเองแค่นั้นก่อนจะส่ายหน้าไล่ความคิด วิ่งตามยูชอนออกไปทันที


     

         ภายในรถของยูชอนเต็มไปด้วยสีม่วง เบาะรองนั่งสีม่วง พวงมาลัยสีม่วง ผ้าคุมคอนโทรลรถสีม่วง ม่วงทั้งรถเลยเหรอเนี่ย..

         ผมหันตัวไปทางด้านหลังก็เจอกับผ้าคลุมเบาะสีม่วง ดีนะนี่เป็นรถสปอร์ต ผมว่าไม่งั้นนะ ผนังในรถต้องเป็นสีม่วงด้วยแน่ๆ

         “ทำไมมีแต่สีม่วงล่ะยูชอน?”

         “อ้อ จุนซูชอบสีม่วงน่ะ ดีนะที่เอาม่วงอ่อน ถ้าเป็นม่วงเข้มหรือม่วงสะท้อนแสงนี่ฉันคงแสบตา ขับขี่รถไม่ได้แน่”

         “โห ดีจังเลยนะ ถ้ายุนโฮทำแบบนี้ให้แจจุงบ้างก็ดีสิ” ผมพูดเสียงแผ่วลงตอนท้าย ก่อนที่เสียงจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม “จุนซูนี่โชคดีจังเลยนะ”

         “ฮ่าๆ ฉันก็อยากจะตามใจเค้าน่ะ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำตัวดีเท่าไหร่นัก ฉันว่าโชคดีมากที่จุนซูไม่ให้ฉันเอารถไปเคลือบสีม่วงมาด้วย ไม่งั้นฉันคงกระอักเลือดแน่ๆ”

         ผมมองยูชอนที่พูดไปหัวเราะไป ดวงตาคมก็ยังมองไปยังเส้นทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยรถที่ขับสวนกันไปมาพลุกพล่าน ถึงแม้ตอนนี้จะเกือบๆตี 1 เข้าไปแล้ว

         ผมตัดสินใจชันเข่าขึ้นมาก่อนจะกอดเข่าไว้หลวมๆแล้วพิงตัวลงกับเบาะ ผมแนบขากับลำตัวไว้เพราะอากาศที่หนาวของเวลากลางคืน

         แม้มันจะหนาวเหมือนจะหลับไม่ลง แต่เปลือกตาของผมก็ค่อยๆปิดลงเพราะความเหนื่อยล้ากับวันนี้ที่วิ่งวุ่นทั้งวัน ไหนจะไปส่งงานเขียนที่เป็นงานอีกงานนอกจากเป็นผู้จัดการยุนโฮ ไหนจะแวะไปถ่ายรูปงานแต่งงานของพี่สาว แล้วตอนกลางคืนก็ยังต้องมาดูแลการถ่ายแบบของยุนโฮอีก

         “แจจุงบ้านข...”

         ใบหน้าหล่อหันไปหาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆที่เพิ่งพูดเสียงแจ๋วอยู่เมื่อครู่ ก่อนจะยิ้มบางเมื่อเห็นแจจุงที่นอนหลับไปแล้วบนเบาะรถตัวเอง จากนั้นก็เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะปิดประทุนรถเพราะอากาศหนาวๆแบบนี้อาจทำให้แจจุงไม่สบายได้

       


         “อืม..”

         ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกปล่อยลงบนที่นอนนุ่มนิ่มโดยที่มีอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนที่พาผมมา ผมลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจที่เจอยูชอนที่ยืนอยู่ริมเตียงนอน ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้องที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟที่หัวเตียง

         มันไม่ใช่ห้องนอนของผม!

         “ยูชอน ที่นี่ที่ไหนน่ะ? นี่ไม่ใช่บ้านแจจุงนะ”

         “อื้มฉันรู้ นี่ห้องฉัน”

         ยูชอนนั่งลงข้างๆผมก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือบางของผมไว้ แต่ผมรีบชักมือกลับแล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ แต่มันก็แค่ไม่กี่เดือนเองนี่ อีกอย่างผมไม่เคยไปบ้านใครนอกจากบ้านยุนโฮที่ยุนโฮให้ผมไปอยู่ด้วย

         “บ้าแล้วยูชอน ฉันจะกลับ”

         ผมรีบลุกออกจากเตียงแล้วรีบเดินหนีไปที่ประตูทันที แต่ก็นึกได้ว่ายังมีงาน กระเป๋า และกล้องถ่ายรูปของผม ผมมองหามันทั่วห้อง

         ไม่เจอ.. ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ยูชอนกำลังแกล้งกวนประสาทผมหรือคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่

         “เอางานกับกล้องของแจจุงมานะ” ผมมองยูชอนแล้วพูดเสียงดุ

         “มันดึกแล้วนะ ค้างที่นี่ก็ได้นี่ ตอนเช้าฉันจะไปส่งที่บ้าน” ยูชอนพูดแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางตบที่ว่างข้างๆเหมือนให้ผมไปนอนด้วย

         “แต่ยูชอนบอกว่าจะไปส่งแจจุงนี่”

         “ก็ส่งตอนเช้าไง”

         ผมขมวดคิ้วแล้วมองยูชอนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตัดสินใจไม่เอาของแล้ว อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ไม่มีงานอะไรต้องส่ง ไว้ผมค่อยให้ยุนโฮมาเอาให้ก็ได้

         ลูกบิดประตูกำลังจะถูกเปิดออก แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่ออ้อมแขนแกร่งถลาเข้ามากอดผมไว้แน่น ผมตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก

         “ย.. ยูชอน! นายทำบ้าอะไรน่ะ?!

         ผมพยายามแกะแขนนั้นออกแล้วดิ้นร่างกายบางของตัวเองหวังจะหลุดพ้นจากอ้อมกอดที่แข็งแรงนั้น แต่ยูชอนโอบรัดผมไว้แน่นแล้วดึงตัวผมขึ้นจนตัวลอยทั้งที่ยังกอดผมไว้อย่างนั้น

         พลั่ก!

         ร่างของผมถูกโยนลงบนเตียงโดยมียูชอนที่ขึ้นคร่อมขึ้นมาและทาบทับร่างหนานั้นมาบนตัวผมทันทีโดยที่ผมขัดขืนแทบไม่ทัน

         “ยูชอน! ออกไปนะ นายคิดจะทำอะไรน่ะ!!

         ผมตวาดเสียงดังแล้วใช้มือทั้งผลักทั้งทุบแผ่นอกแกร่งนั้น เท้าเล็กของผมพยายามถีบร่างหนานั้นออก แต่ทั้งขาก็ถูกเข่าทั้งสองนั่นทับไว้แน่นจนผมต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ข้อมือของผมถูกจับกดลงกับเตียงแน่นจนขยับแทบไม่ได้

         “อยู่นิ่งๆสิแจจุง ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าของที่ไอ้ยุนโฮมันทิ้งยังใช้การได้อยู่รึเปล่า..”

         ยูชอนพูดแนบชิดใบหูผมแล้วก็ใช้ริมฝีปากหนานั้นจูบลงที่แก้มของผม ผมพยายามหันใบหน้าหนีแล้วบิดข้อมือเต็มแรง แต่เหมือนยูชอนยิ่งเพิ่มแรงกดลงมากขึ้น

         อะไรนะ.. ทิ้ง งั้นเหรอ?

         “นายพูดอะไรของนาย ยุนโฮไม่ได้ทิ้งแจจุง!

         “ก็หลอกตัวเองต่อไปเถอะคนสวย อยู่กับฉันคืนนี้ ฉันจะทำให้บรรลุความจริงอันหนีไม่พ้นเอง”

         เขาก้มลงมาใกล้จนแนบชิดกับใบหน้าผมแล้วไล้ริมฝีปากไปตามซอกคอของผม พร้อมกับจมูกโด่งที่ซุกไซร้แล้วสูดดมซอกคอของผม จนผมต้องหดลำคอหนีแต่ก็เหมือนจะไม่สามารถพ้นคนเจ้าเล่ห์ได้

         “ฮึก.. ยูชอน แต่นายมีจุนซูอยู่แล้ว ปล่อยแจจุงเถอะนะ แจจุงขอร้อง”

         ผมยังคงดิ้นสุดแรงไปพูดไปด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลลงมา ผมทั้งเจ็บปวดหัวใจเรื่องที่ยูชอนพูดว่ายุนโฮทิ้งผม ไหนจะเรื่องที่ยูชอนมาทำแบบนี้

         “มีจุนซูแล้ว ก็อยากมีแจจุงด้วย.. ไม่ได้หรือไง”

         เสียงหัวเราะในลำคอของยูชอนทำให้ผมแทบหมดแรง ลำคอของผมเจ็บและระบมไปหมดจากแรงขบกัดของยูชอน เขาไม่มีทางหยุดแน่ๆ ผมจะทำยังไงดี ยุนโฮช่วยแจจุงด้วย..

         ยุนโฮ..

         “เป็นของฉันเถอะ ฮัน แจจุง”



     

    ....................................................................

    สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งกับเรา - - 
    5555 ชื่อ ออน นะคะ วันนี้กลับมาแต่งฟิคอีก หลังจากไม่ได้้แต่งมานานเหมือนกัน
    เรื่องนี้ได้โครงเรื่องเล็กๆน้อยๆมาจาก แรงเงา
    แต่ออนรับรองได้แน่ๆว่า ฟิคเรื่องนี้มีอะไรที่แรงเงาไม่มีแน่นอน 

    ดีไม่ดียังไง ติชมด้วยนะคะ 
    คอมเม้นท์คือกำลังใจนะ~ ขอบคุณมากนะคะที่อ่านกัน

    PS.ฟิคเรื่องนี้โพสลงที่ TVXQ FIC HOME และ DEK-D นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×