ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) #จินฮวานพันทิป | JUNHOE x JINHWAN

    ลำดับตอนที่ #12 : 10 : เรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเริ่มอีกรอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      21
      9 ธ.ค. 59


      



     10
           เรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเริ่มอีกรอบ

     

                   

                   "เข้าบ้านดีๆอะมึง อย่าร้องไห้นะ" ดำเพื่อนรักที่ยังคงนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์หันมากำชับหนักแน่น พร้อมกับทำหน้าเจื่อนๆ หยิบเอาถุงขนมที่วางอยู่ในตะกร้าหน้ารถมายื่นให้จินฮวาน

                   "อะมึง ถึงจุนฮเวจะไม่แคร์ แต่เอแคลร์นะ แดกซะ จะได้เลิกงอแง"

                   มินโฮพูดติดตลกแล้วยื่นขนมมายัดใส่มือให้จินฮวานถือไว้ ก่อนจะโบกมือลาเป็นการใหญ่และแว๊นมอเตอร์ไซค์เผ่นแน่บจากไปในเวลาอันรวดเร็วราวกับว่ากลัวจินฮวานจะปากล่องเอแคลร์ใส่หัวมันข้อหาเล่นมุกแป้กอย่างนั้นแหล่ะ


                   เอาเข้าจริงๆ จินฮวานรู้สึกว่ามินโฮน่ะ เข้าใจเขามากกว่าฮันบินหรือยุนฮยองที่อยู่ห้องเดียวกันเสียอีก


                   จินฮวานถอนหายใจกับตัวเองเล็กน้อยและเดินเข้าบ้าน ภาพของเจนนี่และจุนฮเวที่อยู่ในหัวยังติดตา นึกโชคดีขึ้นมาที่ไม่ได้ยินว่าทั้งสองใช้น้ำเสียงแบบไหนเวลาที่คุยกัน โชคดีที่ไม่ต้องได้ยินว่าเสียงหัวเราะของจุนฮเวที่ไม่ได้มีไว้สำหรับเขา มันน่ารักแค่ไหน

                   ความน่ารัก ที่ยังคงน่ารักมากๆอยู่ดี
                   แม้ว่ามันจะไม่ได้มีไว้เพื่อเขาก็ตาม


                   "แม่" ทันทีที่เข้ามานั่งประจำที่ที่โต๊ะกินข้าวตัวยาวซึ่งตั้งอยู่กลางบ้าน จินฮวานก็เริ่มเปิดฉากพูดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวทันที วันก่อนได้ยินพ่อกับแม่บ่นกันว่าป้าเยอึน พี่สาวของแม่ที่ได้ผัวเป็นหนุ่มจีน ตอนนี้เปิดร้านขายซาลาเปาลาวาไส้เยิ้มอยู่ที่เมืองจีน ขายดิบขายดีจนไม่มีเวลานับเงิน มันอาจจะดีก็ได้ ถ้าเขาหลบหน้าหายไปสักพัก และดร็อปเรียนมัธยมปลายเอาไว้

                   จริงๆแล้วเขาคิดถึงเรื่องนี้มานานพอสมควร 

                   จินฮวานรู้สึกแปลกๆเสมอ เวลาอยู่ที่โรงเรียน รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกและเข้ากับใครไม่ได้ แม้แต่กับเพื่อนสนิทที่อยู่ห้องเดียวกันอย่างยุนฮยองหรือฮันบิน เขาก็ไม่สามารถบอกเล่าหรือพูดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมาได้

                   จริงอยู่ว่าเขาเองก็เคยเอาเรื่องของจุนฮเวไปปรึกษาทั้งสองคน แต่ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกว่ายุนฮยองและฮันบินไม่ได้รับฟังหรือพยายามที่จะเข้าใจเขาอย่างที่จินฮวานต้องการ แต่เพียงแค่ฟังแบบผ่านๆ เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่รับฟังเท่านั้นเอง

                   อย่างว่าล่ะนะ ยุคนี้หาคนฟังมันยาก ใครๆก็อยากจะพูดเรื่องของตัวเอง
                   บางคนก็เงียบฟังเรา เพื่อรอเวลาที่ตัวเองจะได้เป็นฝ่ายพูดบ้างก็เท่านั้นแหละ

                   อีกอย่างหนึ่ง จินฮวานก็ขี้เกียจไปซ้อมลีดแล้ว เพราะไม่อยากจะไปซ้อมข้างๆสนามบาสนั่น แถมถ้ายังต้องไปเรียน ต้องไปพร้อมจุนฮเว ต้องกลับบ้านพร้อมจุนฮเวอยู่เรื่อยๆ เขาคงได้บ้าตายเข้าสักวันถ้าจุนฮเวพาเจนนี่มา หรือบอกเขาว่าต้องไปไหนมาไหนกับเจนนี่เลยไม่สามารถกลับพร้อมกันได้

                   เอาจริงๆ เขาไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแหละ อยากจะตายๆไปซะด้วยซ้ำ จะได้ไม่ทุกข์


                   "แม่" จินฮวานเรียกซ้ำอีกรอบ แม่ตอบรับอย่างติดรำคาญ

                   "หือ"

                   "อยากไปอยู่กะป้าเยอึนที่จีนอ่ะ" 

                   "อ่ะอีนี่ พูดง่ายอีกแล้ว แล้วไม่เรียนหนังสือเหรอ"

                   "ไม่อยากเรียนตอนนี้อ่ะ ยังไม่อยากเอนท์มหาลัยด้วย"

                   แม่เงียบทันทีที่จินฮวานพูดจบประโยค เงียบไปนานเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ และจินฮวานเองก็เริ่มครุ่นคิดถึงสถานการณ์ตรงหน้าเช่นกัน เดชะบุญที่ตอนนี้แม่พับผ้าอยู่ อย่างน้อยถ้าจะขว้างปาอะไรใส่เขาก็คงเป็นแค่ผ้าในมือ แต่หากแม่กำลังสับหมูอยู่ล่ะก็ จินฮวานคิดว่าเขาคงต้องวิ่งหนี เพราะสิ่งที่แม่จะปามาใส่กบาลอาจจะกลายเป็นมีดอีโต้แทน

                   "อืม..." แม่อืม จินฮวานก็พลอยเครียดไปด้วย "ก็ไปสิ ดร็อปเรียนไว้แล้วไปช่วยป้าขายของ"

                   "จริงเหรอ"

                   "เออ" มันต้องง่ายอย่างงี้เลยนะ

                   "งั้นไปเก็บเสื้อผ้าแล้วนะ แม่คุยกะป๊าให้ด้วยนะ"

                   "เออ" 

                   "ขอบคุณนะแม่" จินฮวานฝืนยิ้มทั้งที่ตาบวมเป่ง แต่แม่ก็คือแม่นั่นแหละ แค่มองปราดเดียวแม่ก็รู้เสมอ ว่าเขากำลังไม่มีความสุขและฝืนยิ้มให้

                   "ไปเอาช้อนแช่ช่องฟรีซไว้ไป แล้วเอามาประคบตา ตาบวมเหมือนโดนเขาทรายต่อยอย่างนั้นแหละ" แม่พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง ยังคงก้มหน้าก้มตาพับผ้าต่อเงียบๆ โดยไม่ได้ซักไซ้อะไรมากกว่านั้น

                   และจินฮวานก็ยังจำภาพนั้นของแม่ได้ติดตา ราวกับว่ามันถูกบันทึกภาพลงบนหน่วยความจำที่ลึกที่สุดของสมอง 



    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   


                   พ่อแม่อาจจะดุและขี้บ่นไปบ้างในบางครั้ง แต่ก็เข้าใจจินฮวานอย่างดีเสมอ ตอนนี้ก็สามปีแล้วนับตั้งแต่เขาย้ายมาจากเกาหลี จะได้เจอพ่อกับแม่บ้างก็ตอนปีใหม่ที่พ่อกับแม่บินมาเยี่ยมเขาที่จีน

                   ในความเป็นจริงจินฮวานก็แค่อยากจะหนีไปที่ไหนสักที่ และการบอกพ่อแม่ว่าจะมาอยู่ช่วยป้าเยอึนขายของก็เป็นเรื่องที่ฟังดูเข้าทีที่สุด 

                   แรกๆก็ดูเหมือนการย้ายมาอยู่ที่จีนจะไม่ทำให้เขาอาการดีขึ้นเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขายังคงเปิดอ่านข้อความทางไลน์ได้เหมือนเดิม มันก็ยังคงอยู่ในโทรศัพท์เหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีสัญญาณมือถือและสัญญาณอินเตอร์เน็ตของจีน ทำให้ข้อความใหม่ไม่เด้งเข้ามา แต่เขาก็ยังอ่านข้อความสุดท้ายจากจุนฮเวได้อยู่เหมือนเดิม


                   บางวันจินฮวานก็เปิดไลน์ขึ้นมามองข้อความที่ตัวเองพิมพ์ให้จุนฮเว
    เสียงหัวเราะที่จำได้แม่นว่าพิมพ์มันทั้งน้ำตานั้น และคำชมเชยที่ถูกส่งไปถึงผู้หญิงที่จุนฮเวชอบ ไหนจะรูปที่จุนฮเวส่งมาให้ หรืออะไรน่ารักๆที่จุนฮเวเคยทำให้เขา


                   พอทำงานกับป้าเยอึนไปได้สองเดือน เขาก็มีเงินเก็บจากค่าแรงที่ป้าเยอึนให้ตอบแทนการมาช่วยงานที่ร้าน ด้วยความที่มันขายดีมากนั่นแหละ แค่สองเดือนเขาก็สามารถเก็บเงินซื้อมือถือเครื่องใหม่ได้ แถมมีเงินส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่อยู่เกาหลีใช้ด้วย แม่ก็เลยปลื้มและดูเหมือนจะลืมไปสนิทว่าจินฮวานยังเรียนมัธยมปลายไม่จบด้วยซ้ำ

                   พอซื้อมือถือใหม่ จินฮวานก็เลยเก็บเครื่องเก่าใส่ลิ้นชักไว้ ส่วนมือถือเครื่องใหม่ก็ใช้ซิมการ์ดของจีน ไม่ได้ดิ้นรนต่อวีพีเอ็นหรืออะไรเพื่อจะเข้าเว็บที่ถูกบล็อคไว้ในจีน และด้วยความรู้ภาษาจีนแบบงูๆปลาๆ จินฮวานก็เลยแทบจะเลิกเล่นเน็ตไปอย่างสิ้นเชิง

                   ไม่ใช่ว่าใจแข็งหรืออะไรหรอก แต่เอาตรงๆก็คือ จินฮวานขี้เกียจและรู้สึกว่ามันยุ่งยาก  ซึ่งเขาก็คิดว่าการต้องขวนขวายนั่นแหละเป็นข้อดี พอจินฮวานขี้เกียจซะ เขาจะได้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและห่างไกลจากอดีตหมองๆนั่นมากพอ

                   ก็มีเป็นบางครั้งที่เขาฝันถึงเรื่องจุนฮเวและเพื่อนๆบ้าง บางครั้งก็เป็นจีจี้ บางทีก็เป็นมินโฮ และบางทีก็มีน้องบยองด้วยอีกคน แต่เขาก็จำความฝันพวกนั้นได้ไม่ชัดเจนนัก เขาได้แต่ยิ้มกับมัน หรือไม่ก็หัวเราะกับมันพอให้หายคิดถึง

                   "อาตี๋เอ้ย" เสียงของผัวป้าเยอึนเรียกให้จินฮวานหลุดจากภวังค์ 

                   ที่ร้านจะขายดีมากตั้งแต่เช้า ซาลาเปาจะถูกขายเรื่อยๆ โดยนำมานึ่งไว้คราวละหนึ่งร้อยลูก พอขายหมดวันละเจ็ดร้อยลูก ก็จะเป็นช่วงบ่าย หรือหากวันไหนขายดีหน่อยก็จะหมดตั้งแต่เที่ยง จินฮวานรับคำและเดินลงไปหาลุงที่ชั้นล่าง หลังจากเหม่อลอยนึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เพราะว่างเกินไปหลังจากเก็บร้านเสร็จแล้ว

                   "ครับ"

                   "มีจดหมายมาส่งนา ถึงลื๊อ จากเกาหลี" ลุงอี้เหริน aka ผัวจีนของป้าเยอึนที่พูดภาษาเกาหลีได้บ้างนิดหน่อยเอ่ยบอกจินฮวานพร้อมกับยื่นซองจดหมายที่เขียนชื่อที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษด้วยลายมือโย้เย้เหมือนเด็กประถมโดยเขียนชื่อผู้ส่งที่มุมซองว่าซงมินโฮ และนั่นก็ทำให้จินฮวานยิ้มกว้างแบบที่เรียกว่ากว้างที่สุดในรอบปีออกมา


    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



                   หลังจากอ่านเนื้อความในจดหมายจบ จินฮวานก็อมยิ้มไม่หยุดจากข่าวดีที่เพื่อนๆบอกกับเขา มินโฮ แฮรยอง และจีจี้กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ในเวลาแค่สามปีกว่าๆ เพื่อนทั้งสามคนตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรักและดูเหมือนจะประสบความสำเร็จด้วยดี และเมื่อรับรู้ถึงเรื่องน่ายินดีนั้นแล้ว มันก็ดูใจจืดใจดำไปหน่อย ถ้าเขาไม่ยอมไปอยู่ร่วมชื่นชมความสำเร็จนั้นกับพวกมินโฮ

                   "เตี่ย เดี๋ยวอั๊วะไปหาชานอูแป็บนึงนะ ถ้าอี๊กลับมาจากตลาดฝากบอกอี๊ด้วยนะว่าอั๊วะมีเรื่องคุย"

                   จินฮวานรีบร้อนออกมาจากบ้านและละล่ำละลักบอกผู้เป็นลุงเขยอย่างดีใจ และวิ่งลัดตลาดไปที่หอพักนักศึกษาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากร้านนัก

                   ระยะเวลาสามปีมีเรื่องราวผ่านเข้ามาในชีวิตเขาหลากหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเรื่องราวของชานอูด้วย


                   "ย๊าาา จองชานอู อยู่เปล่า ขอยืมโทรศัพท์มือถือหน่อย" เสียงใสๆที่แสนสดชื่นนั้นตะโกนโหวกเหวก โจวโจ่ว รูมเมทของชานอูที่สนิทสนมกันดีกับจินฮวานเป็นคนมาเปิดประตูให้ พอเข้าไปในห้องได้ จินฮวานก็คว้าโทรศัพท์มือถือของชานอูมากดโดยที่ไม่ขออนุญาตซ้ำสอง กดส่งอีเมล์ตอบกลับไปหามินโฮ

                   "เฮียมีเรื่องอะไรดีๆหรอ ทำไมรีบร้อนจัง" รูมเมทคนจีนของชานอูที่พอจะพูดเกาหลีได้บ้างเอ่ยถาม จินฮวานฉีกยิ้ม แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง และไม่ได้ตอบอะไรหนุ่มรุ่นน้องไป

                   ไม่นานชานอูก็เดินออกมาจากห้องน้ำแบบหัวเปียกซ่ก เพิ่งพลัดชุดเป็นชุดลำลอง

                   "อ้าว ไม่มีเรียนแล้วหรอวันนี้ ยืมมือถือหน่อยนะ" จินฮวานเอ่ยปากบอกชานอูและก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์มือถือต่อ สักพักจินฮวานก็รู้สึกถึงที่นั่งข้างๆที่ยวบลงเพราะน้ำหนักของอีกคน ตามด้วยหน้ามนของชานอูที่ยื่นมาใกล้อย่างสอดรู้สอดเห็น

                   "อะไรเหรอครับ"

                   "เพื่อนพี่เรียนจบแล้วน่ะ เขียนจดหมายมา ก็เลยจะเมล์กลับ" จินฮวานตอบคร่าวๆ เพราะชานอูเข้าใจดีอยู่แล้วถึงเหตุผลที่เขาไม่เล่นอินเตอร์เน็ต

                   "มินโฮเทพซ่า...คิขุ...." ชานอูอ่านชื่ออีเมล์ของมินโฮแล้วขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาหลังจากอ่านเนื้อความอีเมล์ที่จินฮวานพิมพ์ส่งไปถึงมินโฮ "พี่จะกลับไปเที่ยวเกาหลีเหรอครับ"

                   "อื้อ พี่ว่าจะบอก พี่จะกลับไปอยู่ที่เกาหลีนะ"

                   "ไม่ได้นะพี่จินฮวาน!!" ชานอูแทบจะลุกขึ้นยืนในทันที ทำเอาจินฮวานตกอกตกใจหมด และด้วยความโวยวายนั้นแหละ เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าเขากับชานอูเป็นแฟนกัน

                   หลังจากจินฮวานย้ายมาที่จีนได้ไม่นาน เขาก็ได้เจอกับเด็กเกาหลีที่มาเรียนมหาวิทยาลัยที่จีน เป็นเด็กนักศึกษาที่เรียนเก่ง หน้าตาดี แต่งตัวดี และมักจะมาเหมาซาลาเปาจากที่ร้านวันละเยอะๆเสมอ มาซื้อบ่อยจนจำหน้าได้ แต่ก็ไม่เคยมีอะไรมากกว่านั้น

                   ประมาณสองเดือนต่อมา เด็กคนนั้นก็มาสารภาพรักกับเขา และขอให้ลองคบกันดู  เด็กคนนั้นก็คือจองชานอู ที่กำลังนั่งค้อนประหลับประเหลือกตอนที่เขาบอกว่าจะกลับเกาหลีนี่แหละ

                   "แต่ว่า...พี่คิดถึงบ้านด้วย แล้วก็คิดถึงเพื่อนด้วย" จินฮวานบอกถึงเหตุผลให้ชานอูฟัง ที่ผ่านมาเขาแค่อยากหายไปสักพัก หลบจากบรรยากาศวุ่นวาย และหลบจากทุกๆคนที่ทำให้เขารู้สึกว่าที่ๆกำลังยืนอยู่ตอนนั้นมันไม่เหมาะกับตัวเอง

                   และสามปีนี่ มันก็นานไปแล้วสำหรับคำว่าสักพัก

                   "พี่จินฮวาน" ชานอูเอ่ยเสียงเง้า แต่จินฮวานก็รู้ว่าชานอูดื้อกับเขาได้ไม่นาน เพราะตลอดเวลาที่คบกันมาชานอูก็ตามใจเขาอยู่ตลอด และไม่เคยจะขัดใจเขาสักครั้ง

                   "พี่ต้องกลับ จริงๆนะ" จินฮวานทำเสียงจริงจัง และนั่นก็ทำให้ชานอูยอมอ่อนลงจริงๆอย่างที่เขาคิดไว้

                   "ก็..ถ้าพี่ว่าดี ผมก็โอเค" 

                   "อื้อ" จินฮวานยิ้มกว้างที่ชานอูว่าง่ายและไม่เถียงอะไรกับเขาต่อ พออ่านทวนอีเมล์เสร็จเรียบร้อย เขาก็กดส่งและหันมายีผมชานอู ก้มลงไปจุ๊บแก้ม ก่อนจะส่งโทรศัพท์ยื่นให้น้องอย่างสบายใจ "งั้นพี่กลับแล้วนะ"

                   "เดี๋ยวครับ" ชานอูจับข้อมือของเขาไว้และกระตุกนิดๆให้เขาหันมามอง เหมือนลูกหมาเล็กๆที่กัดขากางเกงอย่างดื้อรั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ "พี่จะกลับเกาหลีถาวรเลยเหรอ"

                   จินฮวานนิ่งไปกับคำถามนั้นครู่หนึ่ง คล้ายจะตัดสินใจ ก่อนจะยิ้มสดใสออกมา

                   "ก็อาจจะ..."


    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



                   ทันทีที่แลนด์ดิ้งและเดินออกมาจากเกท จินฮวานที่กำลังสอดส่ายสายตาไปทั่วและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มองไปเห็นป้ายต้อนรับเล็กๆ และครอบครัวของเขากับเพื่อนๆอันได้แก่มินโฮ จีจี้ แฮรยอง และน้องบยองที่สวมหมวกและแว่นตาดำเสียจนจำแทบไม่ได้ในแวบแรก

                   "อีจินนนนนนน สวยขึ้นมากกก เดินมากูนึกว่าฟ่านปิงปิง" และเสียงสดใสของจีจี้ที่ดังแหวกอากาศมา พร้อมกับที่วิ่งเข้ามากอดรัดจินฮวานแน่น ก็ทำให้เขาแจ่มกระจ่างว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

                   "เว่อร์"

                   "อีดอกกก พูดจริง กูกำลังด่ามินโฮอยู่เลยว่าแน่ใจหรือเปล่าว่านั่นคืออีเมล์จากมึงจริงๆ แต่คือมึงดูเมล์อีดำสิ มินโฮเทพซ่าคิขุบ้าอะไรก็ไม่รู้ ใครจะส่งเมล์คุยกับอีบ้านี่" จีจี้พูดยาวยืด ยังขี้บ่นเหมือนเดิม

                   จินฮวานหัวเราะ ไล่กอดครอบครัว และเพื่อนๆทีละคน แปลกใจนิดหน่อยที่บยองก็มากะเขาด้วย

                   "หวัดดีพี่ไม่เจอกันนาน" บยองพับแว่นตาดำเสียบไว้กับเสื้อ และกอดจินฮวานพอเป็นพิธี

                   "แล้วมาได้ไงเนี่ย" 

                   "มากับแฮรยองพี่" บยองยิ้มเผล่ และก็ทำให้จินฮวานตระหนักได้ว่าก่อนเขาจะไปจีน บยองมันตั้งท่าจะจีบใครคนนึงในทีมเชียร์ลีดเดอร์อยู่ เขามองบยองและแฮรยองด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนรู้ทัน จนเพื่อนๆต่างก็ขำออกมากับท่าทางนั้น ก่อนที่จะยกโขยงกันกลับบ้านของจินฮวานหลังจากทักทายกันจนพออกพอใจ 



    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   

     

                   "เนี่ย แม่เอาเงินที่แกส่งมาให้ มาทำห้องครัวใหม่ด้วยนะ เดี๋ยวจะอวดให้ดู" แม่ว่าด้วยน้ำเสียงสดใสจนจินฮวานพลอยยิ้มตามไปด้วย "เนี่ย แม่ทำข้าวหมูอบไว้ให้กิน เย็นนี้ฉลองกันหน่อยนะ พวกมินโฮด้วย หนูจีจี้ด้วยนะลูก"

                   "ได้ค่าาาคุณแม่"

                   แหม่ สามปีจาก ความแรดของจี้ไม่เคยเป็นอื่น
                   อินเนอร์แรงอย่างกับเป็นแม่ตัวเองเชียวนะมึง

                   "เออมึง อยากเห็นรูปงานกีฬาสีตอนนั้นป้ะ เนี่ยๆ ฉันสวยป้ะ" จีจี้ชวนคุยและยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้จินฮวานดู แก๊งลีดแต่งหน้าทาปากและโพสท่าเริ่ดๆเชิดๆกันอยู่หน้าสแตนด์ โดยมีมินโฮที่แต่งตัวกุ๊ยตามสไตล์ และยืนยิ้มฟันขาวร่วมเฟรมอยู่แต่การแต่งตัวไม่ได้เข้าพวกเลย

                   พูดถึงการแต่งเนื้อแต่งตัว เขาสังเกตว่าตอนนี้มินโฮมันตัดผมแล้วจริงๆ แถมสวมเสื้อผ้าดูดีซะจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือมินโฮตัวจริง เสียดายที่มินโฮไปกับรถอีกคัน ไม่งั้นจะเอ่ยปากแซวสักหน่อย

                   "ปะลูก ลงรถ เอากระเป๋าเข้าไปเก็บ"

                   บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เรียงยาวต่อกันเป็นพรืด รวมทั้งแปลงดอกไม้ข้างหน้าบ้าน ทุกอย่างยังคงคล้ายเดิมและดูไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ จินฮวานได้รู้จากคำบอกเล่าของแม่และอีจี้ที่นั่งมาด้วยกันในรถที่พ่อเป็นคนขับ ว่ามินโฮมาชวนพ่อและแม่ไปรับจินฮวานที่สนามบิน พ่อและแม่ก็้เลยไปด้วยกันกับพวกเพื่อนๆ แม้พ่อและแม่จะไม่พูดอะไรมาก แต่ท่าทียิ้มแย้มนั้นก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าทั้งสองก็ดีใจไม่น้อยที่ลูกกลับมาอยู่พร้อมหน้าที่เกาหลีสักที

                   มินโฮและบยองที่มากับรถอีกคัน(ซึ่งมินโฮเป็นคนขับ)ก็มาถึงพร้อมๆกัน กุลีกุจอมาช่วยจินฮวานขนของเข้าบ้านเป็นการใหญ่ พ่อแม่ยิ้มแย้ม เพื่อนน่ารักสดใส จินฮวานก็พลอยสุขใจไปด้วย

                   ในชั่วขณะที่จินฮวานกำลังหัวเราะและพูดหยอกล้อเล่นหัวกับจีจี้และบยองอย่างออกรสออกชาติ จู่ๆทุกอย่างรอบกายก็เหมือนจะชะงักงันไปชั่วครู่ เมื่อร่างสูงโปร่งที่จินฮวานแสนคุ้นตาเปินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับหมวกกันน็อคสีดำด้านในมือ

                   รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟที่เด็กคนนั้นเคยขับเสมอกลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันเบ้อเริ่ม มันช่างเข้ากับท่าทางและการแต่งกายที่โฉบเฉี่ยวดูดีของเด็กคนนั้นจริงๆ

                   จินฮวานหยีตามองย้อนแสงแดด แต่แม้ทัศนวิสัยจะหลุบลู่และพร่าเบลอแต่เขาก็จำได้แม่นว่าคนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนั้นคือใคร


                   แวบนึงที่จินฮวานสบตาคู่นั้น ตากลมเบิกกว้าง และทำท่าเหมือนจะเอ่ยอะไรสักอย่างออกมา แต่จินฮวานก็ต้องผิดหวังเมื่อร่างสูงโปร่งนั้นเพียงแค่สวมหมวกกันน็อค ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโตของตัวเอง และขี่ออกไปโดยไม่หันกลับมามองเขาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง


                   สายตาคู่นั้นจากกูจุนฮเวทำให้เขาแค่นหัวเราะออกมา 

                   เพราะไอ้สามปีที่คิดว่าเขาเดินหนีจุนฮเวไปได้ไกลสุดจะไกลนั่น
                   ความจริงแล้ว จินฮวานพึ่งรู้ตัว ว่าเขาเดินวนเป็นวงกลม



     

      

     talk
    จะหนีปายหนายยยย มาอยู่กับเน้งก่อนเร๊วววพี่หมวย 5555 หลังจากนี้จะมีเรื่องวุ่นวายตามมามากมาย และหลายๆอย่างที่ทุกคนเคยสงสัยก็จะค่อยๆคลายออก ขอให้ติดตามอย่างใกล้ชี๊สสส

    ด้วยรัก จากฟายเดคนเดิม
    9/12/59 21:35น.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×