SuSaya
ดู Blog ทั้งหมด

กลุ่มรักร่วมเพศ...กับการบริจาคโลหิต

เขียนโดย SuSaya
การเตรียมตัวก่อนการบริจาคโลหิต
เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และของผู้ป่วยที่ได้รับโลหิตของท่าน โปรดเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันบริจาคโลหิต ดังต่อไปนี้
1. ท่านต้องมีอายุเต็ม 17 ปีบริบูรณ์ถึง 60 ปี มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ทั้งหญิงและชาย
2. ต้องนอนหลับเพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง
3. ไม่มีอาการท้องเสีย ท้องร่วงมากใน 7 วันที่ผ่านมา หรือกำลังเป็นไข้หวัด
4. น้ำหนักต้องไม่ลดผิดปกติในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทรายสาเหตุ
5. หากรับประทานยาแอสไพริน, ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวดอื่น ๆ ตรงหยุดยามาแล้ว 3 วัน ถ้าเป็นยาแก้อักเสบหรือยาอื่น ๆ ต้องหยุดมาแล้ว 7 วัน
6. ไม่เป็นโรคหอบหืด,ผิวหนังเรื้อรัง ,ไอเรื้อรัง ,วัณโรค หรือภูมิแพ้อื่นๆ
7. ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ,เบาหวาน,หัวใจ, ตับ,ไต,มะเร็ง,ไทรอยด์,โลหิตออกง่าย-หยุดยาก หรือโรค
ประจำตัวอื่นๆ
8. หากถอนฟัน ต้องทิ้งระยะอย่างน้อย 3 วน
9. หากเคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ต้องเกิน 6 เดือน หากผ่าตัดเล็กต้องเกิน 1 เดือน
10. ท่าน หรือคู่ครองของท่านต้องไม่มีพฤตกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือเบี่ยงเบนทางเพศ
11. ต้องไม่ม่ประวติติดยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษต้องเกิน 3 ปี และมีสุขภาพดี
12. หากเจาะหู ,สัก ,ลบรอยสัก หรือฝังเข็มในการรักษา ตองเกิน 6 เดือนไปแล้ว
13. หากมีประวัติเจ็บป่วย และได้รับโลหิตจากผู้อื่น ต้องเกิน 1 ปี
14. หากมีประวัติเป็นมาเลเรีย ถ้าเคยเป็นต้องหายมาแล้วเกิน 3 ปี หากเคยเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อมาลาเรียชุกชุม ต้องทิ้งระยะอย่างน้อยเกิน 1 ปีจึงบริจาคโลหิตได้
15. สตรีต้องไม่อยู่ในระหว่างมีรอบเดือน
16. หลังการคลอดหรือแท้งบุตรต้องเกิน 6 เดือน
17. ต้องไม่ได้รับวัคซีนในระยะ 14 วันที่ผ่านมา หรือเซรุ่มในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
18. ก่อนบริจาคโลหิต ต้องรับประทานอาหารให้เรียบร้อย และควรงดรับประทานอาหารประเภท มันจัด
 
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย


________________________________________________________

บางคนที่เคยบริจาคโลหิตคงเคยอ่านข้อความข้างต้นมาแล้ว...แต่เราอดแปลกใจไม่ได้ว่า
จริงเหรอ? ที่ผู้ที่เบี่ยงเบนทางเพศไม่มีสิทธิ์เข้ารับการบริจาคโลหิต  (มีเพื่อนที่เป็นก็เคยบริจาคมาแล้ว) 
เราเข้าใจว่า...มีหลาย ๆ ท่านที่ยังไม่ยอมรับการรักร่วมเพศ (โดยเฉพาะชาย-ชาย) และอาจไม่มั่นใจหากยินยอมให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวร่วมบริจาคโลหิตได้เหมือนบุคลคลที่ท่านเรียกว่าคนปกติ(ตามที่ตนเองเป็น)
ทั้ง ๆ ที่สังคมในปัจจุบันเปิดกว้างและยอมรับในกลุ่มคนดังกล่าวมากขึ้น โดยมองพวกเขาที่ศักยภาพและความสามารถ ในขณะที่รสนิยมส่วนตัวต่าง ๆ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าผิดหรือถูกให้แก่พวกเขา หากก็ยังมีอีกหลาย ๆ สิ่งและกระแสที่เราอาจยังสัมผัสได้ว่ามีการต่อต้านและยังไม่ยอมรับ (ถ้าใช้คำว่ารังเกียจจะรุนแรงไปรึเปล่า?)

เดือนหน้าที่บริษัทจะมีการรับบริจาคโลหิต  ซึ่งเราก็คิดว่าในบริษัทของเราก็มีคนที่(น่าจะ)เบี่ยงเบนทางเพศหลายคน(ทั้งที่แอบและไม่แอบ) และมีอีกหลายคนที่ไม่ยอมรับถึงขั้นรังเกียจไม่กล้าเข้าใกล้กลุ่มบุคคลดังกล่าว(ที่เปิดเผย)

เราก็เลยคิดเล่น ๆ ว่า...ถ้าเกิดไม่มีการยินยอมให้กลุ่มบุคคลที่เบี่ยงเบนทางเพศ(และแสดงออกชัดเจนว่าตัวเองเป็น)บริจาคโลหิตจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างไรบ้าง? 
หรือคุณคิดว่าอย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
เพราะคนรักร่วมเพศ มีความเสี่ยง ในการเป็นพาหะ หรือ ติดเชื้อโรคทางเลือดสูงกว่าคนที่มีรสนิยมทางเพศปกติครับ

เมื่อก่อน มีคนรักร่วมเพศ มีเชื้อ HIV แล้วมาบริจาค

แน่นอน... คนไม่ได้รักร่วมเพศ ก็มีโอกาสมีเชื้อ HIV เหมือนกัน

เพียงแต่ ตามสถิติแล้ว คนรักร่วมเพศ มีผู้ป่วย หรือเป็นผู้ติดเชื้อ เป็นพาหะโรคหลายๆอย่าง สูงกว่าคนปกติธรรมดา อย่างมีนัยยะสำคัญ

ซึ่งมีการวิจัย เก็บสถิติกันมาแล้วครับ

ทางสภากาชาด ( และเท่าที่ผมทราบ ไม่ใช่แค่เมืองไทย ) จึงต้องมีข้อกำหนดดังกล่าวไว้ screen ครับ