ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #14 : *Season 1* Part II Murderer Execution

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 413
      0
      16 ธ.ค. 51

    ย้อนความเดิม

     

    คุโรซากิ อิจิโกะ ตัวแทนยมทูต และเหล่าเพื่อนๆได้รับคำสั่งจากโซลโซไซตี้ ให้ไปรวมตัวกันที่เซย์เรย์เทย์ และได้ทราบถึงการใช้นโยบายเรียกเหล่าราชวงศ์ให้เข้าร่วมแนวรบ โซลโซไซตี้นั้น เหนือจากราชาเรย์โอแล้วยังมีสี่ราชวงศ์มหาอำนาจ ผู้ควบคุมกลไกแห่งวิญญาณ ได้แค่ 1 ฮายาเตะ เวลาและมิติ 2 คุนะยูกิ อนาคตและโชคชะตา 3โคฮากุ ประตูนรกและความทรงจำ 4ฟุจิวาระ เสียงเพลง และกลไกความประพฤติ

     

    และพวกอิจิโกะก็ได้พบกับเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ฮายาเตะ เซนริ เจ้าชายแห่งราชวงศ์ฮายาเตะ ซึ่งได้สูญเสียจิตใจไปเพราะโศกนาฏกรรมฆ่าล้างราชวงศ์คุนะยูกิ และสาวน้อยMemory Rosary อาคาเนะ เซนนะ (คงจำเดอะมูฟวี่ได้ชิมิ) ซึ่งภายหลังได้รู้ว่า เซนนะในตอนนั้นคือวิญญาณครึ่งหนึ่งของเธอคนนี้

     

    หลังจากที่กลับมาจากโซลโซไซตี้และปะทะกับเหล่าเอสปาด้าและอารันคาร์ที่มุ่งโจมตี พร้อมทั้งหน่วยของฮิตซึกายะถูกสั่งให้ไปประจำการ อิจิโกะและลูเคียได้พลาดท่าให้กับอุลคิโอร่า และเกือบจะสิ้นชีพ เพียงแต่ได้เด็กสาวคนหนึ่งช่วยไว้ ซึ่งเป็นคนที่เบียคุยะได้สั่งการให้ไปช่วย คุจิกิ โทโอยะ ยูกิ เด็กสาวผู้มีใบหน้าเหมือนลูเคียและฮิซานะมาก และเป็นลูกพี่ลูกน้องของลูเคียอีกด้วย เธอได้ปรากฏตัวพร้อมกับเซนริทำให้พวกเอสปาด้าต่างหวั่นไหว แต่ไม่นานนัก ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัว เธอคือท่านหญิงผู้ที่ถูกไอเซ็นเอาตัวไป ซากุรากิ เคย์โกะ ผลจากการต่อสู้ครั้งนั้น ทำให้ยูกิบาดเจ็บสาหัส

     

    วันต่อมา เหล่ายมทูต รวมถึงเซนริ ยูกิ และเซนนะได้เข้ามาเรียนในห้องเดียวกันกับพวกอิจิโกะและได้มีการแสดงระหว่างที่แสดงนั้น หัวหน้าหน่วยพิทักษ์องค์ราชันย์หรือเหล่าองครักษ์สังกัดฝั่งเซย์เรย์ย์ได้ปรากฏตัวขึ้น คาอิน เซ็ทสึ เขาได้พูดประโยคแห่งปริศนา ทำให้พวกอิจิโกะได้ค้นหาถึงเรื่องโศกนาฏกรรมที่ฆ่าล้างราชวงศ์คุนะยูกิไปจนเกือบสิ้นราชวงศ์ ทำให้รู้ถึงสิ่งที่ทำให้เซนริไม่สามารถรับรู้ถึงหัวใจตัวเองได้ เพราะคืนนั้น เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์คุนะยูกิได้ถูกผนึกความทรงจำจนไม่สามารถรับรู้ถึงเรื่องที่ผ่านมาได้อีกต่อไปและได้หายสาบสูญไป

     

    หลังจากคืนวันแสดง เหล่าองครักษ์ได้ปรากฏ และได้จับตัวยูกิไปที่โซลโซไซตี้ เพื่อลงโทษที่สลายการจำกัดโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีคำสั่งให้เซนริเป็นคนลงมือประหารด้วยตัวเอง พวกอิจิโกะได้สู้กับคาอิน หัวหน้าองครักษ์ แต่ทว่า กลับพ่ายแพ้ด้วยพลังของเซนริที่หยุดเวลาไว้ไม่ให้ขยับทำให้บาดเจ็บสาหัสไป คาอินได้พูดไว้ว่า พวกอิจิโกะไม่สมควรจะยุ่งกับคุจิกิ โทโอยะ ยูกิ เพราะความสงสัย คาอินจึงเฉลยทันทีว่า ยูกิ แท้จริงแล้วคือลูกสาวของราชันย์แห่งราชวงศ์คุนะยูกิปัจจุบัน เจ้าหญิงที่ได้สูญเสียความทรงจำไปเมื่อคืนโศกนาฏกรรม จากนั้นจึงถูกพาตัวไปเพื่อเตรียมรับโทษประหาร หลังจากนั้นพวกอิจิโกะจึงได้บุกไปโซลโซไซตี้เพื่อหยุดการประหาร

    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""'

    ว๊ากกเสียงแต่ละคนร้องลั่นเมื่อหล่นตุบลงมาจากฟ้าโดยที่ไม่มีอะไรรองรับ ยกเว้นฮิตซึกายะ ซุยฟง และรันงิคุที่ทรงตัว ส่วนเซนนะรีบใช้พลังวิญญาณพยุงตัวไปก่อนและร่อนลงอย่างนิ่มนวล ขณะที่หลบพวกที่ตกลงมาต่อทันที ทุกคนมาหยุดอยู่ที่เมืองลูคอน ฝั่งตะวันตก ฐานของอุราฮาร่า คิสึเกะ ทัศนียภาพที่นี่ดูเปลี่ยนไปมาก เพราะมันดูเจริญหูเจริญตาขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เป้าหมายของพวกเขานั้น ไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเล่น จิดันโบ ยมทูตร่างยักษ์ใหญ่รีบเปิดประตูให้ทันที

     

                โหย รอบนี้สบายแฮะ ครั้งก่อนต้องสู้แทบเป็นแทบตายอิจิโกะออกความเห็น แต่ลูเคียหันมามองตาปริบๆ สู้แทบเป็นแทบตาย ความรู้สึกผิดแล่นวาบเข้าในจิตสำนึกทันที เพราะเธอคนเดียว แต่ทว่าเด็กหนุ่มผมส้มรีบตบบ่าอย่างปลอบใจ

     

                ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่าครั้งที่แล้วพวกเราอยากมาช่วยเธอจริงๆ และครั้งนี้พวกเราก็จะต้องช่วยเพื่อน และพี่เธอไม่ใช่รึไง

     

    ลูเคียเงยหน้าขึ้น นั่นสินะ ครั้งนี้ต้องช่วย

     

                แต่ถึงครั้งนี้จะง่าย ลองเดินเข้าไปดูสิเธอบอกขณะก้าวเข้าไปก่อน ที่เหลือมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่ก็ลองก้าวเข้าไป ก็แทบจะทรุด เมื่อแรงดันวิญญาณมหาศาลกดทับ ฮิตซึกายะ และซุยฟงมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด สงสัยรอบนี้ลำบากแน่ ส่วนโยรุอิจิ ถูกเรียกตัวไปเข้าประชุมสี่ตระกูลขุนนางเรียบร้อย พวกชิบะก็ไปเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นเคียวราคุคงไม่อยู่

     

                นี่มันพลังอะไรกันแช้ดและโอริฮิเมะหันซ้ายหันขวา รันงิคุ คิระ และฮินาโมริต่างขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ถ้าทางรอบนี้ ปะทะกับหน่วยองครักษ์ ไม่แน่ใจเสียแล้วว่าจะไหวรึเปล่า

     

                ยังไงก็น่าเสี่ยงคาโฮโกะเดินเข้าไปแล้วมองซ้ายมองขวาแต่ขอเตือนว่าฉันไม่สู้กับเจ้านายแน่

     

                เจ้านาย?”พวกอิจิโกะหันมามองด้วยความสงสัย

     

                ตระกูลฟุยุโซระเองก็มีเหมือนตระกูลอาคาเนะของเซนนะ พวกข้าก็ต้องรับใช้ราชวงศ์ฮายาเตะด้วย ทำให้พอจะรู้ฝีมือมาอยู่เยอะพอสมควร ตอนนั้นงานประลองเลือกลำดับนักสู้ของหน่วยที่6 เหตุการณ์พวกนั้นทำให้ฉันเห็นฝีมือ ของพวกราชวงศ์ เลยไม่คิดจะลองตอแยด้วย และฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของคาอิน เซ็ทสึ ฝีมือของเขาไม่ใช่ของเด็กๆ พอเข้าใจยังเด็กสาวอธิบายเสียงเรียบแต่ก่อนอื่น จะลองเริ่มจากตรงไหน

     

                ข้าว่าลูเคียเตรียมเสนอพวกเราควรจะแยกย้ายกันไปซะจะดีกว่า

     

    ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

     

                แต่ว่า คุณลูเคียฮินาโมริทำท่าจะค้านฝีมือของพวกนั้นคุณลูเคียก็รู้นี่นาว่าเก่งขนาดไหน ถ้าแยกไปก็จะอันตรายได้นะ

     

                เรื่องที่รองหัวหน้าฮินาโมริพูดมันก็ถูกอยู่นะ แต่ถ้าพวกเรารวมกันกลุ่มๆ เมื่อไหร่จะเข้าถึงตัวยูกิล่ะ จริงอยู่ที่อยู่กันหลายๆคนมันปลอดภัย แต่อย่างน้อย ถ้าแยกกันเป็นกลุ่มๆ

     

                จะสามารถเปิดโอกาสให้คุโรซากิเข้าถึงตัวราชวงศ์ได้ใช่มั้ยฮิตซึกายะต่ออย่างพอเข้าใจแผนการ สิ่งที่ลูเคียต้องการจะบอกก็คือ พวกราชวงศ์และองครักษ์ต่างกระจัดกระจาย ถ้าอยู่กันเป็นกลุ่มๆไม่ยอมทิ้ง จะยิ่งยืดเวลา ถ้าเจอคู่ต่อสู้หนักๆแล้วต้องรอไม่ไปด้วยกัน ก็จะต้องเสียเวลาไปเท่านั้น ทำให้เวลาที่จะประหารยิ่งสั้นลงเข้าไป แต่ถ้าแยกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละเล็กน้อย ไม่ต้องรอกัน คนที่สามารถฝ่าไปได้ก็จะไปหยุดการประหารก่อน แล้วพวกที่เหลือจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรมาก และจะสามารถคิดหาทางไปชวยเสริมอีกแรงได้

     

                งั้นก็ตกลงตามนี้ แต่เราจะแบ่งยังไงเร็นจิถามขึ้น เพราะยังไงก็แบ่งไม่ถูก

     

                ในกลุ่มพวกเราน่าจะแยกคนที่รักษาเป็นให้กระจายเข้าไปดีกว่า ที่รักษาได้ก็มีคุณคุจิกิ คุณอิโนะอุเอะ และคุณอาคาเนะคิระยกนิ้ว (ลูเคียสามารถใช้วิถีมารรักษาแผลได้ ปรากฏบ่อยในตอนแรกๆของบลีช ที่จะรักษาแผลให้อิจิโกะตลอด ส่วนเซนนะ มีพลังคล้ายๆของโอริฮิเมะ เพราะมิโกะและองเมียวจินั้นมีความสามารถแบบนี้ ตามสมัยโบราณ พวกจักรพรรดิและผู้ว่ากรมจะเรียกกลุ่มนี้ในการทำพิธีปัดเป่าไอชั่วร้ายเหมือนการรักษารักษาได้ตลอด)

     

                งั้นก็ควรจะแบ่งเป็นสามกลุ่มฮินาโมริต่อ ขณะที่นั่งจับกลุ่มกัน

     

    กลุ่ม1 อิจิโกะ ลูเคีย ฮิตซึกายะ ฮินาโมริ

     

    กลุ่ม2 อิชิดะ แช้ด โอริฮิเมะ ซุยฟง คิระ รันงิคุ (พวกนานาโอะกลับไปหมดแล้ว)

     

    กลุ่ม3 เร็นจิ เซนนะ (คู่กัดตลอดกาล) อิกคาคุ ยูมิจิกะ คาโฮโกะ

     

    ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มอิจิโกะแยกไปที่ฝั่งซ้าย แต่ละคนต่างรีบไปอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะคำนวณจากเวลาแล้ว อาจไม่พอถ้าเกิดไปอย่างช้าๆ องครักษ์ต่อคนหนึ่งก็คงกินเวลานานแน่ๆ รวมถึงการบาดเจ็บอีก

     

    อิจิโกะ ลูเคีย ฮิตซึกายะ ฮินาโมริมาทางฝั่งตะวันตกของเซย์เรย์เทย์ คาดว่า ก็คงจะประมาณหน่วยที่3ก็ว่าได้ แต่ก็คงต้องหาช่องทางไปยังหน่วยที่6ก่อน

     

                อิจิโกะ เดี๋ยวลูเคียคว้าเสื้อของคนตรงหน้าไว้ก่อนขณะที่รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างในขณะใช้ก้าวพริบตาวิ่งมา แม้จะมียมทูตอยู่บ้างแต่มันน้อยกว่าเดิมมากนัก เพราะต่างก็ต้องอยู่ในที่ทำการหน่วยอยู่ ไม่ก็ไปช่วยโลกมนุษย์ในการดูแลและกำจัดฮอลโลว์ ส่วนพลังวิญญาณมากมายและรุนแรงนั้น สันนิษฐานว่า คงมาจากพวกระดับสูงเป็นแน่ และครั้งนี้พลังวิญญาณก็พรวดออกมา ฮิตซึกายะและฮินาโมริก็ดูท่าทางจะรับรู้ได้เช่นกัน ต่างก็หยุดกันหมด ฉับพลัน พลังวิญญาณมาหาศาลก็กดทับ มาแล้วสินะ ศึกครั้งแรก และแล้ว ใครคนหนึ่งก็ปรากฏ เป็นเด็กวัยรุ่นดูท่าทางอายุมากกว่าอิจิโกะเล็กน้อยแต่คงไม่เกิน20ปี ลักษณะทำให้คำเตือนของเซนนะแล่นเข้าสู่สมอง

     

                ไม่ใช่แค่พวกราชวงศ์ที่อายุทางการไม่เกิน20 แต่หน่วยองครักษ์แทบทุกคนก็เป็นเหมือนกัน

     

    เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสันทัด ไม่สูงจนเกินไปรูปร่างดี ผมสีแดงอ่อนเล็กน้อยพลิ้วไหวตามแรงลม ขณะที่ดวงตาสีทองหม่นก็จ้องมองอิจิโกะทันที ชุดของเขามีตราของ46ห้องวังกลางและหน่วยองครักษ์ที่เป็นรูปดาบทรงคาตานะสองเล่มไขว้กัน ประดับที่ปลอกแขนคล้ายของรองหัวหน้าแต่ดูสมัยใหม่กว่า แถมเสื้อผ้ายังเป็นแขนกุดอีกด้วย สงสัยองครักษ์มันก็คงจะแฟร์ชั่นล่ะมั้ง

     

                หน่วยองครักษ์ฝั่งเซย์เรย์เทย์ฮินาโมริกระซิบแผ่วเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นองครักษ์ใกล้ๆเช่นนี้ องครักษ์หนุ่มยังไม่ทักทาย แต่ซักพักเขาก็ยอมเปิดปากพูด

     

                ข้า สุซากุ องครักษ์1ใน2เทพนักรบแห่งอัคคี หวังว่าพวกเจ้าคงมีเหตุผลพอที่คิดจะทำการสิ่งนั้นๆที่เจ้าหวังจะทำดวงตาสีทองหม่นราวกับสามารถมองทุกสรรพสิ่งออกหมด

     

                เก่งใช้ได้นี่อิจิโกะยิ้มเหยียดขณะจับที่ดาบซันเงสึเตรียมพร้อมลงมืออีกฝ่ายก็ชักดาบฟันวิญญาณออกมาเช่นกัน

     

                อิจิโกะใจเย็นก่อนลูเคียเตรียมจะห้ามอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ได้ผล เธอรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อประเมินว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นอย่างที่คาด ดาบฟันวิญญาณสองเล่มพุ่งปะทะกันทันที ในเสี้ยววินาทีที่ยมทูตสาวหลบมา

     

                คุณลูเคียเป็นอะไรมั้ยฮินาโมริถามอย่างเป็นห่วงขณะที่ลูเคียพยายามลุกขึ้นหลังจากล้มไปกระแทก เด็กสาวส่ายหน้าแล้วมองไปที่การต่อสู้ที่เริ่มเปิดฉากกันครั้งแรก

     

    อิจิโกะดันดาบออก ขณะกระโดดถอยออกมาตั้งหลัก สุซากุยืนมองอย่างเงียบๆ และดูไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยต่างกับเด็กหนุ่มผมส้มที่มีเหงื่อไหลซึมเพราะแรงดันของดาบมหาศาลและความร้อนที่เอ่อล้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     

                เก็ทสึงะ เท็นโชเขี้ยวจันทราสีฟ้าทะลวงพุ่งเข้าตามสมญานามของมัน เขี้ยวจันทราทะลวงสวรรค์สุซากุ ถอยไปข้างๆขณะที่รอยฟันของซันเงสึนั้นราบเป็นทางยาวราวกับมีคนเอาคัตเตอร์เฉือนพื้นไปก็ไม่ปาน

     

                มีแค่นี้เองรึ น่าผิดหวังจริงๆนะคุโรซากิ อิจิโกะอีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมา

     

                หนวกหูน่าคนถูกสบประมาทตะคอกกลับขณะพุ่งเข้าใส่ สุซากุยกดาบฟันวิญญาณขึ้น แรงดันวิญญาณจากอิจิโกะราวกับจะเข่นฆ่าก็ไม่ปาน จิตสังหารพวยพุ่ง ขณะที่สัญชาติญาณแห่งไวเซิร์ดเริ่มก่อกำเนิด เด็กหนุ่มกระโดดถอยก่อนจะใช้พลังหน้ากากฮอลโลว์เข้าอีกครั้ง หน้าแปลกนัก ที่สุซากุดูไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของคู่ต่อสู้ตนเองเลยแม้แต่น้อย ต่างจากยมทูตคนอื่น

     

                สมกับเป็นองครักษ์จริงๆฮิตซึกายะออกความเห็นแสดงว่ามีความรู้มากมายมากกว่าไวเซิร์ดเสียอีก รู้เรื่องพลังแฝงเสียด้วย

     

                อะไรคือองครักษ์ฝ่ายเทพนักรบอัคคีอะไรนั่นล่ะฮิตซึกายะคุงฮินาโมริเอ่ยถามเพราะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่

     

                หน่วยองครักษ์แบ่งได้สองส่วนอย่างที่รู้กัน พวกองครักษ์ของ46ห้องวังกลางจะแบ่งเป็นกลุ่ม ทั้งหมด6กลุ่ม กลุ่มละ2คน มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ และพฤกษา แต่ละคนต่างเป็นเชื้อสายดวงวิญญาณแห่งทวยเทพตามกระดานทำนายริคุจินในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น หรือพูดง่ายๆคือเทพนักรบ แต่ไม่ใช่เทพพระเจ้า เข้าใจรึยัง และจะมีหัวหน้า ปัจจุบันก็คาอิน เซ็ทสึ รองหัวหน้าคือฮาริเนะ ยูโนกิ ส่วนหน่วยของฝ่ายโอเค็นถามคุจิกิละกันหัวหน้าหน่วย10โบ้ยมาทางลูเคียทันทีรองหัวหน้าหน่วย5รีบหันขวับไปอย่างขอคำอธิบาย

     

                ถ้าฝ่ายโอเค็นพวกนี้คือคนของราชวงศ์แทบทั้งหมด แบ่งคล้ายๆของฝั่งเซย์เรย์เทย์ อันนที่จริงควรพูดว่าเซย์เรย์เทย์เหมือนดีกว่า องครักษ์มีทั้งหมด12คน มีหัวหน้า และรองหัวหน้าเหมือนกันแต่รวมอยู่แล้วจึงเป็น12 ฝั่งโอเค็นได้แบ่งเป็นสามหน่วยเท่านั้น หน่วยแรกคือของหัวหน้า มีสี่ราชวงศ์คือเซนริ ยูกิ มาซาฮิโระ และอากิโกะ อีกกลุ่มมาสี่คนก็จะมียูโตะ ซานาดะ เลนโย เลนยะ พวกตระกูลนักปราบปีศาจและองเมียวจิน่ะ (credit พี่B13st) พูดง่ายๆสามคนหลังคือญาติพี่น้องแท้ๆของยูกิ ยูโตะเป็นเพื่อน ส่วนกลุ่มสุดท้ายก็มี 4คนเช่นกันก็คือวิญญาณแห่งดาบฟันวิญญาณของสี่คนแรกแหล่ะ พวกนี้ฝีมือไม่ใช่เล่นๆ และค่อนข้างหนักทีเดียวลูเคียพูดจบก็ต้องหันขวับไปทางมุมหลังคา ที่มีหญิงสาวคนนึงนั่งอยู่ ผมสีเงินของเธอยาวจรดเข่า ดวงตาสีเขียวชุ่มชื้นสวยงามคมกริบของเธอมองมาที่ลูเคีย

     

                เจ้าก็อยู่เฉยๆห้ามไปช่วยจะดีกว่าน้ำเสียงหวานและนิ่งสงบบอก

     

                ข้าไม่คิดจะช่วยอิจิโกะอยู่แล้ว เทนโคลูเคียกล่าวตอบแล้วหันมาสนใจการต่อสู้ ที่อิจิโกะดูเป็นฝ่ายลงมือเสียมากกว่า เพราะสุซากุแค่ยกดาบกั้นก็ปัดป้องได้สบายๆ บางครั้งถึงจะมีบาดแผลบ้างเล็กน้อย แต่ทว่าจิตสำนึกที่รู้จักคนพวกนี้มาดี กลับบอกว่า อัคคีอันร้อนรุ่ม จะไม่อยู่เฉยๆง่ายๆและใจเย็นเป็นแน่ และมันก็เกิดขึ้นจริงๆเมื่อสุซากุยกดาบขึ้น

     

                จงเผาผลาญศัตรู สุซากุ”(ชื่อดาบฟันวิญญาณกับชื่อองครักษ์คือชื่อเดียวกันทำให้ง่ายต่อการจำ) พริบตาเดียว ดาบก็ขยายขนาดขึ้นจนมีขนาดเท่ากับซันเงสึ เพียงแต่ด้ามจับคือสีทองเท่านั้น เปลวเพลิงร้อนระอุแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศ อิจิโกะมองคู่ต่อสู้อย่างพินิจ เอาไงเอากัน มีแผลไฟไหม้ของไม่เป็นไรมั้ง แต่ทางลูเคียกลับคิดในใจว่า หางานหนักให้ฉันล่ะสิมากกว่า ส่วนฮิตซึกายะเองก็รีบไปที่ทำการหน่วย1ทันทีที่ได้ผีเสื้อนรกส่งข่าวมา

     

     

     

                หืมอิชิดะหยุดวิ่งเช่นเดียวกับแช้ดและโอริฮิเมะ เพราะสัมผัสแรงดันวิญญาณและเสาอัคคีแดงเพลิงที่พวยพุ่งแทบเสียดผืนฟ้าของเซย์เรย์เทย์ พลังวิญญาณของอิจิโกะ และใครอีกคนนึงที่ดูมีจิตแห่งทวยเทพพวยพุ่งออกมาด้วย ความบริสุทธิ์และใสสะอาด

     

                พลังวิญญาณอีกดวง สงสัยจะเป็นของทางองครักษ์ซุยฟงออกความเห็นอย่างใช้ความคิด ขณะที่วิ่งไปต่อเช่นกัน คิระและรันงิคุมองเสาอัคคีที่ดูสง่างาม สงสัยครั้งนี้คงเป็นธาตุไฟ หัวหน้าหน่วย2จำต้องรีบไปที่ทำการหน่วยอย่างเร่งด่วน เท่านี้ก็เหลืออีก5คนที่พอจะอยู่ได้

     

                งั้นก็คงต้องรีบใหญ่โอริฮิเมะเตรียมจะไปช่วยเพราะกลัวจะได้รับอันตรายแต่รันงิคุและคิระรีบห้ามไว้ก่อน

     

                อย่านะ โอริฮิเมะ ทำตามสัญญาที่พวกเราได้ให้ไว้ก่อนจะมาสิรันงิคุร้องเตือน

     

                ใช่แล้วครับ ทางนั้นมีคุณลูเคียอยู่ด้วยไม่ต้องเป็นห่วง แต่ข้าคิดว่าคงจะเป็นความต้องการของคุณอิจิโกะที่อยากจะทำด้วยตัวเองน่ะ

     

    จริงสินะ มีคุณคุจิกิอยู่ด้วยไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ก็อดเป็นห่วงคุโรซากิคุงไม่ได้ โอริฮิเมะคิดในใจ ขณะที่อยากจะวิ่งไปช่วยเดี๋ยวนั้นเลย แต่ทว่า ไม่หรอก ไม่ได้ เราไปก็มีแต่จะทำให้เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ องครักษ์ธาตุไฟเธอคงจะไม่ไหว เพราะแค่จิตเทวะและพลังวิญญาณก็ทำให้อาวุธหกบุปผาโล่ผู้พิทักษ์แทบจะสั่นคลอนจนผมของเธอไหวตลอดเวลาแล้ว

     

                แต่ว่าก็น่าจะช่วยบ้างนะครับคุณรันงิคุเพราะนั่นมันองครักษ์ไม่ใช่หรอแช้ดถามบ้าง แต่คนที่ค้านกลับเป็นอิชิดะ

     

                เชื่อใจหน่อยสิ ซาโดะคุง เป้าหมายของเราคือเบิกทางให้คุโรซากิและคุณคุจิกินะ เพราะสองคนนั้นยังไงก็ต้องสู้กับเพื่อนและพี่ของตัวเอง ถ้าเราไปขัดขวางมีแต่จะทำให้พะวักพะวงเปล่าๆ อย่าเลย

     

    ได้ผลครั้งนี้ทุกคนยอมฟัง ใช่ คนที่เจ็บปวดครั้งนี้คงเป็นคุจิกิ ลูเคียที่ต้องทนเตรียมสู้กับเพื่อนของตัวเอง คนที่นับถือและเคารพ ต้องลงมือกับเบียคุยะก็ว่าได้ และอิจิโกะ ก็เช่นกัน พวกเขาอยากจะพบกับเซนริและยูกิอีกครั้ง อย่างน้อยได้คุยกันได้รู้เหตุผลก็ยังดี อยากจะทำให้เปลี่ยนใจไปก็อยากจะทำ ยังมีเรื่องต้องการจะคุยอีกเยอะแยะ ถึงจะหยุดประหารไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากจะบอกในสิ่งที่อยากจะคุยก่อนที่สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเซนริจะขาดสะบั้น ก่อนเวลาที่จะไม่มีคำว่าเพื่อนอีกต่อไป โอกาสนี้อาจเป็นแค่ครั้งเดียว เพราะพวกเขาอยู่สูงเกินไป จนไม่อาจเอื้อมถึง

     

                ก่อนจะฝ่าไปช่วยคนอื่นน่ะ ลองดูคนที่ต้องสู้ด้วยสิอิชิดะยิ้มแห้งๆขณะที่หยุดวิ่ง แต่ละคนที่วิ่งตามมาก็หยุดพร้อมกัน และชะงักกับพลังวิญญาณนี้ ชายวัยประมาณ20ปีกว่าๆ อาจจะแก่กว่านั้น (ถึงองครักษ์จะเด็กแต่ก็ต้องมีผุ้อาวุโสดูแลค่ะ) ผมสีเทาเสยไปทางด้านหลังราวกับเซตผมก็ไม่ปาน เสื้อผ้าพลิ้วไหวแม้ไม่ค่อยเหมือนพวกยมทูตมาก แต่แค่มีตราขององครักษ์ก็พอจะรู้ได้แล้ว สายลมพัดไหวรอบๆตัวเขา 1ใน2เทพนักรบขุนพลวายุแน่นอน

     

                ข้าชื่อเบียกโกะ ข้าไม่ค่อยอยากสู้กับพวกเจ้าแต่หน้าที่คือหน้าที่ชายคนนั้นแนะนำตัวใครจะเป็นคู่มือให้กับข้า

     

    แช้ดเตรียมจะก้าวเท้าออกไป ทุกคนก็เช่นกัน แต่อิชิดะมองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมากระซิบกับทุกคน

     

                ผมจะอยู่ต่อกรกับเขาเอง ที่เหลือล่วงหน้าไปเลย

     

                เดี๋ยวสิอิชิดะคุงโอริฮิเมะเตรียมจะค้านถ้าเกิดเธอบาดเจ็บขึ้นมาล่ะ

     

                นั่นสิ อิชิดะ พวกเราจะช่วยนายด้วย

     

    แช้ดสนับสนุนแต่คนฟังกลับส่ายหน้า

     

                ไม่ได้หรอก พวกเราต้องไม่เสียเวลาตรงนี้ด้วยกัน หลักการเดิมต้องจำไว้ ซาโดะยังจำเป็นต้องต่อสู้กับคนที่มีพลังคล้ายๆกัน คุณอิโนะอุเอะยังต้องรักษาอีกมากมาย ถ้าไม่มีคุณไปด้วยก่อนพวกที่เหลือจะลำบาก คุณรันงิคุและคุณคิระเองก็เป็นถึงรองหัวหน้า ฝีมือของคุณต้องไม่มาเสียเวลาที่จุดนี้อิชิดะอธิบายเหตุผลแต่ก็คงใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะเข้าใจได้ สุดท้ายก็ยอม

     

                งั้นขอให้ชัยชนะจงอยู่กับนาย อิชิดะทุกคนหันมาอวยพรแล้วรีบล่วงหน้าไปก่อน แต่น่าแปลกที่เบียกโกะไม่ยักตามไปกับเขาด้วย

     

                ไม่ตามไปรึไงเด็กหนุ่มยิงคำถามใส่ทันทีขณะขยับแว่น แล้วกางมือเรียกเซเล่ชไนด์เดอร์ออกมา

     

                ไม่ ข้าไม่ชอบแบบนั้น อย่างน้อยถ้าเจ้าตั้งใจจะอยู่สู้ตัวต่อตัว ข้าก็ต้องให้เกียรติเจ้าเช่นเดียวกับเจ้าให้เกียรติข้าอีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้อิชิดะรู้สึกชื่นชมในตัวขององครักษ์อย่างยิ่ง แม้จะเป็นศัตรูแต่เขากลับให้เกียรติเสมอ

     

                ผมนึกว่าองครักษ์จะบ้าเลือดเสียอีก คุณแปลกกว่าที่ผมคิด

     

                พวกเราไม่ได้บ้าเลือดเท่าไหร่ อย่าเอาไปเทียบกับยมทูตทั่วไป เราเหล่าองครักษ์จะไม่สู้ถ้าไม่จำเป็นหรือถ้าหากหัวหน้าสั่ง และเราเองก็ไม่ได้มีความแค้นเท่าไหร่เพียงแต่ข้าได้รับคำสั่งให้ขัดขวางเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดเบียกโกะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและใจเย็น

     

                แต่ผมไม่ออมมือนะอิชิดะง้างธนูทันที เบียกโกะพยักหน้า ขณะที่สายลมพัดไหวพร้อมกับพลังวิญญาณของยมทูตและควินซี่ปะทะกันอย่างรุนแรง

     

     

    ฟุยุโซระ คาโฮโกะหยุดชะงัก เธอรับรู้ถึงการต่อสู้ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง กลุ่มของเธอได้วิ่งกันมาสองชั่วโมงแล้ว พลังวิญญาณสั่นสะเทือนแทบครึ่งหนึ่งของเซย์เรย์เทย์

     

                การต่อสู้น่าสนุกดีแฮะอิกคาคุหัวเราะหึหึ

     

                ถ้าอยากสนุกนักเก็บไปสู้กับคาอินจะดีกว่านะคาโฮโกะบอกขณะที่ยังมองไปทางเสาอัคคีและวายุที่กระจายไปทั่วสุซากุและเบียกโกะงั้นรึ

     

                รู้จักหรอเร็นจิหันมาถาม

     

                อื้อ ก็เพื่อนกันน่ะเธอตอบสั้นๆขณะวิ่งนำหน้าต่อไปทันที คาอิน เจ้าคงเอาจริงสินะ

     

     

     

    ร่างสูงสง่าของเด็กหนุ่มที่ใกล้จะเป็นชายหนุ่ม ผมสีน้ำตาลประกายแดง และรูปร่างที่เหมือนกับนักกีฬาและไอดอลก็ไม่ปาน เพียงแต่เขาไม่ค่อยสนใจ ดวงตาสีฟ้าคู่สวยมองไปที่บากระโดดสูงตรงสนามกีฬาที่บ้าน ใช่ เขาไม่ได้กลับมาบ้านคุจิกินานแล้ว บากระโดดสูงที่เป็นของสำคัญ เพียงแต่เขาจะได้ใช้อีกรึเปล่าก็ไม่รู้ เซนริถอนหายใจเฮือก เวลาอยู่คนเดียวเขาจะชอบทำตัวตามสบาย เพราะไม่อยากสวมหน้ากากโหดร้ายตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนเลือดเย็นที่ไร้หัวใจ สำหรับคนที่มองผิวเผินอาจใช่ แต่สำหรับพวกองครักษ์ที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน และเพื่อนที่ห้องในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นยูกิ คาอิน หรือเพื่อนๆที่ร..ก็ตาม โดยเฉพาะยูกิที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาดีกว่าใคร เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเกินมนุษย์ทั่วๆไปก็มีความเจ็บปวด เขาอยากจะห้าม แต่ว่าสัญญาไปแล้ว ถ้ายูกิไม่มีความทรงจำตอนนี้ เดือนหน้าเธอก็ต้องตายแบบทรมาน ครั้งนี้อาจดูโหดร้าย แต่ว่า ก็ขอให้เขาลงมือเอง อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีใครทำให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ มือหนาสัมผัสที่บริเวณซึ่งมือบอบบางแต่อบอุ่นนั้นเคยปลอบประโลม ในวันก่อนที่จะต้องลงมือ วันสุดท้ายที่จะได้เป็นเพื่อนกันตลอดไป...

     

    แม้จะเป็นองค์ชาย แม้จะอายุได้17-18 แต่ยังไง เขาก็มีหัวใจ ถึงจะเย็นชา แต่ก็มีหัวใจที่ต้องการความสุข เขาแทบจะสูญเสียทุกอย่างตอนท่านแม่เสียไป ซึ่งมีคนได้ลงมือ แต่คนที่พยายามให้เขาก้าวต่อคือยูกิ ในโลกภายนอกเธอจะชอบใส่หน้ากากเย็นชา ตายด้าน เพราะไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่ตอนนี้ความเชื่อใจต่อพวกอิจิโกะก็มีมากขึ้นทำให้ความอ่อนโยนลึกๆปรากฏออกมาให้เห็นชัดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีเวลาพอจะทำได้ เขารู้จักด้านนี้ของยูกิหรือเจ้าหญิงโทโอยะ ตลอดเวลาความอบอุ่นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่สุดท้ายวันนี้เขาคงต้องตัดใจ

     

    ร่างสูงสง่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่จนต้องทรุดฮวบ ทั้งเข่าซ้ายและแขนซ้าย เมื่อสามปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุ ทำให้เอ็นฉีกขาด แถมเขาฝืนร่างกายมามากทำให้ไม่สมบูรณ์นัก แม้แต่การต่อสู้ ในสายตาของเขาและยูกิเองถือว่าด้อยไปมากนัก

     

    มือขวาของเซนริที่สวมถุงมือไว้ ยกชูขึ้น รับกับแสงตะวันยามสาย เมื่อถึงมือสะท้อนกับแสงสว่างก็เห็นพลังของวิถีมารไว้

     

                ปลดผนึกราวกับคำสั่งของเขาคือวาจาสิทธิ์ วิถีมารที่สะกดไว้อยู่ มันค่อยๆสลายหายไปและแตกออกมาเหมือนมีเสียงแก้วแตก ร่างของเขาสูงขึ้นเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลที่รับกับแสงแดดจนเห็นประกายแดงได้ชัด ซอยเป็นทรงดูเท่ห์กว่าเดิม ชี้ข้างเล็กน้อย ดูเผินๆ เหมือนนายแบบหลุดมาจากแมกกาซีนไม่ก็มีเทพบุตรมาจากสวรรค์ยังไงยังงั้น

     

    การปลดผนึกของราชวงศ์หรือใครก็ตามที่ได้กรณีพิเศษ อย่างของเซนริ จะทำให้พรางหน้าตาหรือรูปร่างบางส่วน แต่ทำได้ไม่มาก ทำโดยใช้วิถีมาร และวันนี้ผนึกมันก็แตกเรียบร้อย เขาจึงต้องเดินไปเดินมาแบบนี้ และนี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา แต่เซนริไม่มีเวลาจะมาสนใจ เพียงแต่ เขากำลังคิดเรื่อง...

     

    ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่สวยตวัดไปทางเสาอัคคีและวายุที่พุ่งสูงอย่างรับรู้ได้ ถึงการปะทะกันของเหล่ายมทูต ไม่นานเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ก้าวเข้ามา เด็กหนุ่มรุ่นเดียวกัน ผมสีเงิน และดวงตาสีเดียวกัน ยืนกอดอก พร้อมกับส่งม้วนกระดาษในมือมาให้

     

                ฉันว่า ถ้านายอยากจะแก้ไขอะไร คงทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว 46ห้องวังกลางพึ่งประชุมเสร็จและส่งสิ่งนี้มาให้นายคาอินพูดเนิบๆ เปลี่ยนจากสรรพนามรุ่นโบราณมาเป็นภาษาที่คนสมัยใหม่ใช้พูดกันทั่วๆไป เพราะว่า ที่ต้องใช้ข้าและเจ้าเนื่องจากบางครั้งก็มีคนบังคับให้ใช้ แต่โดยทั่วๆไปชอบใช้คำแบบธรรมดามากกว่า ซึ่งพวกนี้จะเป็นพวกสี่ราชวงศ์หรือองครักษ์บางคนจะใช้มันเท่านั้น

     

    เจ้าชายแห่งราชวงศ์พยักหน้าก่อนจะหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาดู ดวงตาคู่สวยกวาดมองอย่างรวดเร็ว ในดวงตาไร้วิญญาณฉายประกายแห่งความกราดเกรี้ยวจนน่ากลัว ก่อนจะทิ้งเอกสารในมือแล้วก้าวอย่างรวดเร็วไปที่คุมขังนักโทษหน่วยที่6ทันที คาอินได้แต่ยักไหล่ แต่จริงๆ เขาเองก็อยากจะหยุดการประหารนี้เหมือนกัน ถึงเด็กหนุ่มจะทำเป็นผู้ใหญ่ยังไง แต่ว่า วัยรุ่นก็คือวัยรุ่น คาอินก้มลงเก็บเอกสารที่ตกลงบนพื้นสนามกีฬา แล้วส่ายหัว ดวงตาสีเงินมีแววแห่งความหม่นหมอง แล้วโยนกลับไปตามสายลม ขณะที่มีตัวอักษรเขียนไว้ด้วยลายมือของ46ห้องวังกลาง

     

    เลื่อนการประหารย่นระยะให้เร็วขึ้น ในอีกสิบห้าวันข้างหน้า ย้ายนักโทษไปที่หอสำนึกผิดได้ และวันประหารการใช้โซเคียคุจะแจ้งมาอีกที.....

     

     

     

                ไม่เคยคิดเลยนะคะว่าพี่คิดจะฝืนกฎจริงๆ หัวหน้าคุจิกิคงเอาตายแน่เสียงหวานใสแต่ดูเด็กยิ่งนักกล่าวออกมา ขณะที่เดินมา ผมยาวสลวยมัดด้วยโบว์สีแดงอันใหญ่ ดวงตาโตแต่ดูรั้นแบบเด็กๆจ้องมอง คาโฮโกะสะดุ้งแล้วหันมาทางอาคันตุกะที่พึ่งมาเยือน ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเธอ ดวงตาเบิกกว้าง เช่นเดียวกับ เร็นจิ และเซนนะ

     

                หัวหน้าคุจิกิ สั่งให้ข้ามาขวาง แม้ข้าจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แต่ถ้าไม่ทำตามก็คงจะไม่ได้เธอคือฟุยุโซระ นิกโกะ น้องสาวของคาโฮโกะ ดวงตาสีน้ำเงินกรมท่าของผู้อ่อนเยาว์กว่าจ้องมองอย่างไม่สะทกสะท้าน

     

                เจ้าถอยไปซะ พี่ไม่อยากลงมือกับเจ้าผู้เป็นพี่เอ่ยย้ำ แต่ผู้เป็นน้องกลับไม่ฟัง คาโฮโกะหันไปทางคนที่มาด้วย แม้อิกคาคุจะอยากมาสู้แต่ยูมิจิกะที่ดูเหมือนจะเดาเหตุการณ์ได้แต่ปรามเอาไว้

     

                งั้นพวกเจ้าไปก่อน ข้าจะจัดการกับเด็กดื้อเธอกล่าวขึ้น แม้ทางพวกเร็นจิจะลังเล แต่สุดท้ายก็ต้องทำ เพราะไม่งั้น อาจไม่ทันการ ไม่รู้จะเจอศัตรูอีกเยอะแค่ไหน เร็นจิที่ใช้ก้าวพริบตากระโดดมาทางหลังคาก็เกือบกลิ้งตกลงมาทันทีที่ผีเสื้อนรกบินว่อนไปมาทั่วเซย์เรย์เทย์ และหนึ่งในนั้นก็บินมาหาเขา พร้อมกับส่งข้อความที่ทำให้รองหัวหน้าหัวแดงต้องเบิกตากว้าง

     

                เกิดอะไรขึ้นล่ะ เร็นจิอิกคาคุถาม เซนนะยื่นมือรับซองเอกสารประทับตราใบเมเปิ้ลสีทอง มีเขียนว่าakane อยู่ ดวงตาสีเมเปิ้ลกวาดมองไปทั่ว พลางขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด

     

                ร่นระยะเวลาการประหารให้ใกล้เข้ามาอีก จาก30วันเหลือ15วันเร็นจิหันมาตอบ ขณะที่เซนนะยังคงกวาดตามองซองจดหมายที่ค่อนข้างยาวต่อ

     

                นี่มันเรื่องอะไรกันเป็นครั้งแรกที่เห็นยูมิจิกะมีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะชักไม่เข้าใจเรื่องราวไปทุกที แค่เพียงเข้ามาไม่ได้บุกรุก มีเพียงเหตุการณ์ที่เหล่าหน่วยพิทักษ์ทั้ง13ปะทะกับองครักษ์ถึงกับต้องร่นเลยรึไง หรือว่ากลัวจะทำให้การประหารล้มเลิกกันแน่แล้วเจ้าล่ะ เซนนะ

     

    เซนนะมีสีหน้าแทบจะฉีกจดหมายเป็นชิ้นๆ เธอเพียงแต่ยื่นจดหมายให้ ผู้ชายทั้งสามคนรีบสุมหัวกันอ่านทันที

     

    ถึง เซนนะ น้องสาวที่รัก

     

                น้องคงได้รู้เรื่องการประหารของเจ้านายพวกเราแล้ว พี่รู้ดีว่ามันลำบากใจและทำใจยากสำหรับน้องที่ต้องทนเห็นเพื่อนสนิทที่เห็นมาตั้งนานต้องเสียไป แต่ยังไงกฎก็คือกฎ หวังว่าน้องคงจะสามารถคิดไคร่ครวญเรื่องนี้ได้ พี่รู้ว่า น้องได้เข้ามาที่โซลโซไซตี้เพื่อจะหยุดการประหารพร้อมๆกับเพื่อนๆทุกๆคน พี่ไม่อยากจะเตือนอีกครั้งนะ เซนนะ น้องลืมไปแล้วรึยังไงที่ว่า ตระกูลเรา เป็นเพียงแค่คนที่เฝ้ามองให้เจ้านายของพวกเราต้องตายไปทีละคนๆ ในคืนโศกนาฏกรรมนั้นน้องก็น่าจะรู้ดีว่าเราช่วยอะไรไม่ได้ ถึงจะทำได้แค่ปกป้องคุ้มครองให้คำทำนายแต่คำทำนายก็คือคำทำนายบิดพลิ้วไม่ได้อยู่ดี 46 ห้องวังกลางตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ และรู้ว่าการประหารมีการหยุดยั้ง จึงออกคำสั่งให้ร่นการประหารจาก30วันมาเป็น15วันซึ่งนี่คือการปรานีอย่างที่สุด เจ้าหญิงโทโอยะจะถูกย้ายไปที่หอสำนึกผิด และที่นั่นมียมทูตระดับสูงคอยคุ้มกันอยู่ น้องคงจะมีสติคิดไตร่ตรองนะว่า การบุกเข้าไปมันเสี่ยงและมีโทษแค่ไหน น้องคือคนตระกูลนักทำนายแห่งราชสำนักที่น่าภาคภูมิใจ อย่าเอาชื่อเสียงที่คงอยู่มานานนับหลายพันปีมาละลายแค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ

     

    ด้วยรัก

    อาคาเนะ ซากุระ

    ผู้นำตระกูลอาคาเนะแห่งมิติวังราชันย์

     

    แต่ละคนมองเจ้าของจดหมายด้วยสีหน้าค้างและตกตะลึงไปตามๆกัน

     

                แล้วเจ้าจะทำไงต่อล่ะเร็นจิเอ่ยถามหรือจะกลับบ้านดี

     

    เซนนะสะบัดหน้ามาทันทีดูเหมือนจะยังไม่หายเคืองกับจดหมาย เธอใช้วิถีมารระเบิดจดหมายเป็นชิ้นๆทันที

     

                ไม่กลับแน่ เกียรติและศักดิ์ศรีบ้าๆนั่น พี่น่ะ ยึดติดกับมันมากเกินไป ข้าว่า ลูเคียคงได้จดหมายนี่เช่นกันพร้อมๆกับคาโฮโกะเป็นแน่

     

     

    จริงอย่างที่เซนนะว่า เพราะสีหน้าของคาโฮโกะไม่ต่างจากเซนนะ ส่วนลูเคียไม่ได้จดหมายเพราะเบียคุยะคงเดาได้ว่าเธอรู้ และแน่นอน เธอคือคนที่รู้คนแรกว่ายูกิจะต้องเป็นอะไรไป ตอนแรกก็ทำใจไม่ได้ แต่ดูเหมือนท่านพี่ของเธอจะบอกให้เธอตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะทำยังไงต่อไป ท่านพี่ฮิซานะเองก็ไม่ได้ห้ามปราม เพราะอยากให้เธอคิดเอาเองว่าจะทำอะไรดีแต่สำหรับคาโฮโกะ เธอถึงกับใช้คิโดทำลายจดหมายทิ้งทันที

     

                ระวังท่านพ่อบ่นจนหูชาล่ะนิกโกะออกความเห็นขณะมองซากจดหมายอย่างไร้อารมณ์ข้าดูไปดูมา ท่านพี่คงไม่คิดจะเลิกล้มความคิดง่ายๆ ฉะนั้น ก็คงต้องเอาจริง

     

    คาโฮโกะตวัดสายตามาทันที ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อน้องสาวยกดาบขึ้น

     

                จงแช่แข็ง เซ็ทสึนะ! (สตรีน้ำแข็ง)”

     

    เปรี้ยง...

     

    ดาบฟันวิญญาณกลายสภาพเป็นหญิงสาวผมสีเงินยาวและชุดเกราะสีเงินพร้อมดาบกระชับมือ ลมหนาวพัดพา นิกโกะชูมือ ตวัดมือขวาราวกับฟาดดาบ ทำให้หญิงสาวชุดเกราะสีเงินฟาดดาบในมือเข้าหาทันที คาโฮโกะกระโดดหลบ ขณะที่รอยเฉี่ยวของเซ็ทสึนะทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะที่แขนเสื้อ ผู้เป็นน้องยังไม่ยอมแพ้ ขณะที่บังคับดาบฟันวิญญาณให้พุ่งเข้าใส่อีกครา

     

                ดาบฟันวิญญาณที่มีความสามารถด้านวิญญาณเทียม พัฒนาขึ้นเยอะนี่ผู้เป็นพี่เอ่ยชม แต่นิกโกะไม่สนใจ เธอยังบังคับวิญญาณเทียมให้โจมตีต่อเนื่อง คาโฮโกะกระโดดขึ้นมาบนหลังคาของที่ทำการหน่วยห้า แล้วสะบัดเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะเต็มแขนเสื้อออกมา ดาบน้ำแข็งฟาดฟันเข้าราวกับลมพายุก็ไม่ปาน ตัดเส้นผมด้านข้างส่วนนึงของเด็กสาวออกไป ยมทูตสาวมองผมที่ตัดไปอย่างไม่ใส่ใจ ขณะคิดในใจ ดาบน้ำแข็ง แต่กลับใจร้อนเหมือนไฟเสียไม่มี แต่ก็ต้องหลบอีกครั้ง น้ำแข็งระเบิดออกจนพื้นบริเวณนั้นราวกับลานสเก็ตน้ำแข็งก็ไม่ปาน

     

                สู้สิ ท่านพี่ ไม่งั้นข้าจะฆ่าท่านนิกโกะตะโกนใส่ แต่คนที่ถูกบังคับให้ลงมือไม่ชักดาบ ทำไม่ลงหรอก นั่นน้องสาวของเธอนะ เธอเห็นมาตั้งแต่เล็ก ดูแลและเล่นด้วยกัน อยู่หน่วยเดียวกัน เซ็ทสึนะเงื้อดาบแล้วแทงทะลุหลังคาของที่ทำหารหน่วย ก่อนจะกระชากขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เห็นน้ำแข็งเกาะกุมทั่วบริเวณหลังคาที่ถูกแทง แล้วฟาดอย่างรวดเร็วใส่คนโตกว่า ที่หลบไม่ทัน

     

    เปรี๊ยะ...

     

    ดาบฟันวิญญาณกระทบกับกำแพงพลังวิญญาณที่เป็นกระจกเหมือนมีสายน้ำปกคลุม คาโฮโกะยกมือกุมหน้าอกแล้วหอบหายใจ ถ้ากางกำแพงไม่ทัน มีหวังได้เป็นไอศกรีมแท่งแน่ๆ เซ็ทสึนะถอนดาบออก ขณะที่กำแพงวิญญาณสลายไป นิกโกะมองคนตรงหน้าอย่างประเมิน ความสามารถพิเศษของท่านพี่เธอ วิชาประจำตัว กำแพงวิญญาณ พลังที่สามารถสร้างกำแพงได้ด้วยพลังวิญญาณและสามารถควบคุมน้ำได้

     

                คาโฮโกะลุกขึ้นยืน ตอนนี้เวลาเหลือน้อยแล้ว และน้องสาวก็บีบให้เธอต้องลงมือ ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างฝืนๆ ในเมื่อไม่อยากลงมือก็ต้องทำ ดาบฟันวิญญาณถูกชักออกมาจากฝัก ขณะที่หมุนดาบฟันวิญญาณเป็นวงกลม

     

                สายฝนแห่งฟากฟ้าจงตกลงมา มิอุคิฟูมิ (ขุนนางแห่งฤดูฝน) จงเต้นระบำคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ ดาบฟันวิญญาณกลายเป็นแส้ขนาดยาว มีกระพรวนสีทองห้อยอยู่ที่ด้ามแส้ คาโฮโกะฟาดแส้ใส่ทันที คลื่นยักษ์ที่อยู่รอบๆแส้พุ่งเข้าถาโถมจนบริเวณรอบนั้นเต็มไปด้วยน้ำชื้นแฉะ เซ็ทสึนะสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นกั้น จนมองไม่เห็น ภายในสายน้ำที่ถาโถม นิกโกะเห็นเงาที่พุ่งเข้ามา พร้อมกับแส้เงินยาวฟาดเปรี้ยงที่กำแพงน้ำแข็งจนแตกสลาย พร้อมกับสายน้ำพุ่งเข้าหาราวกับพายุหรือคลื่นสึนามิก็ไม่ปาน นิกโกะยกมือขึ้นบัง แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแส้มัดที่ข้อมือแล้วสะบัดให้พลังวิญญาณหลุดพ้นจากการที่สามารถควบคุมวิญญาณเทียมได้ ร่างเล็กของเด็กหญิงกระเด็นไปกระแทกกำแพง

     

                บอกแล้วไงว่าถ้าข้าเอาจริง น้องก็รับไม่ไหวหรอกคาโฮโกะตวัดแส้กลับมาพร้อมกับสายน้ำหมุนวนรอบๆ เธอใช้มืออีกข้างจับแส้แล้วหมุนเล่นขณะที่คลื่นน้ำยังคงหมุนวนตาม นิกโกะที่ถึงกับทรุดลงไป แต่ทว่าสถานการณ์กับพลิก เมื่อดาบน้ำแข็งพุ่งเข้าหาผู้เป็นพี่อย่างรุนแรงที่ด้านหลัง!

     

     

    ห้องขังหน่วยที่6

     

                องค์ชายเหล่าคนเฝ้ายามแห่งหน่วยที่6ถึงกับตกใจเมื่อเซนริเดินเข้ามา ขณะที่มีพวกเพชฌฆาตตามมาด้วย แล้วรีบเปิดกลอนกุญแจให้ ร่างสูงสง่าเดินเข้าไปที่ห้องขัง ร่างที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาที่หม่นแสงของการมีชีวิตอยู่ กิโมโนสีขาวผืนบางของนักโทษ รอบๆตัวของเธอคือหินจิตสังหาร ดูท่าทางพลังของยูกิจะทำให้เห็นภาพจนแยกแยะเหตุการณ์ไม่ออก และเท่าที่เดาพลังว่าดูอะไรอยู่ ก็คงจะดูการต่อสู้ที่เป็นไปตามอัตโนมัติ

     

    เซนริก้มลงอุ้มเด็กสาวที่ยังไม่ได้สติ แล้วหันไปทางเพชฌฆาต เป็นเชิงว่านำหน้าไป ทางเดินที่สามารถตัดผ่านไปยังหอสำนึกผิดได้เลย ไม่มีใครใช้เส้นทางนี้มานานมากแล้ว จนกระทั่งมาถึงหอสำนึกผิด เข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มวางร่างในอ้อมแขนลง แล้วเขย่าตัวเรียก

     

                นายยูกิเค้นเสียงออกมาเซนริพยักหน้า แล้วหันไปทางคนที่ตามมาด้วยคนอื่นๆ เป็นเชิงว่าให้รอไปก่อน

     

                ทำตามที่ฉันบอกเซนริกระซิบ เพราะเขาพอจะเข้าใจเรื่องการประหารทำท่าทางเป็นมองไปที่โซเคียคุ

     

                ทำไม

     

    ยูกิทำท่าจะถามแต่เห็นสายตาของอีกฝ่าย จึงทำตาม เพราะดูท่าทางจะเป็นเรื่องเร่งด่วน เธอรีบทำตาม ทันที ลมที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้ผมที่ยาวถึงข้อเท้าพลิ้วไหว เด็กหนุ่มก้มลงไปใกล้ๆ ใช้มือซ้ายยันหน้าต่างไว้ แล้วพึมพำที่ข้างหู เหมือนกับต้องการบอกอะไรแต่ทำให้คนอื่นๆไม่ได้ยินมีเพียงเธอคนเดียว

     

                นี่นายคิดจะยูกิครางเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่มือเรียวใหญ่กว่ามือของเธอรีบปิดปากไว้ก่อน

     

                ฉันจะลองดู เข้าใจว่ามันเสี่ยงอันตราย แต่ฉันจะทำน้ำเสียงหนักแน่นทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ ได้แต่พยักหน้ารับ

     

                ตอนนี้ทำตามที่ฉันบอกไปก่อน เข้าใจมั้ย

     

                เข้าใจน่า อย่ามาสั่งอีกฝ่ายย้อนกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำให้เซนริถึงกับโล่งอก อย่างงี้ก็พอทำตามแผนได้ถ้าสภาพจิตใจยังพอดีอยู่

     

                ฉันจะใช้วิถีมาร อีกครั้งเธอก็คอยสังเกตเหตุการณ์ต่อไป ส่วนเรื่องอิจิโกะ ก็คงเลี่ยงไม่ได้ เข้าใจมั้ย

     

                อื้อๆ

     

    เซนริพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะใช้วิถีมารอีกครั้ง แล้ววางลง ก่อนจะเดินกลับไป อาคมถูกร่ายแล้วก็เกิดเกราะป้องกันอีกชั้น จากนั้นร่างสูงสง่าก็เดินกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปสมทบกับพวกราชวงศ์ มาซาฮิโระ อากิโกะที่มา แถมด้วยหัวหน้าองครักษ์อย่างคาอิน แต่ละคนมองด้วยสายตาประมาณว่า เล่นงี้เลยเรอะ... ยังไม่มีใครทันสังเกตแต่เพียงแว่บเดียวที่สามคนเห็น เจ้าชายรูปงามแห่งโซลโซไซตี้ ที่ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เด็กสาวที่อยู่ในหอสำนึกผิดและพึ่งจะคิดอะไรออกเมื่อครู่

     

     

     

    ทางด้านอิจิโกะที่สู้กับสุซากุ ฮิตซึกายะไปประชุม เหลือแต่ฮินาโมริที่คอยดูอยู่ห่างๆ อย่างสงบ

     

                ที่ต้องประหารไปพวกนายต้องการอะไรกันแน่อิจิโกะปาดเหงื่อจ้องมองคู่ต่อสู้ อุณหภูมิตอนนี้สูงขึ้นจนแทบจะเดือด ต้องอดทน ต้องอดทน แต่คำถามที่อิจิโกะถามไปนั้นทำให้สุซากุต้องหลบสายตา เป็นครั้งแรกที่เห็นความหวั่นไหวอยู่ เล็กน้อย เพียงแวบเดียวเท่านั้น

     

                อย่างกับพวกข้าอยากจะทำ

     

    อย่างกับอยากจะทำ ลูเคียและฮินาโมริหันขวับมาทันที ลูเคียมองเล็กน้อยก่อนจะรับรู้ได้ในทันใด ไม่มีใครอยากจะประหารเพื่อนได้หรอก แม้แต่เพื่อนอย่างเหล่าองครักษ์

     

                หัวหน้าเองก็ไม่อยากทำ แต่มันเป็นคำสั่งจากเบื้องบน ท่านเซนริเองถูกบังคับให้ทำเช่นกัน

     

                แต่ว่าเซนริเป็นเจ้าชาย ทำไมเขาไม่สั่งการล่ะอิจิโกะถามอย่างสงสัย แต่คนที่ตอบกลับเป็นลูเคีย

     

                เจ้าชายรัชทายาท คือตำแหน่งที่ถูกบีบคั้นมากที่สุด เพราะหลักการเดิมคือความปลอดภัยสำหรับกษัตริย์แห่งโซลโซไซตี้ในภายหน้า เพราะไม่ช้าก็เร็ว แผ่นดินก็จะตกลงสู่มือเขา ถ้าปล่อยให้ทำอะไรเสี่ยงๆ ก็เป็นผลเสีย แต่พวกนั้นก็ไม่รู้ ว่าฝีมืออย่างเขาคือเวลาในแรกๆน่ะ ข้าก็พบกับเขาสมัยที่ยูกิยังไม่เสียความทรงจำไป มีความสุขเชียวล่ะ แต่ว่าเรื่องร้ายๆก็เกิดขึ้นอยู่ดี

     

                ตามที่คุณลูเคียบอกมาแหล่ะค่ะ คุณอิจิโกะ 13หน่วยผู้พิทักษ์ เหมือนกับให้การคุ้มครองเจ้าชายรัชทายาทและเชื้อพระวงศ์ ท่านเซนริคือบุคคลสำคัญของโซลโซไซตี้ เป็นเสมือน ประมุขสูงสุดในภายหน้า ส่วนท่านโทโอยะ คือผู้เคียงข้าง แต่ไม่รู้ว่า46ห้องวังกลางต้องการอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ก็พอรู้ว่าพลังอำนาจคืออะไรแล้ว ทำให้ทางฝ่ายองครักษ์ต่างได้แต่อยู่เฉยๆฮินาโมริขยายความอายุที่จะขึ้นครองบัลลังค์คือ13ปีเป็นมาตรฐานก็ได้แล้ว ถ้าเวลาที่เหมาะในการช่วยเหลืองานที่สุดคืออายุ17ปีย่างเข้าปีที่18 ท่านเซนริอายุในช่วงเวลานั้นพอดี อายุ15ปีขึ้นไปนั้นสำหรับตระกูลสูงๆ นอกจากราชวงศ์ที่มีตระกูลอาคาเนะของคุณเซนนะ ฟุยุโซระของคุณคาโฮโกะ คุจิกิของหัวหน้าคุจิกิและคุณลูเคีย เอง คือช่วงเวลาที่พลังวิญญาณจะพุ่งถึงขีดสุด

     

                สรุปก็คือพวกนายทำอะไรไม่ได้อิจิโกะหันไปทางสุซากุและเทนโคที่ต่างก็พยักหน้ารับมาเงียบๆ แม้แต่เซนริครั้งนี้เขาต้องอยู่เฉยๆ เห็นเร็นจิบอกว่าทางมาซาฮิโระและอากิโกะเองก็ต้องเงียบไป คาอินเองก็ไม่ยอมเคลื่อนไหว

     

                หัวหน้าบอกให้พวกเรามาดูความสามารถพวกเจ้าเฉยๆ และสงสัยวัตถุประสงค์ เพราะวัยรุ่นเลือดร้อนมันเยอะเลยสั่งให้มาถามเทนโคอธิบาย เล่นเอาพวกอิจิโกะปรับตัวไม่ถูก

     

                ทำไมเจ้าคาอินถึง...”

     

                รู้เรื่องวัยนี้เยอะลูเคียต่อ สององครักษ์หันมามองหน้ากัน

     

                ก็หัวหน้าอายุ18ปีนี่ แถมพวกราชวงศ์และองครักษ์เค้าอยู่ในวัยมัธยมกันหมดไม่ก็มหาวิทยาลัย ก็รู้กันหมดแหล่ะสุซากุตอบ อย่างปวดประสาท แล้วนี่มันจะรอดไหม เพราะทางต่อไปไม่ใช่หมูๆแล้วนะ

     

                หัววัยรุ่นหมดเลยฮินาโมริที่พึ่งรู้ถึงกับอึ้งไปทันที

     

                เล่นเกมส์ กีฬา ทำอาหาร นั่งดูทีวี นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ MSN IPOT MP3 มีหมด

     

    อิจิโกะถึงกับยกมือกุมขมับ เพราะตอนแรกเขาคิดว่าพวกนั้นจะเอาแต่ฝึกทำงานหน้าเคร่งเหมือนพวกหัวหน้าหน่วยพิทักษ์แต่ที่ไหนได้ ไอรายการที่บอกมาเนี่ยมัน...

     

                แล้วนายไม่สู้ต่อรึไงเขาตัดสินใจถามอีกครั้ง สุซากุพยักหน้า

     

                ข้ามันจอมแหกกฎ อีกอย่างหัวหน้าเองบอกว่าไม่ต้องฆ่าก็ได้แล้วแต่อารมณ์ข้า แต่ที่แน่ๆอย่าเอาไปฟ้องวังกลางละกัน ขี้เกียจฟังบรรยายไอถ้อยคำแต่ละคำเล่นเอาทำตัวไม่ถูก

     

                สุซากุเทนโคเตือน แต่ขุนพลอัคคียักไหล่

     

                เอาน่า เทนโค อยู่เฉยๆดีกว่า

     

                เออ ข้ามันต้องอยู่เฉยๆตลอด พวกผู้ชายงี่เง่าหญิงสาวเชิดใส่ ก่อนจะหายตัวไปจากบริเวณนั้นทันที เล่นเอาสุซากุแทบเต้นสบถด่าไปหลายรอบ อิจิโกะ ลูเคีย และฮินาโมริมองตามตาปริบๆ องครักษ์บ้าอะไร ทะเลาะกันเอง กวนอีก แถมอายุก็ไม่ต่างจากพวกเขาเลย บางคนดูเด็กกว่า (เอ่อ แสดงว่าพวกนายหน้าแก่) ขุนพลอัคคีได้สติแล้วหันมาทางเหล่าผู้ชมทะเลาะกันอีกครั้ง

     

                ตามมา

     

                หา

     

                เหอะน่า ตามมา

     

    สุดท้ายก็ต้องตามไปแต่โดยดี ขณะที่ยังงงๆอยู่ว่าให้ตามไปทำไม

     

    ราวกับมีเข็มนับพันแล่นผ่านหู ก่อนที่จะปรากฏให้เห็นบ้านญี่ปุ่น แบบกึ่งสมัยใหม่

     

                ที่นี่ลูเคียหันซ้ายหันขวา

     

                ที่พักของพวกองครักษ์น่ะ บ้านชั้นสองชั้นคนละหลัง สบายดี แต่ทำอาหารเองสุซากุอธิบาย แล้วชี้ไปที่บริเวณรอบๆที่มีบ้านแบบเดียวกันพักคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ ส่วนตรงกลางก็โน่นสนามหญ้า เอาไว้เล่นกีฬา แล้วไปข้างหลังก็เป็นที่ฝึกซ้อม

     

    ยังไม่ทันจะกล่าวอะไร หญิงสาวคนหนึ่งก็พรวดเข้ามาก่อน เธอเป็นผู้หญิงรูปโฉมงดงามมาก เหมือนนางฟ้าจากสวรรค์ ผมสีทองยาวถึงพื้นมัดรวบไว้ และกิโมโนคล้ายชุดต่างแดน ผิวขาวอมชมพูผุดผ่อง

     

                สุซากุ ได้ยินว่ามีแขกมา จะให้เสิร์ฟชาเลยมั้ย

     

                สุซากุสะดุ้งหันมาทางหญิงสาวคนนั้น

     

                อ้าว เทนคิเองเหรอ อื้อ เอาสิๆหญิงสาวคนนั้นพยักหน้า ดูท่าทางเธอคงอายุ14-15ปี ขุนพลอัคคีหันมาทางพวกแขกกิตติมศักดิ์ (มั้ง)

     

                นั่นเทนอิทสึ หนึ่งในองครักษ์ ทำหน้าที่เยียวยาและป้องกัน เอ่อ คล้ายพวกหน่วย4แหล่ะ

     

    ขณะที่อธิบาย อิจิโกะได้แต่หันซ้ายหันขวา ที่นี่คล้ายหอพักเด็กนักเรียนมาก ไม่สิ ถ้ามองเผินๆก็คิดว่าเป็นหอพักนักเรียนแบบใหม่ยังได้

     

                รู้สึกมั้ยว่าเหมือนหอพักนักเรียนอิจิโกะกระซิบถามลูเคียที่มองรอบๆตัวบ้าน ถึงจะไม่ใหญ่แต่อากาศก็เย็นสบาย

     

                ก็พวกนี้มันเด็กนักเรียนม.ปลายนี่นา

     

    นั่นสินะ ว่าแต่ พวกคนอื่นๆจะเป็นอะไรบ้างมั้ยนะ

     

                เอาล่ะ ฉันจะบอกรายละเอียดย่อยๆนะสุซากุกล่าวขณะที่เทนอิทสึรินชาให้ฟังให้ดี ตอนนี้ระบบป้องกันของเซย์เรย์เทย์แข็งมาก มีแต่พวกองครักษ์ทั้งนั้น พวกลูกน้องแต่ละคนก็มาหมด แต่พวกเขาคงไม่ทำอะไรเพราะหัวหน้าสั่งไว้ แต่ที่แน่ๆ คงจะเป็นเพื่อนคนอื่น รองหัวหน้าและหัวหน้าแหล่ะ โดยเฉพาะทางฝั่งเซย์เรย์เทย์ ที่จะมีคาอิน เซ็ทสึ ฮาริเนะ ยูโนะกิ เซย์ริว โทดะ และริคุโก ที่เป็นยอดฝีมือ ส่วนฝั่งโอเค็นคงไม่ต้องพูดถึง แค่คิดฉันยังไม่แน่ใจว่านายจะรอดไปได้รึเปล่า เซนริ มาซาฮิโระ อากิโกะ เลนโย เลนยะ ซานาดะ และยูโตะ 5ใน7คือผู้นำตระกูลที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้ง ราชวงศ์

     

                นายพอจะรู้ข้อมูลมั้ยอิจิโกะเอ่ยถาม เทนอิทสึขมวดคิ้ว หันมาทางสุซากุที่พยักเพยิดให้เธอตอบซะเอง

     

                รู้ เริ่มจากเลนโย เลนยะ และซานาดะ มีอาวุธดาบฟันวิญญาณที่ทรงอำนาจ เลนโยคือกงจักรนามว่าการาสึสีขาว ส่วนเลนยะกงจักรการาสึสีดำ เป็นสองอาวุธที่เป็นสุดยอดแห่งอาวุธบิน แม้แต่ธนูของควินซี่ยังสู้ไม่ได้ ซานาดะอาวุธของเขา คือดาบง้าวแห่งไฟ แน่นอน มันคือโซเคียคุยังไงล่ะ ยูโตะมีอาวุธคือดาบคู่ทรงคาตานะสีดำ ถูกขนานนามว่าดาบปราบมาร และความสามารถด้านการใช้ยันต์และศาสตราที่ผสมสองยุค นี่แหล่ะคือองครักษ์ ส่วนอีกสามคนที่เหลือคงพอจะรู้มาแล้วสินะ แต่ถ้าตอนนี้ในสภาวะที่ยูกิถูกขังอยู่ในหอสำนึกผิดนั่นแหล่ะคืองานหนัก

     

                คงจะเป็นพลังวิญญาณสินะคะฮินาโมริเริ่มเดาได้ แต่ละคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวขณะที่เทนอิทสึได้แต่พยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง

     

                ถูกต้อง สภาพที่ถูกปลดผนึก หินจิตสังหารที่ได้ดูดซับพลังวิญญาณมหาศาลจนทนรับไม่ไหวได้ปลดปล่อยออกมาทั่วสารทิศทำให้เกิดสนามพลังวิญญาณที่สามารถทำลายวิญญาณแม้สัมผัสถ้าไม่แน่จริงก็เข้าเขตนั้นไม่ได้ยังไงล่ะ เพราะมันอยู่เหนือการควบคุมมันจึงเป็นปัญหา

     

    อิจิโกะ ลูเคีย และฮินาโมริหันไปทางหอสำนึกผิด แค่อยู่ตรงนี้เท่านั้นก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณมหาศาล ดูใสพิสุทธิ์ เหมือนของพวกองครักษ์ด้วย นี่หรือคือพลังวิญญาณระดับราชวงศ์และองครักษ์

     

                แต่จะบอกทางให้ละกัน พยายามหลีกเลี่ยงในที่ที่พลังวิญญาณมีมวลและความหนาแน่น (Mass and Density แปลงี้น่าจะเก็ตกว่านะ) น้อยๆหน่อย นั่นแหล่ะจะปลอดภัย ฉันบอกอะไรไม่ได้มาก เดี๋ยวหาทางไปสมทบกับคนอื่นๆละกัน ฉันต้องไปแล้ว

     

                เจ้าจะไปไหนลูเคียเงยหน้าถาม

     

                ก็ไปปั่นการบ้านน่ะสิ ช่วงนี้พวกองครักษ์ต้องหยุดเรียนเพราะมีการประหาร พวกเพื่อนๆเลยต้องส่งการบ้านมาให้ทำ แล้วหลังการประหารถ้าการบ้านไม่เสร็จฉันตายแน่ งานเยอะชะมัดเล้ยขุนพลอัคคีบ่นขณะที่ไปห้องทำการบ้านตนเอง เรียกสายตาขันจากอีกสี่คนมาในทันใด

     

                คำถามสุดท้ายไอคนที่กำลังเดินไปอยู่ชะงักขึ้นมาในทันใด

     

                อะไรอีกเล่า

     

                ทำไม เจ้าเซนริ ยูกิ และคาอินมันพูดญี่ปุ่นไม่ชัดล่ะ

     

    โครม

     

    เจ้าคนโดนถามถึงกับหงายหลังไปในทันทีถามอะไรไม่ถามดันมาถามเรื่องนี้

     

                ก็สามคนนั้นมันไม่ใช่ญี่ปุ่น100%ไงเล่า

     

                ห๊า ไม่ใช่คนญี่ปุ่นแท้100%แล้วเป็นอะไรล่ะ มนุษย์ต่างดาว100%รึไงเล่า

     

    โป๊ก

     

    ลูเคียยกกำปั้นหนักๆทุบหัวใส่ทันที คิดมาได้ไง ไอหัวสวนส้มผสมทุเรียน มนุษย์ต่างดาวเนี่ยนะเจ้าบื้อ...

     

                “ยุโรป คนอังกฤษ สัญชาติฝรั่งเศส กับญี่ปุ่นโว้ย เข้าใจยัง

     

    อ๋อ...

     

    จะว่าไปก็สงสัยตั้งนานโดยเฉพาะเซนริ ทำไมสีตามันดูไงๆก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นแน่ๆ ไม่ใช่เอเชียเสียด้วยซ้ำเสี้ยวยุโรปสินะ แถมก็น่าสงสัยว่าเจ้าสามคนนี้มันหน้าตาไงๆก็ดีกว่าคนญี่ปุ่นเยอะ เหอๆ สมกับเป็นราชวงศ์จริงๆ

     

     

     

     

    สายลมพัดไหว อาวุธผ่าผืนลม นั่นคือลักษณะธรรมดาของพวกทั่วๆไปแหล่ะ แต่ทว่า มันดันมากลับกันเพราะเรื่องประการฉะนี้

     

    อิชิดะพยายามยิงเซเล่ชไนเดอร์ทะลุกำแพงสายลมที่ก่อตัวขึ้น โดยปกติเท่าที่รู้มาก็ว่าพวกยมทูตมีพื้นฐานการต่อสู้อยู่สี่แบบ แต่ที่เขาคิดนั้นมันผิด เบียกโกะ ขุนพลวายุ หนึ่งในองครักษ์ ไม่สิ องครักษ์มีการต่อสู้ถึงห้าแบบ เพราะอีกแบบที่5คือ วิชาของเทพนักรบ

     

                น่าเสียดาย อย่างงี้จะหยุดการประหารได้รึ อิชิดะ อุริวเบียกโกะย่างสามขุมเข้ามาใกล้ สายลมพัดไหวตามจังหวะก้าวเดินของเขาตลอดเวลา คนที่ตกเป็นเป้าชันกายขึ้น ขณะยกแขนเสื้อปาดเลือดที่ไหลบริเวณขอบตา

     

                หมายความว่าไง

     

                พวกข้าเองไม่ต้องการประหารองค์หญิงโทโอยะ แต่มันคือคำสั่ง และคนที่ต้องการช่วย พวกเราก็คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่า แต่ว่า เราจะต้องดูฝีมือว่าเอาตัวรอดไปได้หรือไม่

     

    อิชิดะเงยหน้ามอง คนตรงหน้าอย่างประหลาดใจ

     

                ความสัมพันธ์ระหว่างองครักษ์และราชวงศ์มันคืออะไรกันแน่

     

    จะรู้ไปทำไม ชายชรา เอ้ย ชายวัยกลางคนคิดในใจ (เออ ทำไมมันกวนTeenงี้นะ)

     

                ข้าเป็นเหมือนคนคอยดู ส่วนคนอื่นๆที่รุ่นเดียวกันเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนยังไงล่ะ อีกอย่าง ท่านเซนริไม่อยู่เฉยน่า

     

                แต่เขาเป็นคนลงมือประหาร

     

                นั่นเป็นการบังคับ ครั้งนี้ ราชวงศ์อย่างเขาจะต้องไม่คัดค้าน คล้ายกับมัดมือชก แต่เท่าที่รู้มาจากนิสัยเขา เรื่องแบบนี้คิดว่าคงจะพยายามทำอะไรซักอย่าง แต่เพราะการบีบคั้น ทำให้ตอนที่พวกเจ้าจะหยุดไว้ตอนอยู่โลกมนุษย์ อารมณ์ของเขาเสียการควบคุม ทำให้เข็มนาฬิกานั่น ระเบิดลงทันที นั่นคือตัวอย่างของพวกราชวงศ์เป็นการระเบิด

     

                งั้นก็แสดงว่า

     

                ปกติราชนิกูลทุกคนมีความสามารถแบบนี้ และองครักษ์บางคนด้วย แต่ถ้าเป็นเจ้าหญิงโทโอยะล่ะก็ แค่ระเบิดพลังออกมา มิติจะแหลกไปเกือบหมด นี่คือจุดประสงค์ของการประหารที่แท้จริงเบียกโกะหยุดพูดขณะเอามือที่มีพายุทอร์นาโดปั่นรอบๆมือลูกขนาดไม่ใหญ่มากชี้มาที่อิชิดะที่หอบหายใจแต่ว่า เจ้ามีฝีมือแค่นี้คงผ่านไปไม่ได้ จงนอนหลับ ตรงนี้เสียเถิด อิชิดะ อุริว

     

    อิชิดะหลับตาลงแน่น ที่หรือองครักษ์ เราคงมาได้แค่นี้ แต่ว่า ทุกๆคนต่างพยายามกันแทบตายเพื่อเป้าหมายนี้ จะมาตายที่นี่ไม่ได้ ด้วยกำลังที่อ่อนแรง ทำให้เขาพยายามจะยันตัวขึ้น เอี้ยวตัวหลบ สายลมเชือดเฉือนเสื้อคลุมจนฉีกขาด หนอย บังอาจมาทำเสื้อควินซี่สุดที่รักต้องขาด เด็กหนุ่มหันไปทางขุนพลวายุ ง้างเซเล่ชไนเดอร์จากด้านหลัง แล้วยิงไปทันที ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงัก

     

                จังหวะนี่แหล่ะเขาเอาศอกกระแทกที่ต้นคอ จนทำให้อีกฝ่ายล้มไปทันที เอ่อ มันง่ายไปรึเปล่า แต่ไม่มีเวลาให้คิด อิชิดะรีบเลี่ยงไปทันทีเพื่อตรงไปสมทบกับทางที่เขาคิดว่าเพื่อนๆจะไปถึง เมื่อร่างสันทัดของเขาลับสายตาไปแล้ว ดวงตาสีเทาหม่นของชายวัยกลางคนก็ลืมตาขึ้น ช้าๆ ดูมีชีวิตชีวากระปรี้กระเปร่า มือหนาหยาบกร้านลูบที่ต้นคอ ที่ไม่มีแม้แต่รอยอะไรทั้งสิ้น

     

    ฝ่ามือที่อิชิดะกระแทกไปเต็มๆกลับไม่สร้างรอยอะไรให้กับเขาเลย...!!!

     

    แสดงว่า เขาคงจะยอมปล่อยไปง่ายๆ

     

                รู้สึกว่าจะยอมเขาง่ายๆนะเบียกโกะเด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีคนนึงเดินออกมา เธอคงอายุเด็กกว่าอากิโกะเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลไหม้มัดแกละยาวจนถึงข้อเท้า ดวงตาสีม่วงกลมโต ในชุดสีชมพูอ่อนเงา และกระโปรงสีขาว

     

                มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ไทอิน

     

    เธอคนนี้คือไทอิน ขุนพลวายุอีกคนนั่นเอง ดูท่าทางคงจะสังเกตมานานมามากแล้ว แต่ไม่ยื่นมือเข้าเฉยๆ

     

                นานตั้งแต่เจ้าสู้แหล่ะ แต่เจ้าแว่นนั่นจะไหวเร้อ แค่เจ้ายังเป็นซะขนาดนั้นไทอินเอ่ยถาม

     

                คงงั้นมั้ง ถ้าเอาชนะคุโรซึจิ มายูริได้ก็น่าจะกลับมาอย่างนอ้ยสุดก็เลือดอาบแหล่ะเบียกโกะพูดก่อนจะหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกัน

     

     

    บริเวณหน่วยที่5 จากที่เคยแห้ง และร้อนชื้นเล็กน้อย บัดนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำแข็งและน้ำที่เปียกโชกราวกับมีคลื่นสึนามิโจมตี ร่างของเด็กสาวและเด็กหญิงที่กำลังยืนหอบ ขณะที่ฝ่ายคนโตกว่ากลับมีแค่รอยขีดข่วน ในมือตวัดแส้ยาวเกินขนาดมาตรฐาน ขณะที่สายน้ำวนอยู่รอบๆตัวเหมือนกับภูต อมนุษย์ในตำนานเทพนิยายของยุโรป ภูตน้ำ ขณะที่คนเด็กกว่า ข้างกายมีสตรีชุดเกราะสีเงิน ถืออาวุธ ไอเย็นแผ่ออกมา

     

    เช่นเดียวกับโลหิตที่ไหลรินออกมาเต็มไปหมด

     

    ดวงตาสีกรมท่าฉายแววเจ็บแค้น แล้วหันไปทางผู้เป็นพี่ที่ยืนมองด้วยสายตาอ่อนโยน ยิ่งทำให้โทสะพุ่งริ้ว

     

    ทำไม ถึงยังยิ้มได้อีก ท่านพี่!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×