ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #41 : *Season 2*Episode 11: Memory in the crystal

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 210
      0
      27 ธ.ค. 51

    เคยเห็นเลือดไหลออกมาจากตัวเองไม่ขาดสายมั้ยล่ะ เคยต้องทนกับความเจ็บปวดในวินาทีเฉียดกับความตายบ้างไหม ชีวิตน่ะ มันมีค่านะ อย่าไปทิ้งไปฆ่าอะไรให้มันมากนักเลย เพราะชีวิตทุกชีวิตน่ะ อยู่ได้มาเพราะ เขา

     

    เขาผู้ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัดเท่าไหร่นัก

     

    เสียงทุ่มเถียงสามเสียงยังดังขึ้นเป็นระยะๆทำให้ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ารูปงามที่สุดในโลกถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เพราะอุณหภูมิเริ่มต่ำลง ทำให้ต้องใส่เสื้อกันหนาวออกมาด้วย แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะปัญหามันอยู่ที่เสียงของคุณน้องตัวน้อยๆทั้งสามคน น้องชายแท้ๆ กับรุ่นน้องที่เบียคุยะฝากฝังไว้ว่า ช่วยดูแลมันไม่ให้ไปป่วนที่ไหนละกัน ทำให้คนโตสุดต้องพ่นลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    นี่เบียคุยะมันเห็นฉันเป็นเนอเซอร์รี่หรือไง จะทิ้งเด็กสามคนนี้ก็ไม่ได้ ถึงเซโร่จะดูแลตัวเองได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไงก็ต้องเอามันมาช่วยงาน แต่จะให้อยู่เงียบๆมันก็เบื่อเปล่า เลยให้อิจิโกะและลูเคีย คู่หูสองหน่อตามมาช่วยงานด้วย เซนริส่ายหัวอย่างระอา เขาไม่ได้มีความโกรธ แต่มีความเซ็งเท่านั้น แม้จะรำคาญเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่เคยโกรธใคร...

     

    เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจมาตั้งนานแล้ว เพราะไม่ว่าน้องชายฝาแฝดคนนี้หรือรุ่นน้องพวกนี้จะก่อเรื่องวุ่นวายมาหลายครั้ง และซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง ทั้งๆที่ถ้าเป็นคาอินมันก็คงจะบ่นจนหูชาไปเป็นซีก ส่วนยูกิจะลงโทษด้วยสายตาพิฆาต ยิ่งคิดยิ่งขำ เมื่อนึกถึงเพื่อนๆแต่ละคน ที่มันก็มีอะไรให้สนุกสนานไม่ใช่น้อย ดวงตาสีฟ้าแลดูอ่อนลงเมื่อเห็นน้องๆชี้นู่นชี้นี่อย่างสนุกสนาน

     

                “ดูนั่นสิ ร้านไอศกรีมทรงกระต่ายจั๊ปปี้”ลูเคียชี้ไปที่ร้านขายไอศกรีมที่มีวัยรุ่นสาวๆต่างเบียดเสียดกันซื้อ

     

                “อ๊ะ ดูนั่นๆ เกมส์เซ็นเตอร์”ครั้งนี้เป็นเสียงของเซโร่แต่ทำให้อิจิโกะมองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่

     

                “เจ้าชายเล่นเกมส์เซ็นเตอร์ด้วยหรอ”

     

    ดวงตาสีแดงคู่สวยปราดมองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

     

                “เจ้าชายเล่นทาวเวอร์ช๊อคได้ทำไมจะเกมส์เซ็นเตอร์ไม่ได้”

     

                “เถียงข้างๆคูๆน่าเซโร่”ลูเคียหยอก แล้วหัวเราะพรืด เธอไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ระหว่างที่เดินจะไปสถานที่หนึ่งที่เซนริบอกว่า จะไป แล้วให้พวกเขาตามไปด้วย ร่างสูงโปร่งของคนที่โตสุดหยุดแล้วมองซ้ายมองขวา ดูเหมือนเสียงเจี๊ยวจ๊าวจะไม่ค่อยส่งผลต่อสมาธิเซนริเท่าไหร่นัก ร่างของมกุฎราชกุมารมองป้ายบอกทิศทางของเขตซาราสะ ในการที่จะหาสถานที่หนึ่ง แล้วก็เดินนำหน้าไป

     

    ชายหนุ่มต้องหยุดเดินเป็นระยะๆเพื่อดูว่าอีกสามคนตามทันมั้ย ใช่ ชายหนุ่มคนนี้ทำให้ไม่ว่าใครที่มีพี่ก็ต้องอิจฉาเซโร่ อิจิโกะ และลูเคียทั้งนั้น เพราะถึงคนๆนี้จะทำท่าทีออกเฉยๆ นิ่งและหน้าตายๆ (แต่ไม่ถึงกับเย็นชา แค่คิดเยอะๆเท่านั้น) แถมดูไม่แยแสใครนั้น จริงๆแล้วคนที่เคยเดินตามเซนริไปนั้นตอบได้ทันทีว่า ลักษณะที่คนภายนอกพูดถึงนั้นมันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย

     

    โดยเฉพาะเซโร่หรือแม้กระทั่งยูกินั้นรู้ดีกว่าใครๆ เพราะ ตอนเด็กๆ เซนริจะเดินนำหน้า แต่เขาเป็นคนที่เดินแล้วจะหันมามองคนที่ตามหลังเป็นระยะๆว่าตามทันหรือไม่ ซึ่งน้อยนักที่จะหาคนแบบนี้ได้เจอ เพราะเดี๋ยวนี้มนุษย์ส่วนใหญ่

     

    เดินไปที ก็ไม่เคยจะหันมามองข้างหลัง

     

    คนที่เคยทำจะรู้สึกมั้ยว่าปล่อยให้คนอื่นทิ้งไว้อยู่คนเดียว ความรู้สึกที่ว้าเหว่และคิดว่าจะทิ้งไปแล้วหรือยังไง ไม่แคร์แล้วหรือยังไง และพ่อแม่ผู้ปกครองก็เคยทำแบบนี้ แล้วมาคร่ำครวญเสียใจภายหลังว่าลูกหลงทาง แต่ตัวเองไม่ดูแลให้ดี

     

    สำหรับเจ้าชายคนนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่าอะไรจะว่าแรง หรือเวลาเอาจริงก็แทบจะฆ่าให้ตายล่ะก็ เขาคนนี้ก็ไม่ต่างจากเจ้าชายเทพบุตรเลยแม้แต่น้อย และถ้าไม่ติดว่าชอบดื้อด้านดันทุรังเสี่ยงอันตรายเป็นกิจวัตร หรือเถียงอะไรไร้สาระกับยูกิเรื่อยๆ มันก็จะดีกว่านี้ ก็เพราะว่าเขาน่ะ...

     

    รู้ถึงจิตใจของคนอื่นได้ เพราะจริงๆเขาก็เป็นคนที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่ยึดกับคำว่า เห็นแก่ตัว

     

     

                “ท่านพี่จะนำไปไหนน่ะ”แม้จะอยู่นอกสถานที่ แต่เซโร่หรือคนที่อายุน้อยกว่าเซนริมักจะเรียกเขาว่าท่านพี่เสมอ เรียกจนชินไปเสียแล้ว ท่านพี่ชี้ไปที่ตึกอาคารหลังใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ลูฟของประเทศฝรั่งเศส และเขียนไว้ว่า

     

    พิพิธภัณฑ์...

     

                “นายพาเรามาที่นี่ทำไมเนี่ย”อิจิโกะถามอย่างงุนงง แต่ก็ต้องเดินตามไป แต่อาจจะแนววิ่งเหยาะๆเสียมากกว่า เดินตามร่างสูงโปร่งไปเรื่อยๆ ในพิพิธภัณฑ์ที่มีชายที่เหมือนด๊อกเตอร์ยืนอยู่แล้ว เขาทำความเคารพอย่างสูงสุดต่อเชื้พระวงศ์ที่จะก้าวไปเป็นเจ้าแผ่นดินในยามหน้า เขาเป็นชายวัยกลางคน แต่ผมขาวและสวมแว่นคล้ายๆนักวิจัยหรืออะไรซักอย่าง

     

                “ตามที่คุยกันไว้ นำทางได้เลยด๊อกเตอร์แดเรน”

     

    ด๊อกเตอร์แดเรนพยักหน้าแล้วนำเสด็จเชื้อพระวงศ์นำไป แต่ระหว่างนั้น เซนริก็หันมาทางรุ่นน้องสองคน

     

                “จำรายละเอียดแล้วไปแจ้งที่เซย์เรย์เทย์ให้หัวหน้าเคียวราคุและหัวหน้าอุคิทาเกะสืบค้นข้อมูลในห้องสมุดวิญญาณด้วย รวมถึงให้หัวหน้าคุโรซึจิตรวจสอบ แล้วสั่งหัวหน้าคุโรซึจิด้วยว่าเป็นคำสั่งจากฉัน”

     

    หลังจากที่เสร็จศึกโซลโซไซตี้ เจ้าชายพระองค์นี้... พูดยาวขึ้นกว่าเดิมอีก

     

    แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะถึงยังไง เซนริสามารถสั่งงานพวกเขาได้ เหมือนเป็นทหารธรรมดา แต่ในกรณีนี้เซโร่บอกว่า พวกเขาก็เป็นพระสหาย แต่จะยกสูงๆไม่ต้องช่วยงานเดี๋ยวพระญาติพระวงศ์จะมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยใช้พองามๆ แต่ก็เป็นการฝึกฝนไปด้วยในตัวอีกทั้ง...

     

    ลูเคียยิ้มขำๆ...

     

    รอบคอบไม่เบา ถ้าเธอและอิจิโกะแค่ไปขอหัวหน้าคุโรซึจิแค่นั้นก็คงจะไม่ได้ หรือแม้กระทั่งหัวหน้าใหญ่เองก็ตามก็คงจะโกหกไปตามระเบียบ นับว่าหัวหน้าหน่วยสิบสองคนนี้มันเจ้าแห่งความหัวแข็งสิ้นดี แต่ถ้ามกุฎราชกุมารลงคำสั่งมาเอง ก็ไม่สามารถขัดขืนหรือทูลคำเท็จ เพราะไม่งั้นอาจโดนโทษตายก็เป็นได้ และคนอย่างหัวหน้าคุโรซึจิ มายูริ ย่อมไม่มีทางไปเสี่ยงกับบุคคลอันตรายแบบนี้แน่

     

    ทั้งห้าคนเดินมาถึงห้องที่ดูจะเหมือนห้องลับ ดูได้จากระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดกวดขันมากๆ ด๊อกเตอร์แดเรนทำให้ระบบความปลอดภัยหยุดการทำงานแล้วผายมือเชิญให้เด็กวัยรุ่นสี่คนเดินเข้าไปในนั้น

     

    ห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องธรรมดา แต่กลับเป็นสีขาวทั้งหมดและส่องสว่างได้ด้วยตนเอง จนไม่ต้องอาศัยไฟนีออนอะไรเลยทั้งนั้น ในกลางห้อง มีวัตถุบางอย่างอยู่ แต่ดูๆแล้วมันคงจะล้ำค่ามาก เพราะมีเกราะวิถีมารเป็นชั้นๆไว้อยู่ ทุกคนเดินไปในที่ตั้งของของซึ่งวางอยู่บนแท่นคล้ายเสาของวิหารในกรีก ซึ่งมีบางสิ่งวางไว้อยู่

     

    มันเป็นวัตถุสีขาวบริสุทธิ์ จัดเหลี่ยมต่างๆไว้อย่างละเอียดอ่อน และเหมือนมีรอยตัดไว้ พร้อมกับขนนกสีขาสลอยละล่องในอัญมณีน้ำงามนั้น... มันมีขนาดเท่าพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่มหนึ่งเลยทีเดียว

     

                “มันคืออะไรหรือด๊อกเตอร์”เซโร่หันไปทางด๊อกเตอร์แดเรน ที่ยืนอยู่โดยเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย

     

                “มันคือวัตถุที่พวกทหารรักษาการณ์และพวกนักขุดสำรวจไปพบเมื่อครั้งไปตรวจสอบรอยเท้าของเคียวโฮะพะย่ะค่ะ”

     

    อิจิโกะ และลูเคียเบิกตากว้าง แล้วมองวัตถุงดงามดีๆ ส่วนเซนริเพ่งมองอักษรภายในนั้นอย่างพิจารณาวัตถุล้ำค่า ขณะที่เซโร่กำลังยืนฟังด๊อกเตอร์อธิบาย

     

                “นี่เป็นคริสตัลที่เหมือนจะบรรจุเรื่องราวอะไรบางอย่างโดยที่อักษรคล้ายกับที่ปราสาทเทวัญน่ะกระหม่อม พวกเราจึงเอามาตรวจสอบ แต่ดูเหมือนคนที่อ่านแล้วจะไม่สามารถจำอะไรภายในนั้นได้เลย ต่อให้มีคนคัดลอกมาให้ทางราชวงศ์ฮายาเตะอ่านให้ ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเมื่อจดมักจะมีอะไรประหลาดๆขึ้นเสมอ เช่นปากกาหมึกหมด กระดาษขาด ไม่ว่าจะทำยังไงก็เขียนไม่ได้ จะถ่ายรูป กล้องก็ระเบิดเป็นจุณ”

     

                “คริสตัลนี่สงสัยจะอาถรรพ์นะ”ลูเคียเริ่มถึงบางอ้อ ขณะมองคริสตัลอย่างพิจารณา

     

                “คุณหนูคุจิกิพูดถูกต้อง ดูเหมือนในราชวงศ์ฮายาเตะ ที่เราเคยเอาไปทูลถวายไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามันจารึกอะไรไว้บ้าง เห็นเจ้าชายอยากจะถามว่ามีวัตถุแปลกๆในนี้รึเปล่า จะลองมาปะติดปะต่อเรื่องก็เลยทูลเชิญเสด็จมาที่นี่น่ะครับ”

     

    แต่ละคนเพ่งมองอักษรในคริสตัลที่ตวัดรายละเอียดงดงามคล้ายแท่นศิลาที่จารึกเหมือนสิ่งทั่วๆไป หรือวัตถุโบราณใดๆก็ตาม แถมมีขนนกลอยละล่องอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่ก็ทำให้มันดูงดงาม คนที่ทำคริสตัลชิ้นนี้ได้ต้องเก่งพอดู เพราะคริสตัลเป็นของแข็ง ดังนั้นการจะยัดอะไรให้ลอยไปมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่น้อย

     

                “อ่านแล้วลืมจริงๆด้วยแฮะ”เซโร่เกาหัวแกรกๆ “ท่านพี่ล่ะ”

     

                “เวียนหัวจนไม่อยากจะอ่านต่อ”

     

    ด๊อกเตอร์แดเรนขมวดคิ้วอย่างสงสัยเช่นเดียวกับอิจิโกะและลูเคีย

     

                “เจ้าชายเป็นรายแรกทีรู้สึกเวียนหัว”

     

    เซนริไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงแต่เหมือนจะรู้สึกไม่ดี แค่เขามองก็เริ่มเวียนหัว และแล้วภาพๆนั้นก็กลับมาอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นเลือดสดๆไหลทลักออกมาจากตัวอักษรทุกตัว และเขาก็เห็นขนนกนั้นกลายเป็นภาพการต่อสู้ เสียงกรีดร้องดังระงมจนเขาปวดหัว จนกระทั่งรู้สึกตาลาย

     

                “ท่านพี่ ท่านพี่”เซโร่สะกิด ทำให้ผู้เป็นพี่นึกขึ้นได้

     

                “เจ้าชายทรงมีพระอาการประชวรรึเปล่ากระหม่อม เห็นท่านจ้องคริสตัลแล้วท่านตัวแข็งไปเลย”

     

    ลูเคียยกมือโบกไปโบกมาไปทางผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายอีกคนซึ่งยืนอึ้งๆ

     

    เซนริหันมามองคนโบก แล้วส่งสายตาปรามๆว่าให้ลดมือลงได้แล้ว ทำให้น้องสาวคนนี้ยอมแต่โดยดี

     

                “แต่ทำไมถึงมีรอยตัดล่ะ”อิจิโกะถามอย่างคลางแคลงใจหลังจากเขาสังเกตุมานาน ด๊อกเตอร์มีสีหน้าลำบากใจเมื่อได้ยินคำถามนี้ทำให้คนถามเริ่มรู้สึกผิดที่ถาม กะจะขอโทษแต่ว่าอีกฝ่ายชิงตอบเสียก่อน

     

                “จริงๆเท่าที่รู้มามันน่าจะมีสามส่วน แต่อีกสองส่วนเราไม่อาจรู้ได้ ที่รู้ว่ามีสามส่วนก็เพราะรอยตัดมีอีกสองที่ในคริสตัลนี้น่ะครับ”

     

    แต่ละคนพยักหน้ารับแล้วเพ่งมอง คริสตัลปริศนา ทำไมตัวอักษรราวกับไม่ต้องการให้รับรู้ถึงเรื่องราวในนั้น หลังจากที่ลองจำข้อมูลไม่ได้นาน เด็กๆทั้งสี่คนก็ออกมาจากพิพิธภัณฑ์เพื่อจะเดินกลับและหารถลากต่อไปที่สภากลางซึ่งอยู่ไกลมาก (ไม่ใช้ประตูมิติไม่งั้นจะทำให้แตกตื่นเปล่าๆ เป็นกฎของราชวงศ์) โดยมีด๊อกเตอร์แดเรนมาส่งหน้าพิพิธภัณฑ์ด้วยความเป็นห่วง

     

     ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรเลยทั้งนั้น ทุกคนเงียบมีแต่เสียงผู้คนเท่านั้นที่พอจะรับรู้ได้บ้าง อิจิโกะก้มลงตรวจสอบข้อมูลที่เขาจดในสมุดของลูเคียอ่านซ้ำไปซ้ำมา ส่วนลูเคียนั้นไม่อาจรู้ได้บ้างว่าคิดอะไรอยู่ เซโร่ก็เช่นกัน ส่วนเซนริ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับสวิตช์ในหูถูกปิด ตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด ร่างสูงหยุดเดิน และเขาก็ได้ยินเสียง

     

                นายท่าน... นาย ตื่น... นาย...

     

    เสียงที่แหบต่ำทำให้เซนริตัวแข็งทื่อ เขาเคยได้ยินเสียงนี้มาแล้ว และมันกลับมาอีก ประโยคที่ไม่เข้าใจความหมายชัดเจน ราวกับทุกอย่างเย็นวาบ ไปทั้งหมด ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นอย่างบรรยายไม่ถูก ราวกับสัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งความเศร้า และการสูญเสีย ทำให้ร่างสูงเกร็งตัวแข็ง จนกระทั่งมีใครมาสะกิด

     

                “นี่ๆ ท่านพี่ๆ เฮ้ๆ อย่าเหม่อเด้”เซโร่ตบป๊าปเข้าที่ไหล่ของพี่ชาย ซึ่งคนเป็นพี่สะดุ้งเล็กน้อย ทำให้คนเป็นน้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     

                “เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ”

     

    ชายหนุ่มดวงตาสีฟ้ายืนคิด ควรจะถามดีไหม แต่ว่าบางอย่างก็สั่งว่า ไม่ต้อง ทำให้คำตอบนั้นเป็น

     

                “ไม่มีอะไรหรอก รีบกลับได้แล้ว เย็นแล้วน่ะ”

     

    แล้วร่างสูงก็เดินจ้ำไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อิจิโกะ ลูเคีย และเซโร่มองตามไปอย่างสงสัย ว่าเป็นอะไรของเขากัน

    ++++++++++++

    เสียงเพลงที่ราวกับจะขับกล่อมให้จิตใจนั้นรู้สึกสบายยามที่มีเรื่องทุกข์ใจอยู่เช่นนั้น เสียงดนตรีที่เล่นด้วยมืออาชีพ และมีชายหนุ่มและหญิงสาวมากมายมานั่งในที่ๆเรียกว่าผับ ผับนี้ตั้งอยู่ในเขตซาราสะแต่ก็เข้มงวดเรื่องอายุและการใช้ส่วนผสมของเครื่องดื่มเช่นกัน ไฟที่เปิดสลัวๆให้เข้ากับบรรยากาศ ที่สำคัญคือ ที่นี่ไม่มีการค้ายาเสพติดก็จริงแต่เรื่องวางยานอนหลับผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็มีอยู่ แต่ก็เกิดน้อยเพราะบาร์เทนเดอร์ตามแต่ละจุดจะลอบสังเกตุและตรวจตรา รวมถึงมียมทูตยามยืนเฝ้าหน้าผับอยู่ ฉะนั้น อยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยกว่าที่อื่น

     

    เสียงไวโอลินดึงสติที่เหม่อถึงเรื่องงานของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำและดวงตาสีนิลรับกับใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรและสะอาดตาเหมือนเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง เขาดูอายุราวๆ18ปี ซานาดะ รัชทายาทแห่งราชวงศ์คุนะยูกิดึงแว่นตาออกจากใบหน้าราวกับต้องการพักผ่อน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงบาร์ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์คอยบริการ เพราะแสงไฟที่มืดทำให้มองชายหนุ่มผู้นี้ไม่ถนัด จึงไม่อาจทราบได้ว่าเป็นบุรุษผู้สูงศักดิ์ อีกทั้ง เขายังใช้เวทพรางหน้าตานิดๆอีกด้วย

     

                “คุณชายจะรับเครื่องดื่มแรงๆแก้เครียดไหมครับ”

     

                “ไม่ล่ะ ขอบใจ ชงน้ำมะนาวโซดาให้ซักแก้วละกัน”ยังไม่ทันที่เจ้าชายรัชทายาทจะพูดจบเสียงหวานใสของสตรีผู้หนึ่งก็ร้องเรียก

     

                “ถ้าไม่รบกวน โปรดเรียกญาติคนนี้ซักแก้วจะได้ไหม”เธอเป็นหญิงสาวที่ดูอายุรุ่นๆเดียวกับเขา ประมาณเกือบๆ18ปีเท่ากัน ผมที่กลืนกินไปกับบรรยากาศรอบด้าน และคนที่มีสีผมแบบนี้ เท่าที่ซานาดะรู้จักในโลก ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น

     

                “บาร์เทนเดอร์ เพิ่มมะนาวโซดาอีกแก้ว”เมื่อสั่งเสร็จ หญิงสาวก็หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ข้างๆลูกพี่ลูกน้องของเธอ พลางรับน้ำดื่มมา ดวงตาสีไพลินเป็นประกายในความมืดมองมาทางซานาดะที่กำลังนวดขมับ แล้วทำแว่นตก ยูกิส่ายหัวอย่างระอาแล้วยื่นส่งให้เหมือนเดิม ซานาดะรับมันมา แล้วแทบจะฟุบคาโต๊ะ ทำให้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แทบอยากจะเขกกระโหลก

     

                “ถ้าแกหลับฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่”

     

    ดวงตาสีนิลเปิดกว้างพร้อมกับกระเด้งตัวขึ้นมา หญิงสาวเจ้าของน้ำเสียงทำนองที่แทบจะไร้เสียงสูงเสียงต่ำ ซานาดะมองญาติที่อายุน้อยกว่าเขาเดือนเดียวอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรมากนัก เพราะคนฉลาด ย่อมไม่อยากลองดีกับเจ้าหญิงโทโอยะผู้นี้เป็นแน่

     

    หนึ่งในพระธิดาฝาแฝดที่งดงาม ฉลาด และมีพลังวิญญาณสูงที่สุดในราชวงศ์นับตั้งแต่ก่อตั้งมา ถ้าไม่ติดที่ว่าคนๆนี้มีบางมุมที่แข็งกร้าวหรือเฉียบขาด รวมถึง ถนัดแค่ต่อสู้แบบใช้พลังสูงๆโจมตีและใช้สมองคิดอย่างเดียวล่ะก็... ชายหนุ่มคิดในใจ

     

    คงเป็นเจ้าหญิงที่เพอร์เฟ็คไม่เบา นับตั้งแต่รู้จักหญิงสาวมา ญาติคนนี้ดูน่ากลัวยังไงๆชอบกล และมีตำแหน่งที่สูงส่ง เสียแต่เปิดเผยคำพูดไม่ได้เท่านั้น

     

    เปิดเผยไม่ได้ แต่รับรู้ได้ทุกอย่าง เป็นเงื่อนไขของตำแหน่ง... และฉายา...

     

    ฉายาที่ตั้งตามลักษณะของSpirit of Talent...

     

    The Fortune Princess, who can control future and destiny of souls, with only her one finger.

     

                “เป็นไงมั่งล่ะ บุกเขตแดนอสูรจากอเวจีนั่นน่ะ”ยูกิพูดเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ เรียกสติจากซานาดะให้หวนกลับได้ ดวงตาที่หรี่ลงราวกับจะใช้ความคิด

     

    ถึงจะเป็นทายาทปีศาจ เผ่าชื่อเดียวกัน แต่ถ้าพูดถึงการกำเนิดมันคนละอย่างโดยสิ้นเชิง

     

    ของคุนะยูกิ ปีศาจในที่นี้จริงๆแล้ว ก็คือเทพที่เชี่ยวชาญเวทมนต์ดำ เกิดเหมือนกับเทพ แต่มีไอมารแบบออริจินัล ใช้ศาสตร์มนต์ดำ ล่าวิญญาณ สารพัด

    ของสัตว์อสูรและจตุรอสูร เกิดจากสัตว์ที่มีความอาฆาตแค้น เป็นปีศาจจากขุมนรกอเวจีที่ยากจะกำจัด มาจากนรกแท้ๆ ดำมืดแท้ๆ เกิดจากความชั่วช้าของมนุษย์มารวมกันนั่นเอง

     

    แต่ที่เหมือนกันก็คือ ความสามารถในการรักษาตัวเองมีมากเท่าๆกัน...

     

                “ดูเหมือนจะจับร่องรอยและได้ยินเสียงคนสนทนาอยู่ แต่มีไอมารมาด้วย”

     

    คำตอบของซานาดะทำให้ยูกิชะงักมือที่จะยกแก้ววาวใสขึ้นดื่มน้ำที่เหลือครึ่งแก้ว ชายหนุ่มจับจ้องปฏิกิริยาของญาติตัวเองแล้วพูดต่อไป เพื่อสังเกตุว่าคนๆนี้จะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง

     

                “และพูดถึงความผิดบางอย่างเสียด้วย”

     

    แต่ทว่าการคาดการณ์ที่อีกฝ่ายจะมีท่าทีตกใจและไม่น่าเชื่อจากอีกฝ่าย นั้นผิด เพราะยูกิสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงความตายด้านเหมือนเดิม แต่จะต่างกับเซนริที่ว่า ยูกิจะมีอะไรบ่นๆ ส่วนเซนริจะรับหน้าที่ฟังที่ดี เป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ ซานาดะโคลงหัว ดูท่าว่าเขาคงจะรับมือกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองไม่ค่อยได้เสียแล้ว ชายหนุ่มมีรอยยิ้มขบขันในเงามืด

     

    ดูท่าทาง คงต้องฝากโชคชะตาไว้กับกาลเวลาซะแล้วสิ...

     

    แต่ความคิดหยุดเช่นนั้นเมื่อเขาทนความง่วงและเหนื่อยล้าไม่ไหวจึงนอนคาโต๊ะยาวแบบนั้น ทำให้ยูกิหันขวับมามองอย่างโมโห...

     

    นี่ฉันอุตส่าห์ขู่ไม่ให้มันหลับ แล้วมันยังจะหลับอีก ฟังภาษาฉันรู้เรื่องมั้ยน่ะ... (หมายเหตุ: พวกนี้ไม่ใช่คน)

     

    +++++++++++

    เซย์เรย์เทย์

     

    อิจิโกะและลูเคียยืนรออยู่เงียบๆระหว่างที่หัวหน้าหน่วย12คุโรซึจิ มายูริกำลังง่วนหาข้อมูล เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าชวนถีบและน่ารังเกียจปราศจากรอยยิ้มสยองขวัย แล้วเนมุก็เอาชาสองถ้วยมาให้แขกเป็นมารยาท ระหว่างหัวหน้าตนกำลังหาข้อมูล หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ และกำลังง่วนหาข้อมูลอย่างเอาจริงเอาจัง เสียงคอมพิวเตอร์ดังมาเป็นระยะๆจนชวนปวดหัว มายูริกวาดสายตามองไปตามตัวอักษรในหน้าจอ แล้วก็พบกับข้อมูลพอดี

     

                “ได้แล้ว”

     

    อิจิโกะและลูเคียปรี่เข้ามาใกล้ทันที แล้วมองข้อมูลรอบๆด้าน

     

                “อันนี้แหล่ะ”แล้วรูปก็เปิดเป็นคริสตัลที่ต่อกันไปถึงแค่สามส่วนแต่ก็เป็นสี่เหลี่ยมพอดี มีขนนกสามอันลอยละล่องอยู่ข้างใน

     

    ตามตำราบันทึกไว้ คริสตัลนี้ถูกขนานนามว่า คริสตัลแห่งความทรงจำ หรือKioku No Suishou ว่ากันว่า ได้แตกออกอย่างไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลานับหมื่นปีสันนิษฐานคงไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นปี ลักษณะของคริสตัลเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติ ที่ไม่อยากจะเชื่อหากว่าขนนกกับลอยในวัตถุของแข็งและทืบด้วยมวลได้ และเรื่องที่วัตถุนี้เป็นแบบทึบก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีจากรอยตัดของคริสตัลนั้น คริสตัลถูกค้นพบในป่าจตุรอสูรแค่ที่เดียว อีกสองส่วนไม่อาจรู้ได้ว่าหายไปไหน แต่เมื่อมีผู้ลองถามจตุรเทพทั้งสี่ ก็ไม่อาจรู้คำตอบได้ ทิ้งไว้เพียงคำตอบที่ว่า เป็นคริสตัลบันทึกเรื่องราวและความทรงจำจารึกในภาษาเทพ ซึ่งเมื่อผู้สืบสายเลือดจากเทพอย่างราชวงศ์ฮายาเตะนั้น ไม่สามารถอ่านได้ เมื่ออ่านแล้วจะลืมรายละเอียดในตัวอักษรไปเสียหมด ไม่สามารถจดจำได้เลย เคยมีผู้ริอาจลองดี โดยการใช้อาคมไสยศาสตร์ และผลที่ได้รับคือ เขาคนนั้น ความจำเสื่อมไปตลอดกาล

     

    คนที่อ่านสองคนหันมามองหน้ากันอย่างรวดเร็ว นี่มันร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือยังไง ทำไมมันถึงถูกปดปิดไว้

     

                “เอ่อ หัวหน้าคุโรซึจิ ขอความกรุณาปริ๊นข้อมูลนี่ให้หน่อยได้มั้ยคะ”ลูเคียถามอย่างสุภาพ แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีแปลกๆ

     

                “ทำไมฉันต้องปริ๊นให้พวกเธอด้วย”

     

                “เป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านมกุฎราชกุมารให้ปริ๊นน่ะครับ”อิจิโกะเริ่มงัดไม้ตายเอามาใช้ ใช่ ไม่มีใครกล้าหือกับพวกนี้หรอก ได้ผลชะงัดเมื่ออีกฝ่ายยอมปริ๊นให้แต่โดยดี แล้วรีบไล่พวกเขาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ยิ้มด้วยชัยชนะ เพราะในที่สุดก็จะได้รีบๆกลับหอพักซักที

     

    อิจิโกะเดินมาถึงก่อนออกจากหน่วยก็ต้องชะงักนิ่งกับท้องฟ้าเบื้องหน้า ลูเคียที่กำลังมองเอกสารก็ต้องเงยหน้าขึ้นเช่นกัน

     

    ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอกแห่งรัตติกาลที่สวยงามและมีหมู่ดาราเป็นประกายแบบฤดูใบไม้ร่วงนิดๆใกล้จะฤดูหนาว บัดนี้ ปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึนที่กลบเกลื่อนดวงดาวไปหมดจนผิดปกติเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังแต่ไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากที่ไหน ตอนนี้พวกหัวหน้าหน่วยและยมทูตรีบตื่นนอนออกมาดูสถานการณ์ภายนอกกันแล้ว เสียงฟ้าผ่ายังดังเป็นระยะๆ ชั่วครู่หนึ่ง สายลมก็พัดไปจนผิดธรรมชาติ สายลมอุ่นชื้นอาละวาดออก มันพัดไปยังทิศเหนือ...

     

    ทิศของจักรวรรดิคุนะยูกิ!!!!

     

                “คุจิกิ อิจิโกะคุง”อุคิทาเกะนั่นเอง เขามาพร้อมคิโยเนะ และเซนทาโร่ ในเวลาเดียวกัน เคียวราคุและนานาโอะก็ตามมาติดๆ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

     

                “ไม่รู้เหมือนกันค่ะหัวหน้า จู่ๆมันก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว”ลูเคียเป็นคนตอบช้าๆ และแล้วเสียงร้องด้วยความตกใจสุดขีดของคิโยเนะและเซนทาโร่ก็ดังขึ้น

     

                “หัวหน้าคะ ดูนั่น!

     

    ทั้งหมดหันไปทางทิศที่คนร้องชี้ บริเวณทิศเหนือ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ แดงสายฟ้าฟาดผ่าขนาดใหญ่จนผู้ที่อยู่ในเซเรย์เทย์สามารถมองเห็นมันได้ในทันที บัดนี้ไม่มีใครพูดออกมาเลยซักคำ ใจเต้นระรัวและรูสึกหวาดกลัว ราวกับว่ามันจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

     

                “มันไปทางเมืองท่าส่งสินค้างั้นหรือ”เคียวราคุพึมพำอย่างตกตะลึง แถบนั้น ท่าส่งสินค้า บริเวณที่มีทางเชื่อมไปยังจักรวรรดิอีกสามที่ ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง แต่สายลมอุ่นชื้นมีกลิ่นอายแห่งความตายทำให้รู้สึกหนาวสะท้านจนน่าคลื่นไส้ มียมทูตบางคนไม่ได้สติ พวกหน่วยที่สี่จึงต้องสวมหน้ากากออกมาช่วยรับคนเจ็บไปที่สถานพยาบาลในทันที พร้อมกับความวุ่นวายบังเกิดขึ้น

     

    ++++++++++

     

                “หือ”เจ้าหญิงโทโอยะสะดุ้ง แล้วมองไปที่ฟากฟ้า เครื่องดนตรีในผับหยุดเล่น พร้อมๆกับได้เห็นเมฆและท้องฟ้ากลายเป็นสีดำทะมึน มีหมอกที่มีกลิ่นอายแห่งความตาย สายลมอุ่นชื้นพัดอาละวาด ทำให้หน้าต่างกระจกทุกอย่างแตกเพล้ง ทุกคนกรีดร้องในทันทีเมื่อเศษกระจกบาดเข้าที่ร่างแต่ละคน เจ้าของผับวิ่งลงมาพร้อมกับไฟสว่างขึ้น ตะเกียงเอียงโยกเยกจนเสียวว่ามันจะล้มมาเมื่อไหร่

     

                “เกิดอะไรขึ้น”ซานาดะเงยหน้าหลังจากหลับไปช่วยงีบหนึ่ง ยามนี้เป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มได้แล้ว และท้องฟ้าควรจะมืด แต่ทำไมถึงมีแต่กลิ่นอายแห่งความตายจนน่าสะอิดสะเอียน และวินาทีนั้นเอง สายลมอุ่นชื้นพัดอาละวาดอีกครั้ง ครั้งนี้แรงกว่าทุกครา ทำให้หลายคนรับไอพิษไปเต็มๆ!และล้มนอนร้องครวญครางอยู่กับพื้น

     

                “ยุ่งแล้ว”ยูกิมองคนแต่ละคนที่ร้องครวญคราง เธอไม่มีความสามารถด้านรักษา ซานาดะก็เช่นกัน ทำไงดี...

     

                “บาร์เทนเดอร์”ซานาดะหันไปทางบาร์เทนเดอร์ที่มีสีหน้าตื่นเมื่อรู้ว่าแขกสองคนนั้นคือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง! “มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมั้ย”

     

                “มะ มี พ่ะย่ะค่ะ”แล้วคนถูกสั่งก็รีบควานหากล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กส่งมาให้ ซานาดะเปิดมันออกมาอย่างรีบร้อน เขาก็เรียนๆมาบ้างว่ามันควรทำยังไง ไม่ค่อยลองทำนักเท่าไหร่ แต่นี่มันชีวิตคน ต้องยื้อไว้ก่อน หญิงสาวเองก็หาแอลกอฮอลอย่างใจเย็น ความใจเย็นเป็นตัวให้ค้นหาคำตอบเสมอ ซานาดะหยิบผ้าพันแผลและผ้าก๊อซ ยาเบตาดีน ทิงเจอร์ไอโอดีน และอุปกรณ์ช่วยหายใจอีกสองสามอัน

     

    ชายหนุ่มและหญิงสาวหันไปชำเลืองด้านหลัง ดูท่าว่าอุปกรณ์ยังไงก็ไม่พอแน่ๆ ไม่มีทางเลย ระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่นั้น ประตูผับก็ถูกเปิดออกอย่างแรงแล้วรีบปิดอย่างรวดเร็ว ซานาดะและยูกิหันไปมองพร้อมๆกัน ชายหนุ่มผู้มาใหม่หอบหายใจถี่ๆ คาอินนั่น เอง ดูเหมือนเขาจะวิ่งมาอย่างเร็ว

     

                “เห็นยังไม่กลับวัง องค์จักรพรรดิเลยสั่งให้ตามหา แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น”คาอินถามอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้สองลูกพี่ลูกน้องค่อยใจชื่นหน่อย อย่างน้อยคาอินก็อยู่ที่นี่ไม่เป็นไรแน่

     

                “มีคนถูกไอพิษ และเศษกระจกบาดแทงเป็นแผล แต่อุปกรณ์ไม่พอ เครื่องช่วยหายใจมีแค่สามอันเท่านั้น”ยูกิอธิบายอย่างรวดเร็ว ส่วนคาอินพยักหน้าน้อยๆ แล้วกวาดสายตามองอุปกรณ์ จากนั้นก็คิดไอเดียออกมาได้

     

                “บาร์เทนเดอร์ มีพวกผ้าพืนยาวๆสีขาวมั้ย สะอาดๆหน่อยน่ะขอเยอะๆเลย เอาที่มันพอจะห้ามเลือดคนได้น่ะ”

     

    บาร์เทนเดอร์รีบจัดการของทุกอย่างให้ทันที ดูเหมือนจำนวนผ้าจะพอ แต่ไม่แน่ใจว่าจะพันได้รึเปล่า แต่คาอินบอกว่าเขาจะลองดู ชายหนุ่มพิจารณาผ้าผืนใหญ่ที่เอาไว้คลุมโต๊ะบ้าง ผ้าเช็ดปากบ้าง ยังดีที่มันผืนใหญ่ และบาดแผลแต่ละคน คาอินชำเลืองมองคนเจ็บที่พนักงานในร้านวิ่งเต้นช่วยปฐมพยาบาล แล้วชายหนุ่มพึมพำบางอย่างกับตัวเอง และแล้ว เขาก็หยิบผ้าขึ้น แล้วฉีกให้เหมือนผ้าพันแผลที่สุด อย่างรวดเร็ว

     

    คาอินเดินไปทางพวกกลุ่มวัยรุ่นที่นอนครางเพราะบาดแผลลึก เขาขมวดคิ้ว อย่างงี้ต้องจับส่งโรงพยาบาลด่วน แต่ถ้าจับส่งตอนนี้ มันถูกไอพิษแน่ๆ ฉะนั้น ต้องทำอะไรซักอย่างกับบาดแผลอันตรายนี่

     

                “มีกล่องเข็มกับด้ายมั้ย”ทางเดียวที่ทำได้คือเย็บแผลแหล่ะ หัวหน้าราชองครักษ์ฝั่งเซย์เรย์เทย์ ใช้คิโดให้แผลสมานขึ้นเล็กน้อย แต่มันต้องเย็บอยู่ดี อีกสามคนทีพอพึ่งพาได้ช่วยหันควานหาของกันจ้าละหวั่น จนกระทั่งซานาดะส่งกล่องเข็มกับด้ายออกมา ถึงจะเอามีไว้เย็บผ้า แต่ยังดีที่มันมีไหมคล้ายๆกับพวกหมอใช้อยู่ คาอินถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเอาส้อมแล้วพันด้วยผ้าเช็ดหน้าหนาๆของเขา จากนั้นส่งให้เด็กชายที่มีแผลที่ขา

     

                “กัดมันไว้นะเพื่อน พวกนายด้วย”คาอินหันมาทางเพื่อนคนเจ็บ “จับแขนจับเขาอย่าให้เขาดิ้น ไม่งั้นเข็มอาจพลาดไปถูกจุดสำคัญ เพราะฉันไม่มีเข็มเย็บแผลโดยเฉพาะ เข้าใจนะ”

     

    แต่ละคนพยักหน้าให้ความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับคาอินกวักมือเรียกให้ซานาดะมาช่วยกันแต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวคนเดียวกำลังจะเดินมาช่วย ใบหน้าคมคายหล่อเหลาแบบสำอางของคาอินก็พูดตัดบทเสียก่อน

     

                “ยูกิ เซโร่ฝากมาบอกว่า ให้ไปหาเซนริด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้เข้าใจนะ”ยูกิชะงักนิ่ง แล้วหรี่ตาลง

     

                “หมอนั่นเป็นอะไร” คาอินส่ายหัว

     

                “ไม่มีเวลาอธิบาย รีบไปซะ เร็ว!”ยูกิพยักหน้า ก่อนจะเปิดประตูแล้วปิดออกอย่างรวดเร็ว สายเลือดปีศาจทำให้ไอพิษไม่มีผลต่อเธอมากนัก แต่เธอมีสายเลือดแห่งเทพอยู่ด้วย ดังนั้น ต้องรีบ หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋อุดจมูกแล้ววิ่งกลับไปที่พระราชวังหลวงของราชวงศ์ฮายาเตะ ยูกิโผล่ออกมาหน้าร้านวิ่งไปเรื่อยๆก็ต้องพบกับคนเจ็บมากมาย เสาไฟฟ้าบางต้นหล่นทับที่รถยนต์ดังโครม ตอนนี้ผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้าไปแออัดในที่ๆเป็นร้านซึ่งป้องกันลมพิษได้ เจ้าหญิงพะวักพะวน อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงคนพวกนี้ แถมคาอินก็ดันจะไม่ว่าง อากิโกะไม่รู้อยู่ไหน ปัดโธ่เอ๊ย... อีกใจหนึ่งก็ต้องไป เพราะไม่รู้เกิดอะไรขึ้นทีพระราชวัง

     

                “จะ เจ้า... หญิง”เสียงเล็กๆดูสิ้นเรี่ยวแรงยกขึ้นจับที่ต้นขาซึ่งสวมถุงเท้ายาวไว้อยู่ เจ้าหญิงโทโอยะก้มลงมอง เด็กน้อยวัยประมาณเจ็ดขวบเป็นเด็กผู้ชาย มีบาดแผลเต็มตัว เขาถูกเสาไฟ (ประมาณเสาที่เอาไว้ติดไฟไม่ใช่เสาไฟฟ้า ลักษณะแบบในหนังยุโรป) ทับที่บริเวณช่วงท่อนล่างไป และดูท่าจะอาการสาหัสเพราะไอพิษมาไม่หยุด

     

    ยูกิหันไปทางเสาที่ทับเด็กน้อย เอาเถอะ ช่วยเด็กซักคนไปก่อน คงทันแหล่ะ... หญิงสาวพึมพำบางอย่าง แล้วSOTของเธอก็กลายเป็นวัตถุแบบริบบิ้นแต่เป็นแสงมีอักขระเวทพลิ้วไหว เธอสะบัดเส้นริบบิ้นแล้วกระชากเสาขว้างไปในทางที่ไม่มีคนจนเสาแตกกระจาย เธอก้มลงอุ้มเด็กน้อย พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้

     

                “เอาล่ะนะ เจ้าหนู เธออาจไม่ได้กลับบ้านคืนนี้ เพราะฉันมีธุระต้องทำด่วน ไม่มีเวลาไปส่งที่บ้าน โอเค๊”แล้วเธอก็ออกวิ่ง ด้วยความเร็ว ก้มลงหลบลมแล้วป้องกันเด็กน้อยไปพลาง ซึ่งเจ้าหนูน้อยตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว ริบบิ้นเส้นอักขระที่เกิดจากSOTดึงร่างเธอให้ลอยขึ้น ทำเป็นทางที่มีแรงโน้มถ่วงน้อยๆให้ พร้อมใช้ก้าวพริบตาไปพลาง แต่แล้วก็พบอุปสรรค เมื่อพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ผสมสัตว์อสูรดาหน้ากันเข้ามา

     

                “และคิดว่า อาจจะเสี่ยงอันตรายซักนิดอ่ะนะ”ยูกิพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แล้ววางเด็กน้อยไว้ข้างตัวพลางจับมือแน่น ดวงตาสีไพลินทรงอำนาจหรี่ลง “จริงๆฉันไม่เคยมีเรื่องกับพวกแกนะ แต่ในเมื่ออยากตายนักฉันสงเคราะห์ให้เอง”

     

    เผ่าพันธุ์ครึ่งอสูรที่มีนับร้อยดาหน้ากัน เด็กน้อยร้องลั่น เมื่อคมดาบแสกเข้า ยูกิกระชากเด็กน้อยให้ละมุนละม่อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยูกิยกมือแตะที่หลังของเด็กชายตัวน้อยพร้อมกับร่ายเกราะที่เกิดจากSOTให้ แล้วมองไปที่ศัตรูซึ่งดูๆแล้วสาวน้อยแสนสวยท่าทางบอบบางในสายตาคนอื่นคงจะรับมือไม่ไหวแน่ แต่แล้ว ดวงตาสไพลินก็แทบจะเปล่งสีแดงฉานประดุจหยาดโลหิต เยี่ยงพญาซาตาน!

     

                “อย่าลืมสิว่า ฉัน เป็นเลือดผสมระหว่างเทพและปีศาจ ต้นกำเนิดแห่งยมทูตที่แท้จริง”เจ้าหญิงเอ่ยช้าๆ แล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ ถ้าเธอไม่ฆ่าพวกมัน มันจะฆ่าพวกเธอ และที่สำคัญ ยูกิหันไปทางเด็กน้อยที่ยืนตัวสั่น แม้จะไม่ได้รับอันตรายเพราะพลังวิญญาณชั้นสูงของเธอเองก็ตาม แต่ถ้าจะให้เด็กมานั่งเห็นอะไรเลือดสาด รับรอง เสียเด็กชัวร์!

     

                “นี่ เจ้าหนู ยกมือปิดตาอย่ามองนะ”เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างแข็งขันระหว่างนั้น ยูกิสาวเท้าไปใกล้พวกนั้นเรื่อยๆซึ่งค่อยๆล่าถอยไป พลังวิญญาณอาบไล้ไปทั่ว จิตวิญญาณแห่งเทพทำให้พวกมันดิ้น พร้อมกับจิตปีศาจที่ไร้ซึ่งความแปดเปื้อนก็พุ่งปะทะกับจิตมารเข้าอย่างรวดเร็ว บางตัวเริ่มมีเลือดทะลักออกมาจากปาก ตา และจมูก

     

    ยูกิแบมือ พร้อมกับศาสตราวุธประจำตัวปรากฎอย่างรวดเร็ว โซเท็นโนะชิรายูกิ มีไอเย็นและแสงสว่างทำให้มีผลต่อเหล่าครึ่งอสูรอย่างเห็นได้ชัด

     

    ไอพวกนี้คิดจะมาต่อกรกับเธอ มันยังเร็วเกินไปหลายร้อยหลายพันปี... แต่ทว่า

     

                “ปล่อยให้ตรงนี้ฉันจัดการเองเถอะค่ะ”เสียงหวานดูเด็กคุ้นๆหูร้องเรียก เจ้าหญิงฟุจิวาระ อากิโกะผู้มีรูปร่างสูงโปร่งดูอ้อนแอ้นบอบบาง และที่มาพร้อมกับเถอะคือโอริฮิเมะ ที่มองเหล่าเดนมนุษย์อย่างแหยงๆ

     

                “มาพอดีเลย จริงสิ ฝากเด็กคนนี้ไปส่งที่บ้านเขาได้มั้ย”ยูกิหันไปถามจากสองสาว ซึ่งโอริฮิเมะพยักหน้ารับ แล้วเดินไปดูแลเด็กน้อย พร้อมสร้างเกราะบุปผาสวรรค์ขึ้นชั้นหนึ่ง

     

    อากิโกะสาวเท้าไปทางเหล่าเดนมนุษย์

     

                “เกิดอะไรขึ้นหรอ”คนโตกว่าเอ่ยถาม แต่คนถูกถามส่ายหน้าอย่างลำบากใจ

     

                “คิดว่าพี่ยูกิรีบไปให้เร็วเถอะค่ะ เพราะฉันเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง”

     

    เกิดอะไรขึ้นกับนายเนี่ย เซนริ... เจ้าหญิงคิดอย่างสงสัย แต่ก็ใช้SOTแหวกทางไปได้ เหล่าเดนมนุษย์ลุกฮือขึ้นเตรียมจะไล่ล่า แต่ทว่าอากิโกะเดินมาขวางเสียก่อน ดวงตาคู่หวานใสมีแววแห่งความเย็นชาและไร้หัวใจ

     

                “รู้ไหม ภูตน่ะ ถ้าจะให้ดุก็ดุร้ายไม่แพ้ปีศาจ”เจ้าหญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แม้แต่โอริฮิเมะที่กำลังปลอบเด็กร้องไห้ยังสั่นสะท้าน ออร่าแห่งราชวงศ์แทรกซึมผ่านเกราะบุปผาสีส้มใสของเธอมา ร่างของเด็กสาวผู้สูงศักดิ์ยกมือขึ้น พร้อมกับที่เดนมนุษย์ครึ่งอสูรยกเหมือนกับที่เธอทำ

     

                “และSOTของฉัน มันก็โหดเสียด้วย”ฉับพลัน ศัตรูที่อยู่รายล้อมก็ยกมือกระชากคอหลุดออกจากบ่า เลือดสาดกระเซ็น โอริฮิเมะหลับตาปี๋ราวกับไม่ต้องการเห็นภาพที่เกิดการสังหารอันโหดร้ายเบื้องหน้า อากิโกะใช้SOTในการควบคุมความประพฤติคนในการบังคับให้พวกนั้น ฆ่าตัวตาย ถึงจะเป็นวิธีที่โหดเหี้ยมก็ตามที แต่เพื่อความอยู่รอดมันจำเป็น ถึงอากิโกะจะเรียบร้อยและอ่อนหวาน แต่จริงๆแล้วเธอก็รู้อะไรมามากกว่าที่คิดเธอจึงตัดสินใจจะสังหารพวกนี้ซะแม้จะไม่อยากทำเพราะพวกนี้เคยเป็นมนุษย์ก็ตามที

     

                “อะ อากิโกะจัง”โอริฮิเมะพูดตะกุกตะกักขณะยกมือปิดตาเด็กน้อยไม่ให้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น อากิโกะยิ้มแผ่วบางแต่ไร้อารมณ์ขัน

     

                “ถ้าเป็นคนอื่นๆก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะSOTของพวกฉัน ในอีกทาง เอาไว้ฆ่าคนได้ง่ายดายไงล่ะ เอาล่ะ รีบพาหนูน้อยคนนี้ออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่านะ เพราะไม่อยากให้เด็กกลัวจนเป็นบ้าตายไปซะก่อนเนื่องจากฉันเป็นต้นเหตุ คนขวัญแข็งแค่ไหน เห็นเลือดเยอะๆจำนวนมากของจริงๆก็ขวัญอ่อนทั้งนั้นแหล่ะ ฉันพอจะเข้าใจ”

     

    โอริฮิเมะพยักหน้าหงึกหงัก แล้วอุ้มเด็กน้อยไม่ลืมที่จะปิดตาวิ่งไปจากบริเวณนั้นทันที ส่วนอากิโกะเงยหน้าขึ้นมองฟ้า

     

    ฟ้าที่ควรจะมืด กลับปกคลุมด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ มันจะมีอะไรมาอีกนะ



    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

    อาจไม่ว่างช่วงนี้นะจ้ะ งานวาดท่วมหัวแล้วอ่ะ ต้องส่งครูช่วงปีใหม่นี้ รูปปกนิทานยังไม่เสร็จดีเลย ซีจีด้วย เอาไว้ว่างๆอาจวาดตัวละครเพิ่มนะ แฟนอาตด้วย
    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
    แล้วก็ช่วงใกล้ปีใหม่นี้เราก็จะเอาของมาฝากล่วงหน้า เพราะเราจะไปเที่ยวพัทยาค่ะ เป็นเพลงประกอบภาคสี่ ลองคิดเอ็มวีแล้วอยากทำเป็นบ้างแฮะ เพราะนึกถึงหน้าตาตัวละครแล้วมันอร๊างงงง ไว้หาเพลงจบก่อน

    http://my.dek-d.com/yushi/story/viewlongc.php?id=221510&chapter=11

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×