ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #44 : *Season 2*Episode 14:Weapon duel from Grade 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 182
      1
      13 มี.ค. 52

    เช้าวันของงานเทศกาลโรงเรียนเริ่มขึ้นตอนนี้แต่นักเรียนแต่ละคนในแต่ละรัดับชั้นและแผนกต่างพากันตื่นแต่เช้า บางคนตรวจตราความเรียบร้อยของอัฒจันทร์ ที่พวกรุ่นพี่ม.ปลายปีสามรับประกันความปลอดภัยเต็มที่ และรับประกันความเลิศหรูอลังการงานสร้างและสิ่งที่ว่าก็ถูกเวทพรางตากลบไว้ก่อนทำให้แต่ละคนเริ่มตื่นเต้นว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะได้ยินว่า แต่ละคนทำงานไม่ได้หลับได้นอนกันมาก แต่ก็เสร็จเร็วเพราะอยู่ในเขตกาลเวลา ถ้าไม่เสร็จก็ไม่รู้ว่าซาตานบ้านไหนมันมาแกล้งแล้ว

     

     

    ช่างเป็นอะไรที่มันเลิศหรูอลังการเยี่ยงนี้ ได้ยินว่าทุ่มทุนไปมากเอาการทีเดียว พี่มหาวิทยาลัยก็มารอดู พร้อมประชาชนที่เข้ามา รายได้นั้นจะเอาไปให้พวกประสบภัยฝนเลือด ปีนี้ผู้ลากมากดีก็จ่ายเงินบริจาคให้เป็นพิเศษ และยังไม่รวมกับรายได้ส่วนการประลองเด็กชั้นโตสุดก็ถือว่าเยอะมากเอาการ มาซาฮิโระและอากิโกะแวะมาเยี่ยมเป็นครั้งครา เพราะสองคนนั้นรับเรื่องระเบียบพิธีการทั้งหมดของงานที่จำต้องใช้ระเบียบที่เคร่งครัดอย่างมาก รวมถึงหน่วยอารักขาต่างๆ

     

    ครั้นพอสงสัยว่าทำไมถึงต้องเคร่งขนาดนั้น เลยถามเจ้าหญิงโทโอยะเอา ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาว่า

     

                “เพราะการประลองเราค่อนข้างมีปัญหาเรื่องขีดจำกัดของพลังวิญญาณ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมีได้บ่อยๆที่มกุฎราชกุมารจะมีถึงสามคนในการประลองครั้งนี้ โดยเฉพาะยิ่งเป็นระดับผู้ควบคุมความสมดุลทั้งฝ่ายเทพ ฝ่ายปีศาจ และคุนะยูกิเอง มันไม่เคยมีเหตุการณ์นี้มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ทั้งสามคนล้วนเป็นคนที่อายุเท่าๆกันทั้งหมด การจะทำอะไรจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ส่วนมาซาฮิโระเชี่ยวชาญด้านเกราะป้องกันอยู่แล้ว การที่จะให้เขาลงมาทำหน้าที่แทนองค์จักรพรรดิก็เหมาะสมกว่า จริงๆที่พวกฉันโวยวายกับอาจารย์ก็เพราะเหตุนี้แหล่ะ”หญิงสาวอธิบายและมีสีหน้าเบ้ “แต่การแข่งขันมันจะเป็นการจับฉลาก คิดว่าสามคนนั้นคงจะผ่อนแรงให้รุ่นน้องบ้างล่ะ แถมหน้าตาดีๆหมดฉันว่าคงจะไม่มีใครพลาดโอกาสหรอกนะ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงกับเพศที่สาม”

     

    และแล้วก็มีเพื่อนร่วมชั้นมาเรียกเธอไปการสนทนาจึงต้องผละจากพวกเขาไป

     

                “เจอกันที่งานประลองนะ”เธอพูดทิ้งท้ายให้กับทุกคนแล้ววิ่งตามเพื่อนๆไป ใบหน้างดงามหันมาคุยกับเซนริพลางแยกเขี้ยวนิดๆ เซโร่ก็ปราดเข้ามาห้าม แต่มันทำให้คนดูชอบใจกว่าเดิม เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นนายแบบนางแบบหน้าตาดีขนาดนี้มาพร้อมๆกันสามคน และใช่ว่าจะได้เจอใกล้ๆด้วย

     

    เจอในรูปแบบการเป็นตนเองไม่ใช่ทิ้งมาดไว้อย่างราชวงศ์...

     

     

    พวกรุ่นพี่แต่ละคนต่างไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อที่เอาไว้ใส่เวลาทำงาน คล้ายพวกเสื้อชอปมาเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนเต็มยศเท่าเดิม ส่วนรุ่นน้องปีสองก็จะใส่เสื้อที่มีเกราะป้องกันหลังจากอิชิดะไปเสนอแบบให้มันพอจะลงตัวกับชุดนักเรียนของรุ่นน้องได้

     

    พวกรุ่นน้องต่างจากรุ่นพี่ตรงที่เสื้อผ้า และที่สำคัญคือหน้าตาด้วย ส่วนใหญ่พวกแผนกพิเศษจะมีแต่พวกหน้าตาดีๆทั้งนั้น โดยเฉพาะเซนริ ยูกิ เซโร่ หรือมกุฎราชกุมารแห่งกาลเวลาที่จะโดดเด่นหมดทั้งสี่คน ส่วนซานาดะ เลนยะ คาอิน คานาเมะ อิจิโจ ไอโด้ ก็รองลงมาติดๆ แม้แต่พวกโซโรตะเองก็ถือว่าหน้าตาหล่อมากทีเดียว (แม้ท่าทางจะไม่ค่อยน่าคบหานักก็ตาม) แล้วทุกคนก็ตั้งใจจะมาสมทบกันที่ลานประลองตามเวลาซึ่งอาจารย์ได้กำหนดเอาไว้ ส่วนพวกนักเรียนแผนกธรรมดาแยกไปทำกิจกรรมกันต่อ พวกแผนกพิเศษต่างเดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน เพราะโรงเรียนใหญ่มาก ทำให้ซุ้มมีมากมาย แถมมีสวนสนุกอีกด้วย ครั้งนี้มีบันจี้จั๊ม โรลเลอร์โครสเตอร์ สตาร์วอล ไวกิ้ง ทาวเวอร์ช๊อค โผล่มาเพียบ

     

     และตอนนี้ ก็เผยโฉมอัฒจันทร์ฝีมือรุ่นพี่ปีสามเรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกแขกต่างอึ้งไปตามๆกัน เวทพรางตัวค่อยๆสลายไปหลังจากที่ผู้ชมต่างแวะมาถ่ายรูปกัน มีระบบติดตั้งความปลอดภัย ด้วยฝีมือคาอิน ประธานนักเรียนไม่ให้มีการโกงการแข่งขัน

     

                “นะนี่มัน”อุคิทาเกะที่มากับเซนทาโร่และคิโยเนะพูดไม่ออกกับฝีมือของพวกราชวงศ์รุ่นนี้

     

                “เก่งกันจริงๆ”โยรุอิจิชมไม่หยุด ขณะที่พวกไวเซิร์ดแวะไปดูนู่นดูนี่อย่างตื่นเต้น บางทีก็ทักทายกลุ่มคน เพราะที่นี่ไม่ต่อต้านไวเซิร์ด เพราะถึงไวเซิร์ดจะคิดทำอะไรแผลงๆ ก็มีระดับฝีมือสูงๆอยู่ที่นี่จนหมด แม้จะเป็นเด็กนักเรียนมัธยมก็ตามที

     

    ทุกอย่างเหนือความคาดหมาย และอลังการกว่าที่คิดไว้มาก เพราะรุ่นที่แล้วๆมาเป็นโคลอสเซี่ยมบ้าง ทำเป็นอัฒจันทร์แบบควิดดิชในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำเป็นเหมือนเวทีโรงละครโอเปร่า ทำเป็นสนามกีฬาโอลิมปิค แต่นี่ยิ่งกว่านั้น

     

    สิ่งก่อสร้างที่ก่อขึ้นเป็นแบบปราสาทสองที่ขนาดใหญ่โตซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างเสร็จได้ทัน แต่ถ้าหากกำหนดการหยุดเวลาไว้มันก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แถมใช้ระยะในการทำอะไรก็ย่นเวลาให้มันสั้นให้หมด ปัญหาเรื่องความแข็งแรงแปละความปลอดภัยจึงตัดไปได้ ทั้งหมดเป็นอิฐ หิน เป็นปูน กระจกใสทั้งหมด เป็นสีขาวและดำก่อสร้างให้เป็นปราสาท ซุ้มประตูและทางเข้านั้นก็คล้ายๆกับปราสาทในภาพยนต์ หลังคาที่เป็นทรงพีระมิดแหลมขึ้นไป มีปักบางอย่างไว้เป็นศิลปะ

     

    สถาปัตยกรรมถูกแบ่งออกเป็นสามแบบ อย่างแรกคือปราสาทที่จำลองจากปราสาทเทวัญโดยมีขนาดย่อส่วนลงมา ถึงจะไม่ได้แกะสลักรายละเอียดยิบๆเท่ากับของจริง แต่ทว่ากระจกใสและพื้นแก้วคริสตัลประดับประดาด้วยอัญมณีหลากสีสันล่อสายตาขโมยนัก แต่เพราะสิ่งที่แผ่ออกจากสิ่งก่อสร้างทำให้ไม่มีใครกล้าคิดทำการอะไร อีกทั้ง ยังมีธงประจำจักรวรรดิและทุกเผ่าพันธุ์ประดับประดาเรียงร้อยกันอย่างสวยงาม ราวกับราชวังของจริง ส่วนอีกฝั่งคือปราสาทคล้ายปราการสีดำงดงามไม่แพ้กัน คริสตัลสีดำสนิทเงาและวาวใส เพียงแต่ไม่สามารถเห็นอะไรภายในได้เลย อัญมณีที่ประดับด้วยโทนสีเข้มคล้ายกับปราสาทเทวัญ สวยสดงดงาม มีรูปปั้นเทพฮาเดสสลักไว้ ซึ่งไปขอแรงรุ่นพี่จากฝั่งประติมากรรมมาช่วยกัน พื้นก็เป็นหินอ่อนสีดำที่ใส และมีซุ้มประตูโค้งแบบหนังแวมไพร์ไว้อยู่

     

    สองปราสาทที่ผสานกันด้วยสถาปัตยกรรมอีกหนึ่งที่เป็นปราสาทสีเงิน ดูเรียบและสมัยใหม่ราวกับว่าของจริงถูกปรับปรุงให้มันดูดีหลายครั้งตลอดเวลา คล้ายญี่ปุ่นผสมผสานกับตะวันตก หน้าต่างโปร่งถูกเปิดและมีระเบียงออกไปอย่างกว้างมากๆมีบัลลังค์ทั้งสี่ตั้งไว้อยู่อย่างโดดเด่น เป็นปราสาทถ้าจะให้เดาก็คงเป็นของโซเคนโยแน่แท้ สีขาวและดำผสมผสานให้กลายเป็นสีเทาหรือสีเงินที่เปล่งแสงสองสีออกมาได้อย่างลงตัว

     

    รอบๆปราสาทก็เป็นอัฒจันทร์สำหรับผู้ชมภายนอกที่ออกแบบตามปราสาทของราชวงศ์อีกสองราชวงศ์ที่เหลือและหอป้อมปราการก็จำลองมาจากที่ทำการของพวกตระกูลขุนนางชั้นสูง มีสัญลักษณ์ประจำตระกูลต่างๆเอาไว้ ส่วนที่นั่งสำหรับนักเรียนจะเป็นเหมือนระเบียงขนาดใหญ่ยกระดับให้ลอยสูงคล้ายชั้นวีไอพี แต่จะต่ำกว่าของจักรพรรดิเป็นการบ่งบอกถึงว่าคนออกแบบย่อมรู้ฐานันดรศักดิ์และสามารถจดจำมันได้อย่างแม่นำเป็นอย่างดี ที่นั่งของนักเรียนที่รองรับกับประชากรนักเรียนได้ทั้งโรงเรียนเพราะปราสาทใหญ่มากไม่ยากเลยที่จะจุคนได้เป็นหมื่นๆ

     

    ใต้ปราสาทของคุนะยูกิจะเป็นพื้นที่สำหรับให้นักเรียนเตรียมตัวไว้ ซึ่งทุกคนก็ต้องประหลาดใจมากเพราะทั้งเทะและปีศาจก็อยู่กันได้ โดยมีคุนะยูกิเป็นตัวจุดร่วม เป็นไอเดียที่พวกเชื้อพระวงศ์ต่างๆช่วยกันลงความเห็นว่า ถ้าเรามีคนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆมารวมกัน ซึ่งรวมพวกจตุรอสูรที่ชอบความสงบด้วยดังนั้นก็น่าจะแบ่งปราสาทเป็นสองฝั่งให้ดูยิ่งใหญ่และอลังการ แต่ว่าไม่ต้องทำข้างในมาก ข้างในเอาแค่พื้นฐานง่ายๆไม่ให้โครงสร้างล้มก็พอแล้ว แต่ก็จะไม่ให้มันเรียบเกินไปจนคนที่จะเข้ามาดูงานข้างในต้องผิดหวัง

     

    และอัฒจันทร์ที่ไม่มีใครเคยคิดสร้างก็ออกมาด้วยดีและเสร็จสมบูรณ์ เพราะผู้เข้าประลองมีมกุฎราชกุมารถึงสามราชวงศ์ และเป็นแกนหลักของโลกทั้งหมดด้วย

     

    เทพ ปีศาจ และสองสายเลือด

     

    คนที่จะประลองในปีนี้มีแต่พวกไม่ธรรมดา และคนที่จะเป็นพิธีกร หรือคนทำหน้าที่ต่างๆก็เช่นกัน

     

     

    สามคนที่ไม่ใช่ว่าจะแสดงฝีมือกันได้ง่ายๆ เมื่อมีการมาประลองกันเอง แม้จะเป็นกับรุ่นน้องก็ตามที แต่ไม่ว่าใครก็อยากดู

     

                “งานที่นี่โคตรอลังการงานสร้างเลย”คิระถึงกับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกเพราะดูจากสภาพงานทั้งหมดแล้วนี่มันเลิศหรูอลังการมาก เพราะราวกับสิ่งก่อสร้างพากันแปรเป็นแนวทัพสองทัพประจันหน้ากัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะมีตัวกลางแปรสภาพ พวกเขาได้ช่วยมา แต่ไม่ได้ช่วยในตอนท้ายสุดตอนมันเสร็จสมบูรณ์ พอมาเห็นของจริงก็พูดไม่ออก

     

                “เท่าที่รู้มางานนี้พวกราชวงศ์เกือบหมดสภาพเชียวแหล่ะ”คาโฮโกะพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ระหว่างที่เดินดูงานเทศกาล เพราะมีเวลาสามชั่วโมงในการเตรียมตัวประลอง งานประลองเริ่มขึ้นเวลาบ่ายโมงพอดิบพอดี ตอนนี้หาอะไรใส่ท้องไปก่อน แต่พอได้ยินว่าเกือบหมดสภาพทุกคนก็หันขวับมาที่หัวหน้าตระกูลฟุยุโซระเป็นตาเดียว

     

    เร็นจิเลิกคิ้วเล็กน้อย

     

                “หมดสภาพ??

     

                “อื้อ ก็ดูการก่อสร้างมันต้องไม่ใช่ธรรมดา ไหนจะให้ทางโคฮากุจำรูปแบบของปราสาททั้งหมด แถมต้องดึงความทรงจำออกมาในรูปธรรม พวกคุนะยูกิช่วยกันดัดแปลงออกมา แถมต้องสร้างมันออกในรูปแบบภาพลวงตาจากนั้นพวกฟุจิวาระก็ช่วยกันควบคุมหินให้ก่อตัวตามทรงรูปปราสาท แล้วให้พวกฮายาเตะสร้างอาณาเขตซ้อนทับ ให้ภายในนั้นกับอาณาเขตที่หนึ่งชั่วโมงเราเท่ากับหนึ่งนาทีด้านนอกมีเวลาต่างกัน อาณาเขตซ้อนทับนี่ หนึ่งปีเท่ากับหนึ่งนาทีในอาณาเขตแรกเลยแหล่ะ

     

    แถมของดันไม่พอ ครั้งนี้พวกฮายาเตะเลยออกแรงเปิดมิติ ส่งแต่ละคนวิ่งไปเอาของมาโดยด่วน แถมปูนที่ยืดอะไรพวกนี้ดันแห้งไม่ทัน หลังจากที่ปูนวางเรียบร้อย เซโร่เลยต้องมาดึงความร้อนออกมาให้หมด ส่วนยูกิก็จัดการดัดแปลงรูปแบบของมันวะใหม่ เซนริต้องมายืนคุมโครงสร้างและความปลอดภัยอีก

     

    จากนั้น สีบางจุดที่ต้องใช้ก็ต้องช่วยกันทาเต็มที่ ฟุจิวาระเลยบังคับให้แปลงทาสีทำงานเองได้ ทาสีเองได้แล้วส่งไปยังอาณาเขตเวลานั่นอีกรอบ รีบกันเต็มที่เลย ส่วนเซนนะก็มานั่งส่องอนาคตว่ามันจะถล่มมาไหม บางครั้งก็มันจะถล่ม เลยต้องมานั่งแก้กันอีก ปวดหัวมาก SOTนี่ใช้กันเต็มที่เลยแหล่ะ พอจุดไหนมันแก้ไม่ได้ ยูกิและซานาดะเลยช่วยกันเปลี่ยนแปลงอดีตเล็กๆน้อยให้มันแข็งแรงได้

     

    ทีนี้ พอเจอของคุนะยูกิ อันนี้ฉันยอมรับว่ามันยากบรรลัยมาก เนื่องจากความปลอดภัยเข้มงวด ยูกิเลยออกคำสั่งให้ลดจำนวนทหารลงในการจดจำแต่ละที่เอาไว้ แต่ก็อนุญาตแค่รอบนอกเท่านั้นเพราะความปลอดภัยเข้มงวดสุดๆไปเลย”

     

    แต่ละคนอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่ากว่างานจะดีขนาดนี้ต้องทำยังไงบ้าง แถมเท่าที่รู้มา อาณาเขตเวลาต้องใช้พลังวิญญาณมากกว่าบันไคเสียอีก เพราะเป็นเหมือนการแยกเวลาออกจากบริเวณหนึ่ง แล้วยิ่งลึกไปเท่าไหร่มันจะต้องใช้พลังเพิ่มไปอีกสองเท่าเรื่อยๆ มิน่าล่ะ ตอนไปช่วยงานคนอื่นซุ้มอื่นเป็นการพักผ่อน

     

                “ไม่สะทกสะท้านเลยหรอ”อิกคาคุถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะมีสองคนที่ไม่มีผลกระทบ (คุนะยูกิตอนนี้เหลือสอง อีกคนไปทำงานส่วนอีกคนทรยศไปแล้ว) คาโฮโกะและเซนนะพยักหน้าหงึกหงักทันที เพราะสองคนนี้เป็นคนไปดูงานด้วยตัวเอง ส่วนเซนนะเหนื่อยแทบแย่ ไอโด้นั้นหมดสติไปทันที เพราะน้ำแข็งใช้ปริมาณมาก ยังดีที่มีฮิตซึกายะช่วยด้วยอีกแรง ไม่งั้นคงจะหลับไปนานสองนานทีเดียว

     

                “ไม่แปลกหรอก แต่ละคนก็พลังวิญญาณสูงกว่าพวกเราทั้งหมด แค่นี้ถึงจะเหนื่อยมาก แต่สำหรับพวกเขามันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลย เก่งเทพนะนั่น”

     

    เก่งเทพ... ใช่ ไม่มีใครเป็นมนุษย์แท้ๆซักคน ทุกคนดูเหมือนจะวนอยู่รอบๆตัวหญิงสาวคนนั้น และดูเหมือนว่าหญิงสาวที่แสนจะงดงาม จะสนิทกับมกุฎราชกุมารมากที่สุด และถ้าพูดอีกนัยน์คือ เจ้าหญิงโทโอยะ จะไม่ยุ่งกับชายใดๆเลย ถ้าไม่ใช่ญาติ หรือเป็นเพื่อนซี้ ถ้าสังเกตุว่าจะมีพูดคุยแบบเพื่อนอย่างโน้นอย่างนี้ ก็จะมีแค่เซโร่ คาอิน คิเอ็นจิ ยูโตะ คานาเมะ อิจิโจ และไอโด้เท่านั้น ส่วนในกรณีของพวกเขาก็มีพูดคุยแต่จะเป็นการเป็นงานซะมาก บางที ดวงตาสีไพลินก็แสดงความคร้ามครั้นออกมาอย่างที่สตรีไม่มีมาก่อนเสียด้วยซ้ำ

     

    ส่วนเซนริก็ไม่ได้ไปคุยกับผู้หญิงเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่ญาติหรือเป็นเพื่อนมานานมากแล้ว

     

    สองคนนี้ตั้งแต่รู้จักมาตั้งครึ่งปีกว่าๆนี่ยังเดานิสัยไม่ออกซักที...

     

                “แต่ว่าระหว่างการแข่งขันของพวกฉันก็กะจะขอความช่วยเหลือซักหน่อยนะ”คาโฮโกะอธิบาย สีหน้าเปลี่ยนเป็นตึงเครียด สายตาทุกคนจับจ้องไปในดวงตาหวานนั้น สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของผู้นำตระกูลในตนเอง หลายคนเริ่มมีความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และมันก็เริ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อผู้นำตระกูลฟุยุโซระที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พูดต่อ

     

                “ระหว่างที่มกุฎราชกุมาร ลงแข่ง อยากให้พวกเธอลงมาอยู่ในกลุ่มพวกนักเรียนด้วย อาจทำให้ไม่ได้กลับไปหาพวกอาริซาว่า แต่เรื่องนี้ขอเถอะนะ ลงมาอยู่กับพวกฉันระหว่างที่สี่คนนี้ลงแข่ง แล้วก็ เลนยะจะกลับมาตอนการประลอง อยู่กับเค้าแล้วจะปลอดภัย โอริฮิเมะเองฉันจะสั่งทางคณะกรรมการให้เธออยู่เป็นแพทย์ส่วนตัวของฝ่ายเรา”เธออธิบายชัดแจ้ง แม้แต่โอริฮิเมะยังเลิกคิ้ว ให้เธอลงไปอยู่เป็นแพทย์ส่วนตัว... งั้นหรือ???

     

                “จะมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ”ฮิตซึกายะถามเสียงต่ำ ส่วนเซนนะมีท่าทีลำบากใจที่จะเล่า เพราะเธอรู้ถึงอนาคตที่ใกล้เข้ามาได้ อนาคตที่ไม่มั่นใจนักว่ามันจะก่ออะไรให้เกิดขึ้นได้หรือเปล่า แต่เธอก็พยายามตอบเท่าที่ตอบได้เพราะจริงๆแล้วก็ถูกสั่งว่าไม่ให้บอกเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกไปก็คงไม่เป็นไร

     

                “การประลองครั้งนี้ ระดับแต่ละคนไม่ใช่เล่นๆ อัฒจันทร์ดูอลังการ แต่จริงๆแล้วมันถูกบรรจุพลังทั้งหมดเพื่อปกป้องแต่คิดว่ามันจะไม่พอเมื่อต้องใช้จริงๆ สำหรับพวกนายอาจจะงุนงงเสียบ้าง แต่สำหรับพวกเราเท่ากับเป็นการประกาศศักดาของแต่ละฝ่าย เรียกว่าต้องทุ่มเทแน่ๆ เพราะไม่ว่าใครก็อยากให้ตัวแทนของพวกเขาชนะทั้งนั้น และยิ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาที่พวกเทพและปีศาจใกล้จะถึงจุดแตกหักแล้ว”เธออธิบายต่อโดยไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของแต่ละบุคคล แต่เธอยังพูดต่อไป

     

    “ดังนั้น อาจจะมีจราจลเลยต้องออกแรงช่วยกันให้มากขึ้น ไม่งั้นพวกเราคงไม่ต้องขอไวเซิร์ดมาเท่าไหร่หรอก เนื่องจากพวกนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว เราเองก็ไม่ชอบรบกวนซะด้วย เกรงใจ และที่สำคัญ การประลองครั้งนี้ มีลางสังหรณ์ว่า ถ้าไม่มีคนตายก็คงจะเจ็บหนักไปอีกหลายวัน อย่างที่สองคือกรณีที่เบาที่สุด อย่างแรกมีโอกาสเกิดขึ้น90%

     

     

     

    +++++++++++++

    กลิ่นของไอเย็นลอยโชยมาแตะที่จมูกของบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ฮายาเตะเลยด้วยซ้ำ เขาเดินไปทางไหนไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็เตะตาทุกคนเสมอ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำดุจรัตติกาลแต่ไม่ใช่สีท้องฟ้ายามราตรีเหมือนหญิงสาวผู้นั้น ดวงตาสีเทาคู่งามและใบหน้ารูปสลักที่ไม่ว่าสาวไหนๆก็ต้องใจละลาย (ยกเว้นฝาแฝดโซเคนโยไว้ซักสองคน รายนั้นไม่รู้ผีตายด้านหรือยังไงถึงไม่ละลาย) ใบหน้ารูปสลักกวาดตามองไปทั่วบริเวณ และใบหูเรียวแหลมของเขาแสดงถึงความเป็นปีศาจ

     

    เจ้าปีศาจแห่งป่ากักปีศาจ คิเอ็นจิ ป่ากักปีศาจ สถานที่มีปีศาจอาศัยอยู่ และมันถูกกักในเขตอาคมที่ถูกผนึกด้วยตระกูลโซเคนโย แต่คนละแบบกับป่าจตุรอสูร เพราะเขาคนนี้ผู้เป็นผู้ปกครองนครนั้น มีพลังมากมายมหาศาลเทียบเคียงได้กับคนสองคน... ปกติเขาจะเงียบๆไม่ค่อยออกมาเตร่เท่าไหร่ แต่ในที่นี้ก็เป็นผู้ดูแล อันที่จริงก็เรียนๆเรื่อยๆเหมือนกับเซนริ และยูกิที่ไม่มีเวลามาเข้าเรียนเท่าไหร่

     

                “พลังวิญญาณ ของเจ้านั่น”น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นพูดออกมาเบาๆ คิ้วคมเข้มขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อรับรู้ถึงบางอย่าง เจ้านั่น จะตื่นขึ้นมาแล้วรึ ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะกระโดดลงพื้นดิน เป็นเวลาเดียวกับชายหนุ่มอีกคนที่มีใบหน้าหล่อเหลากว่าใครเดินมาถึง เมื่อสองคนนี้ปรากฎพร้อมกันก็แทบตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆทันที เพราะรูปงามในแบบต่างกัน เหมือนเทพกับปีศาจ ดวงตาสีฟ้าเทอควอยซ์สบกับดวงตาสีเทา

     

                “เจ้านั่น จะปรากฎตัวในอีกไม่ช้า”คิเอ็นจิพูดเรียบๆ ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นเทพขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะพยักหน้าเมื่อรู้ว่า เจ้านั่นหมายถึงใคร

     

                “ได้ยินจากยูกิว่าเลนยะจะกลับมาวันนี้ช่วงก่อนการแข่งขันสิบนาที พร้อมกับท่านหญิงโซเคนโย อาเคเดะ อดีตแม่ทัพหญิง และโยชิฮาระ ผีประจำตระกูลก็จะมาด้วย ส่วนเบียคุยะจะสังเกตุการณ์อยู่ใกล้ๆ”เซนริอธิบาย น้ำเสียงทุ้มต่ำพยายามกดให้เบาลงเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ หากคนๆนั้นมา มันก็เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องตรงๆจะลงมือ และในความรู้สึกของมกุฎราชกุมารคนนี้ มีความรู้สึกว่ามันต้องไม่ใช่แค่คนเดียว และบางอย่างที่กำลังตื่นขึ้นจากที่ไกลๆเขาสัมผัสได้

     

    ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหันไปทางทิศที่เป็นที่ตั้งของป่าจตุรอสูร และลึกลงไปนั้น ภาพๆหนึ่งปรากฎมาในห้วงความคิด มันเป็นภาพเลือดนอง แต่เขาพยายามสงบใจครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าครั้งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่เขาสามารถเห็นปราสาทสีดำทะมึนที่เป็นต้นแบบของอัฒจันทร์ในปีนี้  ปราสาทสีดำที่เหมือนกับปราสาทเทวัญ แต่มันเป็นสีดำทะมึน และมีหมอกปกคลุม ท้องฟ้าเวลานั้นออกสีแดงดำ

     

    ทุกอย่าง ความคุ้นเคยทุกอย่างมันอยู่ที่นั่น จนความรู้สึกเริ่มสับสนปนเปกันจนแยกแทบไม่ออกเสียแล้ว ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น พักนี้ยิ่งมึนงงด้วย เขาต้องหาวิธีในการแก้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แม้ในหัวสมองจะบอกว่า มันไม่จบง่ายๆ

     

    ประลอง งั้นหรือ... ประลองไปเพื่อสิ่งใดกัน สัญชาตญาณบ่งบอกถึงอันตรายมันยิ่งฉายชัดกว่าทุกครา เพราะเหตุใดจึงรู้หรือรับรู้คนที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า เพราะเหตุใดความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าหญิงแห่งโชคชะตาถึงค่อยๆเปลี่ยนไป มันผูกพันยิ่งขึ้นจนตัวของชายหนุ่มก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

     

    วาบ...

     

    ความรู้สึกหนาวเย็นฉายชัดกว่าทุกครา แต่ดูท่ามันจะยังตื่นเต็มที่แต่สำหรับคนที่มีประสาทสัมผัสไวอย่างฟุจิวาระ อากิโกะสัมผัสได้ทันที ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองฟากฟ้า ขณะที่ยืนอยู่ข้างๆมาซาฮิโระในลานประลองเพื่อทำหน้าที่พิธีกร ดวงตาของมาซาฮิโระกวาดไปทั่วอักขระอาคมที่ตรึงแน่นกว่าปีไหนๆ แล้วร่างสูงโปร่งกว่าเด็กวัยเดียวกันก็เดินไปที่เขตอาคม ราวกับจะพิจารณาบางอย่างให้ถี่ถ้วน จนกระทั่ง ฮิราโกะ ชินจิ ไวเซิร์ด อดีตหัวหน้าหน่วยห้าปรากฎตัว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาคุกเข่าชันขาข้างหนึ่ง ราวกับจะทำความเคารพผู้สูงศักดิ์กว่ามาก ซึ่งรวมถึงพลังอำนาจด้วย

     

                “เตรียมการพร้อมแล้วใช่มั้ย”มาซาฮิโระถามช้าๆ ดวงตาที่แลดูอ่อนโยนนั้นฉายแววตึงเครียดและเด็ดขาดแบบเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ทันที มือซ้ายที่มีดาบฟันวิญญาณคาดอยู่นั้นจับที่ปลอกดาบแน่นจนสั่นน้อยๆ เขาผู้เป็นคนที่ดึงความทรงจำแห่งปราสาทนี้มาสำรวจก็รู้ได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     

    ฮิราโกะพยักหน้ารับช้าๆ

     

                “ขอให้เจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วง เขตอาคมวิถีมารจะสำแดงฤทธิ์ทันทีที่เกิดอะไรขึ้น อาณาเขตจะถูกปิดกั้นระหว่างผู้ชมกับผู้ประลองทันที จนกระทั่งถึงคิวนั้น...”ไวเซิร์ดหยุดพูดไปชั่วครู่ มาซาฮิโระก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงไร้ความล้อเล่นและสดใสแบบเด็กวัยนี้

     

                “ฉัน จะรับหน้าที่นั้นต่อเอง”

     

    หน้าที่ ที่จะต้องปกป้องคนดู ปกป้องและรับรองด้วยชีวิต อาณาเขตที่แก่กล้าที่สุดและจะไม่มีวันเปลี่ยน อากิโกะผ่อนลมหายใจช้าๆเช่นกัน เธอผู้ได้รับหน้าที่ในการสังหารทันทีเมื่อเจอผู้ต้องสงสัย ทั้งๆที่ไม่อยากจะฆ่าคนก็ตาม แต่มือบอบบางและนุ่มนวลจะต้องเปื้อนเลือดในวันนี้... ตราบาปที่จะไม่มีวันลบเลือนภายในใจได้ ร่างบบอบบางสั่นสะท้านจนฮิโยริที่ยืนหลบมุมรอฮิราโกะอยู่รู้สึกหวากหวั่นแทน จริงอยู่ที่เธอจะต้องมีการฆ่าคนบ้าง แต่นี่จะต้องลงมืออย่างอำมหิตและเจ็บปวดที่สุด... การสังหารโหดร้าย จนอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมSOTถึงต้องเลือกคนที่นิสัยตรงข้ามและไม่ต้องการแบบนั้น...

     

    ไม่ต้องการอำนาจแบบนั้น

     

    อำนาจที่เอาไว้สังหารคนโดยเฉพาะ

     

    +++++++++++++++++++++++++

    เวลาบ่ายโมงตรง ยามที่แดดลงมาที่พื้นให้ความอบอุ่นในยามฤดูหนาวอย่างหาได้ยาก ขณะที่ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาดูการประลองที่เป็นการสอบของเด็กนักเรียนชั้นม.ปลายปีสาม การสอบที่ไม่ว่าจะซักกี่รุ่นก็ตาม ความอลังการก็ไม่แปรเปลี่ยนเลยเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญคือปีนี้มีบุคลากรระดับสูงลงสนามเอง ค่าตั๋วเลยต้องขึ้นแพงหูฉี่แต่ผู้คนก็ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ที่นั่งชั้นวีไอพี นักเรียนแผนกธรรมดาก็ได้ที่นั่งของนักเรียนเอง ส่วนพวกอิจิโกะได้ตั๋ววีไอพีมาฟรีๆเพราะเป็นคณะร่วมด้วยช่วยกันจัดงานครั้งนี้ให้สำฤทธิ์ผล แต่ก็ไม่ลืมเรื่องที่หัวหน้าห้องฝากฝังเอาไว้ว่า เมื่อพวกราชวงศ์ลงสนามรบเมื่อไหร่ ขอให้ลงไปอยู่กับพวกเขาทันที... เพราะยังไงก็ต้องการคนช่วยเหลือ

     

    นักเรียนแผนกพิเศษที่สวมเสื้อนักเรียนสีดำและกางเกงสีขาวสำหรับนักเรียนชาย กระโปรงแบบมีกางเกงขาสั้นเย็บติดเป็นของนักเรียนหญิง เนคไทสีแดงของนักเรียนชายและโบว์สีแดงของนักเรียนหญิง กระเป๋าเสื้อมีตราอาห์มของโรงเรียนปักอยู่เด่นเป็นสง่า ถุงเท้ายาวสีดำและรองเท้าบู๊ทแบบผ้าใบของนักเรียนหญิง กับรองเท้าหนังแบบคล้ายผ้าใบสำหรับนักเรียนชาย อาวุธประจำตัวถือไว้ข้างกาย ในบางคน ขณะบางคนอยู่ตัวเปล่า

     

                “โจทย์ของปีนี้คือจะต้องทำลายม่านปีศาจสองชั้นดั่งที่เคยให้สอบไปแล้ว ระหว่างนั้นรุ่นน้องปีสองอาจจะลอบโจมตีพวกเธอในครั้งนั้น ดังนั้น พวกเธอที่เป็นรุ่นพี่ก็ต้องคอยรับมือ แต่อย่าให้รุ่นน้องบาดเจ็บสาหัสถึงตาย หากทำให้รุ่นน้องล้มลุกไม่ไหวแต่ไม่ตาย ถ้าทำให้รุ่นน้องล้มจนลุกไม่ขึ้นภายในสิบวินาที ได้คะแนนเต็มคือร้อยเต็ม เก้าวินาทีก่อนจะปะทะกันอีกครั้งแล้วล้มไปก็คือเก้าสิบคะแนน แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆ”อาจารย์อธิบายให้พวกรุ่นพี่ปีสามฟัง ขณะที่รุ่นน้องปีสองสวมชุดเกราะไม้ไผ่แบบซามูไรญี่ปุ่นโบราณนั้นกับชุดฮากามะแบบยมทูต (เพราะเกรงว่ารุ่นน้องอาจบอบช้ำ เลยให้ใส่ป้องกันตัว) แล้วอาจารย์ก็หันมาทางรุ่นน้องบ้าง

     

                “พวกเธอไม่มีสิทธิ์ทำร้ายรุ่นพี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง พวกเธอจะได้คะแนนในส่วนที่สามารถแสดงฝีมือได้ทัดเทียมใกล้เคียงรุ่นพี่ คะแนนจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับฝีมือแบบภาคปฏิบัติล้วนๆ เพราะจะเป็นการตรวจสอบว่า ตลอดระยะเวลาเกือบจะปีหนึ่งที่เรียนมา มีอะไรอยู่ในหัวบ้างหรือไม่ เทคนิคทุกอย่าง และไหวพริบของพวกเธอคือตัวตัดสินคะแนนไม่ใช่ผลแพ้ชนะแต่อย่างไร แต่ถ้าชนะได้ก็จะได้คะแนนจิตพิสัยพิเศษในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเซนต์ราฟาเอล แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆให้ถอนตัวมาซะ เพราะคงเข้าใจนะว่ารุ่นพี่ปีนี้มันเป็นยังไง”เขาหันไปทาง พวกรุ่นพี่ที่ว่า

     

                “ส่วนอุปกรณ์ในการต่อสู้เธอจะมีแค่สี่ประเภทเท่านั้นคือ หนึ่ง อาวุธประจำตัวซึ่งกฎแห่งราชวงศ์และตระกูลได้ถูกบัญญัติไว้ว่าทุกคนจะมีอาวุธประจำตัวได้ โดยเฉพาะโซเคนโยที่ต้องถือทำเนียมอย่างเคร่งครัด ไม่สนว่าจะเป็นดาบ คทา หอก หรืออะไรก็ตาม พวกเธอใช้มันได้เต็มที่เพราะนี่คือสนามรบ สอง วิถีมาร หรือเวทอะไรก็ตาม ให้อิสระในการใช้หมด ทั้งวิถีมารประจำราชวงศ์ เวทประจำตระกูลแต่ขอให้ระวังๆกันไว้หน่อย อย่าให้ถึงตาย สาม Spirit of Talent (SOT) อันนี้พวกเธอต้องดูแลกันเอง หน่วยแพทย์ปีหนึ่งให้บริหารงานเป็นระบบด้วย พวกเธอจะมีหัวหน้าหน่วยองครักษ์ดูแลอยู่ระหว่างการแข่งขัน และสุดท้าย สมอง สติปัญญา และไหวพริบของพวกเธอ จำเป็นในการต่อสู้ อย่าดีแต่ใช้กำลังอย่างเดียว เพราะกลยุทธ์แห่งการต่อสู้อยู่ที่สมองของตัวเราเอง”

     

                “ข้อสำคัญที่สุดในการประลองคือ อย่าทำร้ายผู้ชมทุกท่าน พวกครูหวังว่าพวกเธอทุกคนคงจะมีจิตใจแห่งความเมตตา สัจธรรมแห่งการดำรงชีวิตและจรรยาบรรณในการจะเป็นผู้นำของพวกเขาในอนาคตนะ”เมื่อพูดจบ ก็มีการเตรียมตัวอยู่ชั่วครู่ โอริฮิเมะที่เข้ามาอยู่หน่วยแพทย์ข้างๆอากิโกะที่เตรียมจะไปเป็นพิธีกรเปิดการประลอง ซึ่งเด็กสาวก็ยืนอยู่ด้านหลังหลบๆไว้ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะเตรียมการได้ทันที

     

    เด็กสาวผู้เป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ย่างเท้ามาพร้อมมาซาฮิโระ เมื่อก้าวลงมาที่พื้นสนามซึ่งถูกยกขึ้นไว้กลางอากาศอยู่ ทุกคนยกเว้นจักรพรรดิทั้งสี่และเชื้อพระวงศ์ต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพเชื้อพระวงศ์ระดับสูงเป็นการีรับเกียรติที่ทั้งสองมาเป็นพิธีกร ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินมา พร้อมเริ่มเปิดพิธีการ

     

    เสียงทุ้มต่ำแม้ยังเยาว์แต่ชวนฟังอย่างน่าประหลาด ทำให้การแข่งขันดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมากเป็นทวีคูณ อย่างที่ไม่มีมาก่อนในประวัติศาสตร์ อากิโกะหันไปทางเบียคุยะ หัวหน้าหน่วยหกเป็นเชิงให้สัญญาณบางอย่างราวกับเตรียมตัวเอาไว้ พร้อมกับพวกไวเซิร์ด อุราฮาร่า เท็ตไซ โยรุอิจิ คูคาคุ และกันจูเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน

     

    มาซาฮิโระมีสมาธิในการอ่านพิธีเปิด เสียงที่สูงและต่ำตามจังหวะเหมือนเสียงดนตรีบรรเลงไปเรื่อยๆทำให้ผู้ชมเงียบกริบ ก่อนที่ทุกอย่างในมือจะเสร็จสิ้น ดวงตาสีพลอยแดงจะเรืองวาบ

     

                “เปิดการประลองได้!!

     

    สายพลังจากเกราะพุ่งสูงเสียดฟ้า เป็นม่านพลังบางใสแต่ทว่ากลับดูแข็งแกร่ง อิจิโกะหรี่ตาลงอย่างเคร่งเครียด

     

    ในที่สุดก็เริ่ม... การประลองนองเลือดก็เริ่มขึ้นแล้วสินะ

    """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
    เราถูกบังคับเรียนซัมเมอร์อ่ะ แถมวันเริ่มก็วันงานหนังสือวันแรกพอดี แต่ก็ดีแฮะ นั่งใต้ดินไปได้เลย สะดวกดี

    รอบนี้เราลงมาให้แบบเต็มๆร้อยนะคะ อ่านกันคงตาแฉะแหงๆ รู้สึกเหนื่อยแล้วเครียดมากๆเลยล่ะ ผลสอบออกมาได้สี่มาได้ไงก็ไม่รู้ จำได้ว่าเพื่อนเราตั้งใจเรียนกว่าเราอีก แต่ช่างมันแล้ว เตรียมตัวสอบต่อๆไปดีกว่า

    ปล. ขอสครีมดังๆว่า ภาคสี่นี่มันจะยาวแค่ไหน เพราะงั้นภาคสามเราจะพยายามเร่งนะคะ เพราะภาคสามทั้งหมดจำนวนหน้ายังไม่ได้ครึ่งของภาคสี่เลย ห้าร้อยอัพแหงๆ บรื๋อ เร่งๆๆๆๆๆ 

    ปล.สอง คนแต่งถนัดเขียนตัวละครชายนะ เวลาบรรยายใครหน้าตาดีจะถนัดมากเลยล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×