ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Chapter : Secrets of book
เอาเป็นว่า...ฉันจะเล่าถึงประวัติของหนังสือเล่มนี้ให้เธอฟัง...."
"อันที่จริงแล้วหนังสือมีทั้งอยู่ทั้งหมดสองเล่มด้วยกัน....เล่มแรกเป็นหนังสือที่รวบรวมคาถาของชาวกรีกโบราณไว้ทั้งหมด และยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีแปรธาตุต่างๆอีกด้วย และเล่มที่สองคือหนังสือแห่งการรักษา...ว่ากันว่าหนังสือเล่มนี้ บอกทุกวิธีการบำบัดโรคร้าย และยังบอกถึงส่วนผสมของยาแต่ละชนิด...แต่หนังสือเล่มนี้ยังมีความพิเศษอีกหนึ่งอย่าง...นั่นคือการคืนชีวิตให้กับคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นคืนได้...ซึ่งผู้ที่สร้างหนังสือทั้งสองเล่มนี้ขึ้นมา ก็คือเหล่าทวยเทพให้กรีก เหล่าเทพมีความเห็นตรงกันว่าการสร้างหนังสือทั้งสองเล่มนี้ขึ้น อาจจะมีประโยชน์แก่พวกมนุษย์ แต่พวกเค้าไม่ได้ตระหนักถึง...ปัญหาที่จะตามมา .....ต่อมาได้เกิดสงครามการแย่งชิง...หนังสือทั้งสองเล่มขึ้น พวกมนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ทำให้ผู้คนทั่วทั้งกรีกล้มตายเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นความหายะนะของชาวกรีก ซูสเทพแห่งสายฟ้าผู้ปกครองเหล่าทวยเทพด้วยกัน ทรงพิโรธมากที่ต้องทนเห็นเหล่ามนุษย์ฆ่ากันเอง เพื่อแย่งชิงหนังสือทั้งสองเล่มนี้ พระองค์จึงบรรชาให้ทำลายหนังสือทั้งสองเล่ม...แต่เหลาเทพทั้งหลายไม่เห็นด้วยกับการทำลายหนังสือ ...ซูสจึงบรรชาให้เหล่าบรรดาทวยเทพตัดสินใจกันเองว่าจะทำยังไงกับหนังสือหายะนะทั้งสองเล่มนี้ดี...เหล่าทวยเทพเห็นพ้องตรงกันว่า จะต้องหาผู้ที่เหมาะสมที่จะครอบครองหนังสือทั้งสองเล่มนี้...ซึ่งผู้นั้นจะเกิดก่อนคืนพระจันทร์เต็มดวงเพียงหนึ่งคืน ดาวแห่งเทพทั้งแปดจะปรากฏขึ้น" ดัมเบิลดอร์ชี้มายังตัวผม
"และนั่น...คือวันที่เธอเกิด"
"ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยครับอาจารย์...มันไม่มีเหตุผลในข้อไหนที่จะชี้ชัดจริงๆว่าผมเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้?" ผมพูดขึ้นด้วยความสงสัย
" นั่นไงล่ะ!เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้" ดัมเบิลดอร์ชี้มาที่สร้อยคอของผม ผมทำหน้าขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
"สร้อยคอเส้นนั้น...คือสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่าเธอคือผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้...ถอดมันออกมาสิ" ผมทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอก พรางวางสร้อยคอลงกับโต๊ะ
"สร้อยคอเส้นนี้ คือกุญแจสำคัญที่จะเปิดหนังสือเล่มนี้...แต่ถ้าเธอยังไม่เชื่อ...ก็ลองเอาจี้รูปสายฟ้า...วางตรงกลางตราสัญญาลักษณ์ของหนังสือสิ" อะไรของเค้า...จะยัดเยียดของพักนี้ให้ตูจนได้ใช่ไหมเนี่ย -[]- ผมทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอก แสงสว่างจากหนังสือ ส่องสว่างไปทั่วห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ปลายไม้กายสิทธิ์ของผมมีแสงส่องประกายขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของผมเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในห้วงมิติ หน้าของดัมเบิลดอร์เลือนลางลง...
อ๊าก ก ก ๆ ๆ ผมแหกปากร้องลั่นออกมาทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะตกลงมากองกับพื้น
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?" ผมลุกขึ้นพรางปัดเสื้อผ้าของตัวเอง...แต่ตาของผมก็เหลือบไปเห็นเท้าขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าของผม...ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมแทบจะเป็นลมเลยก็ว่าได้ เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือมนุษย์...ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแต่ตัวพวกเค้าใหญ่โฮก!...ใหญ่กว่าตัวผมเป็นสิบเท่า ผมล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งด้วยความตกใจ ตัวผมสั่นระริกด้วยความกลัว
"ตาย ๆ ตายแหงแซะ!..." ผมพึมพำในใจ
"ยินดีต้อนรับ...ผู้ครอบครองหนังสือ แห่งมนตรา...ข้าคือ อาธีน่า เทพพระเจ้าแห่งปัญญา ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหวาดกลัวพวกข้าอยู่...."
"พวกท่านต้องการอะไร?...แล้วที่นี่คือที่ไหน?" ผมมองเหล่าบรรดามหาเทพที่ยืนรายล้อมผมอยู่
"ข้าคิดว่าเจ้าควรลดบรรดาลโทสะลงสักนิด...พวกข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก...ที่พวกข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ เพียงเพื่อจะมอบพลัง...พลังที่ผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้ควรมี" ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้า คือเหล่ามวลมหาเทพที่ผมได้ฟังจากปากของดัมเบิลดอร์ไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง
"ผมไม่ได้ต้องการพลังวิเศษอะไรพวกนี้" ผมรีบปฏิเสธทันที
"เจ้าไม่มีทางเลือก...นี่คือสิ่งที่พวกข้าได้เลือกไว้แล้ว" น้ำเสียงที่ฟังดูหนักแน่นเอ่ยขึ้น
"ซูส!..." ผมได้ยินเทพองค์หนึ่งพูดขึ้น ผมหันไปมองยังเสียงๆนั้น
"ผมไม่มีทางเลืกอื่นเลยใช่ไหม?"
"เจ้าคือคนที่พวกเราเลือกไว้...ถึงเจ้าจะปฏิเสธยังไง...เจ้าก็หนีไม่พ้นคำทำนายของพวกข้า...จงยอมรับ และเรียนรู้มันซะ..."สิ้นสุดคำพูดของซูส ทุกอย่างรอบตัวผมก็ดับวูบลงอีกครั้ง
ผมลืมตาตื่นขึ้น...อีกครั้ง ผมกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมสปริงตัวลุกจากโซฟาทันที
"ฟื้นแล้วงั้นรึ...คุณปฐพี" ดัมเบิลดอร์เอ่ยขึ้น
"ครับ"
"อาจารย์ครับ...ถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นของผมจริง...ผมควรทำยังไงกับมันดีครับ?"
"เธอแค่...เรียนรู้จากมันไงละ"ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้กับผม
"โอ้!นี่ก็ดึกมากแล้ว...ฉันคิดว่าเธอควรกลับได้แล้ว...และอีกอย่างนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...เธอต้องฝึกคาถาในหนังสือเล่มนี้กับฉัน...ตลอดทั้งเทอม...ฉันขอร้องเธออีกอย่างหนึ่ง...อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด...แม้แต่เพื่อนของเธอเอง" ดัมเบิลดอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้ง ผมเพียงแค่พยักหน้า แล้วเดินออกไป ระหว่างทางที่ผมเดินกลับนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดก็ถาโถมขึ้นมาอีกครั้ง ผมทรุดตัวลงนอนดิ้นกับพื้น ด้วยความทรมาน พลังบางอย่างกำลังตื่นขึ้น
ด้านอาเธน่า เธอสัมผัสถึงพลังนั้นได้
"ฟีอัส.."เธอรีบลุกออกจากเตียงนอนทันที พลังมหาสารที่เกิดขึ้นทำให้ไรเซลสัมผัสมันได้เช่นกัน
อาเธน่าวิ่งลัดเลาะไปตามทางเดิน เธอพยายามหาขุมพลังนั้นให้เจอ ก่อนที่จะมีใครเห็นเข้า
"ให้ตายสิ!หมอนั่นอยู่ที่ไหนกัน" เธอสบถออกมาด้วยความโมโห ปนความเหนื่อยที่ต้องวิ่งหาตัวของฟีอัส ทางด้านไรเซลก็เช่นกัน เค้ากำลังมุ่งหน้าไปหาพลังมหาสารนั่นอยู่ พรางหัวเราะเหมือนคนบ้า
"ฉันอยากรู้เหมือนกัน...ว่าใครคือผู้ครอบครองหนังสือ" ไรเซลแสยะยิ้ม
ผมพยายามควบคุมตัวเอง ให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ผมรับรู้ถึงพลังที่อยู่ในตัวได้ แต่ผมไม่สามารถควบคุมมันได้เช่นกัน อ๊า ก ก กกกก กก ก กก ผมดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
"ฟีอัส...." อาเธน่ารีบวิ่งเข้ามาหาผมทันที
"อย่า...เข้า...มา" ผมกัดฟันตัวเองแล้วพูดออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ฟังที่ผมพูดเลยซักนิด
"ฟีอัส...นายไม่เป็นไรใช่ไหม?" อาเธน่าพูดขึ้น เธอประคองร่างผมไว้
"ฉันบอกเธอแล้วไง...ว่าอย่าเข้ามา อ๊าก ก ก" ผมกระอักเลือดออกมาทันที
"ไม่ฟีอัส...ฉันไม่ยอมยืนดูนายเฉยๆแน่" อาเธน่ากอดตัวผมไว้แน่น
"ฉันบอก...ให้เธอถอย...ห่างจากตัวฉันไง" ผมผลักตัวของอาเธน่าออกทันที
"ฟีอัส..." อาเธน่าเธอดูจะไม่ยอมฟังผมเลยซักนิด ผมควบคุมพลังนี้ไม่ได้จริงๆ ผมไม่สามารถทำได้ มันหนักเกินกว่าผมจะแบกรับมันไหว ร่างของผมกำลังจะระเบิดเป็นเสี่งๆอยู่แล้ว
"ฟีอัส...นายต้องควบคุมมันให้ได้...ไม่เช่นนั้นมันจะ...." เสียงของอาเธน่าขาดหายไปผมตกอยู่ในภาวะการหลับไหลทันที
"ฉันจะ...ควบคุมร่างของเจ้านี่เอง ห้าๆๆๆๆ"
"แก..." อาเธน่ากัดฟันกร๊อด
"ว่าไง...ไม่เจอกันนานนะ 'เจ้าหญิงแห่งโอลิมเปีย' ผมอีกคนหัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง แววตาสีเลือดนั้น จ้องมองอาเธน่าด้วยความโกรธแค้น
"ฉันคิดว่า...เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ 'กษัตริอาเธอร์' ฉันไม่ชอบสีหน้าที่แกมองฉันแบบนั้นเลยสักนิด...และฉันก็ไม่ชอบ...ให้แกควบคุมร่างของเค้านานๆด้วย" อาเธน่าแสยะยิ้มออกมา
"ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะ....เธอคิดจะสู้กับฉัน...ในขณะที่ฉันอยู่ในร่างของเจ้านี่ยังงั้นหรอ?...คิดให้ดีๆนะ?" อาเธน่ายืนกำมือไว้แน่น
"ถ้าฉันโจมตีเค้าตอนนี้...ร่างของฟีอัสต้องได้รับบาดเจ็บแน่...ฉันต้องทำยังไงดี"
"คนอย่างเธอนะ...ไม่สมควรที่จะได้รับหน้าที่แบบนี้ด้วยซ้ำ" ผมกระโจนเข้าโจมตีอาเธน่าทันทีด้วยเคียวขนาดมหึมา แต่อาเธน่าเธอก็หลบได้เช่นเดียวกัน
"นี่มันอะไรกัน...ทำไมเคียวมรณะถึงได้อยู่กับแกได้?"
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเธอ" ตัวผมอีกคนกำลังอาละวาด เค้าโจมตีอาเธน่าอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอาเธน่าเธอแค่เพียงหลบการโจมตีเท่านั้น เธอพยายามหลอกล่อให้ตัวผมอีกคนออกห่างจากตัวปราสาทให้ไกลมากที่สุด เธอไม่อยากให้นักเรียน และ เหล่าอาจารย์ได้รับบาดเจ็บ
"ชิ!ไม่มีโอกาสตอบโต้เลยสักนิด" อาเธน่าสบถออกมาด้วยความเหลืออด
"เธอไม่มีทางสู้พลังของฉันได้หรอก...ยอมรับและหายไปซะ" ตัวผมอีกคนกำลังเปิดผนึกพลังของเคียวมรณะขึ้น ควันสีดำลอยออกมาจากเคียวยักษ์นั่น ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปหาตัวของอาเธน่า
บึ๊ม ๆ ~ ~ เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วป่าต้องห้าม
"แกคิดว่าแก...มีดีแค่คนเดียวรึไง" อาเธน่าเรียกดาบแห่งทูตออกมา เพื่อป้องกันการโจมตของพลังมหาสาร
"ชิ!ตายยากตายเย็นซะเหลือเกินนะ" ตัวผมอีกคนแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะกระหน่ำโจมตีอาเธน่าอีกระลอกหนึ่ง
ร่างกายของอาเธน่า เต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าที่เธอใส่ฉีกขาดไปหมด
"ยอมแพ้ซะ...เธอไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอก" ตัวผมอีกคนหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
อาเธน่ามองตัวผมด้วยความนิ่งเฉยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแสยะยิ้มออกมา
"ฉันไม่ได้ต้องการจะฆ่าแกหรอกนะ..." เธอหายตัวไปทันที ก่อนจะโผล่ออกมาประชิดตัวผม
"ฉันแค่ต้องการสะกดพลังของแกไว้...ก็เท่านั้นเอง" อาเธน่าชี้ดาบไปยังสร้อยคอเส้นนั้น ก่อนที่จะท่องคาถาบางอย่างออกมา
"ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ " ตัวผมอีกคนร้องเสียงหลง พรางจ้องมองอาเธน่าด้วยความแค้น
"ฉันจะกลับมา...ชำระแค้นในครั้งนี้แน่นอน" นั่นคือเสียงของผมอีกคน...ก่อนที่ร่างของผมจะล้มลง
อาเธน่าเธอได้ประครองร่างของผมไว้
"ฟีอัส...นายคงเจ็บ และทรมานมากเลยสินะ" อาเธน่าเอามือลูบหัวผมเบาๆ
"ฉันสัญญา...จะคอยอยู่เคียงข้างนาย และคอยดูแลนายแบบนี้ตลอดไป" อาเธน่าก้มลงจูบที่หน้าผากของผม ก่อนจะร้องไห้ออกมา
ทางด้านไรเซลเค้ายืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสยะยิ้มออกมา
"หึ!ความรักมันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้...อีกไม่นานหรอกครับคุณหนู...กระผมคนนี้จะฆ่าคนที่คุณหนู...รักมากที่สุดเอง" ไรเซลแสยะยิ้มอีกครั้งก่อนจะหายตัวไป
***ตอนนี้แต่งแบบมึนๆ***
ไม่ขออะไรมากครับ...คอมเม้นสักนิด ขอบคุณครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น