ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >>> คลังเก็บพล็อต [NO ENTRY] <<<

    ลำดับตอนที่ #1 : นิยายแฟนตาซี(เรื่องใหม่)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      0
      10 มี.ค. 56

     

    บทนำ

    วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสิบห้าปีบริบูรณ์ของฉัน เด็กสาวยากจนธรรมดาๆคนหนึ่ง...อ้อ! ไม่สิ ฉันก็ไม่ได้ธรรมดาเท่าไหร่ เพราะฉันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่า เด็กพิเศษพวกคุณคงคิดว่าฉันเป็นเด็กพิเศษประเภทอัจฉริยะอะไรเทือกๆนั้น แต่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ฉันไม่โชคดีขนาดนั้น ฉันเป็นเด็กพิเศษประเภท พิการทางสายตามาถึงตรงนี้พวกคุณคงรู้สึกเวทนา หรืออาจจะคิดคร่ำครวญในใจว่าช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร ฉันก็เคยรู้สึกแบบนั้น...เมื่อนานมาแล้ว  แต่ฉันต้องเปลี่ยนความคิด ในวันที่ ราฟาแอลผู้มีพระคุณของฉัน มารับฉันออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในย่านแออัด และความจริงที่เหมือนตลกร้ายคือ มันก็เป็นย่านที่ฉันอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ!

    ราฟาแอล หรือ ราฟเป็นพ่อค้าเล็กๆที่ทำธุรกิจเร่ขายของในตลาดมืดและล้มลายในที่สุด หลังจากถูกตำรวจจับข้อหาทำธุรกิจผิดกฎหมายและปรับเงินไปหลายแสน แต่ฉันไม่โทษเขาหรอก ที่เขาต้องทำธุรกิจผิดกฎหมายแต่ได้เงินดีนี้ก็เพื่อความอยู่รอดของเรา หลังจากที่เขารับฉันมาเลี้ยงด้วยความเห็นดีเห็นชอบอย่างออกนอกหน้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่แทบจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่ และอาจจะเจ๊งด้วยความรวดเร็วหากยังรับเลี้ยงฉันต่อ ฉันไม่เข้าใจเอาซะเลย ว่าทำไมราฟถึงตัดสินใจรับฉันมาเลี้ยงเพราะแค่ตัวเขาลำพังยังแทบจะไส้แห้ง แต่ก็เอาเถอะ ฉันว่าอยู่อย่างไส้แห้งกับราฟยังดีกว่าอยู่อย่างเบียดเสียดในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น

    ฉันมาอยู่กับราฟที่รับฉันมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุห้าขวบและก่อนหน้านั้นฉันอยู่ที่...โอเค ถึงเวลาที่ฉันต้องยอมรับอย่างจริงจังว่าฉันจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้ สิ่งแรกที่ฉันได้ยินคือพี่เลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับการลงทะเบียนฉันในระบบคอมพิวเตอร์ของศูนย์ จากนั้นก็พาฉันไปยังห้องนอนรวมอันแสนแออัด ที่ฉันรู้เพราะฉันถามเขาว่าห้องนี้นอนกันกี่คนก่อนที่ฉันจะตกใจกับคำตอบที่บอกว่าหกสิบกว่าคน เพราะจากการที่ฉันว่างงานจัด ทำให้ฉันเดินคลำตั้งแต่ประตูหน้าไปจนถึงประตูหลังและพบว่าห้องนี้แคบมากๆเมื่อเทียบกับจำนวนเด็กหกสิบกว่าคน อ้อ! ฉันถามเขาด้วยว่าฉันอายุเท่าไหร่ นั่นดูเป็นคำถามที่โง่เง่าไม่น้อย และดูเหมือนพี่เลี้ยงจะคิดอย่างนั้นทำให้เขาตอบห้วนๆสั้นๆว่า ห้าจากนั้นก็บอกให้ไปหาที่นอนเองและเขาก็เดินออกไป

    ฉันอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าประมาณหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นราฟก็มารับฉันไปเลี้ยง ฉันไม่ได้ไปโรงเรียน ก็แน่ล่ะ ฉันไม่สามารถมองเห็นอย่างคนอื่นนี่นะ แต่ราฟก็สอนอะไรๆให้ฉันหลายอย่าง สอนให้ฉันใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆเพื่อจับความเคลื่อนไหว สอนให้พูดภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสาร และสอนอีกภาษาหนึ่ง ที่เขากำชับนักกำชับหนาว่าห้ามบอกใคร และห้ามใช้ภาษานี้ ณ ที่แห่งนี้เขาสอนโดยการใช้เข็มกดกระดาษให้เป็นตุ่มๆขึ้นมาและให้ฉันคลำและบอกวิธีออกเสียง ให้อ่านหนังสือที่เขาแต่งขึ้นเองโดยการใช้เข็มกดกระดาษนั่นแหละ เขาพูดกับฉันด้วยภาษานี้เมื่ออยู่ในบ้าน และยังให้ฉันฝึกเขียนให้ตรงบรรทัดแม้จะมองไม่เห็น ฉันจึงฟัง พูด อ่าน เขียนภาษานี้ได้ คำถามคือ เขาจะให้ฉันเรียนภาษานี้ทำไม ในเมื่อเขาห้ามใช้ ณ ที่แห่งนี้ฉันเคยถามว่าภาษาที่เขาสอนคือภาษาอะไร ถามว่ามันคืออักษรเบรลล์หรอ แต่เขาก็เอาแต่เงียบและไปพูดเรื่องอื่นแทน และนอกจากภาษาแล้ว เขายังสอนให้ฉันฟันดาบอีกด้วย ในตอนแรกฝึกโดยใช้ดาบไม้เพื่อฝึกให้ประสาทสัมผัสด้านอื่นๆของฉันทำงานได้ดีกว่าคนปกติทั่วไป ฝึกไปประมาณสองปี เขาก็เปลี่ยนมาใช้ดาบจริง จากนั้นเราก็ฝึกมาเรื่อยๆจนเข้าปีที่สามนับตั้งแต่เริ่มฝึกดาบ นอกจากนี้ เขายังกำชับว่าห้ามบอกเรื่องดาบให้ใครรู้เด็ดขาด

    “เฮ้! เรน...เรเวนนา! ลงมานี่หน่อย” เสียงทุ้มห้าวของราฟตะโกนเรียกชื่อที่เขาตั้งให้ฉันจากชั้นล่าง ทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องราวในอดีตก่อนจะรู้สึกได้ถึงแสงแดดและเสียงนกร้องที่มักจะร้องตามปกติในยามเช้า...นี่คงถึงเวลาตื่นแล้วสินะ ฉันคิด ขณะสวมรองเท้าแล้วเดินลงไปชั้นล่างตามทางที่คุ้นเคย

    “ขอโทษทีนะราฟ ฉันนอนเพลินไปหน่อยเดี๋ยวจะเตรียมอาหารเช้าให้...แต่ เอ๊ะ! นี่มันกลิ่น...เนย ครีม ไข่ไก่ แป้ง น้ำตาล ช็อคโกแลต...เค้กช็อคโกแลต!” ฉันพูดไล่ไปตามกลิ่นที่สัมผัสได้จากการฝึกฝนมานาน ก่อนจะนึกถึงเมนูของหวานที่ราฟชอบทำให้ในวันเกิด

    “เก่งมาก! สุขสันต์วันเกิด!” ราฟตบมือและหัวเราะอย่างชอบใจ เขายึดถือวันที่รับฉันมาจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นวันเกิดของฉัน

    “สุขสันต์วันเกิดเช่นกันค่ะ ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้วสินะ” ฉันพูดกับเขา และใช่...เราเกิดวันเดียวกัน

    “เป็นยังไงบ้าง กลิ่นใช้ได้ไหม  ฉันทำเองกับมือเลยนะเนี่ย” ราฟถามพลางเดินมาจูงมือเธอไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่โยกเยกไปมาเนื่องจากตะปูที่ตอกไว้ใกล้จะหลุดเต็มที

    “น่าอร่อยมากค่ะ ฝีมือยังใช้ได้เหมือนเดิมเลยนะคะ”

    “แน่น้อนนนน มา มากินด้วยกัน” ราฟช่วยเอาช้อนมาใส่มือฉันก่อนที่ฉันจะเริ่มลงมือกินเค้ก          ช็อคโกแลตชิ้นเล็กอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อจัดการกับเค้กวันเกิดแสนอร่อยเรียบร้อยแล้ว ราฟก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า

    “ต่อจากนี้ก็ตามธรรมเนียมเดิมใช่มั้ย”

    ธรรมเนียมเดิมประจำวันเกิด คือ การกินเค้กวันเกิดในช่วงเช้า จากนั้นก็ไปเดินเล่นในสวนเล็กๆที่มีแค่ม้านั่งสองตัว โต๊ะกลมตัวเล็กหนึ่งตัว และชิงช้าขนาดสองคนนั่งสบายๆหนึ่งตัว เล่นฟันดาบจนถึงช่วงเที่ยง กินซุปจากเห็ดที่ปลูกไว้ในสวน จากนั้นก็นั่งจิบน้ำชายามบ่ายและพูดคุยกันสัพเพเหระ เนื่องจากในวันอื่นๆ ราฟต้องทำงานอย่างหนักในตำแหน่งนักการตลาดในบริษัทเล็กๆในฐานะพนักงานเพียงคนเดียวของบริษัท(ที่เขารับราฟเข้าทำงานเพราะบริษัทมันจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่จนไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะทำงานด้วย) ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาจะคุยกันนัก กินมื้อเย็นเป็นสเต็กเนื้อหมูธรรมดาๆ(เนื่องจากเราไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อเนื้อวัวหรือเนื้อแกะกิน) ปิดท้ายด้วยนมอุ่นๆหน้าเตาผิงก่อนเข้านอน

    ในปีนี้ก็ยังทำดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา โดยราฟเดินมาจับมือฉันให้ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังสวนแคบๆของเรา

    “ระวังบันไดนะ” ราฟร้องเตือน

    “อย่าดูถูกคนอย่างฉันนะ ฉันเดินเข้าออกบ้านนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถ้าแค่บันไดหน้าบ้านถ้าเดินสะดุดหน้าหงายคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ” ฉันพูดขณะก้าวลงบันไดอย่างคล่องแคล่ว แล้วเลี้ยงไปทางสวนที่อยู่ข้างๆบ้าน

    “ฮ่าๆๆ นั่นสินะ”

    “ไหนล่ะดาบ ส่งมาสิ ฉันอยากเล่นจะแย่อยู่แล้ว” ฉันเร่ง เนื่องจากอยากออกกำลังกายเต็มแก่

    “รอเดี๋ยวนะ ช่วยตามฉันมาทางนี้หน่อย” ราฟพูดพร้อมกับดึงแขนฉันไปด้วย

    “ราฟ นายจะพาฉันไปหนะ...” ฉันยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง และเมื่อตกลงมาได้ไม่นาน มือฉันกับราฟก็หลุดออกจากกัน ฉันพยายามไขว่คว้ามือของราฟไว้แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

    ตุ้บ!

    “โอ๊ย!! เจ็บชะมัด” ก้นฉันกระแทกกับพื้นอย่างแรง ฉันลืมตาขึ้นและต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะยังไม่ชินกับแสงแดด...

    แสง? ฉัน...ตาบอดไม่ใช่หรอ แล้วแสงที่แยงตาเมื่อกี๊ล่ะ

    ฉันพยายามลืมตาอีกครั้ง นั่นมันแสงจริงๆด้วย! ฉันกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง เมื่อลืมตามองได้อย่างเต็มตาแล้ว ฉันก็เห็นทิวทัศน์รอบๆอย่างชัดเจน

    ท้องฟ้าสว่างสดใส มีดวงอาทิตย์ทอแสงเจิดจ้าอยู่กลางทองฟ้า รอบข้างเป็นต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่ร่มเงา เว้นเพียงแต่ที่ๆเธอนอนอยู่กับ...

    ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองประกายเจิดจ้า รูปร่างสูงใหญ่ เจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลา อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ และกางเกงยีนส์สีซีดๆ

    “ราฟ?...ราฟาแอล?” ฉันเรียกด้วยความไม่แน่ใจนัก

    “อืม...” ชายหนุ่มคนนั้นขยี้ตาสองสามที ก่อนจะลืมตาสีเพริดอตขึ้น “เร...เวน...นา เรเวนนา! นั่นเธอใช่ไหม”

    “ชะ...ใช่ และนายคือ...ราฟ?” ฉันถามย้ำอีกครั้ง ทำไมราฟถึงดูหนุ่มขนาดนี้ล่ะ ดูเหมือนเพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกเอง

    “ใช่ พี่ชื่อ ราฟาแอล เดอ โนมิเนทท์ นี่เราคงกลับมาถึงแล้ว...” ชายคนนั้นพูดด้วยภาษาที่ราฟสอนฉันและห้ามไม่ให้ฉันใช้

    “พี่?...ราฟาแอล เดอ โนมิเนทท์?” นี่ฉันงงไปหมดแล้วนะเนี่ย

    “ใช่ ฉันคือพี่ของเธอ เรเวนนา เดอ โนมิเนทท์ พี่ก็คือราฟนั่นแหละ” ราฟพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

    “แล้ว...เราอยู่ที่ไหนกันล่ะ...พี่”

    “ที่ๆเราควรจะอยู่ตั้งแต่แรก มาเถอะ เราควรจะไปทาง...ทิศเหนือ” ราฟพูดพร้อมกับฉุดฉันขึ้น และจูงมือฉันเดินผ่านแม่น้ำ โดยมีฉันเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ

    ฉันมองไปรอบๆตัว นี่คงจะเป็นสวนสินะ ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ประดับ มีแม่น้ำไหลผ่านด้วย! ดูท่าสวนนี้คงจะใหญ่กว่าเนื้อที่ของตัวบ้านรวมกับสวนของฉันอีกมั้งเนี่ย

    “ดะ...เดี๋ยวก่อน ขอเวลาเดี๋ยว” ฉันพูดกับพี่ชาย(อย่างไม่ทันตั้งตัว)ก่อนจะเดินไปที่ริมแม่น้ำ เพื่อชะโงกดูเงาของตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตัวเองเลย ไหนๆมองเห็นแล้วก็ขอดูหน่อยเถอะ แต่ขณะที่ฉันกำลังจะชะโงกหน้าไปดูในน้ำ ราฟก็พูดว่า

    “บางทีน้องอาจต้องการไอ้นี่” ราฟ(หรือพี่ราฟนั่นแหละ) ยื่นกระจกให้ฉัน

    ภาพที่ฉันเห็นในกระจกคือ ผู้หญิงที่มีผมสีทองเป็นประกายเหมือนกับราฟ มีดวงตากลมโตสีเพริดอต และริมฝีปากสีแดงสดตัดกับผิวสีขาวที่จัดว่าขาวมาก แก้มเป็นสีแดงเล็กน้อย บอกได้คำเดียวว่า...

    “สวย” เสียงนี้ดังมาจากด้านหลัง

    “นี่ฉันหรอ” ฉันถามงงๆ แต่ถ้าราฟเป็นพี่ชายฉันก็คงไม่แปลกที่ฉันจะสวย ก็ในเมื่อพี่ชายออกจะหล่อนี่นะ

    “แน่ละ น้องสาวพี่สวยที่สุด!!” ราฟทำหน้าคลั่งไคล้มาก

    “อ้อ! ฉันมีเรื่องจะถามหลายอย่างเลยล่ะ ทำไมอยู่ดีๆฉันถึงมองเห็น แล้วถ้าพี่เป็นพี่ฉัน ทำไมถึงไปรับฉันออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ล่ะ แล้วทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่คือที่ไหน แล้ว...”

    “เดี๋ยวๆๆ มีคนที่จะตอบคำถามได้ ตามพี่มาเถอะ”

    แต่พอเดินไปสักพัก ฉันและราฟก็พบกับปัญหาใหญ่(มาก) เมื่อมีกองทหารถือวิ่งมาล้อมเราสองคน จากนั้นก็ชี้หอกมาทางเรา ประหนึ่งนักโทษคดีฆ่าล้างโคตร ทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันทำอะไรให้ปรสิตหมาเลยด้วยซ้ำ!

    “พวกแกเป็นใคร! มาจากไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นายทหารคนหนึ่งถามฉัน

    ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ไหน และมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วพวกนายมาถามฉัน ฉันจะตอบยังไงฟระ

    “ไม่รู้” ฉันตอบสั้น ทำให้ราฟที่กำลังจะตอบชะงักไป

    “อย่ามาเล่นลิ้น!” ทหารคนเดิมพูด

    “ข้าว่า เราพาไปขังคุกไว้ก่อนดีกว่า” ทหารอีกคนเสนอ ซึ่งดูเหมือนทั้งหมดจะเห็นดีเห็นงามด้วย

    “เฮ้ย!! ได้ไง พวกนายจะมาจับเราขังคุกได้ไง ในเมื่อพวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” ฉันโวยวายขึ้นมาทันที

    “เดี๋ยวก่อน ให้พวกฉันอธิบายก่อน” ราฟพูดขึ้นอย่างใจเย็น

    “เอ๋...นายหน้าคุ้นๆ นะ เราเคยเห็นที่ไหนรึเปล่า” พวกทหารหันไปปรึกษากัน

    “ฉันไม่เคยเห็นนะ หรือนายเคย?” ในขณะที่พวกทหารยังหันหน้าไปพูดคุยกัน ราฟก็แทรกว่า

    “พวกฉันคือ...”

    “พวกเขาคือลูกของข้า!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×