ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วรรณคดีสไตล์เกรียน

    ลำดับตอนที่ #11 : 7 สิ่งมหัศจรรย์บนสวรรค์ชั้น "ดาวดึงส์"

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.57K
      52
      26 ก.ค. 64

    ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ สวรรค์ดาวดึงส์ (Trayastrimsa) เป็นสวรรค์ชั้นที่ 2 ในฉกามาพจร 

    สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปกว่าสวรรค์ชั้นไหนๆ สวรรค์ชั้นนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ที่มีแค่สวรรค์ชั้นนี้เท่านั้นที่มี เหล่าบรรดาพรหมและเทวดาจากชั้นอื่นๆต่างก็ต้องมากันที่ดาวดึงส์กันทั้งนั้น เรามาดูกันว่าสวรรค์ชั้นนี้มีสิ่งมหัศจรรย์อะไรบ้าง

    .

    .

    .

    1. เขาพระสุเมรุ : แกนกลางของจักรวาล

    เขาพระสุเมรุ (Mount Meru) เป็นภูเขาหลักของโลก ตั้งอยู่ในกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่เลยล่ะครับ ตั้งอยู่เหนือน้ำ 84,000 โยชน์ โดยมีภูเขารองรับสามลูก คือ ตรีกูฏ (Trikuja) (สามเส้าหรือสามยอด) 

    มี 7 เทือกเขาล้อมรอบเรียกว่า สัตตบริภัณฑ์คีรี ประกอบด้วยยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัส เนมินธร วินตกะ อัสกรรณ

    เบื้องล่างมีปลาอานนท์ (Anada Fish) หนุนอยู่ที่ทะเลสีทันดร (Sidantara Ocean) เหนือเขาพระสุเมรุขึ้นไปนี้ เป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนครแห่งเทพที่ชื่อนครไตรตรึงษ์ มีท้าวสักกเทวราช (Sakka - พระอินทร์) เป็นผู้ปกครองทำหน้าที่เป็นเทวราชผู้อภิบาลโลก และพิทักษ์คุณธรรมให้แก่มนุษย์ 

     

    2.เจดีย์จุฬามณี 

    เจดีย์จุฬามณี (Culamanicetiya) เป็นพระเจดีย์ที่ประดับด้วยทองและแก้ว 7 ประการ มีกำแพงทอง 4 ด้าน ประดับด้วยธงทิวต่างๆนานา มีเทวดาประโคมดนตรีถวายพระเจดีย์อยู่เสมอ และพระอินทร์จะเสด็จยังเจดีย์จุฬามณีนี้บ่อย ๆ ภายในบรรจุพระเกศโมลี (มวยผม) ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตัดออกในขณะที่เสด็จออกบรรพชา และ พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของพระบรมศาสดา

     

    3. นันทวันอุทยาน

    นันทวันอุทยาน (Nandanavana) คืออุทยานทางทิศตะวันตกของสวรรค์ ในสวนนี้มีสระโบกขรณี 2 สระ คือ มหานันทา กับ จุลลนันทา และมีแท่นบรรทมสำหรับให้เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ได้ทำการจุติด้วย ซึ่งเทพผู้เกิดจุตินิมิต จะมายังสวนนี้เพื่อทำการจุติ เหล่าทวยเทพสหายก็จะมาอำนวยอวยพรให้บังเกิดในสุคติภพต่อไป

    นอกจากนี้ที่สวนนันทวัน ยังมีดอกมณฑารพเกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นไม้ประจำสวนนันทวัน ดอกไม้นี้เคยตกจากสวรรค์ เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่พระองค์กำลังดับขันธปรินิพพาน ดอกมณฑารพมีสีเหลืองทอง มีรัศมีสวยงามมาก มีกลีบเท่าฉัตร ใบไม้ ละอองเกสรใหญ่เท่าทะนาน

     

    4.ดอกปาริชาต : ดอกไม้ระลึกชาติ

    อยู่ในอุทยานทิพย์ ต้นไม้ทองหลางใหญ่แผ่สาขาอยู่ต้นหนึ่ง ชื่อว่า ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์ 

    ต้นปาริชาต (Parijata) ร้อยปีถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้นดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่งย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้าน

    ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด ปรารถนาจะได้ดอกปาริชาต ก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน โดยมีลมชนิดหนึ่งจะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป ยิ่งเทวดาได้สูดดมด้วยแล้วก็จะสามารถจดจำเรื่องราวในอดีตชาติของตนได้

     

    5.ศาลาสุธรรมาเทวสภา : ที่ประชุมของทวยเทพ

    ศาลาสุธรรมาเทวสภา (Sudhamma) เป็นเทวสถานที่อยู่ไม่ไกลจากต้นปาริชาตเท่าไรนัก ตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้นามมาจากชื่อของพระนางสุธรรมา ซึ่งเป็น 1 ในชายาทั้ง 4 ของพระอินทร์  

    สภาแห่งนี้ใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าเทพและพรหมเพื่อการต่างๆมากมาย ได้แก่ การประชุมกันเพื่อฟังธรรมในวันพระ , ประชุมกันเพื่อพิจารณาโทษผู้ทำผิดซึ่งอาจต้องเทวทัณฑ์หรือพรหมทัณฑ์ เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บบัญชีสุวรรณบัฏ บัญชีแผ่นทองซึ่งบันทึกชื่อคนดีในโลกมนุษย์ โดยพระปัญจสิขร (Pancha Sikhara) กับท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่บวกเหล่าบริวารจะช่วยกันเสาะแสวงหาผู้ปฏิบัติดีมีใจเป็นธรรมทั่วทั้งโลกมนุษย์ตลอดสัปดาห์ และจดบันทึกชื่อไว้ เพื่อนำมารายงานแก่เทวสภาในเหล่าเทพและพรหมได้อนุโมทนาบุญกันทุกวันพระ  

    ซึ่งเมื่ออนุโมทนากันเสร็จแล้วนามเหล่านั้นก็จะถูกจารึกลงในบัญชีสุวรรณบัฏ  และทุกนามที่ได้รับการจารึกลงในบัญชีทองดำนั้น เมื่อหมดอายุขัยย่อมได้มาเกิดในสุคติภูมิทั้งสิ้น

     

    6.บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ : ราชบัลลังก์ดาวดึงส์

    บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ (Pandukambalasilasana) เป็นแท่นสีแดงดังดอกชบา อ่อนนุ่มดังฟูก 

    เมื่อพระอินทราธิราชประทับ พักผ่อนอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลาอาสน์แล้ว แท่นทิพย์นี้ก็จะอ่อนยุบลงไป และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม เป็นแท่นศิลาที่ประหลาดมหัศจรรย์ ยุบและฟูขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือเมื่อพระแท่นนี้ก็จะเด้งสปริงตัวขึ้นมาเอง พระอินทร์จะทราบได้ว่าคนดีกำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่ ต้องรีบให้ความช่วยเหลือโดยเร็วไวตามสไตล์วรรณคดีไทย

     

    7.ช้างเอราวัณ : ช้างทรงขององค์อมรินทร์

    ช้างเอราวัณ (Airavata) เป็นช้างทรงของพระอินทร์ที่มีพละกำลังมาก เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก 

    ช้างเอราวัณมี 33 เศียร 

    แต่ละเศียรมีงา 7 งา 

    แต่ละงามีสระบัว 7 สระ 

    แต่ละสระมีดอกบัว 7 ดอก 

    แต่ละดอกมีกลีบ 7 กลีบ 

    แต่ละกลีบมีเทพธิดาสถิต 7 องค์ 

    เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวารองค์ละ 7 นาง 

    เทพธิดาบริวารแต่ละนาง มีบริวารนางละ 7 คน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×