คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #82 : เรื่องอื้อฉาวของ "จมื่นราชามาตย์"
เพลงยาวบัตรสนเท่ห์ เป็นเพลงยาวที่แฉพฤติกรรมของ จมื่นราชามาตย์ หรือ พระยามหาเทพ (ทองปาน) ขุนนางในรัชกาลที่ 3
เพลงยาวฉบับนี้เดิมไม่มีชื่อเรียก คนเขาเรียกตามเนื้อหาและลักษณะของกลอน นั่นคือเป็นบัตรสนเท่ห์เขียนลงกระดาษ แล้วนำไปปิดไว้ที่ทิมตำรวจหน้า (คล้ายๆสำนักงานตำรวจในอดีต) เพื่อเป็นการประจาน แต่เนื้อหาไม่หยาบคาย จึงเป็นที่กล่าวถึงและท่องจำกันได้ในหมู่ผู้นิยมกาพย์กลอนข้อความเป็นเพลงยาว
โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้แต่งเพลงยาวนี้คือ พระมหามนตรี (ทรัพย์) ต่อมาเพลงยาวนี้ได้รับการพิมพ์ลงในหนังสือวชิรญาณวิเศษ
เรื่องของพระยามหาเทพนี้ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ท่านจดเอาไว้ในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ดังนี้
.....เจ้าคุณนั้นก็ทำยศเหมือนอย่างในหลวง ผูกแพใหญ่ขึ้นบนเรือที่ปากคลองหน้าบ้าน แล้วก็ลงมานั่งอยู่ในแพ มีหม่อมๆละครและมโหรี ห่มแพรสีทับทิมลงมาหมอบเฝ้าดูผ้าป่าอยู่หน้าแพ ก็เป็นการเอิกเริกอย่างใหญ่ในแผ่นดิน ครั้งหนึ่ง ถึงโดยว่าเจ้าและขุนนางผู้ใหญ่จะทำบ้างก็ไม่ได้เช่นนั้น
และเมื่อปีฉลู ตรีศกนั้น กรมหมื่นอัปษรสุดาเทพ เป็นถึงพระราชบุตรีโปรดปรานมาก คนก็เข้าพึ่งพระบารมีแทบทั้งแผ่นดิน ทำผ้าป่ากระจาดใหญ่ขึ้นที่หน้าพระตำหนักน้ำครั้งหนึ่ง ก็ยังสู้พระยามหาเทพไม่ได้ พระยามหาเทพทำครั้งนั้น ก็เพื่อจะลองบุญวาสนาว่า ตัวกับกรมหมื่นอัปษรสุดาเทพ ผู้คนจะยำเกรงนับถือใครมากกว่ากัน……
ตามพระราชพงศาวดารนั้นแสดงว่าพระยามหาเทพ (ปาน) นั้น เห็นจะเป็นขุนนางโปรดปรานมาแต่ครั้งรัชกาลที่ 2 และมีบารมีมากถึงได้ทำตัวกร่างไปมาแบบนี้ (แม้แต่รัชกาลที่ 3 ก็คงจะทรงทราบ นี่เป็นอุทาหรณ์ว่าขุนนางข้าทูลละอองธุลีพระบาทนั้น ดีก็มี ชั่วก็มี พระเจ้าแผ่นดินท่านก็คงจะทรงหนักพระราชหฤทัยอยู่ไม่น้อย)
.
.
มิเสียทีที่เขามีวาศนา
แต่เหนๆได้เป็นขุนนางมา
ไม่เหมือนราชามาตย์ในชาตินี้
ประกอบหมดยศศักดิ์แลทรัพย์สิน
เจ๊กจีนกลัวกว่าราชาเสรษฐี
เมื่อชาติก่อนได้พรของหลวงชี
จึงมั่งมีดูอัศจรรย์ครัน
.
.
แสดงว่าเขาเป็นเจ้าพ่อขนาดใหญ่ที่คนจีนยังเกรงกลัวมากกว่า ราชาเสรษฐี
(พระยาโชฎึกราชเศรษฐี – เจ้ากรมท่าซ้าย) ซึ่งบังคับบัญชาพวกจีน
.
.
จะเข้าวังตั้งโห่เสียสามหน
ตรวจพลอึกทึกกึกก้อง
ห่อผ้ากาน้ำมีพานรองหอก
สมุดชุดกล้องร่มค้างคาว
.
.
(สมัยก่อนข้าราชการจะได้รับพระราชทานข้าวของเครื่องใช้มาจากพระเจ้าแผ่นดิน จึงนำมาอวดกันในหมู่ข้าราชการ)
.
.
ถนนกว้างสี่วามาไม่ได้
กีดหัวไหล่ไกวแขนให้ขัดข้อง
พวกหัวไม้เห็นกลัวหนังหัวพอง
ยกสองมือกราบออกราบดิน
ด้วยอำนาจราชศักดิ์นั้นหนักหนา
ถ้าเข้าคาแล้วแต่ล้วนเป็นสัตย์สิ้น
มีทหารชาญชัยใจทมิฬ
ดังจะกินเนื้อมนุษย์สุดภิภพ
"ไชยภักดี"ว่าที่ขุนต่างใจ
ทั้งนอกในไว้เวรก็เจนจบ
"ศรีสังหาร"พนักงานการจำคบ
"แสนใจรบ"รับเรียกค่าฤชา
ทั้งสามนายยอมตายในใต้เท้า
มิเสียทีมีบ่าวคราววาศนา
เคยเชื่อใจไว้วางต่างหูตา
รู้อัทธยาอาไศรยน้ำใจนาย
.
.
ก็เห็นได้จากเพลงยาวนี้ว่า ไม่ว่าเป็นคุณหลวงหรือคุณพระ ถ้าเข้าคาของพระยามหาเทพแล้ว ถ้าไม่รับสารภาพ ก็จะถูกเอาเข้าขื่อคาทรมานจนต้องรับหมด
พระยามหาเทพ (ปาน) มีลูกน้องซึ่งยอมตายในใต้เท้าอยู่สามนายชื่อ
"ขุนไชยภักดี" ทำหน้าที่คล้ายเลขานุการคนสนิท
"ขุนศรีสังหาร" พนักงานจำตรวนขื่อคาทรมานลงโทษ
"ขุนแสนใจรบ" พนักงานเรียกค่าฤา (ค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับเฉพาะตัวบุคคล)
.
.
ถึงวันพระไม่ชำระความในวัง
ออกมานั่งหอนอกออกแขกเมือง
พวกทนายเรียงรายของกำนัล
เจ๊กนั่นจีนนี่มีหลายเรื่อง
เฮ้ยบ่าวอุปราชใครขาดเคือง
พวกหัวเมืองขัดสนขนไปกิน
ปลูกเรือนเหมือนกับถวายฎีกา
นึกคอยวาศนาเมื่อน่ากฐิน
.
.
ปลูกบ้านใหญ่โตเหมือนพระราชวัง
ห้องหับใหญ่โตเหมือนท้องพระโรงที่ใช้รับถวายฎีกาจากราษฎร
เนื้อหา ในเพลงยาวนี้ จิตร ภูมิศักดิ์ กล่าวว่า
"สะท้อน ภาพการปฏิบัติราชการของผู้ยิ่งใหญ่ในกรมพระตำรวจไว้อย่างสมบูรณ์....
...การเห่อยศศักดิ์ คลั่งในอำนาจวาสนา กระทั่ง
เก็บเอาเด็กสาวมาเลี้ยงเป็นนางบำเรอ รีดเงิน รีดของกำนัล
การจับประชาชนที่ทำเหมือนเสือจับเหยื่อ ระบบการทรมานและซ้อมผู้ต้องหา
.
.
เพลงยาวแผ่นนี้ พระยาบำเรอภักดิ์
สมัยนั้นเรียกกันว่า พระยาบำเรอภักดิ์ตกกระ เพราะท่านตกกระไปทั้งหน้าตาและแขน
เป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 3 เพราะมีผู้คนและขุนนางพากันมุงอ่าน
ท่านจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าโปรดให้นำไปปิดไว้ดังเก่า รับสั่งแต่เพียงว่า "เขาหยอกกันเล่น" มิได้กริ้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
.
.
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเล่ากันมาถึงพระบรมราชปรีชาพร้อมพระราชสุขุมคัมภีรภาพ ทั้งทรงวางพระองค์เป็นกลาง (อาจเพราะทรงทราบอยู่แล้วถึงสันดานของพระมหาเทพ
แต่เมื่อเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และมิได้มีความผิดถึงขั้นต้องลงพระราชอาญา
หรือถอดถอน ทั้งการทำโทษแก่คนโทษก็เป็นหน้าที่ของพระยามหาเทพอยู่
จึงมิได้ทรงเอาเรื่องเอาราว)
จนกระทั่งพระยามหาเทพ (ปาน) แพ้ภัยตนเอง เพราะไปรังแกจีนค้าฝิ่น จับแล้วรีดเอาเงินทอง พอเห็นจีนมั่งมีขึ้นก็จับมารีดเอาอีก พวกจีนเจ็บแค้นจึงคิดกันตั้งตนเป็นตั้วเหี่ย ต้องปราบปรามกันเป็นการใหญ่ โปรดฯให้พระยามหาเทพออกไปปราบ เลยไปถูกพวกจีนยิงตายซะเลย พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ก็ยังได้บรรยายไว้ว่าไม่มีใครไปช่วยเหลือ บุตรภรรยาก็มัวแต่ทะเลาะวิวาท แย่งชิงสมบัติกัน หลวงเสนาวานิช ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยเห็นว่าไม่มีผู้ใดทำหีบ ก็ไปเรียกบ่าวไพร่ของตัวมาช่วยต่อหีบขึ้น จึ่งได้ไว้ศพ อันนี้เป็นที่น่าสังเวชอย่างหนึ่ง
.
.
.......กล่าวไว้เพื่อให้ท่านทั้งหลายสืบไปภายหน้ารู้ไว้ การเบียดเบียนข่มเหงคนทั้งปวงให้ได้ความเดือดร้อน เมื่อตนยังปกติมีชีวิตอยู่ พอสุขสบายไปได้ สิ้นชีวิตไปแล้ว ทรัพย์สินเงินทองเครื่องใช้ บ่าวทาส ก็ผันแปรเป็นอย่างอื่นไป บุตรก็ไม่ได้สืบตระกูล และบ้านเรือนใหญ่โตก็เป็นป่าหญ้าไปทั้งสิ้น.......
ความคิดเห็น