zoname
ดู Blog ทั้งหมด

โลกร้อน จริงหรือไก่กา ?

เขียนโดย zoname
เปิดโปงเรื่องโลกร้อนที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้
...แต่ต่างชาติรู้

ซึ่งเรื่องโลกร้อนนี้ค่อนข้างแปลกในประเทศไทย
ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้แต่เพียงว่า โลกร้อนเพราะมนุษย์เท่านั้น
ทั้งที่ในต่างประเทศมีทฤษฎีที่ว่าด้วย โลกร้อนเพราะธรรมชาติ ด้วยเช่นกัน


ต่างกันอย่างไร ?


คำตอบคือ โลกร้อนเพราะมนุษย์ มนุษย์"ต้อง"แก้ไขเอง
แต่โลกร้อนเพราะธรรมชาติ มนุษย์"แก้ไข"ไม่ได้ อย่างมากแค่"ช่วยตัวเอง"

ทว่าในปัจจุบันเรื่องโลกร้อนกลับกลายจะเป็นเรื่องที่มนุษย์"ต้อง"แก้ไข
ซึ่งในส่วนนี้มันไม่อาจจะช่วยเรื่องโลกร้อนเพราะธรรมชาติได้ หนำซ้ำอาจจะยิ่งเลวร้าย

ตัวอย่างเช่น โลกร้อนเพราะธรรมชาติ ทำให้อากาศร้อน ปลูกพืชผักไม่ขึ้น น้ำแล้งน้ำท่วม
การช่วยตัวเอง คือเอางบประมาณประเทศมาปลูกต้นไม้ในเมืองเพื่อดับร้อน
มีการสร้างเขื่อนเพื่อควบคุมน้ำ ให้มัน้ำเวลาน้ำขาด และกั้นน้พเวลาน้ำมาก

ทว่าหากคิดไปจุดที่ โลกร้อนเพราะมนุษย์ แปลว่ามนุษย์"ต้อง"แก้ไขเอง
จะมีการแทรกแซงของต่างชาติเข้ามาในจุดนี้ทันที
ทำให้งบประมาณที่จะ"ช่วยตัวเอง"กลับกลายเป็นการ"ช่วยผู้อื่น"
ตัวอย่างเช่นการปลูกป่าในซาฮาร่า หรือช่วยหมีขาวที่จมน้ำ
ซึ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ยังไงก็ต้องเกิดอยู่แล้ว ให้พวกที่มีเงินมากไปช่วยดีกว่า
แต่ประเทศที่มีเงินน้อยน่าจะเอามาช่วยเหลือประชาชนในชาติของตัวเอง

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง โดยผ่านสิ่งที่เรียกว่า"คาร์บ้อนเครดิต"
ตัวอย่างเช่นถ้าปล่อยก๊าซทำลายธรรมชาติมากไปจะต้องจ่ายเงินให้องค์กรส่วนกลาง
...มันก็ดูดีนะ เพราะจะได้ลดการปล่อยก๊าซที่ทำลายธรรมชาติลง
ทว่าแท้จริงไม่ใช่เช่นนั้นเพราะ

"มาตรฐาน" ของการกำหนดว่าการทำลายธรรมชาตินั้นอยู่ตรงไหนล่ะ ?

สมมติง่าย ๆ ว่า เวลาทำอาหาร ใช้เตาไฟฟ้าจะถือว่าผ่าน แต่เตาแก๊สหรือกองฟืนจะไม่ผ่าน
ทว่าประเทศที่ยากจนหรือยังไม่พัฒนา ไม่มีทางที่จะใช้เตาไฟฟ้าได้ เพราะมันแพง
แต่ประเทศที่เจริญแล้วสามารถทำได้ ดันนั้นจึงหาทางกีดกันอาหารที่ไม่ได้มาจากเตาไฟฟ้า
ด้วยการไม่รับซื้อขาย หรือปรับภาษีให้สูงขึ้น เพื่อให้อาหารของตนขายแข่งได้
ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ


แล้วอะไรคือข้อพิสูจน์ว่าโลกร้อนเพราะธรรมชาติ ?


คำตอบคือ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโลกร้อนเพราะมนุษย์หรือธรรมชาติกันแน่
ทว่าในปัจจุบัน โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นนั้น เป็นเรื่องจริง
ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อสังเกตที่ว่าโลกร้อนที่เกิดด้วยฝีมือมนุษย์น่าจะเป็นเรื่องโกหก คือ

1 หลักฐานที่แสดงว่าโลกร้อนเพราะมนุษย์แทบทั้งหมด มีที่มาไม่ชัดเจน
ในทางวิชาการจะต้องมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลกำกับการนำเสนอเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ
ซึ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามย้อนไปหาแหล่งที่มาของข้อมูลที่สนับสนุนเรื่องโลกร้อนจากมนุษย์
กลับไม่สามารถหาแหล่งที่มาได้ อีกทั้งข้อมูลหลายส่วนยังบอกอีกว่าไม่สามารถเปิดเผยได้
อันเป็นสิ่งที่ผิดหลักของนักวิทยาศาสตร์และแวดวงวิชาการอย่างสิ้นเชิง

2 หลักฐานที่ใช้พิสูจน์ว่าโลกร้อนไม่ได้มาตรฐาน
คือข้อมูลที่บอกว่าโลกร้อนนั้น หลายอย่างมักจะมีข้อมูลที่ชี้อุณหภูมิโลกที่สูงผิดปรกติ
ซึ่งในส่วนนี้เกิดจากแหล่งที่มาไม่ได้มาตรฐาน
โดยฝ่ายสนับสนุนโลกร้อนเพราะมนุษย์ได้ใช้ข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดภาคพื้นดิน
ซึ่งแต่เดิมมีอุณหภูมิหนึ่ง แต่หลายสิบปีถัดมาก็มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งเขาใช้ส่วนนี้ในการชี้วัด
ทว่าเครื่องตรวจวัดเหล่านี้แท้จริงไม่ได้มาตรฐาน
เพราะสิบปีก่อนเครื่องตรวจวัดเคยอยู่ในป่า แต่ปัจจุบันตัวเมืองขยายใหญ่ขึ้น
จึงทำให้เครื่องตรวจวัดหลายจุดอยู่ในเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หนำซ้ำหลายเครื่องยังอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสม เช่นหลังคอมเพรสเซอร์แอร์
แต่ทางฝ่ายสนับสนุนโลกร้อนเพราะมนุษย์ยังใช้ส่วนนี้ในการเป็นข้อมูลในงานวิจัย
ในทางกลับกัน เครื่องมือที่ชี้วัดอุณหภูมิที่ชัดเจนและแม่นยำกว่าเช่นตัวดาวเทียม
กลับไม่ได้ถูกพูดถึงและไม่ได้ใช้เป็นข้อมูลนี้ ทั้งที่จริงข้อมูลที่ได้จากดาวเทียมนั้น
จะมีความแม่นยำมากกว่า ทว่าจะได้ผลของอุณหภูมิที่สูงขึ้นน้อยกว่า

3 เรื่องโลกร้อนเพราะมนุษย์มีผลประโยชน์แอบแฝง

แบ่งได้เป็นสองส่วน
นักวิทยาศาสตร์ต้องการชื่อเสียง เลยทำการเมคข้อมูลให้สนับสนุนตนเองว่าโลกร้อนเพราะมนุษย์
หรือ มีกลุ่มนายทุนสนับสนุน เพราะโลกร้อนเพราะมนุษย์หาเงินง่ายกว่าเพราะธรรมชาติ

4 ผู้ที่ร่วมดำเนินนโยบายลดโลกร้อน มีแต่กลุ่มที่ไม่สามารถช่วยลดโลกร้อนได้มากนัก
ในระดับคนทั่วไป ผู้ที่ร่วมนโยบายนี้ มีแต่ประชาชนชั้นล่างเท่านั้น
ซึ่งเป็นประชาชน 90% ที่ใช้ทรัพยากรแค่ 10% ของทั้งโลก
กลับกันชนชั้นสูงที่มีจำนวน 10% แต่ครอบครองทรัพยาการ 90% กลับไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้

นอกจากนี้ในระดับประเทศ ประเทศที่เข้าร่วมมักจะมีแต่ประเทศต้องการความเห็นใจจากชาติอื่น
หรือประเทศที่สนใจในการรักษาธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่ประเทศที่เป็นมหาอำนาจเช่นสหรัฐอเมริกาผู้ปล่อยคาร์บ้อน 1 ใน 3 ของทั้งโลกกลับไม่สนใจ
ทว่าในภายหลังเมื่อนโยบายโลกร้อนได้ประโยชน์กับตนเอง อเมริกากลับเป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุน
ซึ่งโชคดีหลายประเทศรู้ทันและไม่ยอมทำตามสหรัฐอเมริกาไปด้วย (ยกเว้นประเทศไทย)
(สำหรับข้อมูลในส่วนนี้หาได้โดยใช้คีย์เวิร์ด Kyoto Protocal)

5 การรณรงค์โลกร้อนไม่ได้ช่วยโลกร้อนจริง
ตัวอย่างเช่นไม่ตัดไม้มาใช้งาน หรือให้ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก
ที่เชื่อกันว่าลดโลกร้อน อาจจะใช้ลดโลกร้อนไม่ได้จริง !
เพราะเรื่องของโลกร้อนต้องดูทั้ง "Life Circle" ของสิ่งนั้นว่าทำลายธรรมชาติแค่ไหน
บางอย่างอาจจะต้องมาจากการทำลายป่า
บางอย่างอาจจะต้องใช้พลังงานในการสร้างเยอะ
บางอย่างอาจจะต้องใช้วิธีพิเศษในการทำลาย ฯลฯ
บางอย่างดูแค่วัสดุอาจจะคิดว่าไม่ทำให้โลกร้อน แต่บางทีอาจจะทำให้โลกร้อนกว่าก็ได้
เช่นโลหะ กับ พลาสติก ตัวโลหะจะทำโลกร้อนกว่าเพราะต้องขุดเมืองใช้ความร้อนสูง
หรือต้นไม้ ก็สามารถปลูกทดแทนได้ (ดับเบิ้ลเอ) เลยตัดเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้โลกร้อน




ด้วยเหตุนี้ เรื่องโลกร้อนจึงเป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนอยู่มาก
ทั้งยังถูกบิดเบือนให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกด้วยคำว่า"ผลประโยชน์"และ"การตลาด"
บางทีการจะเข้าใจว่าโลกร้อนนี้เป็นจริงแค่ไหนอาจจะต้องใช้เวลาถึงชั่วชีวิต
ทว่าเพื่อให้ยืนอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ควรจะฟังหูไว้หู วิเคราะห์ให้ดีว่าสิ่งที่เราทำนั้น
มันเกิดจากการที่หวังดีต่อโลก การเข้าใจผิด หรือผลพวงจากการตลาดกันแน่

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น