sagime
ดู Blog ทั้งหมด

'บุหรี่ไฟฟ้า' ภัยตัวใหม่

เขียนโดย sagime


บุหรี่ไฟฟ้าหรือ E-Cigarette เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมแพร่หลายเมื่อกว่าสิบปีมานี้เอง ปัจจุบันมีตำหน่ายมากกว่า 250 ยี่ห้อเลือกได้หลายกลิ่นและรสชาติตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัว อาทิ แตงโม หมากฝรั่งหอม และตะไคร้หอม

สมาคมบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ผลิตภัณฑ์ยาสูบ (TVECA) คาดว่าขณะนี้มีคนอเมริกันสูบบุหรี่ไฟฟ้าประมาณ 4 ล้านคน ประเมินตัวเลขยอดขายทะลุเพดาน 1,000 ล้านตัวภายในสิ้นปีนี้

บุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเทียม ตัวเก็บนิโคตินเหลว (Cartridge) และไฟ LED ตรงปลายที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการสูบบุหรี่ โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่เปลี่ยนนิโคตินเหลวเป็นละอองไอน้ำที่มีลักษณะคล้ายควันบุหรี่

นิโคตินเหลวที่เรียกว่า e-liquid จะมีสารโพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol) สารนิโคตินกลิ่นแต่ง รสชาติ และอื่นๆ

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นชุดละ 30-100 ดอลลาร์สหรัฐ (900-3,000 บาท) ส่วนตัวเก็บนิโคตินเหลวราคา 600 ดอลลาร์สหรัฐ (18,000 บาท) ถูกลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่แพงกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (30,000 บาท) ปัจจุบันคูปองส่วนลดและรหัสส่งเสริมการมีอยู่ทั่วไปขายในร้านค้าออนไลน์

สำหรับตอนนี้มีการซื้อขายและอนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสาธารณรัฐเช็ก แต่หลายประเทศควบคุมเป็นยาและอุปกรณ์การแพทย์เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยา ต้องขออนุญาตขายเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนบุหรี่ ขณะที่หลายประเทศถือว่าการขายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการทำผิดกฎหมาย

 

คาดว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเพิ่มจำนวนสี่เท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าสิงห์อมควันหันมาใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ กอปรกับการใช้นิโคตินทดแทนในรูปหมากฝรั่งหรือพลาสเตอร์ที่มีสารนิโคตินดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังไม่ค่อยเป็นที่นิยม คนติดบุหรี่ยังคงต้องการความรู้สึกของการอัดควันเข้าปิดเหมือนบุหรี่ทั่วไป

การสูบไอน้ำเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดพิสูจน์ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือช่วยในการเลิกบุหรี่ได้ และเป็นการกระตุ้นผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ให้หันมาติดนิโคตินอีกด้วย ในสหรัฐพบว่าเด็กนักเรียนมัธยมฯ สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 3.3% ในปี 2011 และเพิ่มเป็น 6.8% ในปี 2012 เด็กเหล่านี้ 10% ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน

แม้ไม่มีสารพิษก่อมะเร็งจากการเผาไหม้ยาสูบ แต่ก็มีสารนิโคตินที่ทำให้เกิดการเสพติดและทำให้เกิดโรคหัวใจ มีสารโพรพิลีนไกลคอลที้เป็นสารต้านการแข็งตัวในอุตสาหกรรมทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ

น้ำยาบุหรี่บางรุ่นมีปริมาณนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ทั่วไปหลายเท่ามีสารก่อมะเร็งและสารพิษอื่นๆ ที่สามารถรั่วไหลออกมาเป็นอันตรายต่อผู้คนรอบข้าง ไม่ต่างจากการเสพควันบุหรี่มือสอง นับเป็นภัยตัวใหม่ต่อผู้บริโภคที่ไม่รู้

ที่มา http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/36740
 

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น