การประเมินภาวะสุขภาพมารดาในระยะตั้งครรภ์
การซักประวัติ
ประวัติส่วนตัว/ประวัติทั่วไป
อายุ ดูว่ามารดาอยู่ในภาวะเสี่ยงหรือไม่ โดยเฉพาะรายครรภ์แรกอายุ 35 ปี ขึ้นไป ครรภ์หลังที่มารดาอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือมารดาที่อายุต่ำกว่า 15 ปี
อาชีพ เช่น เสี่ยงต่อสารเคมี อุบัติเหตุ
ระดับการศึกษา เป็นแนวทางในการให้คำนำที่เหมาะสมต่อไป
สภาพสมรส บอกถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวและภาวะทางจิตสังคมได้
รายได้ของครอบครัว เป็นแนวทางในการดูแลด้านโภชนาการ
การใช้ยาและสิ่งเสพติด ทำให้ทราบโรคประจำตัว และพฤติกรรมการใช้ยาและการใช้สารเสพติดที่มีต่อทารกในครรภ์
ประวัติการเจ็บป่วยของครอบครัว เช่น โรคธาลัสซีเมีย ความดันโลหิตสูง เบาหวาน วัณโรค ตับอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของสามี
ประวัติเจ็บป่วยในอดีตและประวัติการผ่าตัด
โรคทางอายุรกรรม (หัวใจ ไต ลมชัก เบาหวาน หัดเยอรมัน โรคติดต่อทางเพศ)
ประวัติการผ่าตัดและอุบัติเหตุ (การขูดมดลูก การผ่าตัดที่ตัวมดลูก อุบัติเหตุกระดูกเชิงกราน)
ประวัติทางสูติกรรมที่ผ่านมา
ประวัติการคลอดครั้งก่อน คลอดเมื่อใด (วัน เดือน ปี) อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง อายุครรภ์เมื่อคลอด (เดือน สัปดาห์) วิธีการคลอด (คลอดเอง ใช้คีมดึง ใช้เครื่องดูดสุญญากาศ หรือผ่าตัดคลอด) และความผิดปกติในระยะคลอด เช่น ตกเลือด ติดเชื้อ ลักษณะเด็กเมื่อคลอดและสุขภาพเด็กในปัจจุบันถ้ามีการแท้งต้องถามถึงการแท้งเกดขึ้นเองหรือทำแท้ง แท้งเมื่ออายุครรภ์กี่เดือนและได้รับการขูดมดลูกหรือไม่
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
สุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ปกติดีหรือไม่ ถ้าผิดปกติวินิจฉัยเป็นอะไร การรักษาและผลการรักษาขณะที่กำลังรักษาอยู่หรือหายเป็นปกติแล้ว ก่อนตั้งครรภ์ได้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นโรคหัดเยอรมันหรือไม่ เพราะเชื้อนี้สามารถผ่านจากแม่สู่ลูกได้ในช่วง 3 เดือนแรกทารกอาจพิการได้
บริการต่างๆที่ได้รับ เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักกี่ครั้ง ครบตามกำหนดหรือไม่ ได้รับการตรวจเลือด เช่น ตรวจหาความเข้มข้นของเลือด การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ภูมิต้านทานของเชื้อไวรัส HIV ตับอักเสบบี และบริการอื่น ผลตรวจเป็นอย่างไร
ประวัติทารกในครรภ์ดิ้น เพื่อช่วยในการประเมินอายุครรภ์ในรายจำ LMP ไม่ได้ ครรภ์แรกทารกดิ้น 18-20 สัปดาห์ ครรภ์หลัง 16-18 สัปดาห์
ประวัติประจำเดือน ต้องซักถามถึงรอบเดือนว่ากี่วัน จำนวนวันที่มีประจำเดือนแต่ละครั้ง LMP เพื่อคำนวณวันกำหนดคลอด และอายุครรภ์
การกำหนดวันคลอดและการคำนวณอายุทารกในครรภ์
กฎของเนกเกล (Nagele’s rule)
EDC = L.M.P + 7 วัน เดือน
ประวัติเด็กดิ้นครั้งแรก (Quickening)
เมื่อซักประวัติเด็กดิ้นในครรภ์แรกได้เมื่อไหร่แล้ว ให้บวกเข้าไปอีก 20 สัปดาห์หรือครรภ์หลังบวกเข้าไปอีก 22 สัปดาห์ จะได้รับกำหนดคลอด
ระดับและขนาดของมดลูก
วิธีของ Mc. Donale
อายุครรภ์ = 8/7 x ความสูงของระดับยอดมดลูกเป็นเซนติเมตร
ความสัมพันธ์ของระดับยอดมดลูกกับผนังหน้าท้อง
12 สัปดาห์ = 1/3 > S.P
16 สัปดาห์ = 2/3 > S.P
20 สัปดาห์ = ระดับสะดือ
24 สัปดาห์ = ¼ > สะดือ
28 สัปดาห์ = 2/4 > สะดือ
32 สัปดาห์ = ¾ > สะดือ
36 สัปดาห์ = อยู่ใต้ xyphisternum เล็กน้อย
40 สัปดาห์ = ¾ > สะดือ เกิดภาวะท้องลดแล้ว
การคำนวณหาอายุครรภ์โดยใช้คลื่นความถี่สูง
- พบถุงห่อหุ้มทารกชัดเจนอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์
- การวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง ระหว่างกระดูกพาไรทอลของทารกในครรภ์สามารถวัดได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์ และนำค่าที่วัดได้มาเทียบกับค่ามาตรฐาน
- การวัดความยาวของตัวทารก (Crown-rump length) สามารถวัดได้เมื่ออายุครรภ์ 8-12 สัปดาห์และนำค่าที่วัดได้มาเทียบกับค่ามาตรฐาน
การตรวจร่างกายและเต้านม
- ท่าเดิน ต้องดูลักษณะท่าเดินที่ผิดปกติควรนึกถึงความผิดปกติของกระดูกเชิงกราน
- ความสูง ไม่ควรต่ำกว่า 135-140 cms.
- น้ำหนัก ปกติน้ำจะเพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ประมาณ 10-15 kgs.
- ความดันโลหิต ปกติไม่ควรเกิน 140/90 mmHg. ถ้าพบว่าความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 140/90 mmHg. ในหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ทราบความดันเลือดมาก่อน หรือความดัน Systolic เพิ่มขึ้น 30 mmHg. หรือ ความดัน Diastolic เพิ่มขึ้น 15 mmHg. จากระดับเดิมต้องนึกถึงภาวะความดันโลหิตสูงในหญิงมีครรภ์หรือภาวะครรภ์เป็นพิษ
- การตรวจลักษณะทั่วไป ได้แก่
ตา ดูเยื่อบุตา ริมฝีปากว่าซีดหรือไม่
ปาก ฟัน มีการอักเสบของปากและฟันหรือไม่
ต่อมธัยรอยด์ อาจโตได้เล็กน้อยแต่ควรโตทุกต่อมถ่าพบต่อมธัยรอยด์โตส่งพบแพทย์
- ตรวจร่างกายระบบต่างๆ ที่สำคัญคือระบบการหายใจ และหัวใจซึ่งตั้งครรภ์ทุกรายควรได้รับการตรวจตากแพทย์
- การตรวจเต้านม ควรตรวจดูลักษณะของเต้านมตลอดจนคลำดูขนาดของต่อมน้ำนมว่ามีปริมาณเพียงพอที่จะผลิตน้ำนม และตรวจดูหัวนมด้วย Waller’s stert ดูขนาดหัวนมสั้น แบนหรือบุ๋ม มีรอยแตกหรือรอยแยก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจโลหิต
Hct. ปกติไม่น้อยกว่า 33% Hb ปกติไม่น้อยกว่า 11g%
Blood group ตรวจ ABO group และ Rh group
VDRL ตรวจเมื่อ ANC ครั้งแรกและ GA 32 Wk.
การแปลผลว่ามีการติดเชื้อหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จะต้องตรวจน้ำเหลืองได้ titer มากกว่า 1:8 คือ 1:16 หรือ 1:64 ซึ่งต้องพิสูจน์ด้วย TPHA หรือ FTA-ABS เพื่อยืนยันการติดเชื้อที่แน่นอน
Anti-HIV ตรวจเมื่อ ANC ครั้งแรก หรือในรายที่หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวยินยอม หรือในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อ AIDS
HBsAg ตรวจเมื่อ ANC ครั้งแรก หรือในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อตับอักเสบไวรัสบี
Rubella titer ตรวจเมื่อ ANC ครั้งแรก หรือมีในรายที่สงสัยติดเชื้อหัดเยอรมันในรายติดเชื้อหัดเยอรมัน ตรวจพบ titer สูงกว่า 1:8
ตรวจปัสสาวะ
Urine sugar ค้นหาเบาหวาน
Urine albumin ค้นหาภาวะโลหิตสูงหรือโรคกรวยไตอักเสบ
ความคิดเห็น