สีเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณลานอิฐรูปตัวหนอน โต๊ะม้าหินสองสามชุดบริเวณนั้นถูกปูไปด้วยกลีบดอกไม้สีเหลือง สายลมฤดูร้อนพัดแรงเสียจนกลีบดอกที่อยู่บนต้นสูงใหญ่ร่วงกราวราวกับสายฝน...หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเหงาๆ ฤดูร้อนเวียนมาอีกครั้งในขณะที่ใครบางคนยังไม่หวนคืนมา ณ ที่แห่งนี้...
บทสนทนาแทนคำมั่นยังคงดังอยู่ในใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอรอคอยเขาอย่างไม่เห็นปลายทาง รอคอยโดยไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อใด...รอโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจดจำคำสัญญาได้หรือไม่...หรือมีเพียงเธอคนเดียวที่ยังจำได้ไม่เคยเลือน
‘คุณจะรอผมไหม?’ ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยถาม มืออุ่นๆของเขาจับปรอยผมที่ลงมาปรกหน้าของหญิงสาวทัดเข้าที่ใบหูอย่างเบามือ
‘คุณจะรอผม...หรือเปล่า?’ เขาเปลี่ยนคำถามเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งไม่ตอบอะไร
‘แล้วคุณจะลืมฉันไหม?’ หญิงสาวถามกลับโดยยังไม่ตอบคำถามของเขา
‘ไม่มีทาง...ยังไงผมก็ไม่ลืมคุณ’ เขาตอบอย่างหนักแน่นและจริงจัง ท่ามกลางพยานดอกไม้ที่กำลังปลิวคว้างด้วยฤทธิ์ของลมร้อนประจำฤดู
‘ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็จะรอคุณ...รอวันที่คุณกลับมาหาฉัน...รออยู่ ณ ที่แห่งนี้’ หญิงสาวตอบกลับด้วยแววตาที่มั่นใจอย่างที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็น...เพียงเท่านี้จริงๆที่เขาต้องการ ร่างบางของเธอถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนของเขา สองแขนแข็งแกร่งโอบกอดเธอ แขนเรียวของหญิงสาวสอดประสานโอบเขากลับ สองร่างโอบกอดกันแนบแน่นราวกับประทับตราสัญญาซึ่งกันและกัน
‘สัญญานะว่าจะรอ...สัญญากับผมนะ...ที่รัก’
‘ค่ะ...ฉันสัญญา’
ภาพความหลังที่ค่อยทยอยๆ ไหลเข้ามาในความคิดทำให้ดวงตาคู่สวยต้องหลับลงอย่างเหงาหงอย เธอรอคอยอยู่ที่นี่มานานมากเกินไปเสียแล้ว ยิ่งนานวันหัวใจดวงนี้ก็ยิ่งสั่นคลอนไปกับกาลเวลา มันไม่เข้มแข็งและมั่นคงดังเช่นวันวาน เธอกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าเขาจะลืมสัญญาของเธอ...สัญญาว่าจะ “รอ”
...สัญญาของคนสองคนหากอีกฝ่ายลืม...มันจะเป็นสัญญาต่อไปได้อย่างไร...
สายลมแรงยังคงโบกไหวให้บรรดากลีบดอกไม้ตีเกลียวม้วนตัวลงสู่พื้นโลกตามกฎของธรรมชาติ กลางฤดูร้อนอย่างนี้ยังคงมีหญิงสาวอีกคนที่ยืนหนาวเหน็บอยู่ท่ามกลางฝนกลีบดอกคูณ...หัวใจของหล่อนกำลังหนาวสั่นด้วยความคิดถึง หัวใจของหล่อนถูกสัญญาท่ามกลางลมร้อนโบยตีจนร้าวระบม...น้ำตาที่เหือดแห้งไปนานไหลลงอีกครั้ง...เมื่อไหร่กัน...ที่เธอจะหลุดพ้นคำสัญญานี้เสียที...
...เมื่อไหร่กัน?...เธอถามตัวเองเสียงแผ่ว
เสียงฝีเท้าย่ำผ่านลานอิฐดังขึ้นอย่างมั่นคงอยู่เบื้องหลัง...หญิงสาวรีบหันกลับไปหายังที่มาของเสียง ร่างสูงเจนตายื่นสง่าอยู่ท่ามกลางกลีบสีเหลืองของดอกคูณที่ปลิวว่อน สายลมกราวใหญ่ที่พัดผ่านมาทำให้ทั้งเขาและเธอคล้ายถูกกางกั้นออกจากกันด้วยม่านดอกไม้ รอยยิ้มปิติที่เลือนหายจากใบหน้างามไปหลายปีปรากฏขึ้นอีกครั้ง
...เขายังไม่ลืม ในที่สุดเขาก็กลับมา...
ร่างบางเผ่นโผไปยังเขาด้วยแรงยินดี คนรักของเธอกลับมาแล้ว ในที่สุดเขาก็กลับมาตามสัญญา
ปลายเท้าเรียวหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อเห็นไหล่หนาที่เคยอิงอุ่นลู่ตกลง ร่างสูงที่เคยยืนสง่าค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้นลานอิฐ เข่าทั้งสองข้างกระแทกพื้นอย่างแรงโดยที่เจ้าตัวไม่สนใจต่อความเจ็บปวด ใบหน้าคมคร้ามบัดนี้เกลื่อนไปด้วยหยาดน้ำตา
“ขอโทษ...ผมขอโทษ...” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเจือรอยสะอื้น สายลมร้อนพัดมากราวใหญ่อีกครั้ง เธอมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ขอโทษทำไม?...คุณขอโทษฉันทำไมคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ขอโทษ...ที่รัก ผมขอโทษ...” ประโยคแผ่วเบาถูกเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น ไม่มีความกระจ่างใดใดเผยออกมา
“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ...แค่คุณทำตามสัญญาฉันก็ดีใจแล้ว แค่คุณกลับมาหาฉันก็พอแล้ว” เธอส่งยิ้มน้อยๆให้กับเขา รอยยิ้มที่หญิงสาวอยากให้เขาสัมผัสถึงความอบอุ่นจากหัวใจที่เธอส่งให้
จบแล้วสินะการรอคอยที่ว่างเปล่าของเธอ ในที่สุดเขาก็กลับมา แม้ว่าจะช้าไปสักหน่อยแต่ก็ทำให้เห็นว่าเขาไม่เคยลืมคำสัญญา เขาไม่เคยลืมความรักที่มีให้แก่กัน เท่านั้นก็เพียงพอ เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“ฉันรักคุณนะคะที่รัก” เธอกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเขา ก่อนจะใช้สองแขนเรียวโอบร่างหนาไว้ด้วยแรงคิดถึง
.....................................................
สายลมร้อนกลับพัดแรงจัดอีกครั้ง กลีบดอกไม้มากมายร่วงหล่นราวกับห่าฝน แผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าลอยคว้างแทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝนกลีบดอกคูณ
‘ตายอนาถ ฆาตกรใจโฉดฆ่าข่มขืนหญิงสาว ก่อนทิ้งศพหมกพงหญ้าข้างลานดอกคูณกลางเมือง ตำรวจสันนิษฐาน คนร้ายคงเป็นแกงค์เด็กแว้นละแวกใกล้เคียง สบโอกาสตอนที่ผู้ตายอยู่ตามลำพัง อ่านต่อหน้า 19’
ความคิดเห็น