ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS] A M E R I C A - All x V

    ลำดับตอนที่ #4 : PART 4 - F E E L A G A I N ☆

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      2
      8 มี.ค. 57



    AMERICA – 4


    Part 4 Feel again

     

     

    Rating : PG ใสกิ๊ง

    Pairing : Suga V

    Note : flashback ย้อนความหลังยุนกิฮยองกับแทแทนิดนุงนะคะ
    คือเป็น
    flashback ซ้อน flashback แยกสีตัวอักษรให้แล้วงงก็บอกโนะ <3


     

    ปล. กลับมาจากเยลโล่วสโตนแล้วนะ  ฮิฮิ

    ปล2. เพลง FEEL AGAIN – ONEREPUBLIC จิ้มๆๆๆ พีคมาก ฟังดิ้! 555

    ปล3. สุขสันต์วันเกิดแร็ปเปอร์แมนมินยุนกิ คิ____คิ วันเกิดโฮซอกลงไม่ทัน แต่วันเกิดยุนกิลงพอดีนะ งิงิ


    เอ็นจอย! <3





     

     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "ฮยอง.."
     
    "หืม"
     
    "ต้องไปจริงๆหรอฮยอง.."
     
    "ต้องไปสิ จ่ายตังแล้ว"
     
    "งือ .."
     
    "อะไรเล่า เมื่อวานยังไล่อยู่เลย เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากน่า"
     
    "ซื้อฝากอะไรล่ะ ฮยองไปเรียนตั้ง5ปีนะ  เน่าพอดี!"
     
    "ก็ต้องไปนี่นา ให้ทำไงล่ะ แอบยัดนายใส่กระเป๋าไปด้วยรึไง?"
     
    "ฮยองอะ .."
     
    "ไปแล้ว เดี๋ยวตกเครื่อง"
     
    "....."
     
    "ไปนะ"
     
    "....."

     
     
     
    .
    .
    .
    .
     
     
     
    "ยุนกิ"
     
    "...."
     
    "ไอ้ยุนกิ"
     
    "....."
     
    "เฮ่ย! มึง! เชี่ยยุนกิ!"
     
    "ห้ะ? อะไร ตะโกนไม"
     
     
    ตกใจหมดเลย อยู่ดีๆก็ตะโกนมาได้ไอ้เชี่ยนี่ ตัดโมเดลอยู่ก็เห็น ถ้าพลาดตัดนิ้วขาดขึ้นมาจะทำไงไอ้นี่!

    ว่าแต่ เมื่อกี้ไอ้จินมันพูดอะไรวะ ไม่ได้ฟังเลย  มัวแต่ ...
     
     
    "มึงอะแหละ ใจลอยไปถึงใครห้ะ? คิดถึงสาวหัวทองเมียมึงหรอ"
     
    "เมียอะไร แค่แฟนก็พอ"
     
     
    พูดมาก
     
     
     
    "แหมๆ ตอนแรกๆมาทำเป็นโอดครวญคิดถึงน้อง ผ่านไปไม่กี่ปีควงสาวตาน้ำข้าวซะแล้ว
    ไหนล่ะ หนุ่มน้อยแดกูมึง หายไปไหนละ
    ?"
     
    "สัสจิน เงียบน่า จะทำงาน"
     
     
    ไร้สาระ
     
     
    "ฮั่นแน่ ทำบ่ายเบี่ยง"
     
     
    คิมซอกจิน
     
     
     
    "มึงอย่ายุ่งน่าา ออกไปจากห้องกูได้แล้วไป!" โบกมือไล่
     
    "ห้องมึงก็ห้องกูวะ นี่บ้านกูนะ" แหวใส่
     
    "เออๆ กูรู้ กูเช่าบ้านมึงอยู่ จ้ะ พ่อนายแบบ พ่อคนรวย ไม่ต้องย้ำ"

     
    หนอยไอ้นี่ กูไม่ใช่มึงนะ มีญาติเป็นไฮโซอยู่อเมกา กูเป็นนักเรียนว้อย
    ถึงจะมีรายได้มีเงินกูก็ซื้อบ้านไม่ได้อยู่ดี โธ่

     
     

    "เฮ้ย ไอ้จิน! ลงมานี่ดิ้ มีเด็กมาขอเช่าห้องเตียงคู่!"

     
    เสียงไอ้นัมจุนตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่างดั่งเสียงสวรรค์ช่วยชีวิตผม
     
     
     
    "นั่นไง ไอ้นัมเรียกมึงละ ลงไปหามันไปๆ"
     
    "เออๆ ไม่กวนแล้ว"
     
     
     
     
     
    ไปได้ซะทีไอ้น่ารำคาญ..


    จริงๆซอกจินแก่กว่าผมแหละ แต่แค่นิดเดียวเอง
    ประกอบกับนิสัยกากๆของมัน  ใครจะเคารพลง
    ขนาดไอ้นัมจุนกับโฮซอกเด็กกว่ามัน2ปียังไม่เห็นมันเป็นพี่เลย
    สองคนนั้นยังดูเคารพให้เกียรติผมมากกว่าด้วยซ้ำ
    ถึงจะไม่ได้เรียกฮยองก็เถอะ ก็ผู้ชายด้วยกัน อายุไล่เลี่ยกัน ขลุกอยู่ในบ้านเดียวกัน เหมือนเพื่อนกันมากกว่า

    จะเรียกฮยงฮยองให้ห่างเหินกันทำไมล่ะครับ เนอะ
     
    ว่าแต่เมื่อกี้นัมจุนบอกว่ามีเด็กมาเช่าห้องอีกแล้วหรอ ?
    เมื่อวานก็พึ่งย้ายสำมโนครัวเข้ามาคนนึง
    หน้าตาจิ้มลิ้ม ชื่ออะไรนะ จอน .. จองกุก? .. รึเปล่า?
    อยู่ห้องข้างๆผมเองเนี่ยแหละ
     
    คิดแล้วก็สงสัย
    ชักอยากรู้แล้วสิว่าหน้าตาเป็นยังไง
    แต่ถ้าลงไปอาจจะยาว งานไม่เสร็จขึ้นมาจะชิบหาย
    เดี๋ยวก็ได้เจอเองแหละ ..
     
     


     
    ...
     
     





     
     
     
     
    โอ้ย หิวน้ำจัง
    ลงไปกินน้ำข้างล่างดีกว่า
     
     
     
     
     
     
     
    (หาเรื่องชัดๆ)
     
     
     
     
     
     
     



     
     
    ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ครอบงำจิตใจ

    บัดนี้ผมก็ได้อัญเชิญตนเองออกจากกองเศษกระดาษซากชานอ้อยลงมาอยู่ในครัวข้างล่างเรียบร้อย
    พวกนั้นนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่จากมุมนี้ดันมองไม่เห็นหน้าเด็กใหม่อะดิ

    แม่ง ไอ้โซฟาเวร! ทำไมต้องหันหลังให้ครัวด้วยวะ! ไม่รู้งานเลย

    เห็นแต่หน้าไอ้จิน ยิ้มระรื่นเบิกบานเชียวไอ้นี่ ดีใจที่ได้เงินค่าเช่าเพิ่มรึไง?
     
     
     




     
    เฮ้ย ป่าวนะ
    นี่ลงมากินน้ำ
    ไม่ได้มาส่อง
     
    ป่าว
     
     



     
     
     
    แต่มีเด็กใหม่2คนแหละ
    คนนึงหัวสีชมพูด้วย ใจกล้ามาก
     
    ฮ่าๆๆๆ
     
     


     
    หมุนตัวหันหลังเตรียมขึ้นบันไดไปลุยงานต่อแต่ก็โดนขัดด้วยเสียงไอ้นัมจุนซะได้
     
     


     
    "เฮ้ย ไอ้ยุนกิ จะรีบไปไหน มาทำความรู้จักกะน้องก่อนดิ!"
     
     


     
     
    ฮิฮิ
    โดนเรียกอะ
    ไม่ไปก็เสียมารยาทเนอะ จริงปะ ..
     
     
     
    จังหวะที่กำลังหันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
     
     
     
     

     
    "ยุนกิฮยอง..?"
     
     
     

     
    It's been a long time coming since I've seen your face
    I've been everywhere and back trying to replace
    everything that I've had till my feet went numb
    Praying like a fool that's been on the run

     
     
     
     
    แทบไถลตกบันได
     
     
     
    "แทแท .."
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ไอ้เชี่ย
     
    ไอ้เชี่ยยย
     
     
     
     
    อเมริกามีพื้นที่ตั้งมากมายเป็นทวีป กว้างใหญ่ไพศาล
    ทำไม๊ทำไมโลกมันถึงกลมอย่างงี้
    คือไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะที่ได้เจอน้องอีก แต่มันก็.. โอย ..
     
     
     
    "เฮ้ย ไอ้ยุนกิ! ฟังอยู่ปะเนี่ย?" จินโบกมือหยอยๆ
     
    "ห้ะ อะไรนะ" ไม่ได้ฟังครับ
     
    "กูถามว่าแทฮยองคือแดกูบอยคนนั้นของมึงหรอ?" ใจจดใจจ่อ
     
    "อ.. เออ.." ไอ้นี่ .. ถามแล้วทำไมต้องทำตาเป็นประกายด้วยวะ..
     
    "ละตอนนี้มึงมีแฟนละใช่ปะ? สาวถาปัตย์หัวทองในฝันของมึงสวยเก่งเท่เซี๊ยะบาดใจมึงละใช่ปะ?" วิบวับๆ
     
    "ก็..ใช่.." แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูลืมน้องไปแล้วซะหน่อย...
     
    "งั้น แดกูบอยมึงอะ กูขอนะ" เฮ่ย!?
     
    "ห้ะ!?" ไอ้เชี่ย ขอกันงี้เลย?!
     
    "ขอบคุณเว่ยมึง! น้องมึงน่ารักสัสอะ กูไปละ จะทำดินเนอร์เด็ดๆโชว์ฝีมือให้แทฮยองกิน" เห้ย!?
     
    "เฮ่ย! เดี๋ยว! ไอ้เชี่ย! ไอ้จิน!" ไอ้เหี้ย กูไม่ให้ว้อยย!!
     
     

     
     





    ชิบหายละมินยุนกิ

     

    มึงชิบหายละ
     
     
     
     
     
    Heart still beating but it's not working
    It's like a million dollar phone that you just can't ring
    I reach out trying to love but I feel nothing
    Yeah, my heart is numb

     
     
     
     
    ก็จริงที่ผมมีแฟนแล้ว
    ก็จริงตามที่ไอ้จินบอกว่าเธอตรงสเป็คผมทุกอย่าง
    ทั้งสวย ทั้งเก่ง นิสัยดี แถมยังเรียนสถาปัตย์ออกแบบเหมือนผม

    เป็นนักออกแบบภายในเท่ๆคนนึง เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนนึง
    คือก็ดูจะเป็นนางในฝัน แต่ ..


    แต่คือ ..
     
    ฝันผม ..

     

    มันไม่เป็นนางเนี่ยดิ ..
     
     
    ก็พยายามแล้ว พลิกแผ่นดินหาสาวที่ตรงตามสเป็ค

    เพราะรู้ว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีมันผิด มันประหลาด

    แล้วมันก็ดูแย่มากที่รู้สึกกับเด็กผู้ชายที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก

    ที่เป็นเหมือนน้องชายของตัวเขาเอง .. พี่ชายดีๆที่ไหนรู้สึกกับน้องชายแบบนั้นกัน?

     

    ก็เลยหาทางเลือกใหม่ ก็เจอแล้ว ก็มีแล้ว

    แต่มันเหมือนยิ่งตอกย้ำความผิดในใจเข้าไปใหญ่

     

    เพราะมันไม่ใช่

     

    อะไรที่มันไม่ใช่ ดีแค่ไหนมันก็ไม่ใช่อะ ..

     

     

     

    มันไม่ใช่อะกิ๊ฟ มันไม่ใช่ !

     

     

    I reach out trying to love ...

     

     

    ถึงจะพยายามทำให้มันใช่

    ให้มันรู้สึก..

     

    ให้ใจเต้นเวลาได้อยู่ใกล้

    ให้ใจหวิวเวลาอยู่ไกล

     

    เหมือนที่เคยเป็น เคยรู้สึก

     

    แต่มันก็ทำไม่ได้

     

    ไม่รู้สึกเลย

     

     

    but I feel nothing
    Yeah, my heart is numb


     

     

    ใจมันด้านชาไปหมดแล้ว
     
     

     

     

     

     

     

     

     

    ยุนกิฮยอง!

     

    อะ ..

     

     

    “ลงมากินข้าวได้แล้ว จินฮยองทำข้าวเช้าไว้เต็มโต๊ะเลย”

     

    อือ ..

     

    “นี่ อย่ามัวแต่นิ่งสิ เมื่อคืนกลับมาไม่ได้นอนหรอ?”

     

    อย่า .. อย่าเข้ามานะ ..

     

    “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ไม่ได้ป่วย แล้วทำไมหน้าแดงๆล่ะฮยอง”

     

    ใกล้ไปแล้ว ..

     

     

    หมับ!

     

    “ลงไปกินข้าวกัน!

     

     

     

    ตึกๆ

    ตึกๆ


     
    But with you
    I feel again

     

     

    ตึกๆ ตึกๆ

     

    ทำไมต้องจับมือด้วยล่ะ

     


    Yeah with you
    I can feel again

     

     

     

    “ฮยอง! เดินสิ! ไปกินๆ”


     

     

    โอย

    ใจสั่น

     


    Yeah
    Woo-hoo (x4)

     

     

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

     

     

    เป็นอะไรของเค้านะ

    นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นเลย

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่เยลโล่วสโตนแล้ว

    อุตส่าห์เข้าไปนั่งด้วย ไปชวนคุย

    คุยกันได้นิดๆหน่อยๆก็หันหลังหนีแล้วชิ่งหลับซะงั้น

    อะไรกัน?

     

    แล้วนี่ก็อีก กลับมาจากเยลโล่วสโตน อุตส่าห์ได้อยู่บ้านด้วยกันสองคน

    แต่กลับทำตัวเหินห่างจนเหมือนอยู่คนเดียวแบบนี่มันอะไร

    ทั้งๆที่เคยสนิทกันมากๆ แค่เปลี่ยนประเทศอยู่ การปฏิบัติต้องเปลี่ยนตามด้วยหรอ

     

    ฮึ่ย!

    รู้งี้ไปดูหนังกับจีมินจองกุกซะก็ดี

     

     

    ฮื่ยยยยยย

     

     

    ตอนแรกก็อุตส่าห์ดีใจ ที่บินตามมาหาแล้วยังโชคดีมาเช่าบ้านหลังเดียวกะยุนกิฮยอง

    ไม่ต้องเหนื่อยตามหาเลย แต่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ที่ได้เจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี

    ยุนกิฮยองกลับทำหน้าเหมือนเห็นผี แล้วรีบหนีขึ้นไปทำงาน ..

    ไม่สนใจใยดีกันซักนิดอะ

     

     

     
    I'm feeling better since you know me
    I was a lonely soul but that's the old me

     

     

     

    ตีตัวออกห่าง

     

    จะเรียกอย่างงั้นก็ได้มั้ง

     

    ทำไมล่ะ ..

     

    หรืออาจจะเป็นเพราะเลิกกับแฟน?

     

    นัมจุนฮยองบอกว่า พอเขาย้ายเข้ามาไม่ถึงอาทิตย์

    ยุนกิฮยองก็เลิกกับแฟนเลย

     

     

    แล้วมันความผิดเขารึไงเล่า?!

    ยุนกิฮยอง เป็นคนไปบอกเลิกนูน่าคนนั้นเองนะ!

     

    โอ้ย คนอะไรก็ไม่รู้!

     

     

     

    “คิดอะไรอยู่น่ะ ทำหน้ามุ่ย?”

     

     

    ยังมีหน้ามาถามอีก ก็ฮยองอะแหละ

     

     

    “อ่าว ทำไมค้อนฮยองแบบนั้นอะ หิวไม่ใช่หรอ กินสิ”

     

     

    ยังจะคีบของโปรดใส่จานให้อีก

    ฮึ่ย

     

     

    “เคี้ยวดีๆสิ เลิกค้อนฮยองได้แล้ว งอนอะไรห้ะ? ไอ้เด็กนี่”

     

     

    เด็กหรอ?!

    ใครเด็ก?!

    20 แล้ว ไม่เด็กเว่ย!

     

     

    “ตายละ งอนใหญ่เลย จ้าๆ ไม่เด็กแล้วจ้า ขอโทษที”

     

     

    โว้ยย รู้ใจอีก นี่อ่านความคิดได้รึไง?

     

     

    “พอๆ กินๆ ไม่งอนแล้ว”

     

    ...

     

     

    “พาไปเที่ยวหน่อย”

     

    “ห้ะ?”

     

    “พาไปเที่ยวหน่อยดิฮยอง”

     

    “อ่าว นี่งอนจริงหรอเนี่ย?”

     

    “ป่าว”

     

    “งั้นไม่พาไปหรอก”

     

    “งอน”

     

    “แหนะ”

     

    “พาไปเที่ยวหน่อย..”

     

     

     

     


     
    It's been a long time coming since I've seen your face
    And I've never went back trying to replace everything that I broke till my feet went numb
    Praying like a fool that just shot a gun

     

     

     

    Ducati ลูกพ่อ ..

    วันนี้เรามีแขกพิเศษมาซ้อนด้วยแหละลูก

    ขับนิ่มๆนะรู้มั้ย

    เพราะพ่อคงสั่นงั่กเป็นเจ้าเข้าเลยล่ะ

    ช่วยพ่อด้วยนะลูกนะ

     

     

    “ฮยองทำไรอะ?”

     

    “เอ่อ ..”

     

    “คุยกับมอไซหรอ...”

     

    “ได้ยินหรอ?”

     

    “ป่าว เห็นปากมุบมิบไป ขัดรถไป เลยสงสัย”

     

    “ฮ่าๆ ก็งี้แหละ ลูกรัก ฮ่าๆ ต้องคุย มาๆ ไปกัน!

     

     

     

    เอาแล้วนะลูก

    ซ้อนแล้ว

     

     

     

    “อุ้ย”

     

     

    อะ ..

     

     

    “ทำไมเบาะมันเทจังอะฮยอง”

     

     

    ซื๊ด ..

    นั่นดิ

    ไอ้เชี่ย

     


    “ต้องนั่งยังไงให้ไม่แนบฮยองอะ”

     

    “ม..ไม่รู้เหมือนกัน”

     

    “งือ ฮยองอึดอัดรึเปล่า”

     

    “ไม่นะ..ไม่เป็นไร..”

     

    “งั้นรีบไปกัน”

     

     

     

     

    หวังว่าเสียงเครื่องยนต์จะดังพอกลบเสียงหัวใจผมนะ ..

    บ้าเอ๊ย

     

    คือก็รู้อยู่ว่ามอเตอร์ไซค์ตัวเองมันเป็นยังไง

    รู้ว่าเบาะมันแคบแค่ไหน และปลายเบาะมันเทยังไง

    ดูคาตินี่หว่าไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ธรรมดาอะ  ฮื่อ

     

    เบาะมันออกแบบมาให้นั่งคนเดียวละเหลือที่เล็กน้อยพอให้เกี่ยวสาวร่างบางมาซ้อนท้ายแนบๆ

    ไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้ชายสองคนนั่งซ้อนกันนี่หว่า

    ก็ไม่ใช่ว่าแทฮยองจะตัวใหญ่อะไร ก็ร่างบางผอมกะหร่องไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงนั่นแหละ

    แต่มันก็ ...

     

     

    Heart still beating but it's not working
    It's like a hundred thousand voices that just can't sing
    I reach out trying to love but I feel nothing
    Oh my heart is numb

     

     

    ตึกๆ

    ตึกๆ

     

     

    ทีตอนเอายัยแฟนเก่านั่นมาซ้อน

    ซ้อนแล้วซ้อนอีกทำไมถึงไม่รู้สึกแบบนี้มั่งล่ะ

     

    ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย

     

     

     

    ตึกๆ ตึกๆ

     

     

     

    แล้วดูตอนนี้

     

    แค่แทฮยองซ้อนท้าย

    แค่เอามือจับยึดไหล่ผมไว้

     

    ใจก็เต้นแทบจะบ้าแล้ว

     

     

     

    But with you
    I feel again

     

     

     

    “ฮยอง นั่งไม่ถนัดเลยอะ ขอกอดนะ..”

     

     

    ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

     

     

    And with you
    I can feel again

     

     

     

     

     

    มันจะดีเกินไปแล้วว้อยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

     

     

    ละลานตาไปหมด

    เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ หมวก แว่นตา นาฬิกา ฯลฯ

     

    โอย คิมแทฮยองอยากตาย

     

    อยากได้
     

    อยากได้ทั้งร้านเลย

     

    ทุกร้านเลยด้วย!

     

     

     

    อเมริกานี่เจ๋งจริงๆ

    ของแบรนด์ที่เขาชอบก็มีแบบเยอะกว่าที่เกาหลีตั้งเยอะ เจ๋งกว่าด้วย

    แล้วไหนจะแบรนด์ใหม่ๆที่ไม่มีในเกาหลีอีกล่ะ

    หูย เจ๋งมากอะ  ย่านช้อปปิ้งที่นี่ เจ๋งกว่าเมียงดงอีก!

    ไม่น่า ใครๆก็อยากมาอเมริกา

    เมืองสวย ใหญ่ สงบ สะอาด อากาศก็กำลังดี ของก็เยอะ อาหารก็หลากหลาย

    อิสระ รู้สึกอิสระมาก

     

    โอย อยู่ไม่สุขเลย

    เหมือนโลกหมุน  ของเยอะจนตาลาย กิเลสครอบงำ

    แต่มีความสุขชะมัด รู้สึก เหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้แสนงดงามกลางหุบเขา

    อา ..

    กรี๊ดได้มั้ย?

     

     

    “ใจเย็นๆ ค่อยๆดู ชอบล่ะสิ แอบกรี๊ดได้นะ”

     

    เอาอีกละ รู้ใจอีกแล้ว

     

    “ฮยองไม่เดินดูของหรอ”

     

    “ไม่อะ เดินดูนายดีกว่า”

     

    “ห้ะ?”

     

    “เอ่อ .. หมายถึง แค่เห็นนายช้อปมีความสุข ฮยองก็อิ่มใจแล้ว”

     

    “เห?”

     

    “เอ่อ .. คือ .. ช่างมันเถอะ ฮยองไม่อยากได้อะไรน่ะ”

     

     

    อ่าว

    เดินหนีอีกแล้ว

     

    อะไรกัน

    ไหนบอกจะดูเขาไง

     

     

     

     

     

    สรุปว่าวันนี้ทั้งวันเขาใช้เวลาไปกับการช้อป ช้อป และช้อป

    เข้าร้านนี้ออกร้านโน้น เลือกของ เดินไปเค้านท์เตอร์แคชเชียร์แล้วก็โดนคุณฮยองตัวดีชิงจ่ายให้ตลอด

    บัตรเดบิตของเจ้าตัวถูกยื่นให้พนักงานตัดหน้าเงินสดของผมทุกที แล้วก็ทำเดินหนีไม่พูดไม่จา

    พูดกันนับประโยคได้

     

     

    “ฮยองจะจ่ายให้ทำไมเนี่ย?

    “รวย”

     

     

    “ผมถือเองได้น่า”

    “จะถือให้ เงียบๆน่า อย่าดื้อ”

     

     

    “ไหนลองใส่ตัวนี้ให้ฮยองดูซิแทฮยองงี่”

    “อือ น่ารัก เอาตัวนี้ด้วย เดี๋ยวจ่ายให้”

     

     

     

    อะไรประมานนี้

     

    ละยุนกิฮยองไปซื้อแว่นกันแดดมาใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    ประกอบกับเสื้อคลุมหนังดูคาติ กางเกงยีนส์สีเข้ม ยืนพิงเสารอเขาซื้อของเท่ๆ

     

    คือตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นอีหนูที่เสี่ยพามาช้อปปิ้งมาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงที่

     

    “คนเยอะ เกาะแขนฮยองไว้เดี๋ยวหลง”

     

    จะปฏิเสธก็ไม่กล้า อิดออดก็ไม่ควร ไม่อยากขัดใจ

    ก็ยุนกิฮยองซื้อของให้ตั้งเยอะอะ ..  ฮื่อ ..

    บ้าที่สุดเลย คนมองแล้วยิ้มให้เต็มเลย ไม่อายรึไง

     

     

     

    “ฮยอง..”

     

    “หืม?”

     

    “คนมองอะ”

     

    “มองสิ เค้ามีตาเค้าก็ต้องมอง”

     

    “ไม่อายรึไง?”

     

    “อายทำไม อายอะไร”

     

    “ผู้ชายที่ไหนเค้าเดินควงกันเล่า!?”

     

    “สนที่ไหน ไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย”

     

    “ไม่ได้คิดอะไร?”

     

    “อือ”

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

     

     

     

     

    โกหกทั้งเพ

    มินยุนกิคนตอแหล

     

    ซื้อแว่นมาใส่นี่ไม่ใช่อะไร

    คือแทฮยองจะได้ไม่เห็นไงว่าเขามองอะไรอยู่

    จะได้ไม่รู้ว่าจ้อง จะได้ไม่เห็นว่าเขาล่อกแลกแค่ไหนเวลาอยู่ใกล้

     

    โอย หัวใจจะวายแต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้าม

    บังคับให้แทฮยองมาเกาะแขน เห็นหน้าก็พอรู้ว่าน้องอึดอัดใจ

    คือฮยองก็อึดอัดใจพอกันวะ ใจเต้นจนอึดอัดไปหมดแล้วเนี่ย!

    ให้ทำไงได้อะ ก็เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองนี่น่า

    หวงอะ! ขนาดเดินควงอย่างงี้ยังมีคนส่งยิ้มให้อีก โว้ย จะบ้าตาย

     

     

     

    “ฮยองผมหิวแล้วอะ” กระตุกแขนเบาๆ

     

    “กลับไปกินที่บ้านเหอะ” นิ่งไว้ยุนกิ นิ่งไว้

     

    “ไม่เอาอะ อยากกินเบอร์เกอร์กับเชค” กอดแขนแน่นขึ้น

     

    “ไม่เอา” นิ่งไว้ เย็นไว้

     

    “นะ นะ นะครับยุนกิฮยองง” เอาหัวมาซบ เอาแก้มมาถู

     

    “......” สตั๊น

     

    “นะครับยุนกิฮยอง” ตาแป๋ว

     

    “อือ ..”

     

    พูดจบก็ขอหนีล่ะ

    ไม่ไหว สถานการณ์ล่อแหลมมาก

    ถ้าฮยองสติแตกดึงนายมาฟัดกลางห้างจะทำไงห๊า !?

    ไอ้เด็กนี่  โอ๊ย 

     

    ไอ้หัวใจไม่รักดี

    จะเต้นอีกนานมั้ย!?

     

     

    But with you
    (I'm feeling better since you know me)
    I feel again
    (I was a lonely soul but that's the old me)
    Yeah with you
    (I'm feeling better since you know me)
    I can feel again
    (I was a lonely soul)

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

     

    แค่อ้อนนิดเดียวเอง

    ทำไมต้องหนีด้วยอะ

    รังเกียจกันรึไง

     

    ทีเมื่อกี้มาบังคับให้เกาะแขน

    ดูตอนนี้ดิ เดินนำลิ่วเข้าร้านเบอร์เกอร์ไปแล้ว ไม่สนใจกันเลย

     

    เดี๋ยวก็หนีกลับบ้านซะเลยหนิ!

     

     

     

     

    “เฟรนช์ฟรายส์ที่นี่อร่อย” ยื่นมาให้

     

    “.....” นิ่ง

     

    “กินดูดิ” เอามาจิ้มปาก

     

    “.....” หันหน้าหนี

     

    “งอนอีกแล้ว” เอาเฟรนช์ฟรายจิ้มหน้าผาก

     

    “ป่าว” เอามือปัด

     

    “ขอโทษ” หงอย

     

    “บอกว่าไม่ได้งอนไง” บึ้ง

     

    “ฮยองขอโทษ” สลด

     

    “รู้หรอว่าโกรธเรื่องอะไร” ตาขวาง

     

    “ไม่รู้ บอกสิ” ยิ้มตาหยี

     

     

    คนบ้าอะไรวะ ยอมขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้ว่าโกรธอะไรเนี่ยนะ

    ฮยองนี่ แปลกคน

     

     

    “ก็ฮยองอะ ทำไมไม่เหมือนเดิมเลย”

     

    “....”

     

    “ทำไมชอบตีตัวออกห่าง”

    “....”

     

    “ทำไมชอบเดินหนี”

     

    “.....”

     

    “ทำไมชอบทำเป็นไม่สนใจ”

     

    “....”

     

    “รังเกียจผมหรอ?”

     

    “เฮ่ย! เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้น”

     

    “แล้วมันยังไงล่ะ ทำไมอะ? ทำไมฮยองไม่ใช่ยุนกิฮยองคนเดิมอะ

    ตอนเราอยู่แดกูด้วยกันก็สนิทกันไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้ไม่แล้วล่ะ?

    ผมไม่ใช่น้องชายฮยองแล้วหรอ!?”

     

    ซัดเป็นชุดด้วยความอัดอั้น

     

     

    “ก็เพราะว่านายเป็นน้องชายนั่นแหละ”

     

    “.....” หมายความว่าไง

     

    “ฮยองย้ายมานี่ หนีนายมาอยู่นี่ ถึงแม้ว่างานจะเยอะมาก โปรเจคทับถมจนแทบไม่มีเวลาจะหายใจ แต่ก็ยังเหงา

    รู้มั้ยว่าเหงาแค่ไหนเวลาไม่มีนายคอยกวน? ไอ้จินก็บอกให้หาแฟน พอมีแฟน รู้มั้ยว่าสับสนแค่ไหน?”

     

    “....?”

     

    “ฮยองไม่เคยใจเต้นกับเธอเลย  ไม่เคยเลย  กอดจูบลูบคลำ ทำอะไรก็ไม่รู้สึก ไม่รู้สึกเลย”

     

    “.....”

     

    “จิตใจฮยอง มันด้านชาไปหมดแล้ว”

     

    “.....”

     

    “แต่ตั้งแต่วันแรกที่นายย้ายเข้าบ้านมา แค่เห็นหน้านาย แค่ได้ยินเสียงนาย ฮยองก็แทบบ้า”

     

    “.....”

     

    “จนทุกวันนี้ก็ยังใจเต้นไม่หาย”

     

    “.....”

     

     

    ยุนกิฮยองเอื้อมมือมาดึงมือผมไปแนบกับอก

     

     

    ตึกๆๆๆ

     

     

    “แต่เพราะนายเป็นน้องชายไง .. “

     

    “.....”

     

    “พี่ชายที่ไหนเค้ารู้สึกแบบนี้กับน้องชายตัวเองกัน?”

     

    “.....”

     

    “มันผิด”

     

    “......”

     

    “จิตใจฮยองมันด้านชาไปแล้ว แต่นาย นายเป็นคนทำให้มันรู้สึกอีกครั้ง... รู้มั้ย?”

     

     

    I'm feeling better since you know me
    I was a lonely soul but that's the old me
    A little wiser now but you show me

     

     

    “......”

     

    “แต่นายเป็นน้องชาย มันไม่ถูก ... แล้วจะให้ฮยองทำยังไง..”

     

     

    “พูดอะไรเนี่ย ..”

     

    “ห้ะ ..?”

     

     

    Yeah, I feel again
    Feel again...

     

     

     

    “เราไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆซะหน่อยฮยอง  ทำงานเยอะจนมึนรึไง?”
     

     

     

     











     

    TBC on Part 5 : KookV



    รอนานกันม้อย ;___;
    รักทุกคนนะคะ <3
    ขอบคุณมากๆ
    ฮปบด สสวกมินยุนกิ เฮ่ #MinSWAGday



     

    อยากชวนเธอมามาสครีมกัน #ฟิคอมก @besmysl





    ปล. นี่ดูคาติ มอนส์เตอร์ 796 ลูกรักของเสี่ยมิน


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×