ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Barbecue Fantasia

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21 ห่างไกล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 498
      14
      24 เม.ย. 58

    ตอนที่ 21 ห่างไกล

    เสียงหอนของงูดังแว่วสะท้อนจากปากเหวลงมาถึงพื้นหินที่ไม้สักนอนหลับอยู่ เขาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วครวญครางด้วยความเจ็บปวด ยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ไปแล้ว การที่เขาไม่ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

    ไม้สักแหงนหน้าขึ้นมองดูความมืดเบื้องบน แม้จะมองไม่เห็นแต่เขาก็ทราบว่าที่กลางคลองสายตามีรอยแตกยาวทอดผ่าน เพียงแต่ยามนี้มันโดนความมืดโดยรอบกลบกลืนจนมิดสนิท ไม้ฟื้นถูกไฟเคี้ยวแทะจนแทบดับมอด เหลือเพียงแสงเรืองที่ฉาบทับด้วยขี้เถ้าสีเทา

    เด็กหนุ่มเคาะขี้เถ้าออกแล้วลากฟืนจดเข้าหากัน เป่าสองสามครั้งเปลวไฟก็เริ่มลุกกระพือ เสื้อผ้าและกระเป๋าที่แขวนเอาไว้บนราวข้างกองไฟแห้งหมดแล้ว แม้แต่รองเท้าถุงเท้าก็โดนย่างกำจัดความชื้นจนหมดสิ้น

    ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนไม้สักใช้เวลาหลายชั่วโมงงมสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นมาจากก้นแม่น้ำ ที่ไม้สักเรียกแหล่งน้ำใต้ดินนี้ว่าแม่น้ำก็เนื่องจากเขาได้เห็นหลอดยาที่ลอยผ่านผิวน้ำมาช้า ๆ ถ้าผืนน้ำมีการเคลื่อนไหวเป็นกระแสก็สมควรที่จะเรียกว่าแม่น้ำได้

    ของที่น้ำหนักมักและจมอยู่ก้นแม่น้ำถูกงมขึ้นมาจนหมด ยกเว้นแต่ของเบาที่ลอยน้ำได้หลายอย่างซึ่งหายไป ตัวไม้สักที่เหน็ดเหนื่อยจนทนไม่ไหวได้แต่นอนพักบนผ้าห่มเก็บความร้อนพิเศษผืนบางที่ข้างกองไฟ ถ้าไม่มีผ้าห่มผืนนี้เขาคงไม่อาจทนรับความเย็นจากพื้นหินใต้ตัว

    สี่ทุ่มตามเวลาของโลกนี้ ไม้สักดูเวลาและทราบว่าเขานอนหลับไปถึงสิบสองชั่วโมง ฤทธิ์ยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดผสมกันทำให้เขาหลับเป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว เขากินยาแก้ปวดเม็ดสุดท้ายแล้วเก็บของใส่กระเป๋า ดับไฟและสอดไม้พยุงตัวเข้าใต้รักแร้ เดินไปตามทิศทางของกระแสน้ำเพื่อค้นหาของที่น่าจะลองไปยังปลายน้ำ

    เสียงของไม้พยุงตัวเคาะไปตามพื้นหินดังก้องสะท้อนไปมาในอุโมงค์ใต้เหว ไม้พยุงตัวที่งมขึ้นมาจากก้นแม่น้ำจำเป็นต้องตัดแต่งเหลาเกลาพอสมควรแต่ผลที่ได้มาก็คุ้มค่ากับความเจ็บปวดในขั้นตอนการเตรียมการ

    ไฟฉายที่งมขึ้นมายังใช้งานได้ดี แม้จะต้องหยุดพักเพื่อปั่นไฟเติมแบตเตอรี่เป็นครั้งคราวแต่ก็ช่วยให้ไม้สักไม่ต้องเดินทางในความมืด ทางเดินหินริมแม่น้ำนั้นคดเคี้ยวไปไม่ต่างจากรูปแบบของรอยแตกเบื้องบน บ้างซ้ายบ้างขวาแต่ราบเรียบเสมอกันเป็นอย่างยิ่ง

    สภาพรอบตัวไม้สักเวลานี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันแปลกประหลาด สิ่งที่เขามองเห็นมีเพียงแต่เฉพาะจุดที่ไฟฉายส่องต้องสัมผัส ความมืดมิดรอบตัวคล้ายกลายเป็นความว่างเปล่าอันเปลี่ยวเหงา เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสร้างมวลวัตถุให้มีตัวตน เมื่อวาดไฟฉายไปยังจุดอื่นเพื่อสร้างวัตถุชิ้นใหม่จากเพดานหินเป็นผิวน้ำ เพดานหินคล้ายสลายหายไปกลายเป็นมวลความมืดอันเงียบงัน

    ตัวตนของความคิดและจิตวิญญาณของไม้สักกลับแจ่มชัด คล้ายนักแสดงเอกบนเวทีละครผู้ถ่ายทอดบทบาทงานประพันธ์ด้วยเสียงอันดัง ไฟสปอตไลท์ส่องจ้องตัวเขาเพียงผู้เดียว แต่ผู้ชมและนักแสดงร่วมเวทีกลับเงียบงันไร้ซึ่งการตอบสนอง

    ไม้สักมองเข้าไปในม่านแห่งความมืดรอบตัว เขามองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีดำสนิท ในความมืดนั้นอาศัยไว้ด้วยผู้ชมที่กำลังตื่นเต้นไปกับบทบาทการแสดงของเขาหรือเป็นเพื่อนนักแสดงคู่แข่งที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

    ไม้สักสูดลมหายใจเข้าปอดโดยแรง เขากำลังฟุ้งซ่าน เขารีบระงับสติไล่เสียงพูดคุยที่เริ่มก่อตัวในความมืดออกไป เขาเข้าใจแล้วว่าความมืดนั้นทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้อย่างไร

    “คุณราตรี วันนี้ผมคงไม่ได้เห็นหน้าคุณแล้ว หวังว่าคุณจะนอนหลับฝันดีเหมือนทุก ๆ วันนะครับ” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง ราตรีที่เขากล่าวถึงคือกลุ่มดาวหญิงสาวที่หลับใหลบนผืนฟ้ายามค่ำคืน เขาจำไม่ได้ว่าเริ่มพูดกับเธอตั้งแต่เมื่อไร อาจจะเป็นคืนที่ประดู่นอนละเมอฝันร้ายจนเขาตื่นขึ้น เขาหาเวลาพูดคุยกับเธอในทุกค่ำคืนก่อนเข้านอน วันนี้เขาคงไม่ได้กล่าวคำราตรีสวัสดิ์กับหญิงสาวผู้หลับใหลจนเป็นนิรันด์

    ประกายพรายน้ำปรากฏขึ้นตรงหน้าไม้สัก ในที่สุดเขาก็มีถึงสุดปลายของกระแสน้ำไหลเฉื่อย แสงไฟที่ฉายไปกระทบกับร่างมนุษย์ผอมแห้งกรังอย่างผีดิบทำให้เขาสะดุ้งเฮือก

    .

    ประดู่อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาเขาไม่ไหล ความรู้สึกของการถูกบังคับควบคุมโดยที่ไม่สามารถออกมือเท้าตอบโต้ได้มันช่างยากทนทานรับ เขาจำไม่ได้แล้วว่าถูกหิ้วแบกไปไหนทิศทางใด ถูกยกขึ้นรถม้าเป็นคันที่เท่าไหร่ เมื่อตั้งสมาธิจดจำสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้เขาก็คิดถึงไม้สัก

    ทำไมเรื่องเช่นนี้จึงเกิดขึ้นกับเขา เขาทำผิดอะไร ไม้สักทำผิดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างไม่ยุติธรรม ทำไมโชคชะตาจึงโหดร้ายกับเขาเช่นนี้ คำตัดพ้อที่เคยได้ยินจากผู้อื่นกลายเป็นมีเหตุผลเข้าอกเข้าใจได้ขึ้นมา นึกถึงตัวเองที่เคยยิ้มเยาะคนเหล่านั้นว่าไม่รู้จักทำใจยอมรับความจริงแล้วประดู่รู้สึกว่าเขานั้นช่างไม่รู้เรื่องราวอันใด ความจริงนั้นเป็นเช่นนี้ เขาเข้าใจแล้ว

    “ลงมาได้แล้ว” เฒ่าคาโบนาราเรียกตัวประดู่เมื่อรถม้าจอดลง ประดู่จำได้ว่าเขาเพิ่งผ่านพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยมาก่อนจะเงียบลง เมื่อเดินลงมาจากรถประดู่ก็พบตัวเองในสวนหลังบ้านกว้างล้อมรั้วกำแพงสูง ตัวกำแพงบ้านก่อขึ้นด้วยก้อนอิฐสีแดงเรียงประสานกันด้วยโคลนสูงสองเมตรครึ่ง ประตูหลังซึ่งเป็นไม้ถูกปิดเอาไว้แต่ยังเห็นร่องรอยของล้อรถที่กดสร้างไว้บนพื้นดิน

    ความรู้สึกของการถูกพันธนาการสูญสลายไป ประดู่สามารถขยับตัวได้อย่างที่ต้องการในที่สุด เด็กหนุ่มพยายามตัดใจไม่คิดถึงความเป็นตายของไม้สักเพราะตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ ตัวเขาอยู่ไหนก็ยังไม่ทราบ เขากำลังคิดวางแผนที่จะหลบหนีกลับไปที่เมืองคีราวีเพื่อช่วยเหลือไม้สัก

    แต่คาโบนาราคล้ายอ่านใจเขาได้

    “เจ้าลูกชาย ข้าจะไปช่วยเหลือสหายของเจ้าด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรข้าก็จะนำข่าวมาแจ้งให้เจ้าทราบ เช่นนี้เจ้าพอใจหรือไม่”

    เสียงอ่อนโยนของชายชราทำให้ประดู่ใจอ่อนลง

    “แต่ว่า”

    “เจ้าฟังข้าให้ดี เจ้านั้นเป็นคนของครัวอบเชย สหายเจ้าก็เช่นกัน ถ้าช่วยเจ้าแต่ไม่ช่วยสหายเจ้าด้วยจะเรียกว่าช่วยเหลือได้หรือ แต่เรื่องราวมีความหนักหนาต่างกัน ถ้าปล่อยเจ้าเอาไว้ในเมืองคีราวีแห่งนั้นเกรงว่าจะกลายเป็นเจ้าที่ตายในขณะที่สหายเจ้าอาจจะมีชีวิตรอด ดังนั้นการช่วยชีวิตเจ้าจึงต้องดำเนินการก่อน จากนั้นจึงทำการช่วยเหลือสหายเจ้าในภายหลัง ปลาซอนเซเองก็ทำอะไรได้ไม่มากเนื่องจากถูกจับตามองจากปูจิงจิง ข้าซึ่งเป็นผู้อยู่นอกจึงไม่ได้รับผลกระทบ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

    ประดู่มองหน้าชายชรานิ่งเงียบ

    “ข้าจะกลับมาภายในแปดชั่วโมง”

    ในที่สุดประดู่ก็ถอนหายใจพยักหน้าตกลง

    “ดีแล้ว ข้าจะพาเจ้าเข้าไปแนะนำตัวกับผู้ที่จะดูแลเจ้า เขาจะช่วยเหลือจัดการในสิ่งที่จำเป็นแก่เจ้าแต่เจ้าก็ต้องช่วยงานเขาเป็นการตอบแทน อาหารสำหรับผู้พิการเช่นเจ้ามีราคาสูง จะให้เขาเลี้ยงดูเจ้าเกรงว่าทำไม่ได้”

    “ผมเข้าใจครับ” ประดู่พยักหน้าอีกครั้ง

    “ตามข้ามา” คาโบนาราเดินนำหน้าประดู่ไปยังประตูหลังบ้าน เคาะประตูสามครั้งจึงได้ยินเสียงโวยวายดังลอดออกมา

    “มันผู้ใดมารบกวนบิดามารดามันที่กำลังพักผ่อน ข้าจะตบปากสั่งสอนมันสักหลาย ๆ ครั้ง” เสียงหญิงวัยกลางคนที่กำลังหงุดหงิดทำให้ประดู่รู้สึกไม่สบายใจ

    “ไอ้ลูกหมา … อ้อ ตาแก่คาโบนารา เจ้าต้องการอะไร” เสียงและเจ้าของเสียงให้ความรู้สึกแทบไม่ต่างกัน หญิงวัยกลางคนร่างท้วมเล็กน้อยเปิดประตูออกมาด่าก่อนแล้วจึงมองหน้าคน เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวแต่เปื้อนสกปรก มือข้างหนึ่งยังถือมีดอาบเลือด ริมฝีปากเธอหนากว้างจมูกบานแต่ตากลมโต

    ประดู่พลันนึกถึงแม่ของเขาขึ้นมา แม่เขาปากไม่จัดเช่นนี้แต่ผ้ากันเปื้อนและลักษณะท่าทางของทั้งสองคล้ายกันเป็นอย่างยิ่ง

    “ท่าน นาโช อยู่หรือไม่” คาโบนาราดูจะไม่สนใจท่าที่ไม่เป็นมิตรของหญิงกลางคนตรงหน้า

    “ท่านพ่อไปซื้อสมุนไพรที่ตลาด เจ้าต้องการอะไร”

    “ท่านนาโชออกไปนานหรือยัง”

    “ครึ่งชั่วโมงได้แล้ว”

    “ถ้าเช่นนั้นเราจะรอท่านนาโชอยู่ที่นี่”

    “ตามใจ”

    ประตูหลังบ้านถูกปิดดังโครม คาโบนาราชักชวนประดู่นั่งลงที่ซุ้มเล็ก ๆ ติดกับสวนหลังบ้าน

    “อย่าได้ถือสานาง โบโซ เป็นเช่นนี้ตั้งแต่บุตรของนางเติบโตเป็นสาวเต็มวัย สามีนางตามใจบุตรสาวมากจนเสียคน นางได้แต่ระบายความโมโหกับคนรอบข้าง เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีที่อื่นซึ่งปลอดภัยกว่า ท่านนาโชเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับข้าอย่างยิ่งยวด ครั้งนี้ได้แต่รบกวนท่านผู้เฒ่าอีกครั้ง … ก่อนอื่นข้าต้องจัดการดัดแปลงปลอกคอทาสของเจ้าเสียก่อน”

    คาโบนาราขยับมือจะจับปลอกคอของประดู่ แต่ประดู่กลับถอดปลอกคอนั้นให้กับเขาด้วยตัวเอง ดวงตาของคาโบนาราเบิกโพลง

    “เจ้าไม่ใช่ทาสรึ”

    ประดู่ถอนหายใจเสียงดังมองไปยังประตูรั้วหลังบ้านที่เปิดออก ชายชราที่ชรายิ่งกว่าคาโบนาราเดินงกเงิ่นเข้ามา มองดูรถม้าด้วยความประหลาดใจแล้วยกมือทักทายแขกพิเศษทั้งสองคน

    .

    ไม้สักระบายลมหายใจออกมาหลังจ้องมองซากศพตรงหน้าร่วมนาที นั่นไม่ใช่ผีดิบแต่เป็นผีแห้งกรัง ที่สุดปลายของเส้นกระแสน้ำเป็นผนังทางตัน มีเศษซากสิ่งของที่ลอยน้ำได้สะสมกองรวมกันจนแทบล้นขึ้นมาบนฝั่ง หลอดใส่ยาบางหลอดที่หลุดออกมาจากกระเป๋าลอยกระเพื่อมขึ้นลงอยู่บนผิวน้ำเช่นเดียวกับกิ่งไม้ใบไม้จำนวนมาก

    ไม้สักละความสนใจจากศพแห้งกรังและใช้ไม้เท้าเขี่ยเอาหลอดพลาสติกบรรจุยาเข้าหาตัวเอง เขาเช็ดหลอดบรรจุไอโอดีนสำหรับฆ่าเชื้อนั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋าร่วมกับหลอดยาชนิดอื่นจากนั้นจึงให้ความสนใจกับซากศพที่เห็นเพียงหนึ่งเดียว

    เมื่อสำรวจดูให้ดีแล้วไม้สักพบว่าผนังถ้ำด้านหลังศพมีข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มีที่นอน ครัวเล็ก ๆ โต๊ะวางหนังสือเก่าคร่ำคร่า ไม้สักไม่แน่ใจว่าศพนี้เป็นศพของผู้ที่ร่วงหล่นลงมาเช่นเขาหรือตั้งใจลงมาเยือนสถานที่เหล่านี้ด้วยตัวเอง

    นั่นทำให้เขาเริ่มคิด เหวลึกแห่งนี้น่าจะมีคนหรือสัตว์ร่วงหล่นลงมาไม่น้อย ทำไมเขาจึงไม่เห็นศพอื่นนอกจากศพแห้งเป็นมัมมี่ศพนี้ หรือว่าศพเหล่านั้นจะจมอยู่ใต้แม่น้ำจนหมด

    ไม้สักฉายไฟสำรวจดูรอบข้างอย่างละเอียดอีกครับ และเขาก็ได้พบกับช่องอุโมงค์เล็ก ๆ ซึ่งถูกหินก้อนหนึ่งบังเอาไว้ห่างไปจากซากศพแห้งกรังไม่ไกล เมื่อเข้าไปสำรวจภายในจึงพบห้องโถงกว้างซึ่งสกัดด้วยฝีมือมนุษย์ มีหีบศพสกัดจากหินจำนวนหลายสิบหีบตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ บนหีบศพมีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจัดวางเรียงเอาไว้ในสภาพเดียวกับยามที่สวมใส่

    เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทั้งหลายเก่าเปื่อยผุไปตามลำดับ บนหีบศพลึกสุดจะเปื่อยจนเป็นขุย หีบที่อยู่ใกล้ทางออกที่สุดยังดูใหม่เอี่ยม ประสาทของไม้สักเริ่มหลอนตัวเองอีกครั้งเพราะเขาได้ยินเสียงกระซิบรอบตัวจนขนลุก

    เขาย้อนกลับมายังศพแห้งแข็ง สำรวจดูบนโต๊ะแล้วจุดไฟตะเกียงน้ำมัน กลางโต๊ะมีหนังสือเปลือกไม้สีน้ำเงินวางไว้อย่างเด่นชัดเหมือนตั้งใจให้คนได้พบเห็น

    ภาชนะคร่ำครวญ

    ตัวหนังสือสีทองบนปกสมุดสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย ไม้สักไม่เข้าใจว่าภาชนะคร่ำครวญหมายถึงอะไร ที่เขาสนใจก็คือวิธีการเอาตัวรอดไปจากที่นี่มากกว่า เขาเปิดหนังสือเล่มนั้นเพื่อดูว่าเนื้อหาภายในเกี่ยวข้องกับอะไรมีวิธีการออกไปจากที่นี่หรือไม่

    บทที่ 1 ทุบจานชามล่ามเทพโภชนา

    ผู้ที่ต้องการฝึกวิชาภาชนะคร่ำครวญจะต้องทำลายเส้นทางเดินพลังเวทมนตร์ในร่างกายให้หมดสิ้น บังคับร่างกายให้เข้าสู่ภาวะคับขันจากนั้นเพ่งสมาธิกระตุ้นพลังธรรมชาติแรกเริ่มก่อนการกำเนิดของพลังเวทมนตร์ …

    ไม้สักพลิกหนังสือไปมาพบว่านี่เป็นหนังสือบันทึกวิชาภาชนะคร่ำครวญ นอกจากฝึกสอนการใช้พลังงานอย่างอื่นนอกจากพลังเวทมนตร์ในการต่อสู้แล้วไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ไม้สักวางหนังสือเอาไว้แล้วพลิกสำรวจดูสมุดเล่มอื่น ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ

    สมุดบันทึกบนโต๊ะบอกให้เขาทราบว่าผู้ที่กลายเป็นมัมมี่อยู่ก้นเหวผู้นี้เป็นยอดฝีมือนิรนาม ยอดฝีมือผู้นี้เก็บตัวหลบซ่อนเพื่อฝึกวิชาอยู่ใต้หุบเหวแห่งนี้เป็นเวลายี่สิบปี ตลอดช่วงเวลายี่สิบปีที่ศึกษาค้นคว้าอยู่ใต้เหวเขาได้เก็บศพของคนที่ร่วงหล่นลงมาและจัดเก็บเอาไว้ในห้องเก็บศพที่เขาทำขึ้น คนที่ยังไม่ตายในทันทีจะถูกสอบถามชื่อสลักเอาไว้บนหีบศพเพื่อระบุตัว

    อ่านไปจนกระทั่งเกือบจบบันทึกไม้สักจึงได้พบข้อความสั่งเสียของบุคคลปริศนา

    “ตัวข้าศึกษาวิถีธรรมชาติมาเป็นเวลายาวนานจนเห็นซึ้งถึงความจริงทั้งหมดทั้งมวล ในชีวิตนี้ไม่มีสิ่งใดค้างคาอยู่อีก ข้าได้เขียนบนเรียนวิชาภาชนะคร่ำครวญเอาไว้และขอมอบให้แก่ผู้มีวาสนา ผู้ที่รอดชีวิตจากการตกเหวงูหอนขอให้รับหนังสือวิชานี้ไปและเผาทำลายสมุดบันทึกทั้งหมด จงศึกษาวิชาภาชนะคร่ำครวญให้แตกฉานแล้วแสดงให้โลกเห็นว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมกว่าวิชาเวทมนตร์ทั้งหลาย ทางออกจากใต้เหวแห่งนี้อยู่ที่ก้นแม่น้ำ จงดำลงไปหาห่วงไม้ซึ่งผูกเอาไว้ด้วยเชือกเอ็นงัง ดึงโดยแรงเพื่อกระตุ้นให้กลไกทำงาน จับห่วงไม้ไว้ให้แน่น ห่วงจะพาเจ้าไปยังทางออกคือน้ำตกสายหมอก”

    ไม้สักกะพริบตาปริบ ๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเอกในนิยายกำลังภายในสักเรื่องที่ตกเหวและได้รับคัมภีร์วิชาลึกลับ เขาหัวเราะให้กับตัวเองก่อนจะกุมสีข้างเพราะกระดูกซี่โครงที่ร้าวได้รับความกระทบกระเทือน

    อย่างที่ศพนิรนามต้องการ ไม้สักก่อไฟเผาสมุดบันทึกทุกเล่มยกเว้นหนังสือวิชาภาชนะคร่ำครวญที่มัดเก็บไว้ในถุงพลาสติก เขามองดูที่นั่งพิงผนังถ้ำก่อนจะคุกเข่าลงกราบเพื่อแสดงความขอบคุณ ตอนที่เขาก้าวลงไปในน้ำเย็นเฉียบเขาได้ยินเสียงหลอนจากด้านหลังว่า ขอให้โชคดี

    ไม้สักดำน้ำลงไปและไฟฉายส่องลงไปที่ก้นแม่น้ำ เขาต้องแหวกเอาใบไม้และกิ่งไม้เล็ก ๆ ออกจึงมองเห็นห่วงไม้ขนาดเท่ารอบคอผูกติดไว้ด้วยเชือกเอ็นงัวสีเข้ม ห่วงไม้นั้นเกี่ยวอยู่กับหมุดไม้ซึ่งปักอยู่บนพื้นหิน ตัวเชือกถูกรั้งตึงหายเข้าไปในกองเศษไม้ขนาดเล็กจำนวนมาก

    ไม้สักโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อเรียบเรียงความคิด เขากำลังบาดเจ็บอยู่ ถ้าดึงห่วงและจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาถูกดึงไปตามกระแสน้ำโดยไม่สามารถหายใจได้เขาคงต้องตายอยู่ใต้น้ำ

    ไม้สักขยับตัวขึ้นมาบนฝั่งหิน ค้นกระเป๋าและหยิบเอาของที่ราคาแพงที่สุดในกระเป๋าออกมา ถังออกซิเจนขนาดเล็กเท่ากาแฟกระป๋องสองกระป๋องต่อกัน ปลายด้านหนึ่งของกระป๋องติดตั้งเบ้าลักษณะคล้ายฟันยางของนักมวยเอาไว้สำหรับกัดยึด ภายในกระป๋องมีอากาศที่ผสมกันระหว่างออกซิเจน ไนโตรเจนและอื่น ๆ เหมาะสำหรับการใช้หายใจโดยไม่เกิดอันตราย คนส่วนหนึ่งจะไม่ทราบว่าการหายใจเอาก๊าซออกซิเจนบริสุทธิ์นั้นมีอันตรายถึงชีวิต

    “สองนาที” ไม้สักพูดกับตัวเอง คำอธิบายบนกระป๋องบอกไว้ว่าเขาสามารถอยู่ได้นานกว่านั้นถ้าควบคุมการหายใจได้ดีพอ แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองสามารถทำเช่นนั้นในตอนนี้

    ไม่มีทางเลือกอื่น ไม้สักไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ที่ก้นเหวนี้ได้นานจนแผลหาย ไม่อยู่ก็ตาย เขาไม่พยายามคิดให้มากเกินไป ในช่วงเวลาเช่นนี้ยิ่งมีเรื่องในสมองมากยิ่งตัดสินใจได้ลำบาก เขามุดไปยังจุดที่ห่วงไม้ถูกเกี่ยวติดกับหลัก สอดแขนเข้าไปในห่วงและใช้มือจับกระป๋องออกซิเจนเอาไว้แน่น

    ไม้สักเกร็งแขนและดึงห่วงไม้ออกจากหลักและกลไกสลักไม้ทำงานในทันที ไม้สักถูกกระชากลงไปโดยแรง เป็นแรงดึงมหาศาลที่เขามั่นใจว่าไม่มีทางต้านทานรับไว้ได้ ร่างของเขาพุ่งผ่านเศษกิ่งไม้หายเข้าไปในรูท่อใต้น้ำอันมืดมิด แรงดึงอันหนักหน่วงทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการจับทิศทางบนล่าง เขาไม่ทราบเลยว่าตัวเองเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่จะดูดลงต่ำเป็นดึงขนานไปกับพื้น สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือระงับสติอารมณ์และสูดอากาศจากกระป๋องให้ช้าที่สุด

    ผ่านไปสองอึดใจไม้สักก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ถ้าเขาถูกดึงลงไปในท่อน้ำ เขาต้องปะทะกับแรงต้านของน้ำในท่อ แต่ตัวเขาในตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกถึงแรงต้านนั้น ตัวเขาและน้ำรอบตัวเคลื่อนที่ไปด้านหน้าพร้อมกัน เขาทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้ถูกเชือกดึงไปตามท่อน้ำ เชือกและห่วงนี้จะต้องผูกยึดติดกับแผ่นกั้นน้ำที่ทำงานเหมือนลูกสูบ ด้านตรงข้ามของลูกสูบจะต้องเป็นอากาศอันว่างเปล่า แรงดันของน้ำเป็นตัวผลักลูกสูบไปตามท่อโดยที่ตัวลูกสูบยึดติดกับห่วงเอาไว้ด้วยเชือกเอ็น

    ด้วยหลักการแบบเดียวกับการปล่อยน้ำลงมาจากถังเก็บน้ำบนที่สูง ไม้สักจึงพุ่งไปตามกระแสน้ำด้วยความเร็วอันยิ่งยวด เป็นลูกปืนที่เคลื่อนที่ไปกับกระบอกส่งน้ำ

    ยิ่งเวลาผ่านไปนานไม้สักยิ่งเป็นกังวล เขาไม่ทราบเลยว่าอากาศในกระป๋องจะหมดลงเมื่อไร วิธีการตายมีมากมายหลายอย่างแต่เขาไม่อยากจมน้ำตายเช่นนี้

    ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดัง พล็อบ

    จุกที่อุดท่อส่งน้ำขนาดใหญ่เดินทางมีถึงเป้าหมาย ร่างของไม้สักร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำกว้างแต่แรงส่งของกระแสน้ำยังผลักเขาให้กระดอนไปกับผิวน้ำอีกสามครั้ง

    เด็กหนุ่มตะเกียกตะกายพาตัวเองที่บาดเจ็บหนักขึ้นไปบนฝั่งทะเลสาบ แสงจันทร์และแสงดาวช่วยให้เขามองเห็นเส้นสายของน้ำที่พุ่งออกมาจากรูบนหน้าผาสูง น้ำยังคงไหลแรงเหมือนมีปั๊มฉีดน้ำใหญ่คอยสูบส่ง

    ไม้สักนอนหงายไปกับพื้น แหงนหน้ามองดูกลุ่มดาวราตรี ยิ้มให้กับเธอ

    “ราตรีสวัสดิ์”

    เขาพูดเบา ๆ แล้วหลับตาลงหมดเรี่ยวแรงจะขยับตัว

    .

    คุยกับท่านผู้อ่าน

    จะไปสมัครงานแต่ปรากฏว่าไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านและวุฒิการศึกษา ต้องโทรศัพท์กลับบ้านของให้ช่วยส่งหลักฐานมาให้ กว่าจะได้ไปสมัครก็คงวันจันทร์ ต้องทำงานอย่างอื่นรอไปก่อน วาดรูปทำ portfolio

    ชาลี

    24 เมษายน 2558

    Barbecue Fantasia Facebook Page

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×