ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Barbecue Fantasia

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 20 ความอยุติธรรม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 490
      12
      20 เม.ย. 58

    ตอนที่ 20 ความอยุติธรรม

    คำว่าเพื่อนรักที่ตายแทนกันได้ถูกใช้อย่างกลาดเกลื่อน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำความรู้จักและเข้าใจความหมายของประโยคสั้น ๆ นั้นได้อย่างแท้จริง ประดู่เองก็ไม่คิดว่าจะต้องรับรู้ลิ้มรสมันด้วยตัวเอง เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้ เขาคิดถึงเพื่อนที่แลกชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเขา ในตอนนั้นเวลานั้นไม้สักคิดอะไรอยู่ หรือว่าไม้สักทำลงไปโดยที่ไม่คิดอะไรเลย เพียงแต่ร่างกายขยับก่อนความคิด เพิกเฉยต่อสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเพื่อตัวเขา

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดไม้สักก็ได้พิสูจน์แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นเพื่อนตายที่แท้จริง

    “ก่อนที่ท่านจะทำเรื่องโง่เขลาข้าต้องเตือนท่านเอาไว้ก่อน” คาเรที่ยืนอยู่หลังประดู่พูดขึ้น ทั้งสองยืนอยู่บนหน้าผาจุดเดิมไม่ได้ขยับไปไหน ประดู่ที่ฟื้นขึ้นมาตกอยู่ในความสับสนเกือบนาทีจึงระงับสติลงได้

    “คุณชายของทอดที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ก็เพราะเขามีผู้หนุนหลัง ครัวกระทะนรกเป็นครัวที่ปรุงอาหารให้กับทางการ สร้างความแข็งแกร่งให้เหล่าทหารนายพลในการทำศึก ต่อให้ปาปาฆ่าทาสสักหลายสิบคนก็จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร ทาสตัวเล็ก ๆ เช่นท่านไม่สามารถหวังพึ่งทางการได้อยู่แล้ว แม้แต่นายของท่านเองถ้าไม่มีความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจต่อกรกับผู้ที่มีกองทัพหนุนหลัง คำแนะนำของข้าคือจงระงับความเศร้าเสียใจ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าแทนสหายของท่านที่เสียชีวิตไป”

    “ไม่ ไอ้สักยังไม่ตาย” ประดู่พูดด้วยภาษาไทยทำให้คาเรต้องขมวดคิ้ว “สหายข้าต้องยังไม่ตาย ถ้าไม่ได้เห็นศพด้วยตัวเองข้าไม่เชื่อว่าสหายข้าเป็นอะไรไปแล้ว” น้ำเสียงของประดู่หนักแน่นแต่สั่นเครือ

    “ท่านคงไม่คิดที่จะลงไปสำรวจด้วยตัวเองกระมัง เหวนึกลึกมากกว่าร้อยเมตรทั้งยังไม่มีใครทราบว่าก้นเหวมีอะไรซ่อนอยู่ ถ้าฝืนตามลงไปไม่แน่ว่าท่านที่รอดชีวิตมาได้จะต้องนำชีวิตไปทิ้งทำให้สหายท่านต้องตายเปล่า”

    “ถึงอย่างนั้นก็ต้องลงไป ในโลกนี้ข้ามีสหายเพียงคนเดียว ต่อให้ตายก็ต้องกลบฝังศพให้เรียบร้อย จะปล่อยให้เน่าหนอนแทะได้อย่างไร”

    คาเรจ้องหน้าประดู่แล้วถอนหายใจ

    “ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านคงไม่มีเชือกติดตัวมาด้วยกระมัง พวกเรากลับไปที่ลานต่อสู้ ส่งมะเขือให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยกลับมากู้ศพของสหายท่าน”

    “มันยังไม่ตาย” ประดู่ย้ำ

    “ขออภัย แล้วพวกเราค่อยกลับมาช่วยชีวิตสหายท่าน” คาเรประนีประนอม

    ทั้งสองวิ่งกลับไปยังเมืองคีราวีด้วยสภาพจิตใจอันแตกต่าง ประดู่ไม่เชื่อว่าไม้สักตายไปแล้ว เขาพยายามไม่คิดว่าตัวเองอยู่ในช่วงดื้อรั้นปฏิเสธความจริง สิ่งที่เป็นความหวังของเขาก็คือพลังกายอันมหาศาล แต่เขาก็ทราบดีกว่าพลังกายของพวกตนไม่ครอบคลุมไปถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย การที่ไม้สักได้รับแผลตอนหนีจากมังกรก็เป็นหลักฐานอันชัดแจ้ง

    ไม่เพียงแต่ความรู้สึกเป็นกังวลว่าเพื่อนเป็นตายร้ายดีอย่างไรเพียงอย่างเดียว ประดู่ยังได้ซาบซึ้งถึงความจริงประการหนึ่ง ความจริงของโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากเกินไปจนมองข้ามข้อเท็จจริงรอบตัวไปเสียหมด ในโลกแห่งนี้ผู้ที่มีปากเสียงคือผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ไม่มีพวก ไม่มีกำลัง ไม่มีอาวุธก็จงหุบปากเงียบเอาไว้จะได้ไม่โดนผู้อื่นเล่นงาน

    เขาจะทำตัวเหยาะแหยะไม่สนใจเรื่องราวใด ๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ถ้าอยากมีชีวิตรอดเขาต้องรู้จักปรับตัว ต้องมีความเด็ดขาด ต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ไม่เช่นนั้นความตายคงอยู่ไม่ไกล

    ไอ้ปาปา มันต้องต้องตาย ประดู่กัดกรามกรอด

    .

    แม้ร่างกายตนเองจะหลุดพ้นขอบผาไม้สักก็ยิ้มออกมาเพราะเขาเห็นประดู่ล้มลงไปด้านหลังหลุดพ้นจากอันตราย เขาเองไม่ทันคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างร่างกายก็ขยับตัวเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนเสียก่อน แต่เขาก็ยินดีเพราะถ้าต้องตกเหวแล้วเขามีโอกาสรอดตายมากกว่าเพื่อนที่ขาดทักษะในการดิ้นรน

    วูบหนึ่งไม้สักรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองเป็นคนกล้าเสียสละชีวิตตนเองเพื่อผู้อื่น เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด บางครั้งเขายังคิดว่าแม้จะต้องขายเพื่อนอย่างเช่นประดู่เขาก็จะทำถ้าถึงตอนที่จำเป็นจริง ๆ แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกยินดีที่ช่วยให้เพื่อนรอดชีวิตทั้งที่ตัวเองอาจจะต้องเป็นคนที่ตกตายแทน

    ต่างจากประดู่ ตลอดเวลาที่เดินเลียบหน้าผามองหามะเขือเขี้ยวงูไม้สักก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น การตกหน้าผาก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เขาคิดหาวิธีการรับมือล่วงหน้า

    ผางูหอนแห่งนี้มีลักษณะเด่นคือความโค้งเว้าของผิวหน้าผาที่มีมากกว่าหน้าผาทั่วไป แทนที่จะเป็นหน้าตัดผิวเรียบในแนวตั้งก็มีหินกลมยื่นออกมาหลายเมตร เมื่อร่างของไม้สักปะทะกับหินที่ยื่นออกมาก้อนแรกแขนซ้ายของเขาก็หักจนผิดรูป แม้จะจุกจนหายใจไม่ออกแต่ไม้สักก็พยายามตั้งสติ ใช้ขาดีดส่งตัวเองระหว่างที่ไหลลงจากหินก้อนนั้นข้ามช่องว่างระหว่างผาไปยังหินฝั่งตรงข้ามที่อยู่ต่ำกว่า

    การปะทะครั้งที่สองทำให้กระดูกซี่โครงซ้ายของเขาร้าวหนึ่งซี่ ร่างกายเขายังคงลื่นไถลลงมาไม่หยุดยั้ง แต่ความเร็วยังน้อยกว่าการร่วงหล่นผ่านอากาศช่องว่าง

    ไม้สักกระโดดจากหินก้อนที่สองไปยังหน้าผาฝั่งตรงข้ามห่างไปหกเมตร ร่วงหล่นลงไปสี่เมตรจึงปะทะกับโขดหินใหญ่อีกก้อน เขามองเห็นรากไม้ยื่นออกมาจากรอยแตกของหินด้านซ้ายมือ มือขวาที่ปกติอยู่ห่างเกินไปจึงต้องใช้มือซ้ายที่แขนหักไปแล้วเหยียดยื่นไปจับระหว่างที่ไถลร่วงหล่นบนรอยเว้าโค้ง

    ไม้สักร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะแขนซ้ายที่หักไม่อาจทนทานรับแรงดึง เขาปล่อยให้ตัวไหลลงไปตามรอยโค้งเว้าที่เหมือนกับคนเอาชามมากดลงไปในหน้าผาจนกระทั่งถึงขอบชามด้านล่างจึงกระโดดข้ามไปยังหน้าผาอีกด้านหนึ่ง

    ไม่เหลือหินกลมให้หยุดยั้งตัวเองอีกแล้ว ไม้สักไถลลงไปตามช่องผาที่แตกเป็นแนวทแยงลึกลงไปเกือบสามร้อยเมตร แสงสว่างหดน้อยลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ความมืดมิด

    ตอนที่ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเวิ้งว้างไม้สักก็คิดปลงตก เขาคงไม่รอดแน่แล้ว ร่างของเขาพุ่งกระแทกเข้ากับผาหินลึกสร้างแผลบนใบหน้าและหักกระดูกหน้าแข้งขาขวาของเขาเป็นสองส่วนก่อนจะร่วงลงสู่ผืนน้ำเย็นยะเยือก

    ความเย็นของน้ำกระตุ้นให้ไม้สักมีสติแจ่มใส เขากดปุ่มบนนาฬิกาข้อมือเพื่อเปิดไฟใช้แสงสว่างจากหลอดเล็ก ๆ ของมันส่องไปรอบ ๆ เมื่อเห็นฝั่งหินที่สะท้อนแสงจากนาฬิการำไรเขาจึงว่ายน้ำพยุงร่างกายอันบอบช้ำไปยังฝั่งหิน คลานผ่านหินเย็นเฉียบขึ้นไปนอนแผ่สูดกลิ่นอับก้นเหวหัวเราะให้กับตัวเองเหมือนคนเสียสติ

    เขายังไม่ตาย นี่เป็นผลพวงจากความพยายามในการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของเขาทั้งสิ้น

    .

    ประดู่รัดปลอกแขนนักล่าอาหารเข้ากับแขนซ้ายติดกับนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เขามองเห็นคุณชาปาปายืนพิงพนังห้องในศาลากลางมองเขาด้วยสายตายิ้มเยาะ ข้างกายเขามีทาสหญิงคุกเข่าอย่างเงียบงัน

    ประดู่พบว่าหัวใจตัวเองเย็นยะเยือก เขาทราบดีกว่าตัวเองไม่มีปัญญาฆ่ามันในตอนนี้ กลับเป็นคาเรที่ต้องหนาวเหน็บเพราะเขาเคยเห็นสีหน้าอาการเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นรูปแบบของคนที่รอเวลาล้างแค้นได้แม้จะผ่านไปนานสิบปี เป็นความอาฆาตอันล้ำลึก

    ไม้สักไม่ได้รับสถานะนักล่าอาหารเนื่องจากเขาไม่ได้นำวัตถุดิบมาส่งด้วยตัวเอง ผู้ที่ได้เป็นนักล่าอาหารจึงมีแต่ประดู่และคาเร

    ประดู่เร่งเร้าคาเรให้บอกปัดเจ้าของภัตตาคารร้านอาหารเพื่อไปซื้อเชือกสำหรับไต่ลงหน้าผา คาเรยกมือขอเวลาเขาสิบนาทีประดู่จึงได้แต่ถอยออกมารอด้วยความร้อนรน ป่านนี้ไม่ทราบว่าไม้สักเป็นเช่นไร ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีอาจจะทำให้ไม้สักหมดโอกาสรอดชีวิตไปก็ได้

    สุดท้ายประดู่ไม่สามารถอดทนรอได้เกินห้านาที เขาวิ่งออกจากห้องที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้มุ่งหน้าไปยังตลาดแต่โดนเจ้าหน้าที่ของศาลากลางขวางเอาไว้เสียก่อน

    “ท่านประดู่ ขอเชิญมากับพวกเราทางนี้ ท่านปลาซอนเซรออยู่ในห้องพิเศษ” นายทหารผู้หนึ่งกระซิบของประดู่

    “รอก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องไปช่วยชีวิตสหายที่ตกเหวงูหอน” ประดู่ขยับเลี่ยงแต่ทหารผู้นั้นเคลื่อนเข้าขวางทาง

    “ไม่ได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญ ท่านต้องไปพบกับท่านปลาซอนเซเดียวนี้” สีหน้าท่าทางของนายทหารเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ประดู่ไม่ต้องการแตกหักจึงรีบเดินตามหลังทหารผู้นั้นไปพบกับเจ้าเมืองคีราวีนามปลาซอนเซ หวังแต่ว่าจะไม่ต้องใช้เวลานานนัก

    ห้องนัดพบของปลาซอนเซลึกลับซับซ้อนทั้งยังไกลหูไกลตา กลับเป็นห้องเก็บของในซอกหลืบ เป็นที่แน่ชัดว่าปลาซอนเซต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

    ประดู่เปิดประตูเข้าไปพบปลาซอนเซในชุดธรรมดาไร้ซึ่งบารมีขุนนางระดับเจ้าเมือง โต๊ะที่ใช้พูดคุยกันก็เป็นเพียงโต๊ะไม้เล็ก ๆ รอบข้างมีตู้ชั้นวางเก็บของหลายสิบตู้

    “ท่านประดู่เชิญนั่ง” ปลาซอนเซเชิญประดู่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม

    “ขอให้เร่งด่วนด้วย สหายข้าตกเหว ข้าต้องไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด” ประดู่รีบออกตัวเอาไว้ก่อน

    ปลาซอนเซงงงันวูบ

    “เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน”

    ประดู่รีบอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เจ้าเมืองฟัง

    “ท่านเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าข้า … ข้าพเจ้ากำลังเร่งรีบ ขอให้เข้าเรื่องโดยเร็ว” ประดู่เพิ่มความนอบน้อมเข้าไปในประโยคคำพูดของตัวเอง

    ปลาซอนเซถอนหายใจ

    “เกรงว่าท่านคงทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว ท่านทราบหรือไม่ว่าครัว จันทน์เทศ กำลังส่งคนมาจัดการกับท่านซึ่งเป็นทาสของครัว อบเชย ข้าได้ข่าวคราวมาจากในเมืองหลวงจึงมาแจ้งเตือนท่านล่วงหน้า ไม่คิดเลยว่าคนของครัวอบเชยที่หายตัวไปนานจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”

    “ครัวจันทน์เทศ ? ครัวอบเชย ? ” ประดู่เต็มไปด้วยความมึนงง

    “ปลอกคอของท่านเป็นปลอกคอของครัวอบเชยที่เคยช่วยเหลือองค์ราชาในรัชสมัยแรกเมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบปีก่อนขึ้นครองราชย์ แต่สุดท้ายในอีกสองรัชสมัยต่อมาโดนครัวจันทน์เทศขับไล่ยึดอำนาจในวัง คนครัวทั้งหมดไม่ตายก็หายสาบสูญ เมื่อทาสของครัวอบเชยเช่นท่านปรากฏตัวขึ้นครัวจันทน์เทศย่อมไม่ยอมปล่อยท่านเอาไว้”

    “ช่วงหัวครัวจันเทศน์มัน ผมจะไปช่วยเพื่อน” ประดู่ลุกขึ้นยืน เขาเห็นว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับไม้สัก

    แต่เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็พบกับชายชราในชุดสีน้ำเงินยาวผู้หนึ่ง ชายผู้นั้นมีผมสีเทายาวมัดรวบไว้ด้านหลัง คิ้วสีเดียวกันยาวปกคลุมดวงตาจนมิดแต่ไม่อาจปิดบังประกายแวววาวที่แอบซ่อนอยู่ หนวดและเคราของเขาก็ปิดบังปากคางเอาไว้จนมิดชิดเช่นกัน

    ประดู่ไม่สนใจ เขาขยับตัวเลี่ยงไปข้าง ๆ พยายามเดินออกจากประตูแต่กลับพบว่าตัวเองกำลังเดินตรงไปยังโต๊ะที่ปลาซอนเซนั่งอยู่ เขางงงันวูบแล้วหันพลิกกลับมาหาชายชรา หากแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังคงเป็นปลาซอนเซ

    นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน ประดู่รู้สึกเหมือนได้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ เขาสะบัดหน้ารีบปรับเปลี่ยนความคิด การที่ต้องหลุดเข้ามาในโลกนี้ก็คือได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติตั้งแต่แรกแล้ว แทนที่จะเดินออกไปทางประตูที่ใช้เข้ามาในห้อง ประดู่ก้าวยาว ๆ ไปยังโต๊ะของซอนเซ เหวี่ยงโต๊ะนั้นไปข้าง ๆ ตั้งใจที่จะกระโดดออกไปทางหน้าต่างห้อง

    เขากระโดดพุ่งตัวเข้าใส่หน้าต่างเพื่อที่จะได้พบว่าตัวเองพุ่งเข้าใส่พื้นห้องอย่างแรง หัวกระแทกพื้นจนเห็นดาว

    “ท่านประดู่ บอกให้ท่านทราบ เรื่องราวของครัวอบเชยและครัวจันทน์เทศนี้น้อยคนที่จะทราบ แม้แต่ข้าเองก็หลงลืมสัญลักษณ์ประจำครัวอบเชยไปแล้ว บรรพบุรุษของข้าเคยได้รับความช่วยเหลือจากครับอบเชยมาก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจปล่อยให้ท่านซึ่งเป็นคนของครัวอบเชยต้องได้รับอันตราย เรื่องสหายท่านข้าจะส่งคนไปช่วยเหลือเอง แต่ท่านต้องไปจากที่นี่และทำการปลอมแปลงตัวเองให้เรียบร้อย ข้าจะส่งท่านไปยัง เมืองเอ็นซ่า ใน ประเทศอีโด ซึ่งไม่อยู่ในเขตครอบครองของประเทศยีอาลอง ที่นั่นท่านจะไม่ต้องกังวลกับการถูกเล่นงานด้วยกำลังทหารของขุนนางที่อยู่ฝ่ายเดียวกับครัวจันทน์เทศ รบกวนท่านอา คาโบนารา ช่วยนำพาน้องผู้นี้ไปยังเมืองเอ็นซ่าและช่วยเหลือดูแลเขาด้วย” ปลาซอนเซรีบฝากฝังเพราะเขาได้ยินเสียงร้องแจ้งเตือนการมาเยือนของขุนนางปูจิงจิงซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับครัวจันทน์เทศ

    “หลานเราไม่ต้องกังวล อาจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงไม่สมวัย

    ประดู่พยายามดิ้นรน แต่ไม่ว่าเขาพยายามลุกขึ้นเท่าไรร่างกายของเขากลับพลิกตัวกลับลงมานอนหงายกับพื้นเหมือนร่างกายของเขาเหมือนไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ทราบว่าตัวเองโดนอะไรเล่นงานกันแน่ แม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงร้องก็ยังทำไม่ได้

    “ไอ้สัก” ประดู่โอดครวญเสียงเบาในลำคอ เขาคงไม่อาจไปช่วยเหลือเพื่อนได้แล้ว

    .

    ไม้สักลืมตาขึ้น ไม่ใช่เพราะเสียงเรียกของประดู่ แต่เสียงของบางสิ่งที่หล่นลงน้ำปลุกเขาขึ้นมา ประกายแสงเล็ก ๆ ที่ลอยกระเพื่อมขึ้นลงบนผิวน้ำทำให้ไม้สักตากระจ่างวูบ นั่นเป็นแสงจากพรายน้ำที่เขาป้ายติดไว้กับอุปกรณ์เอาตัวรอดทุกชนิด เมื่อมองให้ดียังเห็นจุดเล็ก ๆ แบบเดียวกันกระจายไปทั่วบริเวณ คล้ายสุสานดวงดาวบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด

    เมื่อพยายามขยับตัวความเจ็บปวดระเบิดไปทั่วร่างของไม้สัก โดยเฉพาะแขนขาที่หักและลำตัว ใบหน้าศีรษะของเขาก็เจ็บปวดทรมานแต่ยังไม่เท่ากับความทรมานที่ได้รับจากอาการกระดูกหัก เขาหายใจหอบและสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บในกระดูกซี่โครง

    ไม้สักใช้มือขวาที่ยังอยู่ดีกดไล่ไปตามชายโครงจนถึงกระดูกซี่ที่เจ็บปวด รับทราบว่าซี่โครงตัวเองเพียงแค่ร้าวยังไม่ถึงกับหัก ถือว่าไม่เลวร้ายนักเมื่อคิดว่าซี่โครงที่หักอาจจะทิ่มปอดจนทำให้เลือดออกเสียชีวิต ไล่ดูอาการเจ็บปวดของตัวเองทั้งหมดแล้วไม้สักก็ระบายลมหายใจยาว เขาเจ็บหนัก แต่ยังมีชีวิตอยู่ ความจริงตรงหน้าที่ต้องเผชิญคือการพยายามเอาตัวรอดให้ได้

    ไฟจากนาฬิกาชนิดทนทานพิเศษถูกเปิดเพื่อสำรวจมองดูรอบตัวอีกครั้ง ไม้สักมองเห็นจุดพรายน้ำเล็ก ๆ อยู่ลึกลงไปที่ใต้ผิวน้ำใส เทียบขนาดของพรายน้ำแล้วน่าจะอยู่ลึกไม่เกินสามเมตร ไม้สักกลั้นใจทนรับอาการเจ็บปวดของร่างกาย คืบคลานลงไปตามผิวลาดของพื้นหินแล้วทิ้งตัวดำลงไปใต้น้ำ งมเอามีดประจำตัวและลากกิ่งไม้ยาวร่วมเมตรขึ้นมาบนริมฝั่ง

    เขาถอดเสื้อรด.และเสื้อตัวในออก ใช้มีดตัดเสื้อเป็นเส้นผ้ายาวใช้แทนเชือก กลั้นใจจัดตำแหน่งกระดูกขาให้เข้าที่และใช้ผ้ารัดขาเข้ากับไม้ทำเป็นเฝือกชั่วคราว แขนซ้ายของเขาก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ซี่โครงนั้นเขาทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากพยายามหายใจไม่ให้ลึกเกินไปจนเกิดอาการเจ็บปวด แผลบนหน้าไม่สามารถเย็บได้จึงทำได้เพียงใช้ผ้าพันทับและรัดแน่นจนแทบกลายเป็นมัมมี่

    เมื่อปฐมพยาบาลตัวเองเรียบร้อยแล้วไม่สักจึงพิจารณารอบตัวอีกครั้ง เขาอยู่ในถ้ำก้นเหวที่มีน้ำไหลผ่าน เขามั่นในว่าแหล่งน้ำด้านล่างนี้จะต้องมีช่องทางให้ระบายไม่เช่นนั้นใบไม้และสัตว์ต่าง ๆ ที่ตกลงมาตามร่องเหวจะทำให้น้ำเน่าเหม็นเป็นพิษ อย่างน้อยก็ต้องไม่ใสกระจ่างจนมองเห็นพรายน้ำที่ก้นเหว

    อากาศก้นเหวแม้จะอับชื้นแต่ก็ยังพอหายใจได้ ไม่มีแก๊สพิษกักขัง หมายความว่าไม่เพียงแต่ช่องทางระบายนี้ ก้นเหวนี้จะต้องมีทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่อื่น นั่นจึงเป็นหนทางรอดสถานเดียวของเขา

    โขยกไปตามพื้นหินริมน้ำ ในที่สุดไม้สักก็พบกับพรายน้ำใหญ่ที่ติดอยู่กับกระเป๋า เขางมกระเป๋าขึ้นมาด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม กินยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ตบท้ายด้วยอาหารพลังงานสูงหนึ่งคำ จากนั้นหาวิธีการสร้างแสงสว่างและความร้อนให้กับร่างกายที่กำลังหนาวสั่น

    เมื่อนึกถึงแสงสว่างไม้สักก็นึกถึงไฟฉายที่ไม่อยู่ในกระเป๋าตอนที่เขางมขึ้นมา ถ้าสิ่งของต่าง ๆ หล่นตามหลังเขามาเขามั่นใจว่าจะต้องหามันเจอ แต่ไม่แน่ใจว่าไฟฉายที่กระแทกกับหน้าผาลงมาตลอดทางจะยังรักษาสภาพเดิมของมันเอาไว้ได้หรือไม่ เขาได้แต่หวังว่าความทนทานของไฟฉายที่เขาซื้อมาจะสมราคาคุยโฆษณา

    เสียงตูมของสิ่งของหล่นปะทะน้ำดังขึ้นอีกครั้ง ไม้สักกะเผลกย้อนกลับไปทางเดิมแล้วยิ้มออกมาได้เมื่อเขาเห็นซากไม้แห้งที่เพิ่งร่วงลงมา นั่นหมายความว่าท่อนไม้นี้เปียกน้ำแต่เพียงภายนอก ถ้าแช่น้ำทิ้งไว้เป็นวันท่อนไม้นี้ก็คงชื้นจนไม่อาจใช้ก่อไฟได้อีก

    การงมสิ่งของครั้งที่สามไม่เจ็บปวดเท่าสองครั้งแรก ไม้สักลากไม้ที่ลอยน้ำขึ้นมายังฝั่งหิน ใช้แรงที่ได้รับจากอาหารพลังงานสูงตัดหั่นฝานไม้ขนาดท่อนขาด้วยมือเดียว ก่อไฟให้แสงสว่างและความร้อนที่ก้นเหว

    แสงสว่างจากกองไฟส่องไปไม่ถึงอีกฟากของเหว ที่มองเห็นมีเพียงลอนคลื่นลูกเล็กที่สะท้อนกับแสงจากกองไฟเป็นพรายเลื่อม เพดานเหวสูงจากพื้นน้ำประมาณสิบเมตร เห็นเป็นรอยแตกคดเคี้ยวไปมาจากซ้ายและหายไปกับเพดานด้านขวาไม่ทราบทอดไปถึงแห่งหนใด

    เด็กหนุ่มนั่งลงและเสยผมที่เริ่มยาวเนื่องจากไม่ได้รับการตัดไปด้านหลัง ทราบว่าถ้าเขาไม่อาจไปจากที่นี่ หรือไม่มีคนมาช่วย เขาคงไม่พ้นกลายเป็นศพอันหิวโหยในโลกบาดาลอันมืดมิด

    ไม้สักหัวเราะให้กับตัวเอง เขาเป็นคนเช่นนี้ หัวเราะให้กับโชคชะตาในยามคับขัน เขาจะไม่มีวันยอมสยบ ไม่ยอมให้นางผู้ถักทอโชคชะตาได้รื่นรมย์ เขาต้องรอด ต้องรอดไปให้ได้

    น่าประหลาด เขากลับไม่รู้สึกเคียดแค้นต่อคุณชายของทอดที่ทำให้เขาต้องตกลงมาในที่นี้แต่อย่างไร ถ้าทำได้ เขาคงไม่ฆ่าคุณชายผู้นั้น แต่คงจะเตะมันให้ลงมานอนเล่นที่ก้นเหวนี้บ้างสักหลาย ๆ วัน

    .

    คุยกับท่านผู้อ่าน

    ทำมาหาเงินครับ

    ชาลี

    20 เมษายน 2558

    Barbecue Fantasia Facebook Page

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×