ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REVENGE OF LOVE : หนี้แค้นแทนรัก (เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย)

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำที่แสนดีกับวันนี้ที่ทุกข์ทรมาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      4
      30 ต.ค. 48

    วันนี้.......ท้องฟ้าสดใสกว่าเมื่อวาน  เดือนที่แล้ว  ปีที่แล้ว  ทศวรรษที่แล้ว

    เหล่าผู้วิเศษทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่ด้วยความผาสุก  สงบ  และความสุขเรื่อยมา

    เมื่ออำนาจมืดถูกกำจัดไปโดยใครที่หลายคนคาดคิดหรือไม่ได้คิด   เขาคนนั้นคือผู้ที่ถูกทำนายเอาไว้แล้วว่าจะเป็นผู้ขจัดฝ่ายมืด   หรือไม่.....เขาก็จะเป็นผู้ถูกกำจัดเสียเอง

    ใครหลายคนเรียกเขาว่า  เด็กชายผู้รอดชีวิต  นักบุญ   หรือแม้แต่คนบ้า

    วันนี้........เจ้าแห่งศาสตร์มืด  โวเดอมอร์  ได้ถูกกัดโดยเด็กชายผู้รอดชีวิต  แฮร์รี่  พอตเตอร์   ผู้เสพความตายถูกกำจัดไปโดยมือปราบมาร   หรือบางคนก็ถูกนำไปขังไว้ที่คุกอัซคาบันโดยอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับออกมาอีกเลย

    แฮร์รี่  พอตเตอร์   และอีกสองเพื่อนคู่หูที่มีส่วนในการช่วยกำจัดเจ้าแหง่ศาสตร์มืด  โรแนลด์  วีสลี่ย์   และ  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์   กลายเป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุด   จนกระทั่งในที่สุดพวกเขาก็กลับไปใช้ชีวิตเป็นนักเรียนธรรมดาที่ฮอกวอสต์ก่อนจะสำเร็จการศึกษาเมื่อายุสิบเจ็ดปี....แม้ว่าในวันจบการศึกษาของพวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงอวยพรของศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์........ผู้ที่พวกเขาและเหล่าผู้วิเศษทุกคนเคารพรักและยังอาลัยในการจากไปของเขาจนถึงทุกวันนี้

    ทุกอย่างดำเนินไปในทางที่ดี   การศึกษา  หน้าที่การงาน.....หรือแม้แต่....ความรัก





    “รอน! วิ่งเร็วเข้า! พวกเขาน่าจะรอเราอยู่นานแล้วตอนนี้” ชายหนุ่มในชุดสูทและสวมเสื้อคลุมแบบพ่อมดกำลังรีบเร่งกระหืดกระหอบ  มือของเขาข้างหนึ่งกำลังดึงเนคไทน์สีน้ำเงินเข้มออกจากปกคอเสื้อจนมันหลุดลุ่ย   มืออีกข้างของเขาพยายามดันแว่นตาที่เลื่อนลงมาบิดเบี้ยวที่ปลายจมูกขึ้นไอยู่ในที่เดิม   ขณะที่ผมสีดำยุ่งๆของเขาก็ปลิวลู่ไปตามกระแสลมที่พัดหวนเขาไป  ดวงตาสีเขียวมรกตหันไปสะท้อนภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูง  ผิวขาวอยู่เป็นระยะๆ   เขาเองก็กระเซอะกระเซิงไม่แพ้กัน  ผมสีแดงเพลิงยาวเพราะเจ้าของเกียจคร้านเกินไปที่จะไปร้านตัดผม  เขาก้าวขายาวๆเพื่อพยายามจะให้ทันชายหนุ่มคนข้างหน้าแม้จะน้อยเพียงใดก็ตาม



    “แฮร์รี่! แฮ่กๆ  ช้าหน่อยก็ได้   โอย...เห็นแก่สวรรค์เถอะ! นายกำลังจะฆ่าฉัน” รอนครวญครางปานจะขาดใจ   แฮร์รี่ถอนหายใจก่อนจะคว้าแกมกระชากคอเสื้อของรอนแล้วลากเขาวิ่งไปแม้จะยากเพียงใดก็ตาม





    “ช้าจังเลยพวกเขา   ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่ได้จะมีเวลาให้พวกเรามากนักหรอกนะ” เสียงอบอุ่นและสดใสออกอาการไม่พอใจเล็กน้อย   หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมยาวแบบสาวสมัยใหม่และดูสะดุดตาด้วยผ้าคลุมไหล่ยกแขนเรียวยาวขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมืออยู่เป็นระยะๆอย่างกังวลใจ  ผมสีน้ำตาลเข้มที่ม้วนตัวเป็นลอนสวยทิ้งตัวยาวไปถึงเอวและมัดเกล้าจุกตรงกลางด้วยโบว์สีขาวปล่อยผมด้านช้างให้ปลิวลู่ไปตามลมในฤดูใบไม้ผลิ  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสวยคล้ายกับสะท้อนความเศร้ามีแววครุ่นคิดอย่างหนัก   ใบหน้าสวยงามตามอายุของเธอมีอาการไม่พอใจ



    “เขามีงานยุ่งรัดตัว” ชายหนุ่มบัลแกลเลียที่ยืนกอดอกมองอาการของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขาอย่างพอใจ  



    “แต่พวกเขาก็น่าจะเข้าใจว่าศาสตราจารย์มักกอลนากัลป์ก็มีงานยุ่งรัดตัวเหมือนกันตั้งแต่ได้เป็นอาจารย์ใหญ่” เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์สะบัดเรือนผมสีน้ำตาลสวยของเธอหันมามองชายหนุ่มคนรักของเธออย่างไม่พอใจ



    “คุณเองก็มีงานยุ่งเหมือนกันนี่  ทัวร์ยุโรปควิดดิชรอบนี้ของคุณก็ยังไม่จบเหมือนกัน....ใช่มั้ยคะ  วิกเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดและจ้องชุดแข่งควิดดิชทีมชาติของชายหนุ่มอย่างพินิจ   เขายิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ



    “คุณเองก็งานรัดตัว   วิชาการป้องตัวจากศาสตร์มืดไม่ใช้เรื่องง่ายๆเหมือนในหนังสือ  ผมรู้” วิกเตอร์  ครัมเอื้อมมือไปโอบรอบเอวอาจารย์สาววิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของฮอกวอสต์ไว้หลวมๆแม้ว่าเธอยังมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่บ้าง



    “คุณพอจะปลีกเวลาสักนิดหนึ่งบ้างได้มั้ย” วิกเตอร์พูดเสียงเบาราวกับจะกระซิบ   เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสัย



    “เพื่ออะไรคะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยถาม



    “เพื่อเป็นเจ้าสาว” วิกเตอร์ยิ้มเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตกตะลึงตาค้าง   เขาละมืออกมาข้างหนึ่งก่อนจะล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมที่ปลิวไสวก่อนจะยื่นกล่องกำมะหยี่เล็ๆในมือให้หญิงสาว   เขาเปิดมันออกและเฮอร์ไมโอนี่ก็ถึงกับน้ำตาคลอ   แหวนที่ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็ๆตลอดทั้งวงส่องประกายแวววาว   เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างไม่เชื่อและเริ่มน้ำตาไหลเมื่อชายหนุ่มคุกเข่าลงและจับมือเธอขึ้นมาข้างหนึ่ง   ในมือของเขาอีกข้างหนึ่งถือแหวนวงนั้นไว้



    “แต่งงานกับผมนะครับคุณเฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์” ทันทีที่วิกเตอร์พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็น้ำตาไหลไม่หยุดแต่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความปีติยินดี   เธอพยักหน้าจนหัวแทบจะหลุด   วิกเตอร์ยิ้มอย่างดีใจและสวมแหวนวงนั้นลงไปที่นิ้วนางขางซ้ายเรียวบางของเฮอร์ไมโอนี่   เขาลุกขึ้นยืนและจูบเธอเบาๆ   มันเป็นจูบที่เปียกชื้นเพราะน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ไหลมาไม่หยุดแต่ก็เต็มไปด้วยความยินดีและสุขใจ

    วิกเตอร์ถอนริมฝีปากออกมาและเขยิบตัวออกมาห่างเฮอร์ไมโอนี่นิดหนึ่ง   เขายืนยิ้มมองเฮอร์ไมอนี่ที่ยังไม่หยุดร้องไห้อย่างมีความสุข



    “เฮอร์ไมโอนี่! วิกเตอร์!” เสียงแฮร์รี่ดังขึ้นอย่างตกใจ   ทั้งสองหันไปและพบแฮร์รี่กับรอนกำลังยืนน่าตื่นอยู่



    “เฮอร์ไมโอนี่! วิกเตอร์บอกเลิกเธอเหรอ” รอนถามอย่างร้อนรนขณะเดินเข้ามาหาทั้งสองตามหลังแฮร์รี่ที่เดินหน้าเครียดเข้ามา   เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกับวิกเตอร์ก่อนจะพูดออกมาเด้วยน้ำเสียงชื้นใจ



    “เปล่าหรอก   วิกเตอร์แค่ขอให้ฉันไปเป็นเจ้าสาวของเขาน่ะ”





    “สวยจังเลยเฮอร์ไมโอนี่” เด็กสาวผมแดงร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น   เฮอร์ไมโอนี่อยูในชุดเจ้าสาวสีขาวเปิดไหล่คอต่ำที่เผยให้เห็นเนินอก   มันพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่าง   เกือบทั้งชุดทำด้วยผ้าลูกไม้ที่ทิ้งตัวราบไปตามร่างของผู้สวมและปล่อยชายลากพื้น   ผ้าคลุมทำด้วยผ้าโปร่งใสประดับชายด้วยลูกไม้และยาวพลิ้ว   ผมที่ม้วนตัวเป็นลอนสวยสีน้ำตาลถูกปล่อยลงมาแต่มัดเกล้าไว้ตรงกลางเหมือนปกติแค่โดดเด่นด้วยดอกลิลลี่สีขาวที่ประดับเป็นช่อไว้ด้านบนศีรษะ



    “แปลกๆนะ  ฉันว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะสำรวจตัวเองในกระจก   จินนี่ย์ที่รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว (เธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายที่ฮอกวอสต์และเป็นประธานนักเรียน  เฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดได้ปีแรกก็ได้สอนเธอด้วยเช่นกัน) เขยิบเข้ามาช่วยจัดชุดให้อาจารย์สาวของเธอจากด้านหลัง



    “ไปเถอะค่ะเฮอร์ไมโอนี่   เสียงระฆังดังแล้ว” จินนี่ย์พูดและจับไหล่เฮอร์ไมโอนี่เพื่อให้กำลังใจ   เฮอร์ไมโอนี่หายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินออกไปจากประตูไม้บานสวย

    เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่สุดปลายพรม   ปีกด้านหนึ่งตรงสุดพรมนั้นวิกเตอร์ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวกำลังยืนรอยิ้มให้เธอ   ข้างๆเขามีรอนและแฮร์รี่ที่ดูเหมือนตกตะลึงไปด้วยสาเหตุที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจยืนอยู่   จินนี่ย์ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอกระซิบให้เธอเดินไป

    เฮอร์ไมโอนี่ก้าวไปช้าๆด้วยความระมัดระวังโดยที่สายตาของเธอไม่ยอมละไปจากวิกเตอร์เลย   เขายังยิ้มให้เธออยู่อย่างนั้น  เฮอร์ไมโอนี่นับก้าวการเดินของตัวเองอยู่ในใจ  



    ในที่สุดเฮอร์ไมอนี่ก็เดินมาเกือยจะถึงวิกเตอร์แล้ว   เขายื่นมือมาให้เธอเมื่อธเอเดินเข้าไปเกือบจะถึงเขา   เฮอร์ไมโอนี่มองมือนั้นก่อนนจะค่อยๆส่งมือไป........



    แต่แล้วเหมือนกับทุกสิ่งดับวูบลง   วิกเตอร์ล้มลงไปกองกับพื้นแน่นิ่ง   มือที่ยื่นไปของเฮอร์ไมอนี่ค้างไว้ราวกับภาพถูกกดหยุด   เสียงหวีดร้องดังไปทั่ว   แฮร์รี่และรอนมองไปรอบๆ   แสงสีเขียวพุ่งออกมาจากที่ใดไม่ทราบสาเหตุ  เมื่อมันไปกระทบกับอะไรเข้าก็ระเบิดสิ่งนั้นเป็นจุน   ผู้คนล้มลงระเนระนาด   แฮร์รี่กับรอนรีบวิ่งไปพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ทันที



    “วิกเตอร์!” นานพอสมควรกว่าเฮอร์ไมโอนี่จะหลุดคำพูดออกมาได้   เธอกอดร่างที่แน่นิ่งของวิกเตอร์แน่น   น้ำตาอาบแก้มที่ถูกบรรจงแต่งไว้อย่างดี



    “จินนี่ย์! ดูเฮอร์ไมโนี่ด้วย” แฮร์รี่หันมาสั่ง   เฮอร์ไมโอนี่กอดร่างของวิกเตอร์และร้องไห้ปานจะขาดใจ



    “วิกเตอร์   วิกเตอร์   ตื่นสิคะ   เรายังไม่เสร็จพิธี.....วิกเตอร์คะ   ลืมตาสิคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดรัวเหมือนคนเป็นบ้า   แต่เปล่าประโยชน์เพราร่างของวิกเตอร์ยังแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น   ไร้การตอบสนองใดๆทั้งสิ้น



    “เฮอร์ไมโอนี่! ไม่มีประโยชน์หรอก   ไปเถอะ!” จินนี่ย์ตะโกนฝ่าเสียงระเบิดที่ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง   เฮอร์ไมโอนี่ซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาลงไปที่แก้มของวิกเตอร์



    “วิกเตอร์คะ! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะ   ตื่นสิคะ.....วิกเตอร์   เราจะอยู่ด้วยกันนะคะ   วิกเตอร์....ตื่นสิคะ!!!!” ประโยคสุดท้ายเฮอร์ไมโอนี่ตะโกนและเขย่าร่างของวิกเตอร์ยอง่าบ้าคลั่ง.....แต่แล้ว.......



    สายตาของเธอไปสะดุดกับร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้   เขาสวมเสิ้อคลุมสีดำมีหมวกฮู๊ตส์ปิดหน้าเอาไว้    ร่างนั้นสูงและดูโหดม   เฮอร์ไมโอนี่ลืมความเสียใจไปชั่วครู่    ร่างนั้นหันหลังและวิ่งหายไปด้านหลังต้นไม้   เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยมือออกจากร่างของวิกเตอร์และรีบวิ่งไปทางที่เขาคนนั้นยืนอยู่ทันที



    “เฮอร์ไมโอนี่!” จินนี่ย์ตะโกนร้องเรียกอยู่ข้างร่างที่ไร้ซึ่งการตอบสนองของวิกเตอร์   ที่ไม่มีแม้แต่เสียงของลมหายใจ..........

    เฮอร์ไมโอนี่วิ่งฝ่าหมู่ไม้ที่ขัดการวิ่งอันรวดเร็วของเธอ   ร่างของคนสวมเสื้อคลุมสีดำนั้นวิ่งอยู่ข้างหน้าเธอเท่านั้น   เขาดูโซเซไปนิดหนึ่ง   เฮอร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าขึ้นจนในที่สุดมือของเธอก็คว้าเข้าที่หมวกฮู้ตส์นั้นได้   เธอกระชากมันออกอย่างแรง   เขาหันกลับมาทันทีและทำให้เฮอร์ไมโอนี่แทบหยุดหายใจ



    ดวงตาสีฟ้าซีดฉายภาพของเฮอร์ไมโอนี่อย่างตกตะลึง   ใบหน้าของเขาขาวซีด   ร่างของเขานั้นสูงโปร่งและดูบึกบึนเข้มแข็ง   ผมสีบอลนด์ทองซีดๆนั้นลงมาปรกใบหน้าแต่ก็ยังไม่ยุ่งเยิงมากนัก



    “หลับซะ” เสียงเยือกเย็นฟังดูเย็นชาของเขาพูดขึ้น   เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆคลายมือที่กำแน่นออกจากเสื้อคลุมสีดำของเขา   ดวงตาสีฟ้าซีดที่เธอจ้องอยู่นั้นค่อยๆหรี่เล็กและพร่ามัว   เปลือกตาของเฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆหรี่ลงจนปิดสนิทก่อนที่ร่างผอมบางของเธอจะล้มลงไปแน่นิ่งอยู่กับพื้นหญ้าที่เย็นเฉียบ



    “มัลฟอย.........” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่นั้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยินขณะที่สติของเธอเริ่มพร่าเลือน





    จากชุดสีขาวสะอาดตาในวันนั้น   ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในชุดกระโปรงสีดำ   ดวงตาของเธอบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก   ด้านหน้าของเธอ......ร่างของวิกเตอร์นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงศพ   เขาอยู่ในชุดควิชดิชเต็มยศมีผ้าคลุมสีแดงเลือดนกแบบที่เขาเคยพร่ำอยู่เสมอว่าเขาภูมิใจมาก   รอบกายของเขามีดอกลิลลี่สีขาวสะอาดตาอยู่รายรอบ



    เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือสั่นเทาไปลูบไล้ใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างทะนุถนอม   น้ำตาของเธอหยดลงบนเปลือกตาของเขา   เฮอร์ไมอนี่จับมือที่เย็นเฉียบของวิกเตอร์ไว้แลค่อยๆบรรจงสวมแหวนเงินที่เธอจะใช้ในพิธีแต่งงานไปที่มือซ้ายของเขา



    “ฉันรักคุณค่ะ...วิกเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเบาๆก่อนจะก้มลงจูบลงไปบนริมฝีปากที่เย็นเฉียบไร้ชีวิตนั้น



    ตอนนี้ในโบสถ์เหลือเพียงเฮอร์ไมโอนี่และจินนี่ย์    เฮอร์ไมโอนี่ทำใจไม่ได้ถ้าจะต้องออกไปเห็นว่าร่างของวิกเตอร์กำลังจะถูกฝังดิน   แฮร์รี่เดินเข้ามาพร้อมกับรอนเมื่อฝังศพเสร็จเรียบร้อย   แฮร์รี่นั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่และจับมือเธอเพื่อให้กำลังใจ



    “แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา



    “ฉันอยากให้เธอช่วยส่งจดหมายลาออกของฉันให้มักกอลนากัลที” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแน่วแน่   แฮร์รี่และรอนกับจินนี่ย์อึ้งไปพักหนึ่งก่อนะที่แฮร์รี่จะพยักหน้า



    “ได้สิ    ฉันก็คิดว่าตอนนี้เธอน่าจะพัก.....”



    “ไม่ใช่! แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งขึ้นเสียงดัง



    “อะไร” แฮร์รี่พูดอย่างสงสัย



    “ฉันหมายถึง.........ฉันจะลาออกจากการเป็นอาจารย์” เฮอร์ไมโอนี่พูดและสูดลมหายใจก่อนจะพูดอย่างแน่วแน่



    “ฉันจะเป็นมือปราบมาร”





    3     ปีก่อน  





    “เดรโก” เสียงใสๆดังขึ้น   เฮอร์ไมโอนี่ในชุดนักเรียนของฮอกวอสต์หันไปด้านหลังเมื่อเสียงเรียกของชายหนุ่มที่ครอบครองหัวใจเธอดังขึ้น   เด็กหนุ่มผมบลอนด์เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจและครุ่นคิดเป็นอย่างหนัก   เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วกับท่าทีของชายหนุ่ม   เขาเดินเข้ามาหาเธออย่างเศร้าๆ



    “มีอะไรเหรอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย   มือของเธอจับที่แขนของเขาเบาๆ   มัลฟอยเงยหน้าขึ้น   ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาๆม่ค่อยจะเต็มใจพูดจาเสียเท่าไร



    “ฉันได้ยินมาว่า.......เธอเลือกจะเป็นมือปราบมาร” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเต็มใจพูดนัก   แต่ดวงตาของเขานั้นมองเธออย่างวิงวอนอะไรสักอย่างซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก



    “ใช่! แฮร์รี่กับรอนก็เลือกอาชีพนี้   เธอรู้มั้ยว่ามันเหลือเชื่อมากเลยที่พวกเขาสองคนมีคะแนนสอบมากพอที่จะเป็นมือปราบมารได้   ฉันก็คิดว่าน่าจะดีที่จะทำอาชีพนี้เหมือนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มและพูดอย่างร่างเริง   เธอคิดถึงจดหมายที่แจ้งให้ทราบว่าคะแนนการสอบ ว.พ.ร.ส. ของเธอนั้นสูงมากพอที่จะเป็นมือปราบมารได้



    “เธอคิดดีแล้วเหรอเฮอร์ไมโอนี่”มัลฟอยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเศร้าและน่ากลัวเอาไว้   ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและน่ากลัว



    “มีอะไรเหรอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ลดน้ำเสียงลงต่ำ



    “เธอรู้ใช่มั้ยว่าพ่อของฉันเป็นผู้เสพความตาย” มัลฟอยพูด   เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแทนคำตอบ



    “แล้วเธอไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันก็อาจจะต้องเป็นแบบพ่อเหมือนกัน”



    “หมายความว่าเธอจะเป็นผู้เสพความตายเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตกใจ   แล้วสมองของเธอก็มีความคิดวนเวียนไปมาเต็มไปหมด   ถ้าเธอเป็นมือปราบมาร   เขาเป็นผู้เสพความตาย   มันเป็นเส้นขนานที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนมาเป็นเส้นตรงได้   ความรักของรมิโอกับจูเลียตยังเจะป็นไปได้มากกว่าเรื่องของพวกเขา



    “ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” มัลฟอยยิงคำถามที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่อึ้งไปพักใหญ่   เธอก้มหน้าลงต่ำอย่างใช้ความคิด   ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่เย็นชาซึ่งทำให้มัลฟอยใจหายไป



    “ฉันก็จะจับเธอถ้าเราเจอกัน” นี่คือคำตอบที่ทำให้มัลฟอยอึ้งไปทันที   เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาให้กลับเข้าไปในดวงตาของเขา   ก่อนที่เขาจะกลับมาเผชิญหน้ากับเฮอร์ไมโอนี่   ทั้งสองจ้องกันอย่างไม่เหลือเศษเสี้ยวของความรักที่เมื่อสักครู่เพิ่งมีให้กันเลย



    “ดี! เกรนเจอร์” มัลฟอยเปลี่ยนชื่อเรียกของเฮอร์ไมโอนีทันที   แม้ว่าดวงตาของเธอจะเย็นชาขนาดไหนแต่มันก็เป็นแค่เกราะป้องกันความเศร้าของเธอไม่ใกล้ฉายออกมาทางแววตาเท่านั้น



    “หยุดไว้แค่นี้ดีกว่าเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดประโยคสั้นๆก่อนจะหันหลังเดินออกไป   เฮอร์ไมโอนี่มองด้านหลังของเขาอย่างเจ็บปวด   แต่จู่ๆเขาก็ชะงักขาไว้แม้ว่าจะไม่หันมาหาเฮอร์ไมโอนี่   แต่เธอก็แอบภาวนาขอให้เขาพูดว่าล้อเล่น



    “อย่าลืมจับฉันนะเกรนเจอร์! ยัยเลือดสีโคลน”มัลฟอยออกเดินต่อไป   ทันทีที่แผ่นหลังของมัลฟอยลับตาไปนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ทรุดตัวลงก่อนจะเริ่มร้องไห้เหมือนกับตนเองหัวใจสลาย



    หลังจากนั้น.........เมื่อสเนปฆ่าดัมเบิ้ลดอร์ตายไปแล้วโดยมีเดรโก  มัลฟอยร่วมมือ   ชื่อของเขาก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่ช้าๆเหมือนกับเขาที่หายไปโดยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน   การกระทำของเขาที่มีส่วนร่วมในการตายของดัมเบิ้ลดอร์มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่แทนที่ความรักด้วยความแค้น   และภายหลังที่เธอช่วยแฮร์รี่กำจัดโวลเดอมอร์ได้   เธอตัดสินใจที่จะไม่เป็นมือปราบมารแต่เลือกไปสอบเป็นอาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดก่อนจะได้พบกับวิกเตอร์อีกครั้งในสถานที่สอบและเริ่มรักกัน   ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเฮอร์ไมโอนี่แทบจะจำไม่ได้ว่าเคยรกผู้ชายที่ชื่อเดรโก  มัลฟอย



    จนกระทั่งวันนี้.....ที่เฮอร์ไมโอนี่จำชื่อนี้ได้อีกครั้ง

    แต่มันมาพร้อมกับความแค้นที่เธอต้องการจะชำระ





    ลอนดอน   อีก  2  ปีต่อมา





    “คุณวีสลี่ย์ครับ! ช่วยใจเย็นๆหน่อยได้มั้ยครับ  กรุณามีสติด้วยครับคุณวีสลี่ย์!” ชายชราร่างเตี้ยอ้วนกำลังพยายามยื้อยุดร่างสูงโปร่งกำยำของรอนไว้ทั้งที่ชายแก่คนนั้นสูงแค่เอวของรอนเท่านั้นเอง   ตอนนี้ใบหน้าของรอนมีสีแดงจัดยิ่งกว่าสีผมของเขาเสียอีก   เขาพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการรัดของชายชราเพื่อนร่วมงาน   ขายาวๆของเขานั้นถีบสะบัดอยู่ในอากาศอย่าบ้าคลั่ง   อีกด้านหนึ่ง   แฮร์รี่กำลังยื้ยุดร่างของชายคนหนึ่งไว้   ร่างผอมสูงของเขานั้นแทบจะแตกละเอียดเมื่อชายในวงแขนพยายามสะบัดและดิ้นเต็มที่เมื่อรอนเริ่มเอะอะโวยวาย



    “แก! ไอ้วีเซิ่ล   ไอ้สารเลว” ชายคนนั้นคำรามลั่น   รอนได้ฟังดังนั้งขาของเขาก็ถีบสะบัดอยู่กลางอากาศและเขย่าตัวเองเหมือนคนเป็นบ้า  ชายแก่ที่รั้งร่างของเขาไว้ต้องเพิ่มแรงรดเอวเขาเข้าไปอีก   แฮร์รี่ที่พยายามรั้งร่างชายอีกคนหนึ่งไว้ก็เหนื่อยใจไม่แพ้กัน



    “หมัดแค่นี้ยังน้อยไปสำหรับคนปากพล่อยอย่างแก! ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์!” รอนคำรามเสียงดังลั่นและยิ้มมีชับเมื่อฝ่ายตรงข้ามนั้นแยกเขี้ยวด้วยความโมโห



    “ไอ้วีสลี่ย์!” ชายหนุ่มร้องลั่นและโถมตัวเข้าใส่รอนเหมือนคนบ้า



    “หยุด!!!” เสียงที่มีพลังอำนาจนั้นโพล่งขึ้น   ทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองและหันไปตามต้นตอของเสียง   หญิงสาวผมยสวสีน้ำตาลเป็นลอนสวยยืนทำหน้าดุอยู่ที่หน้าประตูห้อง   เธอยกมือขึ้นกอดอกและขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ



    “เธอทำอะไรน่ะรอน” เฮอร์ไมโอนี่   เกรนเจอร์ในวัย 19 ปีก้าวพาร่างผอมบางของเธอเข้ามากลางวงทะเลาะวิวาทและกวาดตามองทุกคนอย่างไม่ชอบใจนัก



    “เธอเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะรอน” เฮอร์ไมโอนี่หันไปถามเพื่อนร่วมเรียนและร่วมงานของเธอด้วยน้ำเสียงดุ



    “ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นมันว่าพวกเราว่าเป็นเด็กใหม่ไก่อ่อน   แล้วมันก็ว่าเธอว่าดีแต่สวยไปสวยมา   วันๆเอาแต่นั่งชี้นิ้วเพิ่งมาทำงานได้ปีเดียวก็ได้เป็นหัวหน้า” รอนได้ใจใส่ไฟไปไม่บันยะบันยัง   เฮอร์ไมโอนี่ละสายตาจากรอนและหันไปจ้องชายวัยกลางคนที่เกือบจะมีเรื่องกับรอนเมื่อครู่



    “คุณวอร์เร็ทค่ะ   ฉันไม่ได้ได้ตำแหน่งหัวหน้ามาด้วยการนั่งสั่งคนอื่นทำงานแล้วเอาความดีความชอบเหมือนอย่างที่คุณทำหรอกนะคะ   กรุณาย้ายศีรษะที่โล่งเตียนของคุณกลับห้องของคุณไปเถอะค่ะ   แล้วอย่าลืมล็อคกุญแจด้วยนะคะ   ไม่อย่างนั้นอาจมีคนทะเล่อทะล่าเข้าไปได้ยินเรื่องที่คุณทำไม่เป็นแม้แต่การร่ายคาถาปลดอาวุธ!” เฮอร์ไมโอนี่ดวงตาแววโรธ   ชายคนนั้นจ้องหน้าเธออย่างมีเรื่องก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย   เฮอร์ไมโอนี่สะบัดเรือนผมยาวถึงกลางหลังของเธอไปที่โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่มุมสุดและถูกจัดไว้อย่างดีเป็นส่วนที่มุมห้อง   แฮร์รี่และรอนตามเธอไปและเริ่มมองเธอที่เริ่มคร่ำเคร่งกับเอกสารกองโตตรงหน้า



    “เยี่ยมเลยเฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องออกมาอย่างขัดจังหวะ   เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าจากเอกสารขึ้นมองรอนและจ้องเขาอย่างมีเรื่อง



    “เรายังมีเรื่องต้องคุยกันยาว.......รอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงทุ้มต่ำก่อนจะก้มหน้าลงจัดการกับเอกสาร   รอนหันไปมองแฮร์รี่ด้วยใบหน้าที่เหมือนกับโดนแมงมุมทั้งรังโถมเข้าใส่





    แสงไฟยามค่ำคืนสะท้อนอยู่ในผนังกระจกบานใหญ่   เฮอร์ไมโอนี่นั่งปล่อยตัวตามสบายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่และมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนของมหานครลอนดอนอย่างไม่วางตา



    ‘ถ้าคุณอยู่ตรงนี้ด้วย....วิกเตอร์   คืนนี้คงจะเป็นคืนที่สวยงามที่สุดของฉัน’ เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจอย่างปวดร้าว   คฤหาสน์หลังงามใจกลางกรุงนี้ตั้งอยู่บนเนินสูงนอกชานเมือง   ทุกคืนเธอจะสามารถเห็นความเป็นไปของโลกที่เธอเกิดได้   มันเป็นของขวัญวันแต่งงานที่วิกเตอร์ต้องการจะมอบให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข



    แต่วันนี้......เธอกลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังงามที่เขาผู้จากไปแล้วยัดเยียดให้เธอตามกฎหมายแต่เพียงลำพัง   ถ้าวันนั้น....วันที่เขาและเธอกำลังจะมีความสุขกัน....ถ้าวันนั้นเขาที่เธอลืมไปนานแล้วไม่มาปรากฎตัวและพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอไป   ตอนนี้.....เธอกับวิกเตอร์คงจะมีความสุขกันมาก



    “ฉันจะแก้แค้นให้ได้...มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำลอดไรฟันออกมาอย่างเดือดแค้นก่อนที่จะลุกขึ้นจากโวฟาตัวนุ่มและเดินเข้าห้องนอนหรูหราใหญ่โตของเธอไป





    ในห้องที่เงียบสงบและมืดมิดนั้น   ร่างของเฮอร์ไมโอนี่กำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงสี่เสาสีขาวสะอาด   เปลือกตาของเธอปิดสนิทและไร้การเคลื่อนไหวใดๆ   มีแต่ทรวงอกของเธอเท่านั้นที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ



    เงาสูงโปร่งก้าวพ้นขอบหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนที่แสนสบายนี้   เท้าของเขาเหยียบลงบนพรมอ่อนนุ่มช้าๆและเบาหวิวราวกับว่าเขานั้นลอยได้    จากนั้นเขาจึงค่อยๆก้าวเข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง   เขาค่อยๆแหวกม่านสีขาวบางเบาที่ล้อมรอบเตียงไว้นั้นอย่างเบามือและแทรกตัวเข้าไป   หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังจ้องเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ได้   ร่างนั้นค่อยๆคุกเข่าลงข้างเตียงของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบปอยผมยาวอ่อนนุ่มของเธออย่างเบามือ   เขาค่อยๆระชิดหน้าเข้าไปใกล้เธอโดยมีจุดหมายอยู่ที่ริมฝีปากสีชมพูสวยนั้น   แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักไว้......ก่อนจะเลื่อนมาจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน



    “ฉันรักเธอ” เขากระซิบที่ข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปยังขอบหน้าต่างและกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว

    ทันใดนั้นร่างที่นอนหลับสนิทของหญิงสาวก็ลุกพรวดขึ้นจกที่นอน   เธอกวาดสายตาไปทั่วห้องและไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร   เธอยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและหอบหายใจรัวเร็ว



    “ฝันเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำกับตัวเองก่อนที่จะรู้สึกถึงลมเย็นๆที่กรรโชกแรงเข้ามาทางหน้าต่าง   เธอขมวดคิ้วและก้าวลงจากเตียงไปที่หน้าต่างนั้น   ท่านสีขาวที่หน้าต่างปลิวไสวตามแรงลม   เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างประหลาดใจ



    “หรือจะไม่ใช่ความฝัน”





    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เราลองแต่งดูค่ะ   ตอนนี้กำลังคิดเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง  คืนฝันของมัลฟอย  กับความรักที่ไม่ลงรอยของเฮอร์ไมโอนี่ อยู่เพื่อไม่ให้ซ้ำกับคนอื่นเขามากเกินไป   ยังไงเรื่องนั้นเราก็ตั้งใจที่จะแต่งจนจบแน่ค่ะ  ไม่ทิ้งแน่นอน  แต่การปรับปรุงเนื้อเรื่องอาจจะนานสักหน่อบเราเลยลองเอาเรื่องนี้มาลงให้อ่านกันดู  ชอบไม่ชอบหรือคิดว่ายังไงก็ติชมด้วยนะคะ  ขอโทษสำหรับข้อผิดพลาดบางประการค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×