ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REVENGE OF LOVE : หนี้แค้นแทนรัก (เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย)

    ลำดับตอนที่ #2 : บุรุษปริศนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 881
      2
      1 พ.ย. 48



    พระอาทิตย์ทอแสงมากระทบร่างผอมบางของเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา   มือของเธอลูบไปมาที่ริมฝีปากแต่แล้วเธอก็ชะงักมือนั้น   สายตาของเธอฉายแววดุดันขึ้นมาทันที



    ‘ฉันเกลียดตัวเองที่ต้องทำอะไรตามเธอ!’ เฮอร์ไมโอนี่กำมือแน่นจนเป็นรอยสีแดงจาง   ปากของเธอเม้มกัดริมฝีปากตัวเองแน่น   เธอคิดถึงเขาที่ชอบเอามือลูบริมฝีปากเวลาครุ่นคิดและเธอก็ติดการกระทำนั้นจากเขามาแล้วนึกรังเกียจตัวเองก่อนที่จะลุกพรวดพราดเดินเข้าห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่งของห้องไป





    “อรุณสวัสดิ์เฮอร์ไมโอนี่   เช้านี้ช่างสดใส” เสียงรอนทักมาอย่างร่าเริงเมื่อเฮอร์ไมโอนี่สาวเท้าจ้ำๆเข้ามาในห้องทำงาน   เธอก้มกน้านิ่งและไม่ยอมทักทายใครจนเดินไปถึงโต๊ะทำงานที่ถูกกั้นเอาไว้เป็นสัดส่วนต่างจากโต๊ะอื่นๆ



    “เธอเป็นอะไรน่ะ” แฮร์รี่ชะโงกหน้าจากโต๊ะทำงานของตน   รอนยักไหล่และทำหน้าเครียด



    “ดูเช้านี้ไม่ค่อยจะสดใสสำหรับเธอนักนะ   ดูกระโปรงกับโค้ทสีดำของเธอสิ” รอนเริ่มวิพากวิจารณ์การแต่งตัวของเฮอร์ไมโอนี่และเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง



    “คุณวีสลี่ย์   คุณพอตเตอร์  คุณเกรนเจอร์  เชิญที่ห้องทำงานคุณวอเร็ทด่วนค่ะ” เสียงยานคางเบื่อหน่ายดังขึ้นจากประตูพร้อมจมูกงองุ้มที่ยื่นพ้นขอบประตูมาก่อนจะหายไป   เฮอร์ไมโอนี่หันไปสบตาแฮร์รี่และเก็ยเอกสารบนโต๊ะของเธอ



    “ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”รอนพึมพำขณะเดินไปตามทางเดินมืดสลัวและพยายามหลบไปรษณีย์ที่ลอยมาชนหัวเขาบ่อยๆ



    “อาจเป็นเรื่องที่เธอมอบหมัดให้เขาเป็นของขวัญก็ได้...รอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ





    “อ้อ! เชิญ” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากหลังประตู   เฮอร์ไมโอนี่นำหน้าแฮร์รี่และรอนผลักประตูเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวสายตาที่เหมือนพยายามจะหาเรื่องเธอให้ได้



    “คุณวอเร็ทมีธุระอะไรคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามและพาตัวเองที่เก้าอี้เลื่อนตัวเล็กที่วางล้อมโต๊ะไว้สามตัวที่อีกมุมห้องหนึ่ง



    “คุณได้รับจดหมายหรือได้ยินข่าวอะไรจากท่านนายกบ้างมั้ย” วอเร็ทเอ่ยขึ้นและพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด   รอนและแฮร์รี่ส่ายหน้า   เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาแทนคำตอบ



    “แต่ผมได้รับจดหมายจากประธานธิบดีของฝรั่งเศสเมื่อสักครู่นี้เอง....เป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกคุณโดยเฉพาะ   และมันเป็นงานของคุณที่ต้องจดการ”



    “งานของเราเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ทวนประโยคอย่างเย้ยหยัน



    “ใช่แล้วคุณเกรนเจอร์.......ผมได้รับข่าวเรื่องการเคลื่อนไหวของพวกผู้เสพความตายที่ยังหลงเหลืออยู่”



    “ผู้เสพความตายเคลื่อนไหวอยู่ที่ฝรั่งเศสเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม



    “ตามรายงานข่าวล่าสุดพบว่ามีการเคลื่อนย้ายจากบัลแกเรียไปที่ฝรั่งเศส   ปะปนอยู่กับผู้คนจำนวนมาก  ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆเป็นเครื่องหมายที่ปรากฏให้เป็นชัด   ไม่มีรายงานว่าเป็นใคร   ไม่มีรายงานว่าที่อยู่แน่นอนเป็นที่ไหน   แต่มีข้อมูลอย่างหนึ่งว่า....ใครเป็นแกนนำ”



    “ใครคะ!” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งขึ้นมาเสียงดังและลุกพรวดจากเก้าอี้   แฮร์รี่และรอนสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ   วอเร็ทส่ายหน้านิดๆและโยนแฟ้มให้เฮอร์ไมโอนี่   เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันขึ้นมาดู   ตาของเธอเบิกกว้าง   ปากคอสั่นระริกจนพูดไม่ออก



    “เขาคือลูเซียส  มัลฟอย.......” วอเร็ทมองเฮอร์ไมโอนี่ที่หรี่ตาเล็กลงและเม้มกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเป็นรอยขาว   แฮร์รี่กดไหล่ที่แข็งทื่อของเฮอร์ไมโอนี่ให้นั่งลง   เธอตัวแข็งและสั่นทื่อๆอย่างประหลาด



    “และนี่คืองานของพวกคุณ.......อีกหนึ่งอาทิตย์จะมีการจัดขวนพาเหรดและการเต้นรำในวันฮัลโลวีน   ที่นั่นมีมักเกิ้ลและผู้วิเศษบางคนไปรวมงานเกือบแสนคน   รายงานข่าวจากวงในว่าผู้เสพความตายบางคนจะแฝงตัวไปร่วมงานด้วย.....ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะสร้างเรื่องในงานนั่น   และหน้าที่ของพวกคุณคือแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มคนและไม่ให้มักเกิ้ลรู้ว่าคุณคือบางอย่างที่พวกเขาคิดว่าอยู่ในนิยาย   ห้ามให้ใครรู้! และจับตาหรือจับตัวผู้เสพความตายมาให้ได้  แค่นี้ล่ะ” วอเร็ทพูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันที   เฮอร์ไมโอนี่ยังคงจ้องรูปของลูเซียส  มัลฟอยขณะที่เขายังไม่ได้ระหกระเหเร่ร่อนหนีตายเหมือนตอนนี้



    “งานของเรา...ใช่! งานของเรา” รอนพูดอย่างหัวเสีย   แฮร์รี่ยังคงจ้องเฮอร์ไมโอนี่อยู่ด้วยสายตาที่ห่วงใยและเป็นกังวล

    “อย่าวู่วามนะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด   เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย็นชา



    “ฉันจะมีสติ! มีสติที่จะพวกมันเข้าคุกอัซคาบันให้ได้!”





    แสงแดดยามบ่ายทอดผ่านผนังกระจกเข้ามาจนทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น   แสงแดดทาบผ่านใบหน้าที่นิ่งเฉยและราบเรียบของหญิงสาว   เรือนผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอนสลวยสะท้อนแสงแดดจนกลายเป็นสีแดงออกทองจางๆ

    มือของเฮอร์ไมโอนี่ใช้รับน้ำหนักคางและใบหน้าของหญิงสาวที่ดูเยือกเย็น   เพื่อนหนุ่มทั้งสองของเธอแอบมองเธออยู่เป็นระยะๆ    แต่ตอนนี้ในห้วงความคิดของเธอกลับเต็มไปด้วยชื่อของคนที่พรากความรักไปจากเธอ   อีกห้วงหนึ่งของความคิดเต็มไปด้วยวิธีการแก้แค้นที่เธออยากจะทำให้เขาป่นปี้   และเมื่อคิดถึงการกระทำของเขาน้ำตาของเธอก็เริ่มซึมออกมา





    “ฉันรักเธอ.....เกรนเจอร์” ชายหนุ่มผมบลอนด์นัยน์ตาสีฟ้าซีดในเครื่องแบบฮอกวอตส์ติดตราพรีเฟคงดงามยกมือของหญิงสาวมักเกิ้ลที่เขาตราหน้าเธอว่าเป็นศัตรูขึ้นมาด้วยความรัก   เขามองเด็กสาวตรงหน้าที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอมีแต่สีแดงบนผิวขาวสวย



    “เธอพูดอะไรน่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง   เธอแทบจะไม่เชื่อตริงๆว่าชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าศัตรูและเหม็นหน้าเข้าไส้มาตลอดหลายปีจะมาสารภาพรักกับเธอ



    “พูดว่าฉันรักเธอ” เขาตอบเอาง่ายๆอย่างดื้อด้าน



    “เธอ......เธอ...มาดามพอมฟรีย์คะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนโวยวายพยายามเรียกหาอาจารย์ห้องพยาบาล   เธอคิดว่าอาจารย์อาจจะช่วยเช็คเรื่องความทรงจำของชายหนุ่มตรงหน้าได้   แต่เขากลับคว้าตัวเธอมาและรั้งร่างของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที



    “เธอทำอะไรน่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องโวยวายและพยายามดันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มออก   แต่เหมือนเสียแรงเปล่าเพราะเขากลับเพิ่มแรงรัดตัวเธอให้แนบชิดกับแผ่นอกของเขาเข้าไปอีก



    “ทำไมเธอถึงชอบโวยวายนักนะเกรนเจอร์    ฉันก็แค่บอกว่าฉันรักเธอ” มัลฟอยทำเสียงเหมือนดุหญิงสาว   เขากระซิบที่ข้างริมหูของเธออย่างแผ่วเบา   เฮอร์ไมโอนี่เริ่มหยุดการขัดขืนและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ



    “เธอรักฉันมั้ย” มัลฟอยกระซิบอีกครั้ง   ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ร้อนผ่าว   มือของเธอค่อยๆเอื้อมไปกอดเอวกว้างของชายหนุ่มไว้หลวมๆและยิ้มอายๆ



    “รัก...”ด้วยคำพูดสั้นๆนั้นทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาของมัลฟอยทันที   จากยิ้มที่อบอุ่นก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มเจ้าเล่ห์



    “ฉันนึกไว้อยู่แล้ว”



    “คนบ้า!” เฮอร์ไมโอนี่ว่าเขาและทุบอกของมัลฟอยรัว   เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นและกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวอีกครั้ง



    “เงียบๆหน่อยสิ” มัลฟอยกระซิบจบก็เลื่อนริมฝีปากมาบรรจงประทับลงไปที่เปลือกตาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน   เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงเบาๆและรับจูบของเขาที่เปลี่ยนมาที่ริมฝีปากอย่างเต็มใจ





    และนั้นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นความรงจำดีๆที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยลืม   แต่ตอนนี้มันคงจะไม่มีประโยชน์อีกแล้ว   เพราะความรักของเธอที่เคยมีให้เขาอย่างบริสุทธิ์ใจกลับถูกแทนที่ด้วยความแค้นที่ต้องการที่จะชำระ





    คฤหาสน์วิกเตอร์



    “ฉันชอบอาชีพนี้จัง” รอนพึมพำกับตัวเองและมองชุดนักรบเสื้อเกราะของตัวเองอย่างพอใจ   ชุดเกราะของเขาเป็นมันวับเงาจับตา   คืนนี้เป็นคืนฮัลโลวีนที่จะมีการจัดขบวนพาเหรดและพวกเขาต้องแฝงตัวเข้าไปเพื่อตามหาผู้เสพความตายท่ามกลางมักเกิ้ลที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่   รอนดูจะดีใจจนออกนอกหน้าและรีบไปซื้อชุดเกราะโบราณนี้มาจากร้านขายของเก่าทันที



    “เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่มาเหรอ” แฮร์รี่มองไปที่บันไดหินซึ่งตรงขึ้นไปเป็นห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่อยู่ตลอดเวลา   วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดโรบินฮูตส์สีเขียวแก่และคันธนูซึ่งใช้ได้จริงกับลูกศรเต็มกระบอกอยู่ที่ด้านหลัง   แว่นของเขาถูกรอนริบเอาไว้แล้ว   วันนี้เขาจึงได้โชว์ตาสีเขียวมรกตของเขาเต็มที่



    “สองชั่วโมงแล้วล่ะ  เราน่าจะรีบไปก่อนขบวนจะเริ่มเดินนะ   โอย....จะมีสาวๆในชุดนางแมวป่าบ้างมั้ยนะ” รอนทำท่าฝันเคลิ้ม   แฮร์รี่ไม่สนใจและยังคงจ้องมองที่บันไดหินนั่นต่อไป   ในที่สุดร่างบางก็ค่อยๆพาตัวเองเดินลงมา   และนั่นคือสิ่งที่ทำให้แฮร์รี่และรอนถึงกับตาค้าง

    แฮร์รี่แทบจำไม่ได้เลยว่านั่นคือใครที่ลงมาจากบันไดนั่น   เธออยู่ในชุดกระโปรงผ้าแพรสีดำมันทิ้งตัวชายรุ่ยๆม่สม่ำเสมอไปถึงหัวเข่า   ส่วนที่น่าจะเป็นแผงกระดุมกลับเป็นเชือกผูกไขว้กันไปมาจนถึงด้านบนสุดเผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย   ด้านบนเป็นเชือกผูกไขว้ที่สำคอขาวเนียน   แต่ด้านหลังของเธอปราศจากผ้าชิ้นใดๆมากั้น   แผ่นหลังเรียนเนียนขาวอวดโฉมต่อสายตาของแฮร์รี่   ผมสีน้ำตาลสวยม้วนตัวเป็นลอนของเธอถูกม้วนกลับไปที่ด้านบนศีรษะและมีบ้างที่ตกลงมา   เธอดูสวยแบบทะมัดทะแมงและมั่นใจในแบบที่แฮร์รี่และรอนไม่เคยเห็นมาก่อน



    “อยากได้แว่นมั้ยแฮร์รี่   นายจะได้เห็นชัดว่าฉันเห็นอะไร” รอนพูดขณะที่ดวงตาเบิกค้างจ้องเฮอร์ไมโอนี่ที่เดินลงมาจากบันไดอย่างตกตะลึง



    “แน่นนอน...รอน.....เพราะไม่มีแว่น.....ฉันรู้สึกว่าฉันเห็นนางฟ้า”แฮร์รี่แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง   เฮอร์ไมโอนี่เดินลงจากบันไดหินเย็นเฉียบมาแล้ว   เธอยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสองและดูแปลกใจกับท่าทางเพ้อฝันของเพื่อนทั้งคู่



    “พวกเธอสองคน......เป็นอะไรรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่มองแฮร์รี่และแกว่งมือไปมาตรงหน้าของเขา   แฮร์รี่สะดุ้งอย่างรู้สึกตัวเล็กน้อย   รอนเองก็มีท่าทางเหมือนกับแฮร์รี่   เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าและหยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระป๋า



    “นี่! สำหรับพวกเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและส่งหน้ากากที่ปิดเฉพาะดวงตาให้เพื่อนทั้งสอง   รอนแลแฮร์รี่ดูท่าทางแปลกใจมาก   เฮอร์ไมโอนี่ยกหน้ากากขนนกสีดำขึ้นมาสวมไว้ที่ดวงตา



    “ฉันคิดว่าชุดของพวกเราดูดีพอแล้ว” รอนดูราวกับงุนงงขณะที่จ้องหน้ากาในมือไม่วางตา   แฮร์รี่ราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความงุนงง  เฮอร์ไมโอนี่มักจะมีเรื่องประหลาดใจมาให้พวกเขาแปลกใจเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นที่เธอลาออกจาการเป็นอาจารย์มาเป็นมือปราบมารเป็นต้น



    “คิดว่าผู้เสพความตายจะจำหน้าพวกเธอไม่ได้ก็ตามใจ” เฮอร์ไมโอยี่ตอบ   รอนได้ยินเธอพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเฮือกใหญ่คงเป็นเพราความไม่รอบคอบของตัวเองที่ทำให้เพื่อนสาวมักระอาใจอยู่เสมอ



    “แต่ฉันว่าไม่จำเป็นล่ะ” รอนเลื่อนหน้ากากาหมวกเหล็กของนักรบมาปิดหน้า   เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งแล้วหันไปจ้องแฮร์รี่



    “หน้ากากนั่นรับกับสีเสื้อเธอนะ” เฮอร์ไมโอนี่พยักเพยิกไปที่หน้ากากาขนนกสีเขียวในมือของแฮร์รี่   เขายกมันขึ้นมาสวมซึ่งมียก็จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ว่าเพราะมันรับกับสีเขียวของชุดโรบินฮูตส์ที่แฮร์รี่สวมได้ดีทีเดียว



    “ฉันมีเรื่องจะถาม! เฮอร์ไมโอนี่”  รอนท้วงขึ้นมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันหลังจะผลักประตูออกไป   เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างมีเรื่องว่าเธอจะเอายังไงอีก



    “เธอแต่งเป็นอะไรเหรอ” รอนถามเอาง่ายๆและดิ้อๆ   เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเศร้าๆกับตัวเองอย่างเยือกเย็นและอ้างว้าง



    “เจ้าสาวที่ไว้ทุกข์ให้เจ้าบ่าวล่ะมั้ง” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศ้ราสร้อย   รอนรู้สึกว่าตัวเองไปกระทบกับจิตใจที่บอบช้ำของเฮอร์ไมโอนี่เข้าอย่างจัง   แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่อย่างห่วงใย   แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเอื่อมมือไปแตะแขนของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อปลอบใจนั้น   หญิงสาวก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยมาเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นแทน



    “หรือไม่ก็ยมทูต!”





    เฮอร์ไมโอนี่  แฮร์รี่  และรอนออกมาซอกตึกแคบๆด้านหนึ่งของเมือง   ถนนทั้งถนนถูกประดับประดาด้วยหุ่นจำลองรูปผีต่างๆและบางจุดก็สว่างด้วยโคมรูปหัวฟักทอง   ผู้คนมากมายเต็มท้องถนนดันตัวเองไปข้างหน้าเมื่อขบวนเริ่มเคลื่อน   เหล่ามักเกิ้ลต่างพากันสวมชุดผีต่างๆ   เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอเจอพ่อมดหนือแม่มดบางคนในขบวนนั้น  หลายคนจำพวกเขาได้แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ใต้หน้ากากพเพื่อำพรางหน้าตา   และแน่นอนว่ามีบางคนที่สวมชุดนักเรียนฮอกวอตส์มาร่วมงาน  และในมือของเขามีไม้กายสิทธิ์หรือไม่ก็ไม้กวาดที่ใช้งานได้จริงๆ



    “เราต้องจับตาดูด้วยว่าอย่าให้พวกเราใช้ของพวกนั้นขึ้นมกลางงาน   มักเกิ้ลไม่คุ้นเคยกับไม้กวาดบินได้หรือไม้กายสิทธิ์หรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่หันมากระซิบข้างหูแฮร์รี่และไม่สนใจเขาอีก   แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวและใจเต้นแรงอย่างแปลกประหลาด



    “กรี๊ด!!!!!!!!!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นจากกลางขบวน   เฮอร์ไมโอนี่หันไปทางที่เสียงหวีดร้องดังขึ้น  แฮร์รี่แลรอนล้วงลงไปในชุดแฟนซีขอพวกเขา   เฮอร์ไมโอนี่หันมาตะโกนสั่งพวกเขาทันที



    “พวกเธอไปทางนั้นนะ   เดี๋ยวฉันจะไปทางโน้น!” เฮอร์ไมโอนี่พูดจบก็หันหลังและวิ่งฝ่าฝูงชนที่กำลังแจกจื่นและวิ่งหนีกันอุตลุต   เสียงกรีดร้องยังดังขึ้นอยู่เรื่อยๆ   เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอ่อนแรงเหลือเกินในการฝ่าต้านฝูงชนที่กำลังหวาดกลัวอย่างบ้าคลั่งนี้



    “ขอโทษค่ะ! เกิดอะไรขึ้นคะ!” เฮอร์ไมโอนี่กระชากเสื้อคลุมของแวมไพร์ไว้ได้   มักเกิ้ลคนหนึ่งที่ดูตื่นกลัวอย่างบ้าคลั่งหันมาตอบเธอ



    “มีผู้หญิงถูกฆ่าอยู่ตรงโน้นน่ะ!” เขาพูดจบก็สะบัดตัววิ่งออกไปทันที   เฮอร์ไมโอนี่ราวกับงุนงง   เธอถูกแรงของคลื่นมนุษย์พาร่างของเธอไปเรื่อยๆ



    แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งในชุดสีดำ  หมวกปีกกว้างของเขาปิดหน้าเกือบทั้งหมด   แต่เฮอร์ไมโอนี่เห็นได้ชัดว่าเขาสวมหน้ากากที่ปิดเฉพาะส่วนตาเหมือนกับเธอ   ผ้าคลุมสีดำนั่นบังร่างทั้งร่างเกือบจะมิด   เขายืนกอดอกและเหมือนกับกำลังมองเหตุการณ์และเฮอร์ไมโอนี่อย่างพอใจอยู่ที่มุมตึกด้านหนึ่ง



    “มัลฟอย......” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ   เร็วเท่าความคิดที่เธอถลาฝ่าฝูงชนเพื่อจะพาร่างของตนไปหาชายปริศนานั้นให้ได้   คลื่นมนุษย์จำนวนมากทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถพาตัวเองไปได้เร็วอย่างที่ใจคิด   ภาพของชายคนนั้นค่อยๆถูกบังโดยผู้คนจำนวนมาก   ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถพาร่างของตัวเองมาถึงมุมตึกด้านนั้นได้



    แต่เขาไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว..........





    ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่สามารถพาร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์วิกเตอร์ได้   เธอดูเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียอย่างเห็นไดชัด   แต่ที่เห็นได้ชัดเจนกว่าคือความอ้างว้างและเย็นชาในดวงตาสีน้ำตาลซีดของเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่ผลักประตูไม้บานใหญ่ของห้องนั่งเล่นเข้ามาอย่างอ่อนแรง   ภายในห้องนั่นมืดสนิทและเย็นเฉียบเหมือนสภาพของผู้อาศัยในบ้านตอนนี้   เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ชั้นวางของตั้งโชว์ที่ตั้งอยู่เดียวดายท่ามกลางชั้นหนังสือสูงตระหง่านกว่าสิบชั้นในห้อง   ที่ชั้นนั้นวางกรอบรูปตั้งโชว์อยู่เอาไว้มากมาย   เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือไปหยิบกรอบใส่รูปที่กำลังเคลื่อนไหวอันหนึ่งขึ้นมา   มันเป็นภาพของหญิงสาวที่กำลังกอดก่ายอยู้ข้างกายของชายหนุ่มคนหนึ่ง   นั่นคือรูปของวิกเตอร์และเฮอร์ไมโอนี่ในวัยสิบหกปีที่กำลังสดใส   ในมือของวิกเตอร์มีถ้วยรางวัลสีทองจากการแข่งขันควิดดิช   มืออีกข้างของเขากอดไหล่อของเฮอร์ไมโอนี่   และมีหลายครั้งที่หันมาหอมแก้มหญิงสาวด้วยความรัก



    ‘การแก้แค้นมันไม่เคยทำให้ฉันท้อเลยนะวิกเตอร์   ยิ่งศัตรูห่างไกลฉันเท่าไร   มันก็เหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ฉันยิ่งต้องการที่จะตามหาเขาให้ได้   เขาพรากคุณไปจากฉัน.....เขาพรากชีวิตของฉันไป’ หยดน้ำตาหยดลงที่กระจกกรอบรูป   แววตาของเฮอร์ไมโอนี่ยังคงความเยือกเย็นไว้   แต่น้ำตาที่เอ่อล้นมานั้นดูราวกับว่าเธอกำลังฟูมฟายอยู่ข้างใน



    “รำลึกอดีตอยู่เหรอ” เสียงเยือกเย็นฟังดูปนสมเพชดังขึ้นจากด้านหลัง   เฮอร์ไมโอนี่หันไปและแทบหยุดหายใจ   เงาของคนคนหนึ่งยืนหันหลังให้เธอและมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่   แสงดาวจากด้านนอกพอจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นเงาร่างของเขาได้บ้าง



    เขานั่นเอง.........







    ที่จริงตอนนี้แบ่งครึ่งออกมานะคะ   ตอนนี้จะอัพช้ามากๆเพราะทั้งงานโรงเรียน  งานนพมาศ  กีฬาสี  ตอนนี้ค่อนข้างยุ่งนะคะ  



    เอ่อ.......ใครที่รออ่านคืนฝันของมัลฟอยอยู่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไร้การอัพเดทมานาน  เราปวดหัวมากเลยเพราะอยากจะให้เรื่องมันออกมาดีกว่านี้ก็เลยแก้แล้วแก้อีก แต่คาดว่าน่าจะอีกไม่นาน (แล้วเราก็เสียความมั่นใจไปเยอะเลยที่เพื่อนว่าเรา  คงจะเห็นเเล้วว่าเขามาโพสท์ขอโทษเราที่คืนฝันฯน่ะค่ะ  ขอโทษนะคะที่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้ไม่สบายใจ)



    ขออภัยในความผิดพลาดบางประการนะคะ  อะไรไม่ชอบก็ขอโทษด้วย  ขอบคุณทุกคอมเม้นท์  ทุกคนอ่าน  และทุกคะแนนโหวตค่ะ



    ขอบคุณมากค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×