คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 26 องศาที่ต่างกัน 100%%%%%%%
ตอนที่ 26 องศาที่ต่างกัน
ไม่มีอะไรที่น่าขี้เกียจสำหรับจอนจองกุกเท่ากับเช้าวันจันทร์อีกแล้ว แถมยังมีเรียนแปดโมงเช้าด้วย ร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาตัวเก่าแต่ตอนนี้มันดันคับแน่นจากเดิม ช่วงนี้น้ำหนักของเจ้าหมาน้อยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมตั้งสามกิโล คงเป็นเพราะมีพี่จินเลี้ยงดีนั้นเอง
“เฮ้อ เห็นทีคงเป็นหมูละทีนี้”
หลังจากที่หันไปหันมาอยู่หน้ากระจกอยู่หลายครั้งเพื่อเช็คความเรียบร้อย พลางบ่นไปกับตัวเอง บนเตียงเล็กเต็มไปด้วยกระเป๋าเสื้อผ้าหลายใบ เห็นทีวันนี้ต้องย้ายห้องแล้วสินะ จริงๆเจ้าหมาน้อยพยายามจะทำเป็นลืม แต่ถึงอย่างไรคิมซอกจินก็ไม่ยอมดี แถมยังกำชับหนักกำชับหนาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงตอนเช้าที่โทรมาปลุกด้วย
ก๊อกๆๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกทำให้จอนจองกุก รีบละความสนใจของตัวเองและวิ่งไปเปิดประตูห้องทันที
“อ้าวโฮป ว่าไง มีเรียนเช้าหรอ”
“อื้ม ฉันรู้ว่านายก็เรียนเช้า เลยอยากไปเรียนพร้อมกัน”
กลายเป็นเจโฮปที่หายหน้าหายตาไปหลายวันเช่นกันมายืนเคาะเรียกเจ้าหมาน้อยในชุดนักศึกษาที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวด้านนอก แต่สภาพใบหน้าของเขาดูซีดเซียวอย่างกับคนป่วย
“นายไม่สบายหรือป่าว”
จอนจองกุกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะยื่นมือเล็กไปสัมผัสกับหน้าผากของคนตรงหน้า แต่กลับถูกเจโฮปปัดออกเสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอก ไปเรียนกันเถอะ”
ตามปกติเพื่อนคนนี้ก็นิ่งอยู่แล้ว แต่พอมาวันนี้กลับแปลกกว่าเดิม คนห่วงเพื่อนได้แต่แอบสงสัยอยู่ในใจแต่ไม่กล้าจะถามออกไป
ในระหว่างทางอยู่ๆเจโฮปก็หยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหน้ามามองเจ้าหมาน้อยด้วยแววตานิ่งเรียบ และเดินต่อไป
“นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรือป่าว”
“หึ ! ดูหน้านายมีความสุขดี ปรับความเข้าใจกับซอกจินได้แล้วสินะ”
คนร่างสูงหัวเราะในลำคอ และเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจในเรื่องระหว่างจอนจองกุกกับคิมซอกจินจริงๆ
“ใช่!! ว่าแต่นายนี่ดูเป็นห่วงฉันจริงๆเลยนะโฮป อ่อจริงสินะ วันนั้นนายเป็นคนพาพี่จินมาหาฉันที่ห้องจีมินด้วย”
“เอ่อ…คือ..ฉันต้องขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้ว่านายอยู่กับจีมินที่ห้อง จู่ๆซอกจินก็มาถามหาห้องจีมินกับฉัน ฉันเลยอาสาพาไป ฉันขอโทษจริงๆนะจองกุกอา”
คำพูดของเจโฮปเริ่มตะกุกตะกักจนน่าสงสัย เรื่องราวทั้งหมดมันดูบังเอิญเกินไปหรือป่าว ที่คนอย่างซอกจินจะมาหาจีมิน ร่างบางคิด
“ว่าแต่นายนี่สนิทกับแร็ปม่อนฮยองใช่ไหม ว่าละนายถึงรู้ว่าห้องปาร์คจีมินอยู่ไหน”
“ใช่เราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกัน”
จอนจองกุกรู้สึกแคลงใจมาสักพักแล้ว ที่เวลาอยู่ด้วยกันเจโฮปเอาแต่ถามเรื่องซอกจินกับตนเสมอ จนกระทั่งวันไหน ร่างบางก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ภานในแววตาของเพื่อนสนิท
“หน้านายเป็นแผลขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
“ก็ตั้งแต่จำความได้ ฉันได้รับฉายาปลวกมาแต่ไหนแต่ไร”
เจ้าหมาน้อยนึกขึ้นได้ว่า เจโฮปเป็นคนที่มีหน้าเป็นแผลสิวเยอะ แต่ทำไมวันนั้น วันที่เขาทะเลาะกับซอกจิน วันที่เจโฮปพาเขาเข้ามา หน้าของเขาถึงได้เกลี้ยงเกลาราวกับไม่มีรอยแผลใดๆสักนิด
“เจโฮปอา เราเป็นเพื่อนกันมาสักพักแล้วสินะ นายยังไม่เคยเล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังเลย”
ใช่!! ตั้งแต่รู้จักกันมาร่วมห้าเดือนกว่าๆ เจโฮปไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ใครฟัง บอกแค่ว่าอยู่คนเดียวเพราะพ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว
“เรื่องอะไรหรอ ฉันไม่มีอะไรจะเล่าหรอก”
“เรื่องแฟนเก่าของนายไง”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าแฟนกว่า ใบหน้าของอีกฝ่ายถึงกับเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากทั้งสองถูกขบด้วยฟันเบาไปมาราวกับเป็นสัญชาตญาน
“เฮ้ ไอ้กุก ทางนี้ๆๆๆๆ”
ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียน มินยุนกิที่อยู่ในเสื้อคลุมสีครีม ตะโกนโหวกเหวกเรียกเจ้าหมาน้อยอยู่ภายในห้อง ทำให้ผู้ต้องสงสัยมีโอกาสไหวตัว
“งั้นฉันไปก่อนนะ เจอกันมื้อเที่ยง”
เจโฮปรีบกล่าวลาเพื่อน ก่อนจะเดินไปยังห้องเรียนของตัวเอง จอนจองกุกได้แต่ยิ้มรับตามหละง เพราะรู้ดีว่าเขาคนนั้นพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่ถามไป
“ยืนเหม่ออะไรมึงเนี่ย ไม่หนาวหรือวะ”
มินยุนกิรีบวิ่งเข้ามารั้งเพื่อนของตัวเองเข้าไปในห้องโดยไว เพราะลมด้านนอกมันหนาวกว่าวันปกติ
“แม่งแปลกจริงๆวะ”
“ใคร? ใครแปลก กูหรอ”
ในระหว่างที่จอนจองกุกกำลังบ่นถึงใครบางคน มินยุนกิที่กำลังยืนกินขนมอยู่นั้น ก็เอ่ยถามอย่างร้อนตัว
“ซูก้า มึงว่าเจโฮปเป็นคนยังไงวะ”
“งั่มๆๆๆ ถามไมวะ ไอ้โฮปมันก็นิ่งๆ เอ๋อๆ ปลวกๆตามสไตล์ของมันละมั้ง”
มินยุนกิพูดในขณะขนมยังเต็มปากตามที่ตัวเองคิด แต่แตกต่างจากจอนจองกุกที่กำลังคิดไปมากกว่านั้น เจโฮปต้องมีอะไรปิดบังเขาอยู่แน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องคิมซอกจิน
“เฮโหลลลลลล ว่าไงครับบบ คนน่ารักทั้งสอง นั่งเม้าท์มอยอะไรกันอยู่ มีอะไรเกี่ยวกับวีวี่บ้างไหม”
และแล้วคิมแทฮยองที่เดินเข้ามาพร้อมกับคิมซอกจิน ก็วิ่งปรี่เข้ามาหาร่างบางทั้งสองที่นั่งคุยกันอยู่หลังห้อง
“มีสิ ไอ้เป้และหนังสือเรียนที่ให้ไปหามาให้ได้ครบหรือป่าว ไอ้วี”
“แหม เมียบัญชามาขนาดนี้ ก็ต้องครบสิจ้ะเมียจ๋า”
คนกลัวเมียพูดด้วยเสียงหวาน ก่อนจะยืนกระเป๋าเป้สีเหลืองมาให้กับคนที่กำลังนั่งรออยู่
“ไงลูกหมา จัดกระเป๋ารอพี่แล้วใช่ไหมละ”
คิมซอกจินเอ่ยทักทายเจ้าเด็กน้อยที่นั่งยิ้มฟันแฉ่งอยู่ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆ
“ผมตื่นเต้นนะครับ รู้สึกเหมือนกำลังจะหนีตามไปพี่ยังไงไม่รู้”
คำพูดซื่อๆของจอนจองกุกทำเอาคนตรงหน้าหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ซึ่งแตกต่างจากมินยุนกิกับคิมแทฮยองที่แว่วได้ยินเสียงกำลังหันมาจ้องหน้าทั้งคู่อย่างสงสัย
“ไอ้จิน กูขอตัวเพื่อนกูสักครู่”
คนที่เห็นท่าไม่ดีอย่างมินยุนกิรีบฉวยข้อมือเพื่อนสนิทออกมาอีกด้านหนึ่งเพื่อสอบถามรายละเอียด
“หมายความว่าไงวะ ไอ้กุก มึงจะไปอยู่กับไอ้จิน”
มินยุนกิเอ่ยถามเสียงดังลั่น จนเจ้าหมาน้อยต้องรีบเอามือไปอุดปากนั้นเอาไว้เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“เบาๆสิวะ มึงจะประกาศเสียงดังไปทำไมกัน อื้มใช่ กูจะไปอยู่กับพี่จินที่คอนโด”
“หยี !! มึงมันเลว ใจง่าย ตามผู้ชาย ไอ้เพื่อนใจแตก”
มินยุนกิพลั้งปากหลุดคำด่าออกมาหลายคำ เพราะไม่รับกับสิ่งที่เพื่อนสนิทตัดสินใจทำลงไปได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็…
“ครับๆๆ ใครจะไปเหมือนมึงละ หนีเพื่อนไปนอนกกนายวีตั้งสามวัน กระเป๋าที่ห้องกูนี่ไม่เอาแล้วใช่ไหม”
“คนละเรื่องกันเว้ย แต่มึงมัน…กูจะพูดยังไงดีวะ เอาเป็นว่ามึงกำลังจะเดินเข้าปากเสืออย่างไอ้จิน”
คำพูดและท่าทางของคนตรงหน้ากำลังทำให้จอนจองกุกอยากจะหัวเราะออกมา มินยุนกิพูดอย่างกับแสดงละครใบ้ออกมา
“เสือหรือ แต่เวลาอยู่กับกู พี่จินเหมือนแมวเหมียวแหน่ะ”
“โอ้ยยไอ้เพื่อนแรด นี่เจอคำหวานของผู้ชายไปไม่กี่คำ มึงนี่หลงมันขนาดนี้เลยหรอวะ”
มินยุนกิหมดความอดทนกับไอ้คู่รักช็อกโลกคู่นี้จริงๆ ตอนนี้แรกตั้งตัวจะเป็นศัตรูกัน แต่ในวันนี้ไอ้เพื่อนรักกลับคำไปหมดสิ้น
“ก็เหมือนมึงหลงวีวี่แหละนาย ปากก็ด่าๆ แต่เวลาอยู่กันสองคนมึงก็เชื่องว่าง่ายเชียวนะ”
คนที่โดนสวนกลับรีบเดินหนีกลับไปในห้องตามเดิม ทิ้งไว้เพียงจอนจองกุกที่หัวเราะออกมาอย่างกับผู้ชนะในการโต้วาทีครั้งนี้
ต่อ
ในระหว่างนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างร้อนรนของ ชอนอูบิน นักศึกษาเพื่อนห้องเดียวกับปาร์คจีมิน ก็ตรงมายังคนที่ยืนอยู่ พร้อมกับถามหาเพื่อนตัว
“เห้ยยจองกุก มึงเห็นจีมินบ้างหรือป่าววะ วันนี้ก็ไม่มาเรียน ได้ข่าวว่ามันโดดซ้อมบาสด้วย”
“ลองไปหาดูที่บ้านหรือยัง จีมินมันอาจจะไม่สบายก็ได้”
“กูไม่รู้วะ ว่ามันอยู่ห้องไหน อาจารย์ให้กูตามหาอยู่เนี่ย แม่งเป็นหัวหน้านี่ปวดหัวฉิบหาย”
ชายหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงบ่นอุบอิบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หายไปไหนของมันนะ”
จอนจองกุกเริ่มรู้สึกใจแป้วกลัวว่าปาร์คจีมินจะคิดมาก และทำอะไรบ้าๆลงไป ช่วงนี้ยิ่งมีคนฆ่าตัวตายเพราะความรักเยอะๆอยู่
“ถ้าไงติดต่อมันได้ ช่วยบอกให้มันเสนอหน้ามาเรียนด้วยนะ ยิ่งใกล้จะสอบแล้วด้วย”
หลังจากสั่งเสียเสร็จชายหนุ่มก็วิ่งกลับเข้าห้องไปตามเดิม ปกติปาร์คจีมินเป็นคนที่ตรงต่อเวลาที่สุด และไม่เคยละเลยการซ้อมบาสซึ่งเป็นชีวิตจิตใจของเขา ถึงแม้จะป่วยก็ตาม มันต้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างบางคิดพลางสาวเท้าก้าวตรงไปยังหอพักนักกีฬาทันที
“จีมิน!!! มึงอยู่ไหมวะ?”
เสียงเล็กตะโกนเรียกอยู่หน้าห้องที่ที่ถูกล็อคไว้จากด้านใน จอนจองกุกพยายามแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวเผื่อคนในห้องจะพยายามซ่อนตัวเองอยู่
“กูรู้ว่ามึงอยู่ในห้อง อกหักจากกูมันทำให้มึงต้องทำร้ายตัวเองเลยหรือไง”
“……..”
ไร้ซึ่งเสียงโต้ตอบใดๆจากเขา แต่แน่นอนปาร์คจีมินกำลังฟังสิ่งที่เจ้าเด็กด้านนอกพูดบอก
“มึงจะไม่มาเรียนหรือจะโดดซ้อม ก็เรื่องของมึง แต่ขอแค่มึงอย่าทำร้ายตัวเอง ตามวิถีของคนโง่ที่เขาทำกัน”
“…..”
“ได้ไหม…กูขอร้อง”
เสียงแผ่วปนสะอื้นของจอนจองกุก เกือบจะทำให้คนที่ขังตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมาสามวันอย่างปาร์คจีมินเปิดประตูออกมา
“มึงกลับไปเถอะ กูยังไม่พร้อมจะเจอมึงตอนนี้ กูมันขี้ขลาด”
ชายหนุ่มอยากจะเข้าสวมกอดพร้อมกับเอ่ยขอโทษจากใจจริง แต่บัดนี้เขากลับไม่กล้าพอ ไม่กล้าพอที่จะสู้หน้าคนที่เขาเคยทำให้ต้องเสียน้ำตา
“ถ้ามึงคิดว่ากูจะโกรธ เรื่องที่มึงทำวันนั้น มึงคิดถูกแล้ว กูโกรธมึงมาก โกรธจนไม่อยากจะให้อภัย เพราะพี่จินเกือบจะทิ้งกูไป”
“ใช่มันสมควรแล้ว เพราะ กูมันเหี้ย กูมันเลว”
ปาร์คจีมินยังคงโทษตัวเองเพียงอย่างเดียว
“ใช่มึงมันไอ้เพื่อนเหี้ย แต่ยังไงแล้ว ต่อให้กูโกรธมึงมากแค่ไหน กูก็เกลียดมึงไม่ได้อยู่ดี เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมึงคือเพื่อนรักของกูไง”
ของเหลวอุ่นๆไหลออกมาจากหน่วยตาเล็กทั้งสองโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ความอัดอั้นทั้งหมดที่มีวันนี้จอนจองกุกตัดสินใจแล้วจะพูดออกไปให้หมด
“กูก้าวมาที่นี่ กูตัวคนเดียว ในวันที่เลวร้ายและมึงก็เป็นคนที่ทำให้กูรู้สึกว่าอย่างน้อยที่นี่มันก็ไม่ได้แย่ทั้งหมด”
“……..”
“และไอ้เหตุผลเหี้ยๆพวกนี้แหละ ที่ทำให้กูต้องให้อภัยคนเหี้ยๆแบบมึง”
“จอนจองกุก…”
“เปิดประตูออกมาได้แล้วไอ้ห่า คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกฟิคเรื่องนี้หรือไง เล่นตัวฉิบหาย”
คำพูดของจอนจองกุกทำเอาคนที่กำลังร้องไห้ต้องหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ปาร์คจีมินรู้สึกดีขึ้นมากๆ อย่างน้อยตอนนี้สิ่งที่เขาหวังก็เป็นจริงแล้ว มือหนาค่อยๆเลื่อนไปบิดลูกกุญแจประตู ก่อนจะเปิดมันออกไปพบกับคนที่ยืนอยู่ด้านนอก
“ใส่ชุดอะไรของมึงเนี่ย สภาพแม่งดูไม่ได้”
จอนจองกุกเอ่ยแซวคนที่เพิ่งออกมา ในขณะที่กำลังปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอยู่
“มึงมีเรียนเช้าหรอ”
“กูเห็นอยู่ว่ากูใส่ชุดนักศึกษา กูคงมาซักผ้ามั้ง”
ยอมรับว่าตอนนี้ปาร์คจีมินรู้สึกโล่งใจที่เพื่อนสนิทกลับมาต่อปากต่อคำกับเขาแทนที่จะเฉยชาใส่
“มีผงซักฟอกไหมละ กูให้ยืม”
ป๊าบบบบ!!!
แน่นอนทันทีที่ร่างหนาปล่อยมุขบ้าง ก็โดนกำปั้นเล็กฟาดลงบนแขนอย่างเต็มแรง และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา
“ขอบคุณนะ ที่อภัยให้กับคนงี่เง่าอย่างกู และกูขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง”
“อื้มม..แต่กูอยากให้มึงรู้อะไรไว้อย่าง คนเราเกิดมาในองศาที่ต่างกัน จะมีเพียงคนๆเดียวเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อเป็นคนที่ใช่ ด้วยองศาที่ตรงกัน และมึงกับกูเราคงเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น”
นี่คงเป็นสิ่งที่ที่สุดแล้วละที่จอนจองกุกมอบให้เขา ปาร์คจีมินยิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ อย่างน้อยเขาก็ยังได้อยู่ใกล้และดูแลคนๆนี้ได้อยู่ อยู่ๆตำแหน่งเพื่อนแบบเดิมมันก็ดีแล้วในระหว่างที่สองเพื่อนสนิทกำลังปรับความเข้าใจกันอยู่นั้น กลับมีใครบางคนกำลังรัวชัตเตอร์ กล้องเพื่อจับภาพของพวกเขาทั้งคู่อยู่ห่างๆ
“ใครวะ!!!”
ปาร์คจีมินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางไม่ดี
“จองกุกมึงกลับไปก่อนเถอะ มีคนถ่ายรูปเรา กูคิดว่าต้องเอาไปให้ไอ้จินแน่ๆ”
ร่างหนาบอกกับจอนจองกุก ก่อนจะรีบวิ่งตามไอ้พวกแอบถ่ายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความกังวลของคนตัวเล็กที่รู้ความจริงว่ายังมีคนไม่พอใจในคู่ของจินกุก
พี่จินผมจะไม่ยอมให้เราต้องทะเลาะกันเพราะคนอื่นอีก
“ฮร่า!!!! เลิกเรียนแล้ว ไปเก็บของเตรียมเข้าห้องหอกันเถอะ”
หลังจากที่มาดามฮวังสะบัดก้นออกจากห้องเรียน คิมซอกจินที่รอคอยเวลานี้มานานก็ตรงดิ่งเข้ามาหาเจ้าหมาน้อยที่กำลังจัดเก็บหนังสือใส่กระเป๋าอยู่
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมยิ่งรู้สึกผิดกับพ่อแม่เข้าไปใหญ่ ถ้ารู้ว่าผมย้ายไปอยู่กับพี่”
“เอาน่า พ่อกับแม่เข้าใจ และต้องสนับสนุนลูกเขยสุดเพอร์เฟคอย่างพี่แน่นอน”
มือหนาของคิมซอกจินเลื่อนขยี้หัวของคนตัวเล็กไปมา จนผมยุ่งเสียทรง
“อะแฮ่มม อย่าให้มันมากหนักนะไอ้จิน เพื่อนกูหวงเข้าใจไหม”
หมาหวงเพื่อนอย่างมินยุนกิก็ไม่ยอมเลิกรา แต่ถึงจะห้ามยังไงไอ้คู่นี้มันก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี คอยดูนะถ้าไอ้จินมันทำให้จองกุกเสียใจอีกสักครั้ง มินยุนกิคนนี้จะตามไปถลอกหนังหัวถึงที่เลย
“ไงดีละ เนื่องในวาระดีอย่างนี้ กระผมคิมแทฮยอง รูปหล่อ พ่อรวย กระบวยตักน้ำ ขออวยพรให้คู่บ่าวสาว รักกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”
“ส่วนมึงไอ้จิน เอาหูมานี่”
คิมแทฮยองเดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเพื่อนสนิท ก่อนจะยัดของใส่กระเป๋ากางเกงให้ คิมซอกจินยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเลียปากเลียคอ ว่าแต่ไอ้ของที่ว่ามันคืออะไร
“ไงกูไปก่อนนะ จะต้องพาจองกุกไปซื้อของอีกหลายอย่าง”
เสี่ยน้อยพูดตัดบทก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามาโอบแล้วเดินไปด้วยกัน
“พี่จินครับ นายวีกระซิบอะไรพี่หรอ แถมยังยื่นอะไรให้ด้วย”
เจ้าหมาน้อยเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่กำลังไปยังหอพักเพื่อเก็บสัมภาระ
“อยากรู้จริงหรอ”
“ครับ!”
“บอกตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ไว้คืนนี้เข้ามาลุ้นด้วยกันนะ”
หึหึ จอนจองกุก เจ้าหมาน้อย ไม่รู้อะไรสะแล้ว ว่าคิมซอกจินได้ของเล่นใหม่มาใช่กับตัวเอง ถึงคอนโดเมื่อไหร่ได้สนุกแน่!!!!!!
########################################################
ครบแล้วค่าาาาาา!!!!!!
กดเฟบเรื่องที่รูปจินกุก
กดโหวตและเขียนคำนิยมที่รูปวีก้า
อยากบอกว่าตอนนี้ แท๊กของเรามีคนเข้าไปเล่น เข้าไปพูดคุยกันแล้วนะ ปลื้มมากๆเลยคะ ทวงฟิค หรือพูดคุยกับไรท์ได้นะคะ ถ้าเกิดไรท์หายหัวไปนาน สามารถตามไปจิกหัวได้ 55555 #SecretloveBTSหรือ @btob2mh_fan
ฝากติดตามผลงานเค้าด้วยละ ช่วยกันโหวต เขียนคำนิยาม หรือ คอมเม้นท์กันได้น่ะ
เอ่อ!! มีเรื่องนึง คือมีน้องคนนึงเขาสนใจอยากให้ไรท์รวมเล่มคะ เลยอยากจะสอบถามว่ามีใครสนใจหรือป่าว ส่วนรายละเอียดไว้คุยอีกทีนะคะ
โอเค เจอกันในตอนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคนถ่ายรูปจีมินกุกไป จีมินจะจับคนแอบถ่ายได้ไหม และน้องกุกกับการย้ายไปอยู่คอนโดพี่จินจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
รักรีดเดอร์ทุกคน รักโซชิ รักสิก้า รักบีทูบี รักมินฮยอก
ส่วนใครที่ขอเอ็นซีมา จัดส่งให้หมดแล้วนะคะ!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น