จำพี่กันได้มั้ย? พี่ไหมนี่ไงคะ
ปัจจุบันศึกษาอยู่คณะศิลปศาสตร์
สาขาวิชาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน หลักสูตรนานาชาติ
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ชั้นปีที่1
พี่ไหมกลับมาจากเสม็ดแล้ว..
ไปซ้อมเทควันโดมา แต่ว่า.. . .
เจอผะ..ผะ...ผีด้วย ผีตายโหงงงงง!!
กรี๊ดดดดดดดด ด ด ดดดด ดดด ด ด
ถ้าพี่อยู่ม.6 เจอผีพี่จะขอพรให้แอดฯติดกันเลยทีเดียว
แต่.. ผิดที่เราเจอกันช้าไป ไม่มีทางจะมารักกัน o_O (รักเหรอ? ไม่นะ)
จากตอนที่แล้ว พี่ก็เล่ามุมมองความคิดของพี่
ที่มีต่อแอดมิชชั่น และเหตุผลที่พี่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนไปแล้ว
ตอนนี้พี่ก็เลยอยากจะมาอธิบายต่อ
ในเรื่องที่น้องๆบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจและพี่คิดว่ายังคงสับสนกันอยู่แน่ๆ
น้องๆรู้มั้ย? ว่าคณะเหล่านี้ เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง?
คงจะสงสัยกันหล่ะสิ??
มนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์
เกี่ยวอะไรกัน? เกี่ยวข้องกันอย่างมากเลยหล่ะค่ะ
เพราะว่ามันคือคณะเดียวกัน
แต่น้องๆรู้มั้ยคะ? ว่าชื่อพวกนี้มันมากจากไหน?
ถ้าแปลโดยคร่าวๆแล้วล่ะก็ ก็จะแปลได้แบบนี้ล้ะ
ไม่ว่าจะเป็น มนุษยศาสตร์ ที่แปลว่า ศาสตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์
อักษรศาสตร์ ศาสตร์ทางตัวอักษร หรือจะเป็น
ศิลปศาสตร์ ศาสตร์ทางศิลป์ตัวหนังสือ
ทั้ง 3คณะนี้ ถูกเรียกกันต่างออกไปตามแต่ละมหาวิทยาลัยจะเลือกใช้
เช่นเดียวกับคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
น้องๆรู้มั้ยคะ? ว่านั่นก็คือคณะเดียวกันกับคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอื่นๆ
ทีนี้เรามาดูกันว่ามนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์
เค้าเรียนอะไรกันบ้าง?
อ๊ะ!! น้องๆจ๋า รู้กันมั้ยเอ่ย? คณะพวกนี้เห็นว่าเป็นทางภาษา
อย่าคิดนะ ว่าจะเรียนแต่ภาษา ภาษาอย่างเดียว รู้กันรึเปล่า?
ว่าต้องเรียน จิตวิทยาด้วย พี่เจอตัวนี้เข้าไปถึงกับอึ้งๆๆๆๆ
ยิ่งของพี่หลักสูตรอินเตอร์ เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ป๊าดดดดดดดดด
ภาษาไทยยังไม่รู้จะรอดเลยรึเปล่า? แต่นี่ภาษาปะกิดด้วย ตายๆๆๆๆๆๆ
แค่เห็นชื่อหนังสือก็งงกันแร่ว ชื่อหนังสือของพี่ Metaphysical Question
เห็นแล้วอยากจะถามคนสอนว่านี่ชั้นเรียนคณะทางภาษาหรือว่าเรียนสายวิทย์กันเนี่ย
ยิ่งเปิดเข้าไปยิ่งงง Perspective 1.Subjective 2.Objective 3. . .. . . .. .
บลา บลา...บลา อ่านไปๆก็งง Subjective นี่ประธานป่าววะ?
Objective นี่ก็ต้องเป็นกรรมแน่ๆ แต่พอเรียนๆไป กลับไม่ใช่เลย
ไม่มีอะไรที่เราคิดเอาไว้เลย แต่ก็สนุกนะ บางเรื่องคิดไม่ถึงว่าจะเป็นอย่างนั้น
สนุกจริงๆ ต้องเรียนๆ ที่สำคัญฝรั่งที่สอนพี่เป็นเกย์ด้วย ฮ่าๆๆๆๆ
ส่วนวิชาเอกที่น้องๆจะเลือก ก็เลือกได้ตามความถนัดความชอบของน้องๆเลย
ไม่ว่าจะเป็นสาขาการท่องเที่ยว สาขาอุตสาหกรรมการบริการ
สาขาภาษาอังกฤษ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ ภาษาเยอรมัน
สาขาภาษาจีน สาขาภาษาจีนธุรกิจ สาขาการโรงแรม
สาขาจีนเศรษฐกิจการค้า สาขาภาษาฝรั่งเศษ สาขาภาษาเกาหลี สาขาภาษาญี่ปุ่น
หรือบางมหาวิทยาลัยจะเป็นเอกคู่อย่างของพี่ ภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน
แต่จะไม่มีวิชาโทในหลักสูตรของพี่ เพราะถือว่าเรียนวิชาเอกเป็นสองภาษาแล้ว
และยังมีอีกหลายสาขาอีกมากมายเลยแหละจ่ะ
ถ้าถามว่าจบมาทำงานอะไรได้บ้าง?
เยอะมากๆๆๆๆ เลยแหละ เพียบเลยยย
คนรู้ภาษาจะทำอะไรก็ได้เยอะแยะไป เป็นล่ามก็ได้นะ
แปลภาษาให้พวกดาราศิลปินต่างประเทศ เวลาเค้ามาทำงานที่ไทยหรือมาเที่ยว
เผลอๆมีจงมีจีบกัน อ๊ะๆๆๆ ได้แฟนไม่รู้ตัว ฮ่าๆๆๆ
มัคคุเทศก์ก็ดี ไกด์นี่แหละ เที่ยวกันมันส์เลย ไม่ว่าจะพาคนไทยเที่ยว ฝรั่งเที่ยว
ชาติไหนไปเที่ยว เราก็ได้เที่ยวด้วย แต่อันนี้ต้องสอบใบอนุญาตก่อนด้วยนะจ๊ะ
เป็นครูสอนภาษาก็ได้ อาชีพนี้ยอดฮิตเลย ครูสอนจีน สอนอังกฤษ
เผลอๆอ๊ะสอนเกาหลี สอนเยอรมันกันไป ได้แฟนเป็นนักเรียนที่มาเรียนพิเศษ
อ๊ะๆ ก็มีกันบ้าง ความรักมันไม่จำกัดขอบเขตอยู่แล้ว เนอะๆ
แต่ดูความเหมาะสมกันหน่อยก็ดีน้า ระวังๆ พ่อแม่เค้าหวงจะโดนเล่นงานมิใช่น้อยนะจ๊ะ
จริงๆแล้วอาชีพมันมีอีกเยอะเลย แล้วแต่ว่าเราจะนำไปประยุกต์ใช้ในทางไหน
อ๊ะ! พี่ลืมบอกไป
บางคนอยากรู้ เรียนภาษาไม่ต้องเรียนคณิตศาสตร์ใช่มั้ย?
อันนี้ก็แล้วแต่กับสาขาวิชาที่น้องๆเลือกไปนะจ๊ะ ถ้าหากว่าเป็นอย่างของพี่
อันนี้สบายใจได้เลยจ๊ะ เอกคู่สองภาษาของพี่ไม่มีคณิตศาสตร์ตลอด 4ปี
แต่จะลำบากตอนปริญญาโทนะจ๊ะ เพราะเราไม่สัมผัสคณิตเลย 4ปี
ทิ้งไปนานกลับมาคิดๆ ก็ปวดหมอง รื้อกลับมาใช้งานยากหน่อย
แต่ถ้าเป็นพวกภาษาจีนธุรกิจ ภาษาอังกฤษธุรกิจ อันนี้รับรองหนีไม่พ้นจ่ะ
คณิตศาสตร์มาเต็มๆ ก็ธุรกิจหนิจ๊ะ ก็ต้องมีคณิตเป็นของธรรมดา
ยังไงพี่ก็จะเอาใจช่วยนะ ขอให้น้องๆ เลือกคณะตามที่ตัวเองชอบ
ตัวเองถนัด อย่าเลือกตามกระแสค่านิยม หรือเลือกตามเพื่อนหล่ะ
มันจะลำบากเอานะ ไว้คราวหน้าที่จะมาเล่าเรื่องชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
กับคณะทางภาษาให้อ่านละกันนะ เพราะมีอีกหลายอย่างเลยล่ะ
ที่พี่เจอมา แล้วอยากจะเตือนน้องๆเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจเลือกแต่ละคณะ
สู้ๆนะจ๊ะ พี่เอาใจช่วย
มีอะไรติดต่อพี่ได้เลยนะ!!
ยินดีให้คำปรึกษาเสมอเลยจ้า
ความคิดเห็น