ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    △ diary ; p o i s o n . queen ❀

    ลำดับตอนที่ #13 : 13 : DACT PROJECT 『 Meet 』

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37
      0
      20 ต.ค. 57

    © Tenpoints!




    Baleine Louise Fallières : Dact Meet
     

    หลายเดือนก่อน


    ยามเย็นของตลาดโต้รุ่งของเมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศสอย่าง "ท่าเรือมาร์กเซย" หรือที่คนต่างชาติออกเสียงกันง่ายๆว่า "มาร์แซย" คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างเดินทางมาจับจ่ายซื้อของ และชมบรรยากาศยามเย็นของสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นท่าเรือเก่าแก่และยังเป็นประตูสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนอีกด้วย


    และนั่นก็รวมถึง 'บาเลนน์' หรือ 'บาเลนน์ หลุยส์ ฟารีแยร์' บุตรีคนสุดท้องของจอมพลเรือชื่อดังที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งกองทัพเรือฝรั่งเศสที่บัดนี้พาร่างอรชรของตนในชุดเครื่องแบบนักศึกษาทหารเรือหลวงเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆนาๆ ดวงตาคมสีเทอร์ควอยซ์ฉายแววซุกซนและสนุกสนานทอดมองไปตามสิ้นค้าต่างๆที่มีผู้นำมาขายอย่างสนอกสนใจ


    "นี่คุณหนูปลาวาฬไม่ทราบว่าคุณหนูจะเดินอีกนานไหมขอรับ กระผมจะได้ติดต่อไปบอกท่านจอมพลถูก" ชายหนุ่มร่างสูงที่มาด้วยกันกับบาเลนน์เอ่ยถาม เมื่อเขาและเพื่อนชายอีกสองคนรวมกันเป็นสามถูกคุณหนูคนสวยแห่งกองทัพลากออกมาทันทีที่สิ้นสุดบทเรียนในวันนี้ เสื้อผ้าก็ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ อยากจะขัดใจก็กลัวโรงเรียนจะแตกได้เพราะแม่คุณเวลาอาละวาดนี่ใช่ย่อยเสียที่ไหน


    "พูดมากจริงปิแอร์ อยู่เงียบๆอย่างนอร์ และ แอรอนบ้างสิ" เสียงหวานใสเอ่ยค่อนแขวะขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มเจ้าของนามปีแอร์ขมวดคิ้วมุ่ยทันที ส่วนอีกสองหนุ่มที่ถูกพาดพิงก็ได้แต่สะดุ้งเบาๆ เพราะใช่ว่าเขาจะไม่บ่น ถึงปากจะเงียบสนิทแต่ในใจนี่อยากจะจับแม่คุณหนูตัวดีโยนลงทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ได้แต่คิดเพราะหากเขาทำขึ้นมาจริงๆ มีหวังท่านนายพลได้ส่งพวกพ้องมาเผาบ้านล้างตระกูลเขาแน่ๆ


    เมื่อรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้นจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย คอยแต่มาช่วยกันดูไม่ให้ยัยคุณหนูนี่ซนเกินไปเท่านั้น ถึงจะไม่รู้ว่าวันนี้คึกอะไรถึงได้มาซื้อของสด ของคาวต่างๆไกลถึงท่าเรือมาร์แซย ลองเอ่ยถามก็แล้ว หลอกถามก็แล้ว บังคับข่มขู่ก็แล้วเจ้าตัวก็ไม่บอกซักทีมีเพียงรอยยิ้มแปลกๆที่ส่งมาและคำว่า "ความลับ" เท่านั้น


    "อ้า~ เท่านี้ก็ครบแล้ว เอาล่ะ! พลทหารกลับกองทัพกันเถอะ" ว่าอย่างคึกคักพร้อมย่ำเท้าเดินนำไปทางสถานีรถไฟฟ้าโดยทิ้งให้พวกเขาทั้งสามหอบของหิ้วตามไปโดยไม่มีสิทธิ์อุทรใดๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วสาวเจ้าแรงเยอะกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ แต่กลับมาบอกว่า "ฉันเป็นสาวน้อยร่างบาง อ่อนแอ อ่อนหวานนะ จะให้ไปถือของหนักๆได้ไง ไม่งั้นฉันจะลากพวกนายมาเหรอ" อยากจะเหวี่ยงลงทะเลจริงๆนั่นแหละ ..


    "---ทางนี้ครับ เชิญทางนี้เลยครับ" เสียงของเด็กหนุ่มคนกำลังประกาศอะไรบางอย่าง เรียกความสนใจจากบาเลนน์ได้เป็นอย่างดี ขาเรียวก้าวเข้าไปดูอย่างสนอกสนใจ เพราะว่าเป็นทางผ่านที่เธอจะไปขึ้นรถไฟฟ้าพอดี ซึ่งตอนนี้เธอได้ปล่อยให้เพื่อนๆไปซื้อตั๋วให้เธออยู่ เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังทำอยู่นั่นก็คือแจกใบปลิวทำให้เธอหมดความสนใจและกำลังจะเดินกลับ แต่จู่ๆเด็กคนนั้นก็เดินเข้ามาทักเธอเสียอย่างนั้น


    "คุณคงไม่รู้ล่ะสิว่า DACT คืออะไร" เขาว่าขึ้นมา ทำให้เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถาม เสียงประกาศว่ารถกำลังจะมาถึงแล้วก็ดึงความสนใจของเธอออกไปทันที เธอจึงรับใบปลิวของเด็กหนุ่มมาเพื่อไม่ให้เสียมารยาทแล้วรีบเดินออกไปเข้าแถวกับเพื่อนของตนเพื่อขึ้นรถกลับหอพักที่โรงเรียนทหารเรือของพวกเธอ


    "หืม..นั่นอะไรน่ะคุณหนู" ปีแอร์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าในมือของหญิงสาวมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ และเธอก็กำลังอ่านมันอย่างสนใจสนใจ


    "อ๋อเนี่ยน่ะเหรอ ฉันเห็นเด็กคนหนึ่งแจกใบปลิวนี่ที่หน้าสถานีน่ะก็เลยเดินไปดูแล้วก็เผลอหยิบติดมือมา" เมื่อธิบายเสร็จก็หันกระดาษให้ชายหนุ่มทั้งสามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดู และก็ได้สีหน้าขมวดคิ้วอย่างสงสัยยิ่งกว่าเดิมกลับมา


    "DACT Project? อะไรน่ะ? อ่านยากจัง" ชายหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดเอ่ยถาม เมื่อในใบนั้นดูไม่มีอะไรที่อธิบายมากกว่าชื่อและชี้แจงว่ากำลังเปิดรับสมัครอยู่เลย


    "น่าจะอ่านออกเสียงแบบอังกฤษน่ะ .. ส่วนคืออะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะเป็นพวกงานรับจ้างทั่วไป หรือพวกอีเวนท์ล่ะมั้ง แต่ก็ดูน่าสนุกดีนะ" บาเลนน์เอ่ยอย่างตื่นเต้น ก่อนจะลงมือกรอกใบสมัครลงไป


    "เฮ้ๆ จะดีเหรอนั่น" ปีแอร์รีบเอ่ยขัดเมื่อเห็นว่ายัยคุณหนูกำลังเล่นอะไรพิเรณแต่ก็แน่นอนว่าทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะเจ้าตัวเขียนจนกำลังจะเสร็จแล้ว


    "น่าสนุกดีออก อีกอย่างถ้าเป็นพวกมิจฉาชีพพวกเราจะได้ช่วยจับส่งพวกตำรวจด้วยไง ได้ช่วยเหลือประชาชนเชียวนะ" พูดจบก็พับซองใบสมัครให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมจะนำไปหย่อนใส่ตู้ไปรษณีหน้าสถานีปลายทาง ส่วนปีแอร์และหนุ่มๆอีกสองคนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก เมื่อห้ามไม่ได้ก็ไม่ห้าม ส่วนใบปลิวนั่นก็ไม่น่าจะมีอะไรอีกอย่างเขาก็เชื่อว่าคุณหนูบนเลนน์ก็ไม่ใช่คนไม่ทันคน มั่นใจว่าไม่น่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกเอาได้ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยจนกระทั่งกลับถึงกองทัพ



    ปัจจุบัน


    ผ่านมาหลายเดือนหลังจากที่ส่งใบสมัครนั้นไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนว่าบาเลนน์ก็ได้ลืมมันไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติอยู่เหมือนเดิมทุกวันและวันนี้ก็เช่นกัน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียนของเธอและเป็นวันสอบปลายภาคอีกด้วย


    "เอาล่ะๆ มากันครบแล้วใช่มั้ยเดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กลับมารวมกันที่นี่นะ ให้เวลาสิบนาที รับทราบ!!" เสียงครูฝึกหญิงคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยเสียงของเหล่านักเรียนทหารเรือหลวงทั้งหลายที่ตอบรับกันมาอย่างเนืองแน่น แล้วพากันแยกย้ายไปตามคำสั่ง


    ทางด้านบาเลนน์ที่ใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักเรียนเป็นชุดว่ายน้ำเพื่อเป็นการทดสอบการดำน้ำ และการรบทางน้ำเบื้องต้น เนื่องจากว่าเธอพึ่งจะเป็นนักเรียนปีหนึ่งดังนั้นการสอบจึงให้ใส่ชุดว่ายน้ำแบบวันพีชเพื่อคล่องตัวในการทดสอบสมรรถภาพและความสามารถ หากเป็นชั้นปีที่สูงกว่าจะต้องใส่เครื่องแบบของทหารเรือเพื่อทดสอบในสถานการณ์จริง และเพราะเธอเป็นนักเรียนทหารเรือหลวง ไม่ใช่ทหารเรือทั่วไปดังนั้นหลักสูตรการเรียนของพวเธอจึงพิเศษ แตกต่าง และหนักหนากว่านักเรียนทหารเรือทั่วไป


    หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จเธอก็เดินมานั่งรอที่แพไม้ซึ่งต่อลงไปบนทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ขาเรียวจุ่มลงไปในน้ำทะเลซึ่งมีความลึกราวๆสามเมตรได้ เนื่องด้วยอยู่ติดทะเลดังนั้นโรงเรียนของเธอจึงไม่มีสระว่ายน้ำ แต่เป็นการใช้กรงเหล็กกั้นอนาเขตลงไปในน้ำทะเลแทน ซึ่งกินอนาเขตกว้างกว่าสระว่ายน้ำทั่วไปอีก หากวัดระยะจากแพที่เธอนั่งอยู่ยาวออกไปในทะเลจนเห็นเขตกรงเหล็กที่โผล่พ้นผิวน้ำมาก็ราวๆหนึ่งกิโลเมตร แถมด้านกว้างเองก็กว้างเกือบเจ็ดร้อยเมตร หากมองจากบนอากาศมันจะดูเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่จริงๆ เพื่อที่จะฝึกช่วยเหลือหรือสอดแนมกลางทะเลนั่นเอง และเพราะว่ามันเป็นสระว่ายน้ำธรรมชาติดังนั้นกระแสน้ำและคลื่นลมก็ยังมีให้ได้สมจริงเพราะเป็นของจริงนั่นเอง อ้อ และไม่ต้องห่วงเรื่องสัตว์ร้ายแห่งทะเลอย่างปลาฉลามหรือปลาตัวใหญ่ๆต่างๆนาๆ เพราะกรงเหล็กนั้นแข็งแรงพอแน่นอน แถมช่องระหว่างตาข่ายของกรงเหล็กก็มีความกว้างเพียงยี่สิบเซนติเมตร จะเข้ามาได้ก็มีแต่ปลาตัวเล็กๆเท่านั้นแหละ


    คลื่นลมที่ดูสงบเกินไปวันนี้ทำให้เธอมีลางสังหรไม่ดียังไงไม่รู้ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรและถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ค่อยมีคลื่นลมมากนัก ไม่เช่นนั้นการสอบดำน้ำอาจจะเกิดปัญหาและเกิดความลำบากได้ เพราะเธอรู้ดีว่าต่อให้มีพายุเข้าพวกเธอก็ต้องสอบอยู่ดี และนั่นจะถือเป็นการเผชิญสถานะการณ์จริงอย่างหนึ่งอีกด้วย แน่นอนว่าลำบากแน่ๆ ซึ่งเธอยังไม่อยากเห็นเพื่อนร่วมชั้นมีใครบาดเจ็บหรือจมน้ำหรอกนะ


    "แหม.. คุณหนูฟาลีแยร์เนี่ยมาก่อนใครเพื่อนเลยนะคะ" เสียงของครูฝึกหญิงเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามีนักเรียนมารออยู่ก่อนตั้งคนหนึ่งทั้งที่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากความคิดของตนก่อนจะหันกลับไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามา


    "สวัสดีค่ะคุณครู พอดีดิฉันเปลี่ยนมาจากที่บ้านแล้วน่ะค่ะกลัวเสียเวลาก็เลยเสร็จไวไปหน่อย" บาเลนน์ยิ้มอย่างสดใสพลางตอบคำถามของครูฝึก ก่อนจะหันกลับไปมองทะเลอีกครั้ง


    "คุณหนูลองลงไปแช่น้ำก่อนไหมคะ ตากลมอยู่แบบนี้เดี๋ยวจะทำให้ตอนลงน้ำรู้สึกคลื่นไส้ได้" เมื่อครูฝึกแนะนำ บาเลนน์จึงพยักหน้ารับแล้วหย่อนตัวลงไปในน้ำช้าๆ จนกระทั่งลงไปได้ทั้งตัว เธอจึงใช้แขนท้าวไว้กับแพไม้ที่เธอนั่งก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเธอกับครูฝึกก็สนทนาเล่นกันอีกนิดหน่อย แล้วเหล่านักเรียนทหารเรือหลวงทั้งหญิงและชายก็มารวมกันจนครบ ครูฝึกจึงให้ทั้งหมดลงไปในน้ำเพื่อรอคำสั่งและสัญญาณต่อไป


    "เอาล่ะ ฟังนะทุกคน ต่อไปนี้สำคัญมาก สำหรับพวกเราเหล่าทหารเรือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือเป็นสำคัญที่สุด เอาล่ะ ให้พวกเธอว่ายน้ำไปที่เรือชูชีสซึ่งจะมีครูฝึกอยู่ลำละสองคน ไปแบ่งกันไปลำละห้าคนเพื่อทดสอบการดำน้ำ ส่วนวิธีการเมื่อไปถึงครูฝึกจะแจ้งให้พวกเธอเอง รอสัญญาณจากฉันแล้วจึงจะเริ่มทดสอบได้ เอาล่ะเรียงตามเลขที่แล้วไปได้! ปฏิบัติ!" สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่านักเรียนทหารเรือก็พากกันว่ายน้ำออกไปยังเรือชูชีพแต่ละลำซึ่งมีราวๆสิบลำได้ เพราะชั้นเรียนของเธอนั้นมีนักเรียนอยู่ประมานห้าสิบคนเท่านั้น บาเลนน์ว่ายน้ำไปยังเรือชูชีพตามเลขที่ของเธอ เมื่อมาถึงเธอก็เกาะเรือชูชีพไว้เพื่อรอฟังคำสั่งต่อ


    "เอาล่ะวิธีการทดสอบดำน้ำก็คือ ให้นักเรียนดำน้ำลงไปโดยชูมือข้างหนึ่งไว้ให้น้ำอยู่ในระดับข้อมือ ถ้าไม่มีปัญหาให้ชูไว้หนึ่งนิ้ว ถ้าเกิดว่าเริ่มมีปัญหาให้กำมือ ยิ่งอยู่ในน้ำนานยิ่งได้คะแนนมาก เวลาจะสิ้นสุดเมื่อหัวของพวกเธอโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เอาล่ำเตรียมตัวได้" เมื่อฟังคำชี้แจงเสร็จ บาเลนน์ก็ผละตัวออกมาจากเรือเล็กน้อยก่อนจะชูแขนข้างขวาขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าตนพร้อมแล้ว เช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่นๆ แล้วติดที่บีบจมูกเพื่อกันอากาศลงบนปีกจมูกของตนให้เสร็จ


    "เอาล่ะ พร้อมหมดแล้วนะ .. เริ่มได้!" เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นเธอก็ทำการทิ้งดิ่งลงไปในน้ำจนกระทั่งรู้สึกว่าผิวน้ำอยู่ที่ข้อมือ เธอก็กำมือเหลือเพียงนิ้วชี้ไว้นิ้วเดียว พลางพยุงตัวอยู่ในน้ำ ดวงตาสีเข้มกว่าน้ำทะเลเพียงเล็กน้อยค่อยๆลืมขึ้น แล้วกวาดมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าคนอื่นใส่แว่นตาว่ายน้ำอยู่เเต่เธอไม่เพราะอย่างจะเห็นความสวยงามใต้พื้นน้ำสีใสสะอาดของทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ย ในขณะที่แก้มพองลมออกเล็กน้อยเพื่อเก็บอากาศไว้ใช้ ในขณะที่จมูกเองก็กำลังกลั้นหายใจอยู่ บาเลนน์พยายามใจเย็นๆและคอยใช้มืออีกข้างพยุงตัวเองไว้ในน้ำอย่างยากลำบาก เพราะเนื่องด้วยคลื่นใต้น้ำและกระแสน้ำที่แม้จะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้เสียแรงในการทรงตัวอยู่เหมือนกัน


    หลังจากผ่านไปได้ราวๆห้านาทีก็เริ่มมีเพื่อนบางคนที่ขึ้นไปเหนือน้ำ และเมื่อเวลาเริ่มเดินไปจนถึงนาทีที่สิบเกินครึ่งห้องก็เริ่มจะขึ้นกันไปหมดแล้ว และเมื่อผ่านไปได้สิบห้านาทีก็เหลืออีกไม่เกินห้าคน จนกระทั่งนาทีที่ยี่สิบห้าทั้งหมดก็ขึ้นไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่คนเดียวที่ยังคงอยู่ในน้ำได้นานกว่าคนอื่นและไม่มีแววว่าจะมีปัญหาเนื่องด้วยสัญญาณมือที่ยังคงมีนิ้วชี้ตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้านั่น ทำให้เพื่อนๆทั้งหมดที่ขึ้นมานั่งรอบนเรือได้แต่ลุ้นระทึกว่าผู้หญิงที่ยังไม่ยอมขึ้นมาจะทำเวลาได้เท่าไหร่ .. และผู้หญิงคนนั้นก็คือ บาเลนน์ หรือ บาเลนน์ หลุยส์ ฟาลีแยร์นั่นเอง


    ผ่านไปเกือบสี่สิบนาทีบาเลนก็เริ่มมีปฏิกิริยาเมื่อบาเลนน์ลดแขนของเธอลงแล้วโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำแทน และนั่นทำให้เพื่อนๆรวมทั้งครูฝึกต่างปรบมือกันเกรียวกราวเพื่อแสดงความยินดีและความชื่นชมให้แก่เธอ บาเลนน์จึงได้ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย


    "สมกับชื่อปลาวาฬจริงๆ อยู่ในน้ำได้นานมากเลยคุณหนู" เสียงปีแอร์เอ่ยแซวมาจากเรือข้างๆ บาเลนน์ก็เลยหันไปมองเคืองให้หนึ่งที แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเรือชูชีพเพื่อพักเอาแรง


    "ได้เท่าไหร่คะครูฝึก" บาเลนน์เอ่ยถามพลางรับผ้าขนหนูผืนหนาจากเพื่อนนักเรียนมาซับและห่อตัวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นร่างกายให้แก่ตนเอง ก่อนจะหันไปหาครูฝึกที่จับเวลาให้เธออย่างมีความหวัง


    "ไม่ต้องมาทำสีหน้าคาดหวังเลยนะคะคุณหนู 38.42 นาทีค่ะ" สิ้นเสียงบอกเวลาเพื่อนๆต่างก็ส่งเสียงแสดงความยินดีที่บาเลนน์ได้คะแนนในวิชาดำน้ำมากที่สุด ส่วนเจ้าตัวตอนนี้ก็ยิ้มแก้มปริ แถมด้วยการโชว์สปิริตว่ายกลับขึ้นฝั่งเองโดยไม่อาศัยเรือชูชีพอีกด้วย ทำให้เพื่อนๆต่างหัวเราะชอบใจในความก๋ากั่นของคุณหนูปลาวาฬ


    หลังจากสอบวิชาดำน้ำเสร็จ ก็สอบวิชาอื่นๆอีกสองสามอย่างซึ่งเป็นวิชาปฏิบัติทั้งหมดแน่นอนว่าสำหรับบาเลนน์แล้วไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นวิชา กู้ภัยกลางทะเล หรือวิชาใช้อาวุธ รวมทั้งการยิงปืนในน้ำซึ่งก็คือการลอยตัวอยู่ในน้ำแล้วยิงปืนให้ถูกเป้าที่ตั้งอยู่กลางทะเลในช่วงระยะที่ห่างออกไปตั้งแต่ 50 เมตรไปจนถึง 500 เมตรซึ่งเป็นระยะไกลสุดของปืน ซึ่งแน่นอนว่าบาเลนน์ทำได้ดีทั้งหมด ทำให้คะแนนของเธอติดท็อปของระดับชั้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย




    "ลั้นลา ~" เสียงหวานฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พลางกระโดกลับกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังสนามหญ้าหน้าหอพักที่เหล่าเพื่อนๆนักเรียนจัดปาร์ตี้ขึ้นเพื่ออำลาในวันปิดภาคเรียนและฉลองที่เธอได้คะแนนมากที่สุดในชั้นด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธออารมณ์ดีได้เท่า คุณพ่อของเธอที่โทรมาบอกว่าจะมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วย


    "คุณหนูปลาวาฬมานั่นแล้ว" เสียงใครซักคนเรียกให้เธอที่กำลังลั้นลาหน้ามื่นชื่นบานหันไปขว้างค้อนใส่วงใหญ่ แต่ก็ได้เสียงหัวเราะชอบใจกลับมา เมื่อเห็นดังนั้นบาเลนน์ก็ไม่ได้สนใจปรับสีหน้าให้อารมณ์ดีแล้วเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับทุกคน


    อาหารมากหน้าหลายตา ทั้งอาหารทะเล ไปจนถึงอาหารหรูๆราวกับมาจากภัทรตาคารชื่อดังในกรุงปารีสถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะยาวที่ยาวไปเกือบสุดสนามหญ้า ทำเอาบาเลนน์ถึงกับหลุดร้องว้าวออกมาอย่างตกใจ และงุนงง อย่าอาหารทะเลน่ะเธอไม่คิดอะไรมากหรอก แต่พวกอาหารหรูๆเนี่ยเชฟของกองทัพไม่น่าจะทำออกมาได้ขนาดนี้นะ ไม่ใช่ว่าดูถูกฝีมือแต่ดูถูกเรื่องวัตถุดิบต่างหาก พวกของชั้นดีนอกจากของทะเลแล้วก็ไม่ค่อยมีเลยจริงๆ


    "ไม่ต้องสงสัยหรอกครับคุณหนู ท่านจอมพลเรือส่งเชฟฝีมือดีจากภัทรตาคารชื่อดังในกรุงปารีสมาเพื่อทำอาหารต้อนรับคุณหนูรวมทั้งวัตถุดิบเหล่านี้ด้วย ท่านจอมพลเป็นคนสั่งกการทั้งหมดเลยครับ" ราวกับอ่านใจได้ปีแอร์เอ่ยบอกแก้ข้อสงสัยทั้งหมดให้ ทำให้บาเลนน์ถึงกับร้องอ๋อ


    "ป๋าเนี่ยชอบทำอะไรเกินเลยอยู่เรื่อย" บ่นเล็กน้อยเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้เล็กน้อย ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารมื้อค่ำกันอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อผู้ร่วมโต๊ะคนสุดท้ายซึ่งก็เป็นกึ่งๆเจ้าภาพครั้งนี้มาถึง ซึ่งก็คือบาเลนน์นั่นเอง


    หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่มหมีพลีมันก็ตามมาด้วยของหวานและของว่างอีกเล็กน้อยจากเชฟชื่อดังคนนั้นนั่นแหละ ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนตลอดภาคเรียนที่ผ่านมา การสอบข้อเขียนภาคทฤษฎี หรือแม้แต่เรื่องทั่วไปอย่างเช่นปิดเทอมแล้วจะไปเที่ยวกันที่ไหน หรือมีโปรแกรมอะไร ซึ่งบาเลนน์เองก็เป็นทั้งผู้ฟัง ผู้ถามและผู้ตอบคำถาม บรรยากาศต่างอบอวนไปด้วยความสนุกสนาน


    "นี่ปีแอร์ ฉันขอไปเดินย่อยอาหารหน่อยนะรู้สึกอิ่มจนจะลุกไม่ขึ้นอยู่แล้ว" บาเลนน์หันไปบอกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะขอตัวลุกออกไปเลยซึ่งปีแอร์ก็พยักหน้ารับรู้แล้วด้วยเช่นกัน



    ลมทะเลยามค่ำคืนทำให้บาเลนน์รู้สึกสดชื่น ขาเรียวก้าวไปตามหาดทรายขาวที่ถัดออกไปก็เป็นคลื่นเล็กๆที่พัดเข้าชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน เท้าเล็กแตะย่ำไปตามผิวน้ำตื้นๆ มือเรียวกดสมาร์ทโฟนในมือของตนก่อนที่จะต่อสายไปหาใครบางคน .. ที่เธอยังไม่เจอ


    "ป๋าคะ ไหนป๋าบอกว่าจะมายังไงคะ" ทันทีที่ปลายสายรับเธอก็รีบงอแงใส่ทันที จนปลายสายต้องรีบปลอบรีบโอ๋ เมื่อลูกสาวคนสวยหัวแก้วหัวแหวนของตนมีอารมณ์งอน พร้อมกับชี้แจงถึงเหตุผลที่วันนี้ไปหาบาเลนน์ไม่ได้


    "ประชุมกระทันหันเหรอคะ.. เฮ้อ มีพ่อใหญ่ใช่ว่าจะดี แค่นี้เราก็แทบไม่ได้เจอกันแล้วนะคะป๋า หนูคิดถึงป๋ากับคุณแม่ที่สุดในโลกเลย" ว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับบทสนทนาแบบเด็กๆที่พ่อลูกคุยกันไปอีกนานเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งว่าปลายสายมีเสียงของเลขาคนสนิทมาแจ้งว่าใกล้จะเริ่มการประชุมต่อแล้วคุณพ่อของบาเลนน์ก็เป็นฝ่ายขอวางสายไปพร้อมกับคำบอกรักเล็กๆน้อยๆของพ่อลูก


    หลังจากที่วางสายจากบุพการีของตนเองบาเลนน์ก็เดินเล่นต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดเดินแล้วเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลที่กลืนไปกับความมืดมิดของท้องฟ้ายามราตรีจนไม่เห็นขอบทะเลหรือขอบฟ้า ทำให้หัวใจเธอรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างแปลกๆ ก่อนที่จะเงยหน้าทอดสายตาไปยังท้องฟ้ายามราตรีที่ตอนนี้ประดับไปด้วยดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าและดูสวยงาม ไร้ซึ่งแสงจันทร์มาบดบังอาจะเป็นเพราะเป็นคืนเดือนมืดก็เป็นไปได้


    "ดาวสวยจังเลยน้า ..." เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างพึงพอใจ แขนเรียวกระชับเข้าหากันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อหวาดสายตามองไปยังดาวต่างๆและพยายามนึกชื่อว่าดาวแต่ละแบบ แต่ละดวง แต่ละกลุ่ม แต่ละรูปร่างนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไรตามที่ตนได้เรียนในภาควิชาวิทยาศาสตร์


    "ถ้ามีกล้องดูดาวก็ดีสินะ.." บ่นพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาลงมาที่น้ำทะเล และนั่นทำให้เธอเห็นภาพสุดท้ายบนผิวน้ำที่สะท้อนเงาของใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอที่บดบังดวงดาวต่างๆก่อนที่จะหมดสติไป

    lllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×