knightz_k1
ดู Blog ทั้งหมด

บางที...

เขียนโดย knightz_k1

บางที...

 

            ผ่านไปกี่วันแล้วนะนับตั้งแต่ที่ฉันเขียนบล็อกเป็นครั้งแรก... เอาเถอะ ขี้เกียจนับแต่ก็น่าจะเกือบๆ5เดือนได้แล้วล่ะ ฉันพัฒนาไปถึงไหนกันนะ?

 

            เฮ้อ... ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองยังเหลวไหลอยู่เลยค่ะ ไฟในใจของฉันยังไม่ดับหรอกแต่สิ่งล่อใจมันมีเยอะและบางทีฉันก็เอาชนะมันไม่ได้ ก็อย่างที่เห็น...ฉันบ้าเอาเวลาเป็นเดือนไปนั่งแต่งนิยาย ฉันเผลอคิดว่าตัวเองมีเวลาเหลือเฟือพอที่จะทำแบบนั้น อ่า...มันเป็นความผิดพลาดแล้วล่ะ แต่ก็นั่นแหละ ฉันไม่สามารถอยู่กับหนังสือได้ตลอดเวลา จะว่าฉันเป็นคนสมาธิสั้นก็เห็นจะได้ค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันอ่านหนังสืออืดเป็นเต่าและชอบหาโน่นนี่ทำส่วนหนึ่งมันก็เพราะวิธีการอ่านหนังสือของฉันมันไม่ใช่แค่การอ่าน แต่มันคือการจดและสรุป

 

ฉันเป็นสายถึกค่ะ...

 

            ฉันเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว(นั่นเป็นความสามารถที่ได้จากการอ่านนิยายมาเยอะ) ฉันสามารถอ่านหนังสือให้จบได้อย่างรวดเร็ว แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าสิ่งเหล่านั้นติดอยู่ในหัวของฉันได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นฉันถึงเลือกการจดทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ลงในสมุดซึ่งทำให้เสียเวลาอย่างมาก ฉันขอข้ามในส่วนเนื้อหาไปนะคะเพราะฉันจบม.6แล้ว ฉันเรียนเนื้อหาทุกอย่างแล้วแต่ที่ยังขาดคือประสบการณ์การทำโจทย์(ฉันขอบอกเลยค่ะว่าต่อให้อ่านเนื้อหาจบเป็นรอบที่ 10 แต่ไม่มีประสบการณ์การทำโจทย์ คุณต้องตายคาที่ในห้องสอบแน่ๆ) เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ฉันจดใส่สมุดคือ “โจทย์” ค่ะ

 

“คำถาม+คำตอบ+คำอธิบายเพิ่มเติม”

 

            นี่คือสิ่งที่จะต้องมีสำหรับโจทย์หนึ่งข้อ บางทีโจทย์แค่ 45 ข้อสำหรับวิชาชีววิทยาฉันใช้เวลาจัดการกับมันถึง 3 วัน มันไม่ใช่แค่คุณเปิดโจทย์ขึ้นมาทำ ไปดูเฉลย อ่านแบบผ่านๆแล้วปล่อยเลยไป แต่คุณต้องจับประเด็นของโจทย์ จับจุดมันแล้วค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจนสมบูรณ์ มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากค่ะ! เวลาที่ต้องทำแบบนี้ทีไรฉันบ่นในใจเสมอนั่นแหละว่า เหมือนถูกให้กินยาเบื่อแต่สุดท้ายก็ต้องทำค่ะ เหตุผลก็เป็นเพราะคำง่ายๆ ความฝัน ถ้าไม่อยากเสียมันไปก็ต้องทำต่อค่ะ ต่อให้มันเป็นยาเบื่อที่กินแล้วรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้ก็ต้องทำเพราะมันเป็นข้อแลกเปลี่ยน...

 

            ฉันมีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆค่ะสำหรับพวกคุณที่หลุดเข้ามาและอาจกำลังมองหาวิธีอ่านหนังสือ

 

            - เวลาที่ดีที่สุดที่จะอ่านหนังสือของทุกคนไม่เหมือนกันค่ะ สำหรับฉันไม่จำกัดว่าตอนไหน แต่ส่วนใหญ่จะชอบอ่านตอนดึกๆเพราะสมองแล่นที่สุด (22.00-03.00) สิ่งที่ช่วยทำให้ตาของฉันสว่างคือชาเขียวโออิชิ/อิชิตันค่ะ(เสริมสร้างโรคเบาหวานได้ดียิ่งนัก)

 

            - คณิตศาสตร์ : คณิตศาสตร์กับฉันเป็นอะไรที่ไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็นั่นแหละค่ะฉันต้องทำใจรักมันด้วยการขลุกอยู่กับมันแทบจะตลอดเวลา ฉันเรียนคณิตที่ www.clipvidva.com ค่ะ เป็นการเรียนฟรีผ่านอินเตอร์เน็ตเพราะฉันขี้เกียจเหลือเกินที่จะต้องออกไปเรียนพิเศษนอกบ้าน และ E-book ของอ.คณิต มงคลพิทักษ์สุข ก็คือหนังสือคณิตในด้านเนื้อหา)ที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยอ่านมาค่ะ(อ่า...ถ้าเป็นด้านโจทย์ขอยกให้ 25 พ.ศ.ของพี่ณัฐค่ะ) คุณลองค้นในอินเตอร์เน็ตดูได้ อ.ท่านทำเป็นE-bookไว้ให้ดาวน์โหลดฟรี(หรือจะซื้อแบบหนังสือก็มีนะคะ) ฉันเริ่มต้นทำความเข้าใจเนื้อหาของวิชาคณิตศาสตร์จากทั้งสองแหล่งนี้ แน่ล่ะว่าไม่มีทางที่ไม้เบื่อไม้เมาอย่างฉันจะทำความเข้าใจมันได้หมดค่ะ และฉันทำอย่างไรสุดท้ายจึงสามารถเข้าใจเนื้อหาคณิตศาสตร์ได้?

 

ฉันลอกเนื้อหาทั้งบทค่ะ

 

            โดยเฉพาะโจทย์ที่มีในหนังสือซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด คุณห้ามมองข้ามไปอย่างเด็ดขาดเชียวนะคะ หัวใจของคณิตศาสตร์ไม่ใช่เนื้อหาแต่เป็นการเอาไปใช้ต่างหาก ต่อให้คุณจำสูตรได้แต่คุณไม่รู้กระบวนการคิดคุณก็จบเห่ค่ะ ดังนั้นคนที่เอาแต่ท่องสูตรจึงไม่สามารถเอาชนะวิชานี้ได้เลย วิธีการลอกของฉันหลังจากจดใจความสำคัญ(ซึ่งแต่ละบทก็มีแทบไม่ถึง 10 บรรทัด) ฉันจะดูวิธีคิดไปก่อนสักสองสามข้อเหมือนใช้คนพยุงให้เดินก่อน จากนั้นก็ลองทำเองค่ะ แรกๆอาจจะทำไม่ได้แต่ถ้าผ่านไปสักห้าหกข้อเราก็จะเริ่มเข้าใจกระบวนการคิดและเริ่มเดินเองได้ จากนั้นฉันก็ยึดหลักว่าถ้าข้อไหนทำได้ไม่ต้องลอก ข้อไหนทำไม่ได้ต้องลอกลงไป นั่นเป็นกฎที่ฉันใช้กับการจดโน้ตสำหรับคณิตศาสตร์ค่ะ ประมาณว่า “ถ้าเอ็งขี้เกียจเขียนก็จงคิดให้ออกซะ”

 

ใครไม่เก่งคณิตอย่าเพิ่งท้อค่ะ

 

            ลองเอาวิธีของฉันไปใช้ดู คุณต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงแน่ วิธีนี้จะทำให้คุณซึมซับวิธีการแก้ปัญหาของผู้แต่งหนังสือเข้ามาเมมโมรี่ใส่สมอง ถ้าคุณเจอโจทย์ที่มีลักษณะคล้ายกันคุณก็จะสามารถงัดวิธีเหล่านี้ออกมาใช้ได้ แต่ถ้าอยากใช้ได้เร็วและวิทยายุทธแก่กล้า คุณต้องเจอโจทย์หลายๆรูปแบบค่ะ เจอวิธีคิดใหม่ๆ จดจำและนำมันมาประยุกต์ให้ได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการขวนขวาย อย่าให้ความเกลียดความไม่ชอบมาทำให้คุณยอมแพ้กับวิชานี้ ฉันเองก็ไม่เก่งวิชานี้ค่ะแต่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่เกลียดมันแล้ว หวังว่าพวกคุณจะเอาชนะมันได้นะคะ :)

 

            - ภาษาอังกฤษ : อ่า...วิชานี้อาจเป็นวิชาที่หลายคนชอบแต่ก็มีอีกไม่น้อยเลยที่ไม่ชอบเอามากๆ ฉันคงจะจัดอยู่ในพวกแรกค่ะ แต่มันมีเหตุผลนะ... ฉันเป็นคนติดการ์ตูนค่ะ นั่นแหละเหตุผลหลักเลย เดิมทีตั้งแต่ประถมฉันเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากค่ะ ฉันไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง และไม่ชอบอย่างแรง แต่จุดเปลี่ยนของฉันก็มาถึงเมื่อฉันอยู่ม.2และติดการ์ตูนเรื่องรีบอร์น อ่า... ฉันนั่งดูถึงตีสามตีสี่ทุกวันเลยค่ะ ดูไปจนมันจบแบบพากย์ไทยแต่มันค้างคามากจนฉันต้องไปเปิดดูแบบซับeng ความจริงแบบซับไทยก็มีให้ดูค่ะแต่มันหาดูได้ยาก ต้องโหลดโน่นนี่นั่นแลดูยุ่งยากฉันก็เลยตัดปัญหามาดูซับอังกฤษแทน ตอนนั้นแหละค่ะที่บาปกรรมที่ฉันได้เคยสาปแช่งวิชาอังกฤษมันย้อนกลับมาเล่นงานฉัน ฉันไม่รู้ศัพท์อะไรเลยนอกจาก I you we they he she it is am are what why who when และศัพท์เบสิกที่มีไม่เกิน 3 ตัวอักษร ฉันแปลประโยคอะไรไม่ได้เลย ต้องเปิดgoogle translateแทบจะทุกประโยคที่ตัวละครพูด แต่ไม่น่าเชื่อว่ากิเลสตัณหาของฉันมันเอาชนะความโง่ของฉันได้ แรกๆฉันก็เปิดดูแทบทุกคำค่ะเพราะแปลไม่ออก คำไหนมาซ้ำๆแต่จำไม่ได้ก็ไปแปลอยู่นั่นแหละ หลังๆพัฒนาหน่อยเอาสมุดมาจดไว้เลยค่ะเพราะศัพท์มันมาซ้ำ เอาไว้ท่องเพราะเวลาดูมันก็ไม่อยากขัดอารมณ์ด้วยการไปเปิดโปรแกรมแปลภาษาให้ยุ่งยาก จนมาถึงตอนนี้ฉันสามารถอ่านได้โดยไม่ต้องกดแปลบ่อยๆแล้วค่ะ(เว้นแต่ว่าคำไหนที่เป็นศัพท์ที่ไม่รู้จริงๆ) เป็นหลักฐานยืนยันเลยว่าฉันดูการ์ตูนมามากขนาดไหน:)

การ์ตูนเรื่องที่ฉันยกให้เป็นยอดด้านการเรียนศัพท์ก็คือเรื่องโคนัน โดยฝีมือการแปลจากเว็บ www.dctp.ws ซึ่งตอนนี้เลิกทำซับออกมาแล้วค่ะเพราะติดเรื่องลิขสิทธิ์แต่น่าจะหาดูย้อนหลังได้ตามyoutubeนะคะ (ฉันขอยกตัวอย่างซักตอน http://www.youtube.com/watch?v=rz13XlQXoZI สำนวนการแปลจะประมาณนี้ค่ะ ศัพท์ยาก+แกรมม่าเป๊ะ)

ที่ฉันเล่ามาทั้งหมดนั้นไม่ได้บอกให้คุณมาติดการ์ตูนเหมือนฉันนะคะ เพียงแต่จะบอกว่าคุณจะเก่งภาษาอังกฤษก็ต่อเมื่อคุณเอามันมาใช้บ่อยๆจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ส่วนตัวฉันเองแทบไม่เคยท่องศัพท์ค่ะแต่อาศัยจากการดู+อ่านแทนเพราะมันทำให้ฉันจำได้ ฉันเคยท่องศัพท์ไปเป็นร้อยคำเลยค่ะแต่สุดท้ายก็คือจำไม่ได้(อาจจะเป็นแค่ที่ฉันคนเดียวก็ได้) ดังนั้นสำหรับคนที่อยากจะเก่งด้านภาษา แนะนำให้คุณอ่านเยอะๆค่ะ ณ ตอนนี้ขอแนะนำเว็บข่าวของ CNN ค่ะ(ค้นในgoogle) ศัพท์โอเค ไม่ยากไม่ง่ายเกินไป มีหลากหลายและมีสิทธิ์จะพบเห็นได้ในข้อสอบ ส่วนที่เป็นคลิปสำหรับคนอยากฟังก็มีค่ะ นักข่าวสำนักนี้พูดช้าและชัด คุณสามารถฟังออกแน่ๆ

ส่วนเรื่องแกรมม่าซึ่งฉันไม่เก่งเอาเสียเลยคงได้แต่แนะนำให้จับหลักมันให้ได้ค่ะ โจทย์เกี่ยวกับแกรมม่ามันดิ้นไม่ได้... นั่นหมายถึงความซ้ำ มันจะมาในรูปแบบซ้ำๆเป็นstructureเดิมๆซึ่งถ้าทำโจทย์เยอะๆคุณก็จะเห็นค่ะ แนะนำให้หาสมุดจดศัพท์(แนะนำว่าเป็นศัพท์ที่ได้จากการอ่านบทความหรือทำโจทย์ค่ะ) และสมุดจดแกรมม่าเอาไว้ค่ะ เวลาใกล้สอบให้มาดูสมุดโน้ตของคุณจะดีกว่าไปเปิดดูหนังสือหนาๆค่ะ ลายมือของคุณเองจะมีส่วนช่วยให้คุณจำได้ :)

ความคิดเห็น

kanzzz
kanzzz 30 เม.ย. 58 / 01:20
ขอบคุณสำหรับเทคนิคดีๆนะคะะะ ชอบบล๊อคนี้มากกกก 55555555