kpay
ดู Blog ทั้งหมด

Singapore Shopping Trip with Mom :)

เขียนโดย kpay


ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าเป็นคนที่ชอบเที่ยวเมืองนอกมากกกกกกกก จำได้ว่าตอนอยู่มหาลัยเนี่ย เที่ยวทุกๆ ปิดเทอม ถ้าปิดเทอมมีรายงานอะไรก็ต้องรีบทำส่งก่อนชาวบ้านเค้าเพื่อจะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ รวมถึงตอนเรียนอยู่เนี่ย เป็นอะไรที่ขอวีซ่าง่ายมาก เพราะเราเรียนอยู่ ยังไงเราก็ไม่โดดวีซ่า ต้องกลับมาเรียนแน่นอน เลยทำให้การขอวีซ่าด้วยสภาพนิสิตนี่โคดสบายสุดๆ

ประเทศที่เคยไป
ฮ่องกง 6 รอบ
เกาหลีใต้ 4 รอบ
มาเก๊า 2 รอบ
สวิส 2 รอบ
เยอรมัน 2 รอบ
ฝรั่งเศส 2 รอบ
มาเก๊า

จีน

อิตาลี
ออสเตรีย
สวีเดน
เดนมาร์ค
เนเธอร์แลนด์
เบลเยี่ยม
เชค
ลาว

โดยเที่ยวรอบล่าสุดนี่คือไปเกาหลีใต้ตอนปิดเทอมตุลาตอนปี 4 (ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี -*-) ซึ่งการไปเที่ยวแต่ละรอบนี่ก็คือไปกับเพื่อนไม่ก็ไปเองตลอด เลยแบบ เออ พาพ่อแม่ไปบ้างดีกว่า เลยเริ่มจากแม่ก่อนละกัน

แล้วตอนนั้นช่วงพ.ย. ปีก่อน พอดีแอร์เอเชียมีโปรโมชั่น 0 บาท ซึ่งเราก็เคยไปแย่งชิงจองอยู่บ่อยๆเลยแบบ เออจองอีกดีกว่า งวดนี้ไปเที่ยวกับแม่ละกัน เอาประเทศไรดีที่ช้อปได้ง่ายๆ สิงคโปร์ดีมั้ย ไม่เคยไปเหมือนกัน อยากลองไปดูด้วยว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ย เพราะมีคนชอบเทียบบ่อยๆ ระหว่างฮ่องกงกับสิงคโปร์ (ซึ่งฮ่องกงมักชนะโหวตขาดลอย แต่ของเค้าดีจริงๆ อะ) เลยกดจองไปสิงคโปร์บ้างละกัน ซึ่งจองยากมากกกกกก เพราะคนแห่กันเข้าเว็บ เว็บล่ม บางทีกำลังจะจ่ายเงินได้แล้วดันเออเร่ออะไรไม่รู้สารพัด แต่ในที่สถดก็สามารถจองตั๋วด้วยโปรโมชั่น 0 บาท (หมายถึงค่าตั๋วเครื่องบิน 0 บาท แต่ต้องจ่ายภาษี) สรุปว่าเสียค่าตั๋วไปกลับคนละ 1,600 บาท สองคนก็ 3,200 บาท เย่! ถูกหวะ เราจะไปสิงคโปร์กัน แต่ตอนนั้นคือจองตอนเดือนพ.ย.ใช่ปะ แล้วมันให้บินได้ตอนเดือนกรกฎาปีหน้า (29-31 ก.ค.) คุณพระ รอไปอีกประมาณ 8 เดือน


และในที่สุด 8 เดือนที่รอคอยก็มาถึง ฮ่าๆๆๆ เริ่มเตรียมทริปด้วยการซื้อไกด์บุคสิงคโปร์มาอ่านของสำนักพิมพ์ tib book คือส่วนตัวชอบหนังสือของสำนักพิมพ์นี้มาก ถ้าใครเคยอ่านพวกเที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุย....อะไรสารพัด ก็ของสำนักพิมพ์นี้แหละ ซึ่งสำหรับคู่มือสิงคโปร์ที่ซื้อมาเล่มละ 195บาทเอง แต่แบบว่าพิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม รูปสวยมาก แต่มีข้อเสียคือ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะบอกสถานี mrt ที่ลงแต่(เสือก)ไม่บอกทางออก แล้วทางออก MRT เมืองนอกนี่บางสถานีมีเป็นสิบๆ ทางออกอะ อารมณ์เสีย


จากนั้นก็ทำการจองที่พัก ซึ่งจากการไปเสาะแสวงหาจากพันทิพแล้ว ก็มีหลายที่ที่น่าสนมากๆ ในที่สุดก็จองที่พักชื่อ fragrance hotel (จริงๆเป็นโฮสเทล) ซึ่งมีหลายสาขามากๆ เราก็เลือกสาขา geylang ไป เพราะเค้าบอกว่าสาขานี้สะดวกที่สุด ทำการจองผ่านเว็บ agoda รวมเบ็ดเสร็จ 2คืน จ่ายไปประมาณ 2 พัน 7 ห้องนึงนอนได้สองคน

 
มาเข้าวันเดินทางดีกว่า ก็ให้พ่อไปส่งที่สนามบิน ไปถึงแต่เช้า เครื่องออก 10.40 น. พอใกล้เวลาก็เดินไปที่เกท ซึ่งนั่งไปก็เหม็นมากกก เหม็นเหมือนคนอินเดียอะ ก็เลยไปสืบเสาะว่า ก่อนหน้านี้ คนใช้เกทคือเที่ยวบินไปกัลกัตตา (อินเดีย) โอยแม่เจ้า เหม็นมากไม่ไหวแล้ว จะเป็นลม *0*






พอได้เวลาก็ขึ้นเครื่อง นั่งเรื่อยๆ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินชางงี สนามบินนานาชาติของสิงคโปร์ ~





ซึ่งแอร์เอเชียจะพาเราลงมาที่เทอรฺมินัล 1 (สนามบินนี้มี 3 เทอร์มินัลแหละ) เราก็ต้องนั่งรถไฟมาที่เทอร์มินัล 2 และจากเทอร์มินัล 2 จะมีรถไฟหรือทีเรียกว่า MRT เหมือนบ้านเรา (แต่มันวิ่งทั้งบนดินและใต้ดิน) พาเข้าไปในเมือง เราก็นั่งเรื่อยๆ มาถึงสถานี kallang (คัลลัง) จากนั้นก็เดินไปที่พัก ซึ่งจากแผนที่เนี่ย คนส่วนมากบอกว่าที่พักอยู่ไม่ไกลจาก mrt หรอก แม่งไม่ไกลตรงไหนวะ เดินจนขาลาก แล้วตอนนั้นคือมีกระเป๋าเดินทางอีก โอย สองแม่ลูกแบบจะเป็นลมแล้วค่าาาา = ="

ส่วน mrt สิงคโปร์นี่ก็ไม่แพงมาก คือว่าจริงๆ เค้าจะนิยมใช้ ez link กัน อารมณ์เป็นบัตรเติมเงินใช้ได้กับการขนส่งแทบทุกชนิด แต่เราขี้เกียจซื้อเลยใช้แบบหยอดตู้เอา โดยค่ารถไฟจะประมาณ 2-3 เหรียญอะ พอกดเสร็จ ก็ตื๊ดบัตรเข้าไป พอถึงสถานีปลายทาง ก็ต้องตื๊ดบัตรออกมา แล้วเอาบัตรนั้นไปคืนที่ตู้ พอเอาไปคืนเราจะได้เงินคืนมาด้วย 1 เหรียญ

อ้อ ย่าน gallang เนี่ยเป็นย่านอารมณ์โลกีย์หน่อยๆ (ชอบเลย) อินเดียอยู่เยอะ ดังนั้นตอนกลางคืนจะคึกคักมาก ร้านอาหาร ผับ บาร์ เซ็กส์ชอปเยอะมาก แต่คือมันไม่อันตรายนะ สิงคโปร์ปลอดภัยมากๆ

อีกอย่างคือถนนที่สิงคโปร์จะมีการแบ่งเป็นซอยเหมือนบ้านเราเด๊ะ คือฝั่งนึงเป็นซอยเลขคู่ อีกซอยเป็นเลขคี่ จะเรียกว่า Lor ... Lor 1 Lor 2 อะไรก็ว่าไป ส่วนของเราอยู่ Lor 6 อะ เดินๆ หาที่พักซักพักก็เจอ ก็ไปเช็คอินอะไรเรียบร้อย โดยรวมสภาพห้องถือว่าโอเคเลย




จากนั้นก็เริ่มออกเที่ยว โดยจุดหมายแรกที่ไปคือห้าง suntec city เพราะในห้างนี้มันมี wealth fountain คือเชื่อว่าถ้าใครไปอธิษฐานแล้วเดินวนรอบน้ำพุนี้จะสมหวัง รวมถึงมันยังเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย!! เราก็เดินๆ หาน้ำพุนี้ไปเรื่อยๆ จนเจอ ตอนไปถึงเป็นตอนที่เค้าแบบหรี่น้ำพุให้เบาลงเพื่อให้คนเดินวนรอบน้ำพุได้โดยไม่เปียก เราก็กำลังจะไปเดินวน แต่แม่บอกว่าหิวข้าว ขอหาอะไรกินก่อนได้มั้ย ก็โอเค ไปกินกัน มื้อแรกซัดอาหารเกาหลีจ้ะ 5555 ดี๊ดีนะ พอกินเสร็จ อ่าว เค้าเปิดน้ำพุแล้วอะแม่ = =" เดินไม่ได้แล้วอะ เปียกแน่นอน เลยถ่ายรูปมาเฉยๆ



อ้อ แล้วก็แวะ chalres & keith ด้วย แบบถูกมากกก คนเยอะมาก ได้กระเป๋าตังค์มาใบนึงกับรองเท้า เริดดดดดมาก อย่างละ 29 เหรียญเท่านั้น (เหรียญนึงแลกมา 23.50 บาท)





จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะไปเมอร์ไลออนกัน ซึ่งได้ยินว่ามันอยู่ใกล้ suntec city นี่แหละแต่ไม่รู้ไปยังไง ก็เลยไปถามที่เคาน์เตอร์นึง เป็นเคาน์เตอร์ของduck tour (เป็นทัวร์รอบๆ สิงคโปร์ ) เราก็ทักว่า excuse me มันก็ยังก้มหน้าทำอะไรของมันก็ไม่รู้ เราเลยทักอีกรอบ excuse me มันก็ยังไม่เงยเอาวะ กูไม่สนแล้ว ใส่ไปเลย คูดยูเทลมีฮาวแคนไอโกทูเมอร์ไลออน ไอ่พนักงาน(อ้วน ดำ หน้าตาอุบาทว์ ชาติหมี) ก็เงยหน้ามาตอบแบบหน้าตาเลวๆ ว่า go to ask at information counter ไอ่ดวกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! เป็นคำตอบที่ดีมาก อารมณ์แบบว่า กูไม่ได้มีหน้าที่มาตอบคำถามมึงนะ เราเลยยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบไปว่า "สัด" แล้วเดินจากไปให้มันงง หน้าตาอุบาทว์แล้วยังใจดำ เดี๋ยวจะส่งคอมเพลนไปให้บริษัทมึงแน่ๆ

ก็แบบเอาไงดีเนี่ย จะไปเมอร์ไลออนยังไงดี แล้วเหมือนนึกได้ว่าจดมาว่า ต้องนั่ง mrt ลงที่สถานี raffle places ก็เลยนั่งไป ออกทางประตู H พอออกมาเดินๆ ก็จะเจอโรงแรมฟูลตันริมแม่น้ำสิงคโปร์ โดยตรงริมแม่น้ำเนี่ยจะเห็นรถเข็นขายไอติมเยอะมาก โดยที่ขายกันจะเป็นแบบว่า เหมือนขนมปังฟาร์มเฮาส์ประกบกัน แล้วไส้ข้างในจะเป็นไอติมก้อนหนาๆ ใหญ่ๆ น่ะ แต่เราไม่ได้ซื้อหรอก มันแปลกๆ ไงไม่รู้อะ 555+

จากนั้นก็เดินเลาะริมแม่น้ำสิงคโปร์ไป ก็จะเจอกับตึกเอสพลานาดหรือตึกทุเรียนซึ่งข้างในเป็นโรงละคร และจะเห็นวิว marina bay sand ชัดมาก(เป็นโรงแรมคาสิโนเปิดใหม่ที่เพิ่งเปิดไปตอนมิถุนายนนี่เอง) แล้วพอเดินไปอีกซักพักก็จะเจอเมอร์ไลออน ของจริงดูดีแฮะ ดูน่ารักดีอะ ก็ถ่ายรูปๆซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปแม่ที่เราถ่ายให้ แต่ไม่ค่อยมีรูปเรานะ เพราะถ้าให้แม่ถ่ายนี่ก็ไม่ต่างจากคนหูนวกตาบอดถ่ายให้อะ 5555 ชัดทุกรูปปปป คือฉากหลังชัดทุกรูปแต่คนเบลอตลอดอะ


ถ่ายรูปซักพักก็ได้เวลากลับที่พักเพราะค่ำแล้ว ซึ่งแบบเดินกันขาลากมากกกกกก เพราะเมอร์ไลออนนี่ก็ไกลจาก MRT ใช่ย่อย แม่ดูจะเมื่อยมากขอโทดอะ T^T




วันที่สองตื่นมา โอ้วววฝนตกค่ะ ตกปรอยๆ บ้าง หนักบ้าง สลับกันไป เลยนอนอืดกันทั้งแม่ทั้งลูก สรุปกว่าจะได้ออกจากที่พักก็ประมาณ 11โมงกว่าแล้ว ซึ่งฝนก็ยังคงตกปรอยๆ อยู่นั่นเอง แล้วมีร่มคันเดียวอะ แม่เราก็แบบ เออถือๆ ไปเหอะ สรุปแม่ยอมเดินเปียกฝนอะนะ 55+ เป็นลูกที่ดีเนาะ ให้ซื้อร่มเพิ่มก็ไม่เอา เหอะๆๆ จากนั้นก็เดินออกมาหาอะไรกินแถวนั้น ซึ่งแม่เราได้ไปทำการเดินสำรวจมาแล้วว่าร้านอาหารเยอะมากกกกกกเลยไปกินก๋วยเตี๋ยว(เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเลย) ชามละประมาณ 3-5 เหรียญ ซึ่งถือว่าไม่แพง พอรับได้





จากนั้นก็นั่งรถไปลงแถวออชาร์ดซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งของสิงคโปร์เลย และมีห้างเยอะมากกกกกแบบสิบๆ ห้างเรียงติดกันอะ ซึ่งเค้าบอกห้างที่เด่นๆก็มี ION กับ ทาคาชิมายะ(ห้างญี่ปุ่น) แต่เราเดินแล้วก็ปรากฏว่าไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจอะ พารากอนบ้านเราดีกว่าจริงๆ นะ ก็เลยนั่งรถไฟมาลงที่ย่าน china town เป็นย่านคนจีน คือแบบเท่าที่ไปมา ย่านนี้เหมือนจะโอเคสุดแล้วอะ ของไม่แพง ของฝากเยอะมาก เลยช้อปกับแม่กระจุยเลย



เสร็จแล้วก็แวะกินที่ร้านอาหารแถวนั้น สั่งเป็น Chilii Crab ไป จะเรียกว่าเป็นอาหารประจำชาติสิงคโปร์ได้เลยมั้งเพราะใครๆ มาก็ต้องกินกัน ต้องสั่งอย่างน้อย 700 กรัม ( 100 กรัมประมาณ 3-4 เหรียญ) แล้วก็สั่งสะเต๊ะเนื้อ กับหมี๋โกเร็งด้วย สรุปมื้อนี้หมดไปประมาณ 40 กว่าเหรียญแพงเหมือนกัน แต่ก็อิ่มมาก



จากนั้นก็กลับที่พักเพราะถือของหนักมากกกก แม่ก็กลับไปนั่งพัก ส่วนเราก็ออกมาแว๊นอีกรอบ นั่งรถไปลงแถวห้างมูสตาฟาที่เค้าบอกว่าของถูกมาก แต่ไปแล้วปรากฏเฉยๆ มาก อ้อ ย่านนี้เป็นย่านคนอินเดียนะ คนอินเดียเยอะมากกก แบบเดินผ่านร้านอาหารเห็นกินข้าวบนใบตองแล้วใช้มือจกๆ เลยอะ แอบจะอ้วก -*- เสร็จจากห้างมูสตาฟา ก็นั่งรถไปห้าง vivo vity แบบโอ้วววคนเยอะมากกก เป็นห้างที่ดูคึกคักดีแฮะ ชอบๆ^__^ เดินเสร็จเกือบ 5 ทุ่มก็กลับที่พัก แบบย่านที่พักเรายิ่งดึกคนยิ่งเยอะ ร้านอาหารเยอะมาก แต่ละร้านโคดน่ากินเลย ส่วนมากเป็นอารมณ์คล้ายๆ ปิ้งย่าง น่ากินโคดดด




วันต่อมา วันนี้ต้องกลับละ ก็ตื่นมาจัดของ เช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม จะกลับมาเอาตอนเย็นๆ เพราะไฟลท์กลับตอน 20.40 แน่ะ วันนี้ตั้งใจจะพาแม่ไป marina bay sand ที่มาแอบถ่ายรูปไว้แล้วตอนวันแรก มันเป็นโรงแรมคาสิโนที่เพิ่งเปิด แบบยังสร้างไม่เสร็จดีเลย แต่น่าไปมากๆแล้วแม่เคยเห็นจากคู่สร้างคู่สมเลยอยากไป 555 ก็นั่งรถมาลงสถานี raffle places แล้วก็ออกทางออกที่เขียนว่า marina link mall อะไรซักอย่างเนี่ย แล้วเดินไป แบบโคดไกลมากกกประมาณ 20 นาที แดดร้อนมากๆ แม่แบบจะเป็นลม เหอะๆ ขนาดกางร่มแล้วนะแต่โคดร้อนจริงๆ แต่พอมาถึงก็แบบ โอวววเย็น สวยอะ ชอบ ร้านเยอะมากๆ แต่สไตล์ก็คือเหมือนเวเนเชียนที่มาเก๊าเลย แต่เวเนเชียนสวยกว่า(มาก) แต่ที่ marina นี่ร้านเยอะกว่ามากๆ






เดินเสร็จก็นั่งแทกซี่เลย (เดินกลับไปขึ้น mrt ไม่ไหวจ้ะ ขาลาก) ไปลงแถวบูกีส นั่งแปบเดียว ค่าแทกซี่ 10 เหรียญอะ โคดแพง 555 บูกีสก็เป็นย่านช้อปอีกย่าน ปรากฏเออดีกว่าที่คิดแฮะ ก็ช้อปๆ อีกเล็กน้อย
 




แล้วก็กลับมาที่ที่พัก มาเอากระเป๋า แล้วไปสนามบิน ที่สนามบินก็มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยแต่ไม่อยากพูดถึง เซ็ง ให้มันผ่านๆ ไปดีกว่า

สรุปทริปสิงคโปร์ว่า .... อืม มีคนชอบเทียบสิงคโปร์กับฮ่องกง และขอฟันธงอีกคนว่าฮ่องกงดีกว่ามากกกกกกกกจริงๆ เราแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลย คือแลกเงินไป 17000 บาท เป็นค่ากินของเรากับแม่ และค่าช้อปของเรา เหลือกลับมา 11000 อะ สุดยอด 555 แต่คนที่สิงคโปร์แบบ pluraculture สุดๆ คือเดินมา 5 คนคือ 5 เชื้อชาติอะ จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ ฝรั่ง บลาๆ คือแบบ...เออ เค้าอยู่รวมกันได้เนาะ แล้วทุกคนคือแบบพูดภาษาอังกฤษได้หมด แล้วพูดได้ดีด้วย ขนาดป้าแก่ๆ โทรมๆ ข้างถนนแต่งตัวสกปรกๆ ยังพูดได้อะ อึ้งปะล่ะ

สรุปทริปนี้ก็จบลงแล้ว รอทริปหน้ากับพ่อ เมษาปีหน้า ไปไหว้พระที่พม่า Let's Go !

ความคิดเห็น

nanjaza
nanjaza 3 ส.ค. 53 / 16:55
ชีพจรลงเท้าอินเตอร์ซะด้วย อิจฉาโพดๆ

อาหารน่ากินง่ะ

อ่านแล้ว อยากไปบ้าง อิอิ(ชาติไหนฟระ??)
ความคิดเห็นที่ 2
what is happy you cook