kpay
ดู Blog ทั้งหมด

Merit Trip @ Myanmar with Dad!

เขียนโดย kpay

มาๆๆๆๆ

หลังจากปีก่อนพาแม่ไปสิงคโปร์ ปีนี้ถึงคิวของป๊า เราจองตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชียตอนมีโปรโมชั่นตั้งแต่ปีก่อน (เดือน 5 อะ โคดนาน) ตอนแรกที่เล็งไว้จะไปบาหลีกัน แล้วบาหลีแบบเต็มเร็วมากกกกกกกก เลยโทรถามป๊า จะไปไหนดีอะ???

ป๊าบอกอยากไปประเทศที่แบบยังไม่เจริญมาก เพราะชอบดูชีวิตชาวบ้านไรงี้มากกว่า เราก็แบบเอาที่ไหนดีวะ -*- สรุปเลยกดจองพม่าไปได้มาในราคาไปกลับคนละ 1 พันบาท ถูกมากกกกกกกกก แต่คือจองเดือน 5 ปีก่อน บินปี 2011 เดือน 4 เรียกว่าเกือบ 1 ปีเลยทีเดียว ฮ่าๆ รอกันแทบลืม

พอเข้าปี 2011 ก็เริ่มเตรียมทริปละ เริ่มจากต้องจองที่พักก่อน ก็ไปหาเอาจากพันทิพเช่นเดิม และหลายเสียงแนะนำ Thamada Hotel อ่านว่าทามาดะ ไม่ใช่ธรรมดา เราก็เลยโอเค เอาที่นี่แหละ เลยจองผ่าน airasiago ได้มาแบบห้องทวินรูม คืนละ 900 เอง ถือว่าถูกมากๆ เลยนะ

ต่อมา (ยังไม่หมด) ต้องทำวีซ่า ห่านนนนนนน พม่าแค่นี้ทำไมต้องทำวีซ่าด้วยค้าาาาาาาาาาา เดาเอาว่าพวกประเทศที่การเมืองยังไม่มั่นคงเท่าไหร่ เค้าจะบังคับให้ทำวีซ่า เช่น พม่า เขมร(แต่เขมรนี่ไม่รู้ยกเลิกวีซ่าไปยัง) ก็ต้องไปทำที่สถานทูตพม่า ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเรื่องมาก เช่น รูปที่ใช้ต้องเป็นพื้นขาวเท่านั้น พื้นฟ้าไม่ได้ แล้วจำได้ว่าวันที่ไปคือวันที่มันหนาวมากๆๆอะ แล้วก็มีฝนตกด้วย เราไปถึงที่นั่นตอน 11 โมงครึ่ง แล้วสถานทูตมันจะพักตอนเที่ยง พักของมันนี่คือปิดประตูล็อกเลยนะ เราต้องออกไปยืนรอข้างนอกซึ่งมีฝนตกและหนาวมากอะ สาดดดดดดด สรุปก็ทำวีซ่าไป ใช้เวลา 2 วันทำการ วันรับเล่มคืนก็ให้ป๊าไปเอาแทน

เอาล่ะครบแล้ว มีตั๋วเครื่องบิน มีวีซ่า มีที่พัก พร้อมออกเดินทาง ส่วนเรื่องเที่ยวต่างๆ ก็อ่านเอาจากพันทิพ + พี่ผึ้งส่งหนังสือท่องเที่ยวพม่ามาให้ยืม แอบรู้มาว่าปัจจุบันไม่มีหนังสือคู่มือเที่ยวพม่าออกมาขายเท่าไหร่ เพราะรัฐบาลพม่าไม่ค่อยชอบที่มีพวกนักเขียนหรือนักข่าวมาเที่ยวประเทศเค้าแล้วเอาเรื่องประเทศเค้าออกไปเขียนขาย ตอนนี้คือถ้าไปตามร้านหนังสือ หาไกด์บุ๊คพม่าคือมันไม่มีเลยนะ แปลกดี

อีกเรื่องคือการแลกเงิน การไปพม่า เราต้องแลกเงินเป็น USD หรือดอลลาร์เมกาไว้นะ โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามเป็นแบงค์เก่า ห้ามยับห้ามมีรอยพับ (เรื่องมากสุดๆ) คือเวลาไปแลกเงินก็บอกเค้าเลยว่าขอแบงค์ใหม่ๆ จะไปพม่า ไม่งั้นจะใช้แลกเป็นเงินจ๊าดพม่าไม่ได้เหอๆ เราเลยแลกเงินจากเคาน์เตอร์ธนาคารแถวสีลม ซึ่งเรทก็พอๆกับซุปเปอร์ริช แลกมาประมาณ 12,000 บาท

3 April

เอาล่ะ ออกเดินทาง ไฟลท์ของเราคือ FD3770 ของวันที่ 3 เมษา ออกตอน 7.15 ก็ไปถึงสนามบินประมาณเกือบตี 5 เช็คอินอะไรเรียบร้อย ก็เข้าไปในเกท ออกเดินทาง นั่งไปเรื่อยๆ กัปตันประกาศว่า สภาพอากาศปลายทางไม่สามารถเอาเครื่องลงจอดได้ ต้องบินวน กรรม -*- กัปตันก็บินวนอยู่นั่นแหละ ความรู้สึกเหมือนเครื่องบินโดนจอดนิ่งในอากาศ 555+ สรุปดีเลย์ประมาณชั่วโมงกว่า แต่โอเคเลยนะ เพราะไม่อยากรีบไปถึงเหมือนกัน เช้าเกิน

สุดท้ายก็มาถึงพม่าเวลาประมาณ 9 โมง (เวลาพม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง) สนามบินที่นี่เล็กมาก ไม่ค่อยมีอะไร แต่สังเกตว่า ตมของที่นี่จะนั่งคู่กัน 2 คน คนแรกเหมือนจะเช็คพาสปอร์ต ส่วนอีกคนจะเช็ควีซ่า(มั้ง)



ออกจากสนามบิน เราก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ที่พัก จากที่สืบมา ราคาอยู่ที่ 6 USD แต่ต่อได้เต็มที่แค่ 7 ก็เลยโอเคไป ขี้เกียจต่อรำคาญ 555 ที่สำคัญคือแท็กซี่ที่นี่แม่ง สุดติงงงงงงงงงงงงง คือไม่มีแอร์ + รถเก่ามากกกกกกก แล้วคือแดดแบบร้อนมาก แทบละลาย



สุดท้ายก็มาถึงที่พักคือ Thamada Hotel ฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก็เลยเดินไปทางหลังโรงแรม จะเป็นตลาดสก๊อตซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่างกุ้งและในพม่า อ้อ ก่อนออกมา หยิบผ้าถุงมาใส่ด้วย สะเหร่อมากเพราะใส่ไม่เป็น 555 เดินๆไปจะหลุดสามสี่ที







มาถึงตลาดสก๊อต เราก็ตรงดิ่งไปแลกเงินก่อน อ่านในพันทิพ เค้าบอกว่าให้ไปแลกที่ร้านบัวทิพย์ เจ้าของร้านเป็นคนไทย เราเลยเดินหาจนเจอ ก็คุยๆๆๆๆ บลาๆๆ แลกได้เรท 1 USD ต่อ 850 จ๊าด (ปกติถ้ามากับทัวร์ จะแลกได้แค่ 700 กว่าจ๊าด) คุยไปมาเลยถามว่า มาอยู่พม่านานยังคะ ? เจ้าของร้านตอบกลับมาว่า เปล่าค่ะ เป็นคนพม่าแต่เรียนภาษาไทย กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส คือแบบว่าเค้าพูดไทยชัดมาก สำเนียงไม่แปร่งเลย สุดยอดดดดดดดดดดดด ตกใจมากกก ช็อก อึ้ง โคดเก่งอะ !! แล้วเราก็แลกเงินมาก่อน 150 USD คือควรจะค่อยๆแลกนะ เพราะอิเงินจ๊าดเนี่ย ถ้าแลกมาเยอะแล้วใช้ไม่หมด จะไม่สามารถแลกคืนกลับเป็น USD ได้นะ ตลกปะ 555555555

พอแลกเงินเสร็จ ก็โบกแท็กซี่ไปวัดโบตาทาวน์ ค่าแท็กซี่ 2 USD หรือจะจ่ายเป็น 2 พันจ๊าดก็ได้ ที่วัดโบตาทาวน์มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือเทพทันใจ (นัตโบยี) พอลงจากแท็กซี่จะมีพ่อค้าแม่ค้ารุมมมมมมมมมมมมม เพื่อให้เราซื้อเครื่องไหว้ไรพวกนี้ ซึ่งการจะไหว้เทพทันใจ เค้าให้ซื้อมะพร้าวกับกล้วยเพื่อไหว้ (และก็จะถูกเอามาวนขายแหง)

วิธีการไหว้เทพทันใจคือ ให้เราเอาเงิน 2 ใบพับเป็นกรวย แล้วใส่ในมือของท่าน เอาหน้าผากเราแตะนิ้วชี้แล้วขอพร จากนั้นก็หยิบเงินในมือท่านคืนมาเก็บไว้ 1 ใบ แต่ปัญหาคือ นิ้วชี้ของท่านสูงมากอะ เกือบไม่ถึงอะ -*- ต้องเขย่งมากทีเดียว เฮ้อ 5555

แล้วตรงข้ามเทพทันใจจะมีเทพกระซิบ เค้าว่าให้กระซิบขอพรแล้วจะสมหวัง แต่ไม่กล้าอะ อาย 555 เลยได้แค่ไหว้แล้วออกไป

จากนั้นเรียกแท็กซี่ไปต่อที่วัดชเวตาเลียว ที่นี่มีพระนอนตาหวานที่งดงามมากๆๆๆ แต่ตอนเราไหว้เหมือนมีพวกนายพลหรือนักการเมืองมาไหว้พอดี เลยห้ามส่งเสียงดัง + มีคนเดินตามเยอะมาก แอบเกร็งทีเดียว

เสร็จจากวัดชเวตาเลียวก็แบบร้อนมากกกกกก อยากกรีดร้องงง ร้อนมากกและฝุ่นเยอะมากและหิวมาก จะให้กินข้างทางก็ไม่ไหวนะ คือแบบ...-*- เลยนึกได้ว่า ที่นี่มีห้างเปิดใหม่ชื่อ Junction Center Maw Tin แถมยังเป็นห้างที่มี etude ด้วย แอร้ยยยยยยยยยยยยพลาดได้ไง เลยโบกแทกซี่ไปต่อ 5555 จริงๆ ที่ย่างกุ้งก็มีห้างเยอะนะ แต่ส่วนมากจะอารมณ์แบบห้างเล็กๆ 2-3 ชั้น เก่าๆ อารมณ์เมอรี่คิงไทยเมื่อ 20 ปีก่อนอะ อย่างJunction Center Maw Tin ก็มี 4 ชั้นเอง ชั้นนึงก็เล็กๆ ไม่มีไรมาก อ้อ ปกติผู้หญิงพม่าจะนิยมใส่ผ้าถุงใช่ปะ แต่ที่ห้างนี้ เราจะได้เห็นผู้หญิงพม่าใส่เกาะอกไรงี้ด้วยนะ 555



มาถึงก็ตรงดิ่งไปหาร้านอาหาร เจอร้านอาหารไทย ซึ่งอร่อยใช้ได้ บริการดีมากๆ ป๊าสั่งมากิน 2 จานทีเดียว 5555 ระหว่างรอป๊า เราก็แอบลงไปซื้อ etude แม่งราคาเท่าเกาหลีจริงๆ ด้วย อย่างอายไลเนอร์ก็ขวดละ 3500 จ๊าดเท่านั้น คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 120-130 บาทเท่าเกาหลีเด๊ะ แต่ข้อเสียคือไม่มีเทสเตอร์แจก + พนักงานรุมทึ้งมาก โคดรำคาญ + ของไม่เยอะเท่าเกาหลีแต่ก็โอเค และที่สำคัญ ในร้านเปิดเพลงเกาหลีด้วยนะฮ้าาาาาา แล้วเปิดแบบเพลงของไอยูด้วยเหอะ ดูถูกเค้าไม่ได้นะ เพลงใหม่ๆ ทั้งนั้น 555 นอกนั้นในห้างก็มี Charles&Keith ที่ราคาพอๆ กับสิงคโปร์แต่ของก็ไม่เยอะเท่าเหมือนเดิม

จากนั้นก็เกือบบ่ายสองละ ก็เลยนั่งแท็กซี่กลับมาที่โรงแรม เช็คอินอะไรเรียบร้อย อาบน้ำแล้วนอนเลย ไม่ไหวแล้ว ร้อนมากกกกกกและที่สำคัญ เช็ดหน้าออกมาคือแบบ นี่หน้าหรือถ่าน ดำมากกกกกกกกกก สิวผดอะไรไม่รู้ขึ้นเต็มเลย เห้อ แหกค่ะ ส่วนห้องพักโอเคเลยนะ ห้องใหญ่ ห้องน้ำกว้าง ทีวีดูช่องไทยได้ด้วย สรุปก็นอนๆๆๆ ตื่นมา 5 โมง เตรียมตัวออกไปเจดีย์ชเวดากอง คือชเวดากองเนี่ยควรไปช่วงเย็นๆ และอยู่จนถึงมืด เพราะไม่ร้อน + ได้เห็นวิวตอนกลางคืนที่เค้าว่ากันว่าสวยมาก

ทำโน่นทำนี่เสร็จก็ออกมาเรียกแท็กซี่ไปชเวดากอง ค่าเข้าสำหรับคนต่างชาติคนละ 5 USD (พม่าเข้าฟรี) จะมีลิฟต์แบ่งระหว่างคนพม่าและคนต่างชาติด้วย คนต่างชาติจะให้ฝากรองเท้าได้ ส่วนคนพม่าต้องถือรองเท้าขึ้นไป -*-

















พอขึ้นมาแบบบบบ โอ้วววววววว สวยมาก ยิ่งใหญ่อลังการมากๆๆๆๆ คือไม่ใช่แค่ตัวเจดีย์ แต่รอบๆ มีพระให้ไหว้เยอะมากกกกกกเป็นสิบๆ องค์ คือแบบเดินดูได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยอะ สุดยอดมากกกกกกกกกก คนก็เยอะมากๆ (อาจเพราะเป็นวันอาทิตย์) คือมีนั่นนี่ให้ดูเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนั้นแบบ โอววว ศรัทธาของมนุษย์นี่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ มีทั้งคนมานั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ มากวาดลานเจดีย์ เราแบบ โอย เสียดาย น่าจะเอาหนังสือสวดมนต์มาด้วย คือตอนนั้นแบบ ... มันดูยิ่งใหญ่มากจนอยากจะนั่งสวดมนต์จริงๆ เลยทำได้แค่นั่งสมาธิอะ ไม่น่าเชื่อเนาะ คนบาปอย่างกู 55555 จนพอฟ้ามืดนะ โอวววว สวยมากกกกกกกกก ทองแบบเปล่งประกายสุดๆคือรู้เลยว่าทองหนามาก คือตัวเจดีย์แบบ ทองหนามากๆๆๆ จนแทบจะละลายแล้วอะ ทองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง



พอซักสองทุ่มก็ออกมา กลับมาโรงแรม ข้างๆ โรงแรมทีร้านอาหารชื่อ 365 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เลยสั่งบะหมี่กิมจิกับข้าวผัดหมูซีอิ๊วดำมากินกับป๊า ราคาไม่แพงมาก แต่บวกแวตต์ 10% และเซอร์วิชชาร์จอีก 10% เหอๆ จากนั้นก็อาบน้ำเข้านอน


4 April

วันนี้ตื่น 8 โมงเช้า อาบน้ำอาบท่า นั่งดูทีวีเพลิน ดีอะ มีช่องไทย ก็ดูอาเฮียสรยุทธเพลินๆ อ้อ หน้าแหกมากกกกกกกกกกก สิวเห่อแบบแย่มากอะ ต้องโบ๊ะรองพื้นเรฟลอน ปกปิดดีสุดตีน 5555 แล้วก็ลงไปกินอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งก็กินในร้าน 365 ของเมื่อวานนี่แหละ มีเมนูให้เลือก 4-5 อย่าง เซ็ตแบบไข่ดาวไส้กรอกแบบเมกัน เซ็ตข้าวกับปลาทอดแบบญี่ปุ่น เซ็ตโจ๊กแบบฮ่องกง ไรทำนองเนี้ย

หลังกินเสร็จ ก็รอคนขับแท็กซี่ที่เราเหมาเอาไว้ ไปหามาในพันทิพ มีหลายคนแนะนำว่าเค้าเก่งมากๆ อังกฤษดี เทคแคร์ดี จบปริญญาตรีอีกต่างหาก ชื่อเมียว เราก็เมลไปจองแล้ว เหมาไปหงสาวดีไปกลับ 60 USD ราคามาตรฐาน นัดไว้สิบโมง แต่เค้ามาตั้งแต่เก้าโมงครึ่ง ก็เลยไปกันเลย โชคดีแท็กซี่แบบมีแอร์แต่แอร์เบาแบบตดแมวอะ กูตดยังเย็นกว่าอีก อ้อ จริงๆ จะนั่งรถทัวร์มาลงหงสาวดีแล้วค่อยเหมาพวกสามล้อเที่ยวก็ได้นะ ไม่แพง แต่แบบไม่ไหวนะ สงสารป๊า ร้อนขนาดนี้ ยอมลงทุนเหมาแท็กซี่มาเลยดีกว่า

ที่หงสาวดีเคยเป็นเมืองหลวงเก่าพม่า โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าสิบทิศหรือบุเรงนอง เป็นกษัตริย์ของพม่าที่เก่งเวอร์ อารมณ์พระนเรศวรยังไงยังงั้น คนที่นี่เรียกเมืองหงสาวดีว่าพะโค และเรียกพระเจ้าบุเรงนองว่าบายินนอง การเดินทางจากย่างกุ้งไปหงสาวดีใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ระหว่างทางก็คุยกับเมียวเรื่อยเปื่อย คือแบบเป็นคนขับรถแท็กซี่ที่คิวหนามากอะ อย่างหน้าฝนจะไม่ว่างเลย เพราะมีทัวร์สเปนมาลงแล้วต้องไปดูแลทัวร์ตลอดหน้าฝน แรงงงงงงง

สำหรับโปรแกรมเที่ยวในหงสานั้น สามารถซื้อตั๋วแบบ 10 USD แล้วจะเข้าที่เที่ยวที่ไหนก็ได้ในหงสา (ค่าเข้าส่วนมาก ที่ละ 2 USD ยกเว้นพระราชวังบุเรงนอง 4 USD) เราเริ่มจากวัดไจ๊ปุ๊น วัดนี้มีพระ 4 ทิศ เชื่อว่าสร้างจากเจ้าหญิง 4 องค์เป็นพี่น้องกัน ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายใด ปรากฏมีเจ้าหญิงองค์นึงผิดคำสัตย์ พระที่เจ้าหญิงองค์นั้นสร้างเลยถล่มลงมา แต่ตอนนี้สร้างใหม่เหมือนเดิมละ



ที่ต่อไปคือวัดเจาทัตยี มีพระนอนที่งดงามมาก คือเท่าที่จำได้คือพระนอนองค์นี้ถูกทิ้งไว้ในป่าจนมีคนไปเจอ โหย แอบสงสัย ตอนไปขุดเจอนี่ไม่ตกใจเหรอ พระนอนงามขนาดนี้ แถวนี้มีร้านขายของฝากราคาถูกด้วย แนะนำให้ซื้อที่่นี่เลย คนขายพูดไทยได้และบางร้านรับเงินไทยด้วยแหละ ดีๆๆ เลยขอตังค์ป๊าจ่ายซะเลย 555555555





ต่อที่พระธาตุชเวมอดอว์พระพระธาตุมุเตา เป็นเจดีย์ที่เป็นไฮไลต์ของหงสาเลย คืออารมณ์เหมือนชเวดากองของย่างกุ้ง แต่พระธาตุชเวมอดอว์สูงกว่าชเวดากองนะ แต่โดยรวมชเวดากองใหญ่กว่าและสวยกว่า เพราะรอบๆ พระธาตุชเวมอดอว์ไม่มีอะไรให้ดูเยอะเหมือนชเวดากอง พระธาตุชเวมอดอว์ในอดีต ยอดพระธาตุเคยถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว โดยบริเวณพระธาตุยังมีซากของยอดพระธาตุที่ถล่มลงมาเก็บไว้อยู่ และเชื่อว่าถ้าใครไปอธิษฐานแล้วเอามือพยุงซากของยอดพระธาตุนี้ ถือเป็นการต่ออายุด้วย









และปิดท้ายด้วยพระราชวังบุเรงนอง จริงๆ ของเก่าพังไปแล้ว ที่มีอยู่เป็นวังที่ถูกสร้างใหม่ ข้างในไม่ค่อยมีอะไรอะ แต่อยากมาเพราะส่วนตัวปลื้มพระเจ้าบุเรงนองมาก



อ้อ น่าสังเกตว่าทุกวัดในพม่า ตรงประตูทางเข้าจะมีสิงโตสองตัว เราก็ถามเมียวว่าหมายถึงอะไร สรุปคือสิงโตสองตัวเป็นเหมือนการ์ดคอยปกป้องวัด ไล่ผีไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในบริเวณวัด

โอยยยยยร้อนมาก ไม่ไหวแล้ว บอกเมียวให้พากลับย่างกุ้งเลย ข้าวเขิ้วไม่กินเพราะร้อนจนไม่หิว เหอะๆ ไม่ไหว รีบกลับมากินข้าวแล้วอาบน้ำนอน สรุปกลับมาถึงย่างกุ้งประมาณบ่ายสองกว่าๆ มั้ง แต่โดยรวมแล้วประทับใจกับหงสานะ คือปกติเราเนี่ยไม่ได้เข้าวัดเท่าไหร่ แต่มาดูวัดแบบนี้ก็สนุกดีนะ คือพูดตรงๆ คือพระพุทธรูปพม่าสวยมากๆๆๆๆ อะ ดูแล้วเพลินดี

5 April

วันนี้จะกลับละ ตื่นมาก็เก็บของจัดกระเป๋า เช็คเอาท์ ไปเดินตลาดสก๊อตปิดท้าย แล้วไปสนามบิน แม่งสนามบินไม่มีร้านอาหารเลยอะคือถ้าหิวต้องข้ามถนนมาอีกฝั่งจะมีร้านอาหาร เหอๆๆ แถมสนามบินมีเที่ยวบินวันละไม่กี่เที่ยวบินเอง คือมีแค่สายการบินของไทย จีน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเล หมดแล้วมั้ง แอบสงสัยทำไมไม่มีของอินเดียอะ อยู่ติดกันหนิ ??



เช็คอิน มีปัญหานิดหน่อย คือป๊าสะพายกระเป๋าใบนึง แล้วแบกขึ้นเครื่องอีกใบ เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้ ต้องเอาอีกใบเช็คอิน เลยเถียงกลับไปว่า ตอนไอบินมาที่นี่ไม่มีปัญหานะ ยูโนว์ พนักงานเลยยอม จริงๆ โหลดไม่ไหวนะ แอร์เอเชียถ้ามาโหลดหน้าเคาน์เตอร์เลย แพงมากกกกกกกกกกกกก ขนาดซื้อน้ำหนักกระเป๋าที่จะโหลดล่วงหน้าในเน็ต ตั้งใบละเกือบ 400 อะ แพงแสดๆ



ส่วนเที่ยวบินกลับนี่แทบทั้งลำเป็นคนไทยอะ ฮ่าๆๆๆ ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ นั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์ลงพญาไท แล้วต่อแท็กซี่กลับบ้าน จบจ้าาาาทริปพม่า ประเทศที่ 18 ของข้าพเจ้า

สรุปว่า โดยรวมแล้วพม่าโอเค แต่ควรจะไปหน้าหนาว เพราะช่วงนี้ร้อนมาก และอยากให้ไม่ต้องทำวีซ่า เพราะอยากไปอีก ถ้ามีโอกาสอยากจะกลับไปนั่งสวดมนต์ที่ชเวดากอง ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะ :]


ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
พม่าทำมึงเข้าวัดได้!!!!
ความคิดเห็นที่ 2
แว้บมาดูก่อน เดี๋ยวมาอ่าน
แล้วปีหน้าคิวใครอ่ะ