ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shor Fic :: KrisYeol Couple

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Morning Kiss [Special Part Good Night Kiss]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.7K
      11
      5 มิ.ย. 55

     


    [SF]  Morning  Kiss  :: KrisYeol

    Pairing :: Wu Yi Fan X Park Chanyeol

    Author ::  มิสเตอร์สไมล์ & คุณชายมาเฟีย






    แสงสีเหลืองนวลในฤดูใบไม้ผลิ ได้แผ่วงกว้างกระจายไปทั่วอณาบริเวณ ทุกซอกซอยในเมืองใหญ่บัดนี้มีแต่สีเหลืองอร่ามปกคลุมเต็มไปหมด ไม้เว้นแม้แต่ในห้องนอนของใครบางคน   เสียงประตูห้องค่อย ๆ เปิดออก นัยน์ตากลมคู่สวยแอบ

    ลอบมองคนรักจากช่องประตู เค้าค่อย ๆ ย่องเข้ามาภายในห้องพักแล้วใช้นิ้วเรียวคลี่ม่านออกอย่างเบามือ หน้าสวยคุกเข่าลงที่ข้างเตียงแล้วใช้ริมฝีปากนุ่มกดจูบลงบนไหล่กว้างที่เปลือยเปล่า แผ่นหลังที่มองเห็นมัดเนื้อสมชายชาตรี ไม่มีอะไรปกคลุม

    ส่วนช่วงล่างมีเพียงผ้าห่มผืนหนาพาดไว้อย่างลวก ๆ 

    นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมด้านหน้าก่อนกระซิบข้างหูเบา ๆ  "ตื่นได้แล้วครับคุณคริส สายแล้ว" 

    เสียงทุ้มนุ่มที่แสนจะคุ้นหูสะกิดใครบางคนให้หลุดจากห้วงนิทรา แขนแกร่งตวัดรัดคนข้างเตียงแบบตั้งตัวไม่ทัน

    "อ่ะ" เสียงชานยอลดังขึ้น แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรต่อเค้าก็เข้าไปอยู่ภายในวงแขนนั้นเป็นที่เรียบร้อย

    "ผมยังไม่อยากลุกเลย วันนี้คุณไม่ต้องทำงานแล้วไม่ใช่เหรอชานยอล" เสียงใหญ่ทรงพลังเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ทีริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่บริเวณซอกคอขาว

    "จะโดดงานเหรอครับ คุณตากล้อง"  ชานยอลเผยยิ้ม แล้วใช้นิ้วเรียวไร้ไปตามท่อนแขนแกร่ง

    "ไม่อยากฉลองอิสระบ้างเหรอ ต่อไปนี้คุณไม่ได้เป็นนายแบบ ไม่ได้เป็นดารา แล้วก็ไม่ได้เป็นศิลปินแล้วนะ แต่ต่อไปนี้คุณจะเป็นชานยอลของผมเท่านั้น" 
    คริสกดจูบลงบนแผ่นหลังขาว ที่ถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อเชิ้ตตัวบาง และกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก ชานยอลพลิกตัวกลับหันหน้าเข้าหาคนรัก แล้วใช้ปลายนิ้วสวยวางลงที่ปลายจมูกโด่ง

    "ผมเพิ่งเป็นชานยอลของคุณคริสเหรอเนี่ย มันหน้าน้อยใจนัก" 

    ชานยอลนิ่วหน้า คริสได้แต่อมยิ้มกับความแสนงอนที่พักนี้มีให้เค้าเห็นอยู่บ่อยครั้ง

    "ทำไมต้องงอนด้วยล่ะ"  ร่างใหญ่ใช้นิ้วแกร่งกดลงบริเวณปลายจมูกของคนรักคืนบ้าง

    "ก็คุณบอกว่าผมเพิ่งเป็นชานยอลของคุณ แต่คุณเป็นคุณคริสของผมมาตั้ง 5 ปีแล้ว มันหน้าน้อยใจมั้ยล่ะ"

    คนตัวเล็กกว่าพลิกตัวกลับที่เดิม มีเพียงคริสที่นอนอมยิ้มมองแผนหลังและกลุ่มผมนุ่มที่ขยับไปมา เห็นคนตรงหน้าแสดงท่าทางกระเง้ากระงอดเช่นนี้ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้

    "ขี้งอนนักใช่มั้ย"  คริสเอื้อมกอดชานยอลจากด้านหลังก่อนใช้คางแหลมที่มีไรหนวดขึ้นเล็กน้อยถูเข้าไปที่ต้นคอขาวอย่างหมั่นเขี้ยว มือหนาไม่อยู่เฉยจับเอวร่างบางแล้วขยับนิ้วไปมาจนคนที่นอนหันหลังให้ต้องดินขลุกขลัก

    "คุณคริส ผมจั๊กกะจี๋นะครับ เล่นแบบนี้ไม่เอานะ ผมโกรธจริงนะ" ถึงปากจะบอกว่าโกรธแต่ก็ยังคงมีเสียงหัวเราะร่วนหลุดออกมาเป็นระยะ เมื่อคริสสังเกตเห็นว่าคนในอ้อมกอดเริ่มเหนื่อยหอบและหายใจติดขัด ถึงได้ดึงร่างบางเข้าหาอกอุ่น

    "โอเค ผมไม่แกล้งแล้วครับคนดี  โอ๋" 

    เค้ากอดกระชับร่างบาง แล้วใช้อุ้งมือหนารูปแผนหลังชานยอลอย่างเบามือ เสียงหายใจที่เหนื่อยหอบในช่วงแรกเริ่มผ่อนคลายขึ้น คริสจึงเลื่อนมือขึ้นมาวางไว้บนศรีษะกลม ก่อนใช้มือหนาลูบลงที่กลุ่มผมนุ่ม ตอนนี้คางแหลมถูกกดลงบน

    ไหล่ร่างบางเบา ๆ 

    "ผมยังจำได้อยู่เลยนะ  วันแรกที่เรย์แนะนำคุณให้ผมรู้จัก ถ้าหมอนั่นไม่ลากคอผมไปทำงานให้ ผมก็คงไม่ได้พบคุณสินะ" 


    ภาพความทรงจำในวันแรกถูกฉายจากเมมโมรี่อีกครั้ง เค้ายังจำเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางในชุดลำลองสีขาว กับกางเกงผ้าพริ้วที่ใหญ่กว่ารูปร่างนิดหน่อย ได้ติดตา

    "นี่คริส เพื่อนพี่ เค้าจะมาถ่ายภาพให้เราในวันนี้" ตาคมจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา จนคนที่ถูกจ้องถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ใบหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ 

    "สวัสดีครับคุณคริส ผม ปาร์ค ชานยอล ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ร่างบางตรงหน้าโค้งให้ เพื่อแสดงความเคารพ

    "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ"  น้ำเสียงคงทีช่างแตกต่างกับนัยน์ตาของคริสตอนนั้น มันวูบวาบราวกับพญาราชสีห์ที่กำลังจ้องลูกกวางตัวน้อยไม่มีผิด



    “ผมนึกว่าผมจะโดนปล้ำตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอคุณแล้วซะอีก” เสียงคนในอกอุ่นพูดอู้อี้

    คริสดันตัวเองออกเล็กน้อย  เค้าก้มหน้ามองชานยอลด้วยสายตาราชสีห์เฉกเช่นวันแรกที่เค้าได้เจอ

    “คุณคริสอย่ามองผมแบบนี้ได้มั้ยครับ” ชานยอลก้มหน้างุด ๆ 

    คริสหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ “ทำไมล่ะ คุณยังไม่ชินอีกเหรอ”

    “ไม่รู้สิครับ มองกี่ทีก็เขินทุกทีสิน่า” ชานยอลไม่พูดเปล่า เค้ายกมือบางขึ้นปิดตาคนรัก เพื่อหลบสายตาที่ทำให้เค้าหลอมละลายได้ทุกครั้งเมื่อยามถูกจ้อง 

    “ไม่มองก็ได้ ผมไม่มองแล้ว” คริสแกล้งปิดเปลือกตาลง ก่อนหรี่มันขึ้นหนึ่งข้างเพื่อมองปฏิกิริยาของคนรัก

    “คุณคริสนิ่” ชานยอลทุบที่อกกว้างไปเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วลุกขึ้นนั้งขัดสมาธิ  คริสเลื่อนศรีษะมาวางไว้บนตักคนร่างเล็ก แล้วกดจูบลงไปบนต้นขาเรียว

    “คุณจำวันที่คุณเอาสร้อยมาให้ผมได้มั้ยครับ” ชานยอลเอ่ยถาม

    คริสพลิกตัวขึ้นนอนหงาย แล้วจับที่แก้มนุ่มของชานยอลอย่างเบามือ

    “จำได้สิ  หลังจากที่ผมเอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณมาจากเจ้าเรย์ ผมก็คิดแค่อยางเดียวคือ คุณเสร็จผมแน่ปาร์ค ชานยอล” เสียงหัวเราะชอบใจของคริสดังขึ้น


    “เอ่อ มีอะไรเหรอครับคุณคริสถึงนัดผมออกมาพบที่นี่” เส้นเสียงที่คุ้นหูเอ่ยถามคุณช่างภาพที่นั่งอยู่ตรงหน้า

    “พอดีผมเพิ่งกลับมาจากจีน  มีของมาฝากคุณครับ ผมอยากให้คุณด้วยตัวเอง แล้วก็อยากจะปรึกษาอะไรบางอย่างเลยต้องรบกวนให้คุณชานยอลออกมาพบผมหน่อย  แต่ผมรับปากกับเจ้าเรย์ไว้แล้วว่าจะไม่ให้คุณกับเจ้าเรย์ต้องเดือดร้อน 

    ผมเลยต้องนัดคุณออกมาไกลขนาดนี้”

    เบื้องหน้าของคนทั้งคู่คือสวนสาธารณะที่เงียบสงบ บริเวณชานเมือง แม้จะมีผู้คนเดินผ่านไปมา แต่ก็ไม่มากมายนัก ทำให้คนทั้งคู่สามารถทำตัวตามสบายได้อย่างไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกแอบถ่าย คริสหยิบกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยม

    เล็กยื่นให้ชานยอล

    “อะไรกันครับ” เค้ายกคิ้วสูง ก่อนแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาทางคำพูด

    “ของฝากจากจีนครับ”  คริสยิ้มบาง ๆ ให้อีกครั้ง ชานยอลเปิดฝากล่องออก สร้อยโลหะพร้อมจี้รูปมังกรที่บรรจุอยู่ภายในมันดูสวยงามและแปลกตา เค้าค่อย ๆ ใข้นิ้วเรียวเกี่ยวมันออกมาวางบนฝ่ามืออย่างทะนุถนอม 

    “สวยจังเลยครับ  ขอบคุณมากนะครับคุณคริส” ชอนยอลยิ้มกว้างแล้วโค้งศรีษะให้เล็กน้อย

    “ส่วนเรื่องที่ผมจะปรึกษา เอ่อ .. คือ” จู่ ๆ น้ำเสียงก็ติดขัด ริมฝีปากแลจะขยับยากจนผิดสังเกต

    “เล่ามาเถอะครับ ถ้าผมช่วยได้ผมจะช่วย” ชานยอลยิ้มให้อีกครั้ง เค้าวางสร้อยคอกลับเข้าไปในกล่องก่อนหันหน้ามองคริสด้วยสีหน้าและแววตาที่สนใจ

    “ผมคิดว่า ผมกำลังมีความรัก” ประโยคที่คริสพูด คงสื่อความหมายได้ไม่เท่าสายตาที่เค้าใช้จ้องมองชานยอลอยู่ตอนนี้  ส่วนคนที่ถูกจ้องบัดนี้เหมือนในร่ายกายของเค้ามีวงโยธวาทิตวงใหญ่กำลังบรรเลงเพลงอย่างต่อเนื่อง หัวใจของเค้า

    มันเต้นโครมครามและจับจังหวะไม่ได้

    “เอ่อ ..  ผมเริ่มไม่มั่นใจว่าผมจะช่วยคุณเรื่องนี้ได้นะครับคุณคริส” ชานยอลเอ่ย

    “ช่วยได้สิครับ  ช่วยถามเค้าคนนั้นให้หน่อย ว่าเค้าจะยอมคบกับผมมั้ย ถ้าเป็นคุณถามเค้าต้องตอบแน่”

    คริสขยับตัวให้เข้าใกล้ชานยอลมากขึ้น ก่อนหยิบสร้อยในกล่องขึ้นมาอีกครั้ง เค้าจับสร้อยเส้นนั้นเทียบกับสร้อยแบบเดียวกันที่แขวนอยู่บนคอของเค้า

    “ผมมีของผมหนึ่งเส้น  และผมก็ตั้งใจที่จะเอามาให้เค้าอีกหนึ่งเส้น ผมคิดไว้แล้วว่าถ้าเค้ายอมให้ผมใส่สร้อยเส้นนี้ไว้บนคอของเค้า  แสดงว่าเค้าไม่ปฏิเสธผม” 

    ไม่พูดเปล่าคริสแกะตะขอสร้อยออกก่อนคล้องมันลงบนลำคอยาวระหงส์ของคนตรงหน้า ชานยอล  ไม่มีท่าทีปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับดังออกมา มีเพียงใบหน้าขาวใสที่บัดนี้แปลเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด หลังจากเกี่ยวตะขอสร้อยเสร็จ เค้าก็

    จับประครองมือเรียวของชานยอลขึ้นมากดจูบเบา ๆ 


    “วันนั้นคุณน่ารักมากเลยรู้รึเปล่า เวลาคุณเขิน หรืออาย ผมว่ามันน่าฟัดมากเลยล่ะชานยอล” คริสจับมือบางที่ลูบศรีษะเค้าอยู่เมื่อสักครู่ขึ้นมากดจูบ ก่อนใช้มันนาบลงไปบนแก้มของเค้า เค้าประครองมือสวยไว้อย่างทะนุถนอม  ชานยอลยิ้ม 

    แล้วใช้มือที่เหลืออยู่วางลงไปบนอกแกร่ง

    “เมื่อสองปีก่อนผมเคยสัญญากับคุณไว้ว่าผมจะขอทำงานในวงการแค่ 5 ปี แต่ใครจะไปรู้ว่ากว่าจะผ่านสองปีหลังมาได้ มีคนเฉียดตายไปตั้งหลายชีวิต” ชานยอลอดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงเพื่อนนายแบบรุ่นน้องที่คริสอยากจะควักปืนยิงแทบทุก

    ครั้งที่ได้เผชิญหน้ากัน

    คริสวางหน้านิ่ง แล้วใช้นิ้วรั้นปลายจมูกเรียวของคนรักให้เชิดขึ้น

    “ไม่ต้องพูดถึงได้มั้ย  ถ้าคุณไม่รับปากผมว่าคุณจะบอกเจ้าหมอนั้นเรื่องของเรา ผมไม่รอจนครบ 5 ปีแน่ ๆ คุณก็รู้” คริสทำเสียงเข้ม แต่ชานยอลกลับมองว่ามันน่ารักและทำให้เค้ารู้สึกสุขใจทุกครั้ง เพราะยิ่งคริสแสดงออกว่าหึงเค้าแค่ไหน 

    นั่นหมายถึงคริสยังคงรักเค้าอยู่



    “ชานยอล เหนื่อยมั้ย” เสียงเพื่อนนายแบบในบริษัทกล่าว ก่อนยื่นน้ำส้มเย็นเฉียบให้เพื่อดับกระหาย

    “ขอบคุณนะมินโฮ” เค้ารับมันมาแล้วค่อย ๆ ใช้ริมฝีปากสัมผัสปลายหลอดอย่างระมัดระวัง ถึงในใจจะรู้ดีว่าคนข้าง ๆ คิดอย่างไรกับตน แต่ชานยอลก็ไม่ได้มีที่ท่าอะไรที่พิเศษกว่าการเป็นเพื่อนร่วมงาน

    “ปัง!!!!” ขาตั้งกล้องล้มลงเสียงดังสนั่น ชานยอลปลายตามองไปยังจุดต้นกำเนิดของเสียง สิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่ขาตั้งกล้องที่ล้มระเนระนาดอยู่กับพื้น  แต่สายตาของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นมันทำให้ต้นคอเค้าเย็นวาบ

    “ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด” เสียงข้อความบนมือถือสามาร์ทโฟนดังขึ้น ชานยอลวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะก่อนใช้นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอเพื่อปลดล๊อค ดวงตากลมดูตื่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปรับมันให้เป็นปกติ

    “มีอะไรรึเปล่าชานยอล” มินโฮจับไหล่ของร่างบางอย่างเป็นห่วงเป็นใย

    “ปัง !!!!” คราวนี้ไม่ใช่ขาตั้งกล้อง แต่กลับเป็นเก้าอี้สนามตัวใหญ่ลงไปนอนตะแคงข้างอยู่กับพื้นสตูดิโอ ชานยอลวางหน้านิ่ง 

    “เพื่อนพี่เรย์คนนี้ดูบ้าพลังนะ แล้วก็เวลามองผมว่าสายตาเค้าดูหาเรื่องยังไงไม่รู้” เสียงมินโฮบ่นอยู่ด้านหลัง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ชานยอลจะสนใจ เพราะข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อสักครู่ต่างหากคือสิ่งที่เค้ากำลังนึกถึง

    “ถ้าคุณไม่แกะไอ้ปลิงตัวนั้นออกจากคุณ ผมจะกระชากมันออกเอง” ข้อความสั้น ๆ แต่เค้ารู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเหตุการณ์ในข้อความต้องเกิดขึ้นแน่

    “มินโฮ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย” ชานยอลเอ่ยกับมินโฮด้วยสีหน้าจริงจัง

    “อืม เอาสิมีอะไรว่ามา” มินโฮตอบพร้อมกับประครองมือบางขึ้นมากระชับไว้ในอุ้งมือของตน ชานยอลรีบดึงมือกลับก่อนเรียกให้เค้าเดินตามออกมาด้านนอกบริเวณบันไดหนีไฟของสตูดิโอ เมื่อถึงที่หมายชานยอลกดส่งข้อความสั้น ๆ ออก

    ไปหนึ่งข้อความ  แล้วหันกลับมาหามินโฮด้วยสีหน้าที่จริงจัง

    “มินโฮ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” 

    “เอาสิ ว่ามา” มินโฮส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “นายคิดอะไรกับฉันรึเปล่า เอ่อ ฉันหมายถึงความรู้สึกที่มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มากกว่านั้น”  ชานยอลช้อนตามอง มินโฮจ้องกลับที่ตากลมสวย ก่อนใช้ปลายนิ้วชี้เกาที่ปลายคิ้วเบาๆ แก้เขิน

    “เอ่อ ฉันดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” มินโฮยิ้มให้ชานยอลอีกครั้ง แต่แววตาตอนนี้ช่างแพรวพราวอย่างบอกไม่ถูก ชานยอลหลบสายตาคู่นั้นแล้วรวบรวมความกล้า เค้าคิดมาตลอดว่าถ้ามินโฮเป็นลูกผู้ชายพอเค้าคงเข้าใจและ

    ทุกอย่างก็จบอย่างสวยงาม แต่ถ้าเค้าไม่  ระยะเวลาที่จะอยู่ในวงการนี้ของเค้าคงจะสั้นลงกว่าที่คิดไว้

    “ฉันมีคนรักแล้ว” ชานยอลเอ่ยเสียงดังฟังชัด เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวแววตาที่แพรวพราวเมื่อสักครู่กลับหยุดนิ่งและหม่นลงทันที

    “ไหนนายบอกใครต่อใครเวลาให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่คิด ยังไม่ใช่ แล้วทำไมจู่ ๆ นายถึง”

    “ฉันไม่อยากให้พี่เรย์ แล้วก็พี่จุนมยองเดือดร้อน เลยไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น แต่กับนายที่ฉันต้องบอกเพราะฉันกลัวว่านายจะคิดอะไรเลยเถิด  แล้วก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้คนที่ฉันรักเค้าได้รับรู้ด้วย”

    พูดจบชานยอลก็เดินหันหลังแล้วค่อย ๆ แยกตัวออกมา

    “หมอนั่นเป็นใคร นายบอกฉันได้มั้ย” มินโฮตะโกนไล่หลัง

    ชานยอลหันกลับมา เค้ายิ้มบาง ๆ ก่อนยกสร้อยมังกรที่ใส่ติดคอมาตลอดให้มินโฮดู 

    “เจ้าของสร้อยเส้นนี้” รอยยิ้มแสนหวานที่มินโฮได้รับ กับรอยยิ้มที่ชานยอลมีให้เจ้าของสร้อยมันช่างแตกต่างกันเหลือเกินในความรู้สึกเค้า


    คริสลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ ชานยอล เค้าดึงเอวบางเข้ามาไว้ใกล้ ๆ ตัว  แล้วทำท่าคิดอะไรสักพัก จู่ ๆ คริสก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ

    “หลังจากที่ผมได้รับข้อความของคุณว่าคุณจะสลัดเจ้าปลิงตัวนั้นเอง ผมก็สบายใจขึ้นเป็นกอง แต่พอคิดถึงหน้าหมอนั้นตอนที่เห็นสร้อยบนคอผม มันก็อดขำไม่ได้ ตอนนั้นตาหมอนั่นโตเป็นไข่ห่านเลย หน้าเค้าแดงจัดแล้วมองผมเหมือนจะ

    กินเลือดกินเนื้อ” คริสเอ่ย

    “ก็เหมือนตอนที่คุณคริสมองเค้าไม่ใช่เหรอครับ อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อพอกัน” ชานยอลค้อนใส่

    “ก็หมอนั่นมันกวนประสาทผมเองนิ่ รู้ทั้งรู้มันยังแกล้งยั่วโทสะผม จับตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อย คุณว่ามันน่ามั้ยละ”

    คริสพูดอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้จริงจัง

    “คุณกับมินโฮเลยกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปเลย เจอกันที่ไหนเป็นวงแตกทุกที” ชานยอลหลุดขำน้อย ๆ คริสได้แต่มองคนรักอย่างเอ็นดู เค้าใช้คางแหลมเกยลงไปบนไหล่บางแล้วกดจูบเบา ๆ 

    “ก็ผมไม่อยากให้ใครยุ่งกับคุณนี่นา คุณรู้มั้ยยิ่งใกล้ครบกำหนดที่เราตกลงกันไว้ ผมก็ยิ่งกังวล ผมกลัวว่าคุณจะเปลี่ยนใจ แล้วก็เลื่อนเวลาทำงานออกไปอีก ในหัวคิดวกไปวนมาอยู่แค่นี้จนไม่เป็นอันทำอะไรเลยที่รัก” คริสส่งเสียงออดอ้อน

    อยู่ข้างหู ชานยอลอมยิ้ม  และแตะปลายจมูกเรียวบนลงกระหม่อมของคริสเบา ๆ 

    “โธ่ น่าสงสารจังเลยนะครับ คุณตากล้องของผม” คริสได้แต่ยิ้มแล้วยกตัวชานยอลขึ้นมาไว้บนตัก

    “คุณมีอะไรดีนะชานยอล ทำไมผมถึงรักคุณได้มากขนาดนี้” เค้าซบใบหน้าด้านข้างลงบริเวณแผ่นหลังของชานยอลแล้วโยกตัวคนรักไปมา

    “คุณจำเมื่อคืนนี้ได้มั้ยครับคุณคริส ตอนที่ผมแถลงข่าวเรื่องการลาออกจากวงการ แล้วก็บอกเรื่องคุณให้ทุกคนรู้ เพื่อน ๆ ของผมกดโทรศัพท์หาผมจนเครื่องแทบไหม้ ไม่มีใครเชื่อผมสักคน มีแค่คนเดียวที่อมยิ้มแล้วพยักหน้ารับมันเหมือนกับ

    รู้ทุกอย่างอยู่แล้วกลาย ๆ “

    “ลูฮานใช่มั้ย” คริสเอ่ย

    “คุณคริสรู้ได้ยังไงครับว่าผมหมายถึงพี่ลูฮาน” ชานยอลถามเสียงสูง

    “ก็ตั้งแต่ตอนเจอที่งานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าของเพื่อนคุณ ลูฮานเค้าก็ดูสงสัย แล้วก็สนใจสร้อยคอของผมเป็นพิเศษ ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า มันเป็นสร้อยที่ผมสั่งทำขึ้น มีแค่สองเส้นคือของผม กับคนที่ผมรักมากที่สุด ผมเคยทำงานกับเค้า ลูฮานเป็นคนเก่ง แล้วก็ฉลาด พูดแค่นี้เค้าก็น่าจะเข้าใจอะไร ได้ง่ายๆ “ ชานยอลทำสีหน้าครุ่นคิด

    “อ๋า …  มิน่าล่ะ หลังจากที่พี่ลูฮานโดนเซฮุนเรียกกลับมาวันนั้นพี่ลูฮานก็มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แถมยังบอกว่าสร้อยที่ผมใส่มาถึง 3 ปีไม่น่าจะแค่บังเอิญ  พี่ลูฮานนี่ร้ายกาจจริง ๆ นะครับเนี่ย” 

    ชานยอลหัวเราะร่วน ก่อนขยับตัวเองออกจากตักกว้าง เค้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับคริสอีกครั้ง มือเรียวเอื้อมไปที่ลิ้นชักหัวเตียงก่อนหยิบถุงผ้าผืนเล็กมาถือไว้

    คริสยกคิ้วหนาขึ้นหนึ่งข้าง เค้าจ้องมองถุงผ้านั้นอย่างไม่วางตา เสียงกรุกกริกเหมือนโลหะกระทบกันอยู่ด้านในเรียกความสนใจได้ดีทีเดียว

    “คุณคริสแสดงความเป็นเจ้าของของผมแล้ว ต่อไปนี้ผมจะแสดงความเป็นเจ้าของในตัวคุณคริสบ้าง ใส่มันไว้ให้เหมือนที่เราใส่สร้อยของเรานะครับ ห้ามถอดมันออก เพราะเมื่อไหร่ที่คุณถอดมัน ผมจะถือว่าคุณไม่รักผมแล้ว”

    ชานยอลเทโลหะที่ถูกบรรจุอยู่ภายในออก แหวนทองคำขาวสองวงถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คริสยกยิ้มที่มุมปาก แม้จะเป็นแค่รอยยิ้มบาง ๆ แต่ชานยอลรู้ดีว่ามันสื่ออะไรได้มากกว่านั้น

    ชานยอลชูแหวนขึ้นแล้วมองเข้าไปด้านใน เมื่อหยิบวงที่ถูกต้องขึ้นมาเค้าก็ชูมันขึ้นอีกครั้งเพื่อให้คริสเห็นอักขระในวงแหวนด้วยเช่นกัน “Chanyeol ” ด้านในของวงที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยถูกสลักชื่อของเค้าลงไป ชานยอลค่อย ๆ ยกนิ้วนาง

    ข้างซ้ายของคริสขึ้นแล้วบรรจงสวมแหวนสลักชื่อเค้าลงไปบนเรียวนิ้วนั้น

    “ขอบคุณที่รักผม รอผม และเชื่อใจผมในทุก ๆ อย่าง จากนี้และตลอดไปผมจะรัก และชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปของเราตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผมไม่เคยได้ทำให้กับคุณ ผมจะมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นจากนี้และตลอดไป ผมสัญญา” จบประโยคชานยอลใช้ริมฝีปากบางกดจูบลงไปบนริมฝีปากหนาของคนรักอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน

    คริสยกยิ้มก่อนหยิบแหวนวงที่เล็กกว่าขึ้นส่อง อักขระในนั้นคือ Wu Yi Fan เค้าบรรจงสวมมันลงบนเรียวนิ้วนางข้างซ้ายของชานยอล แล้วยกขึ้นจุมพิตเบา ๆ 

    “ผมจะไม่ขออะไร และไม่ต้องการให้คุณทำอะไรให้ผมทั้งนั้นชานยอล สิ่งที่ผมต้องการมีแค่ Goodnight Kiss ก่อนนอน และ Morning Kiss ตอนตื่น ขอแค่คุณบอกว่ารักผมทุกวันอย่างที่ผมบอกรักคุณทุกวันเท่านี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว 

     ที่รัก” เค้าดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง คริสกดจูบลงบนหน้าผากมน แล้วแนบแก้มของเค้าลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม ชานยอลใช้วงแขนเรียวตอบรับอ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น ต่อจากนี้เค้าพร้อมจะทำหน้าที่ของเค้าในอีกบทบาทนึงแล้ว 

    แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อคนที่เค้ารัก

    “ลุกไปอาบน้ำเถอะครับคุณคริส อาหารเช้าที่ผมทำไว้ป่านนี้เย็นหมดแล้ว เดี๋ยวคุณจะไปทำงานไม่ทันนะครับ” 

    ชานยอลดันตัวเองออกจากอกแกร่ง แล้วใช้ปลายจมูกคลอเคลียบริเวณปลายคางของคนรักอย่างน่าเอ็นดู

    “น่ารักขนาดนี้กินคนก่อนกินข้าวได้มั้ยเนี่ย” 

    คริสไม่พูดเปล่า เค้าฉุดชานยอลกลับสู่อ้อมกอดอีกครั้งก่อนดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างของทั้งคู่จนมิด คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ผืนผ้า มีเสียงอู้อี้ปนกับเสียงหัวเราะที่หลุดออกมาเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเสียงนั้นก็แปลเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางอย่างรันจวนใจ นิ้วเรียวที่สอดประสาน กับร่างกายที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของกันและกัน บทรักของทั้งครู่ถูกบรรเลงขึ้นภายใต้ผ้าห่มผืนเดิม แม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่จากนี้เป็นต้นไปทั้งคู่ก็คงกล้าพูดได้เต็มปากว่าเค้ารักกัน และเค้าต่างเป็นของกันทั้งกายและใจ …



    ชานยอลหย่อนปลายนิ้วเท้าเรียวแตะลงบนพื้นพรมในห้องนอนห้องเดิม เค้าจัดแจงแต่งตัวให้ตนเองจนเรียบร้อยก่อนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง คริสยังคงนอนหลับในท่าตะแคงข้าง ชานยอลแตะที่ตนแขนแกร่งก่อนเขย่าเบา ๆ 

    “ลุกได้แล้วครับคุณตากล้อง ถ้ายังไม่ลุกวันนี้คุณได้ไปทำงานสายจริง ๆ แน่” 

    เสียงชานยอลปลุกคริสให้ตื่นจากนิทราเป็นครั้งที่สองของเช้านี้ แต่คราวนี้คนตัวโตกลับว่านอนสอนง่ายขึ้นมาซะเฉย ๆ  เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นร่างเล็กส่งค้อนวงใหญ่ให้ สาเหตุก็คงจากจากความเกเรของคริสที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่

    “อาบน้ำได้แล้วนะครับ ผมจะออกไปชงกาแฟไว้ให้ คราวนี้ผมจะไม่ปลุกคุณอีกเป็นหนที่สามนะครับคุณคริส”

    จบประโยคชานยอลก็สาวเท้ายาวมุ่งหน้าไปที่ประตู  แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเค้าก็ถูกรั้งไว้ด้วยเสียงทุ้มต่ำและปนไว้ด้วยความออดอ้อนเล็ก ๆ 

    “ชานยอลครับ” 

    ชานยอลหันมองตามเสียง เห็นเพียงรอยยิ้มบาง ๆ และสายตาที่แสนเจ้าเล่ห์ของคนรัก เค้าต้องเดินกลับมาที่ข้างเตียงอีกครั้ง ก่อนใช้ริมฝีปากบางกดจูบลงไปบนริมฝีปากหนาอย่างแผ่วเบา


    “Good Morning  ครับคุณคริส”




    ~*~ THE END ~*~








    มาแล้วนะคะตามคำสัญญา สเป ของ Goodnight Kiss หุหุ รีดเดอร์ของไรท์เตอร์น้ำตาลขึ้นกันบ้างรึเปล่าเอ่ย ต้องสารภาพเลยนะคะว่าฟิกแนวนี้แลจะเป็นแนวถนัด ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะเอาใครดีนะมาเป็นแขกรับเชิญ นึกขึ้นได้ตอนเห็น

    แฟนแคม SM Con ที่ LA แล้วเราก็ได้เหยื่อเป็นน้องมินโฮ พ่อหนุ่มสูง ยาว เข่าดีของ SMอีกหนึ่งคน มาช่วยกระตุ้นความหึงคุณคริสของน้องยอลลี่ 55+  จบเรื่องนี้แล้ว ไรท์เตอร์อาจจะต้องหายหน้าไปสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้งานค่อนข้างเยอะ

    และเหมือนจะไม่เสร็จง่าย ๆ แต่อย่างที่สัญญาล่ะค่ะ ถึงจะมีเวลาน้อยแค่ไหน ไรท์เตอร์ก็จะไม่ยอมทอดทิ้งยอลลี่และรีดเดอร์ของไรท์เตอร์เด็ดขาด


    ขอบคุณมากนะคะ ที่ตามอ่านและคอยติชม คอยให้กำลังใจกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน พิมพ์ผิดหรือตกหล่นประการใดขออภัยไว้ด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ  >v<



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×