ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shor Fic :: KrisYeol Couple

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Goodnight Kiss

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.19K
      21
      3 มิ.ย. 55

     [SF]  Goodnight Kiss

    Pairing :: Wu Yi Fan X Park Chanyeol

    Author ::  มิสเตอร์สไมล์ & คุณชายมาเฟีย

     

    " ขอแค่มีเค้าในอ้อมกอด และขอให้มีเค้าให้นอนกอด แค่นี้ก็สุขใจแล้ว นี่แหล่ะความรัก "

     

    เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะ อย่างต่อเนื่อง นายแบบหน้าหวานในชุดสูทพอดีตัว เผยช่วงอกขาวเล็กน้อยให้พอเซ็กซี่กำลังโพสต์ท่าถ่ายแบบอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้ในสตูดิโอดูคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งทีมงาน สไตล์ลิสต์ ช่างไฟ เด็กยกของ รวมทั้งบรรดาแฟนคลับต่างมารวมตัวอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธความน่ารัก และขี้เล่นของนายแบบหนุ่มคนนี้ได้ แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองบางทียังแอบมองเค้าจนแทบลืมหายใจ

    “พักก่อนครับ  รบกวนเปลี่ยนชุดให้นายแบบด้วย”  ตากล้องชื่อดังเงยหน้าออกจากเลนส์แล้วสั่งทีมงานด้วยเสียงที่ทุ้มเข้มกว่าปกติ   เค้ามองนายแบบตรงหน้าด้วยแววตาดุดันและไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก แต่คนตรงหน้ากลับส่งยิ้มหวานกลับมาให้โดยไม่ได้เกรงกลัวต่อความมาคุที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่เล็กน้อย

    “เชิญทางนี้ค่ะคุณชานยอล” ทีมงานสาวสวยผายมือ ก่อนเดินนำหน้านายแบบหนุ่มไปยังห้องพัก

    “เป็นไงชานยอล เหนื่อยมั้ย” เสียงเรย์ ผู้จัดการส่วนตัวของปาร์ค ชานยอลดังขึ้น

    “ไม่เท่าไหรครับพี่ ว่าแต่เสร็จงานนี้แล้วเรามีงานไหนอีกรึเปล่าฮะ” ชานยอลถาม ไม่ว่าเค้าจะเหนื่อยแค่ไหน เรย์ไม่เคยมองเห็นความหมองหม่นบนหน้าของรุ่นน้องคนนี้เลยสักครั้ง เค้ามีความสุขกับงานที่ทำ จนคนรอบข้างอดรักและเอ็นดูไม่ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ใครต่อใครอยากได้เค้าไปร่วมงานด้วย

    “อืม มีอีกงานเดียว เปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ เค้าอยากให้นายไปร่วมงานด้วย เพิ่งขอแทรกคิวเข้ามา นายคงไม่ว่าใช่มั้ยเพราะเจ้าของงานมันใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเพื่อนเลยต้องยอมให้มัน”

    “จงอิน เหรอครับ” ชานยอลถาม ทั้ง ๆ ที่มือยังคงปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อเปลี่ยนชุดต่อไปในการถ่ายแบบ

    “อืม…. บอกมันว่านายมีงาน  มันไม่ยอม มันบอกว่าเด็กมันอยากเจอนายแล้วก็อยากให้นายไปด้วย ถ้านายไม่ไปมันโดนคยองซูงอนแน่ ตอนขอร้องพี่มันแทบจะก้มกราบ ก็เลยรับปากไปงานไม่ได้มีอะไรมาก แต่พี่อยากให้นายไปเจอเพื่อน ๆ บ้าง” เรย์ตอบแบบยิ้ม ๆ เพราะเค้ารู้ว่าตั้งแต่เค้าลากชานยอลมาทำงานด้วยเจ้าหนูนี่ก็หมดความเป็นส่วนตัวไปตั้งแต่วันนั้น

    “ขอบคุณครับพี่เรย์” ชานยอลยิ้มกว้างก่อนเดินเข้างห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อถ่ายแบบในชุดถัดไป

    เสียงอึกทึกด้านนอกดังอย่างต่อเนื่องเมื่อต้องมีการเซ็ตฉากใหม่ในการถ่ายทำ โซฟาสีดำถูกยกเข้ามาประกอบฉากคู่กับโต๊ะกระจกและของตกแต่งอีกเล็กน้อย ชุดนี้คงเป็นชุดสุดท้าย และเป็นชุดฟินนาเล่ของการถ่ายทำ  ไม่ใช่เพราะเป็นชุดหรูหราอลังการ แต่เป็นชุดที่นายแบบต้องเผยผิวเนื้อเนียนมากที่สุดของวัน เสื้อกั๊กสีขาวพอดีตัวถูกทับลงบนเสื้อกล้ามคอกว้างสีดำ ยิ่งทำให้ขับผิวขาวของนายแบบหนุ่มให้น่ามองจนลืมหายใจ กางเกงสีเงินรัดรูปเผยให้เห็นรูปร่างระหง ขายาวราวนางแบบ หน้าทองแบนราบ ข้อมือเล็กถูกพันธนาการด้วยโซ่เพลย์บอยเส้นเล็กที่มีกระต่ายประดับด้วยคริสตัลสีแดงสด ผมที่เคยดัดหยิกถูกยืดตรงเลยติ่งหู ยิ่งทำให้หน้าหวานนั้นกลับยิ่งหวานมากขึ้นไปอีก

    เมื่อชานยอลเดินออกมาจากห้องพักเสียงซุบซิบทั้งจากทีมงานและแฟนคลับหลายสิบชีวิตก็ดังขึ้นพร้อมกัน จากเสียงซุบซิบหลาย ๆ เสียงรวมกันจนกลายเป็นนกกระจอกแตกรัง ตากล้องหนุ่มจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ก่อนตะคอกเสียงทรงพลังเพื่อปรามความไม่รู้จักกาลเทศะของแฟนคลับ รวมถึงเพื่อนร่วมงาน

    “ถ้ายังไม่หยุดพูด หรือไม่หยุดวุ่นวาย ผมจะให้ทีมงานจับลากออกไปข้างนอกให้หมดทุกคนเลย”

    สิ้นเสียงตะวาดนกกระจอกแตกรังคงโดนนายพรานยิงตายเกลื่อนเพราะทุกเสียงหยุดลงไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเล็ดรอดออกมา  ชานยอลมองคนตรงหน้าแล้วต้องหันหลังหนี จะว่าดุก็ไม่ใช่ แต่มันน่าตลกมากกว่าในความรู้สึกของเค้า

    “พร้อมถ่ายรึยังครับคุณนายแบบ” เสียงคริสดังขึ้นพร้อมถือกล้องอุปกรณ์หากินคู่ใจเดินย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยหน้าตาจริงจัง

    “ครับ คุณคริส” ชานยอลหุบยิ้มแทบไม่ทันก่อนปรับโหมดตัวเองให้เข้าสู่การทำงานอีกครั้ง แต่ที่น่าแปลกคือตากล้องคนเก่งเป็นคนจัดการท่าโพสต์ทั้งหมดของนายแบบด้วยตนเอง โดยที่ทีมงานในสตูดิโอแทบจะไร้ตัวตน

    ร่างบางนอนเหยียดยาวยนโซฟาสีดำก่อนยกเข่าชันสูงขึ้นมาหนึ่งข้าง แขนเรียวถูกยกพาดพนักโซฟา ก่อนมองตามกล้องของคริสเป็นจังหวะ

    “ผมคุณต้องเปิดมากกว่านี้ แล้วก็เอียงหน้ากว่านี้อีกนิด แล้วค่อยช้อนตามองไปที่กล้องทีละนิด”

    ปากไม่พูดเปล่า แต่อยู่ ๆ ตากล้องหนุ่มก็ลดกล้องลงจากแนวสายตาก่อนเดินเข้าไปหาคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาแล้วขึ้นค่อมคนตรงหน้า โดยใช้เข่าชันพยุงตัวไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายสัมผัสกัน นิ้วหนาเสยผมด้านหน้าขึ้นทัดหูก่อนจับคางมนให้เอียงไปตามแนวโซฟา คริสก้มหน้าลงไปบริเวณข้างใบหูนายแบบหนุ่มก่อนวัดระดับการตั้งภาพด้วยใบหน้าตัวเองที่เทียบใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ  บริเวณต้นคอขาว

    เสียงฮือฮาเกิดขึ้นอีกครั้งจากการกระทำของตากล้องแต่ก็ไม่นานเท่าไหร่นักเพราะนายพรานมือฉมังได้กราดยิงเหล่าบรรดานกกระจิบนกกระจอกด้วยสายตาอีกครั้ง

    “เอาล่ะครับ แล้วเดี๋ยวคุณมองตามกล้องตามที่ผมบอก ค่อย ๆ ช้อนตาขึ้นมา”  ถึงปากจะพูดแต่คริสก็ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะลุกออกจากโซฟาแต่อย่างใด จนเรย์ที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ต้องกระแอมเตือน

    “อะแฮ่ม คุณจะถ่ายน้องชายผมด้วยท่านั้นจริงเหรอครับคุณคริส”

    เรย์ถามหยั่งเชิง ทำให้คริสนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวของเค้ายังคงค่อมอยู่บนตัวนายแบบหนุ่มที่บัดนี้ใบหน้าขึ้นสีชมพูดจัด แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร คริสไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ลุกขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ก่อนเริ่มกดชัตเตอร์อีกครั้ง เสียงชัตเตอร์เริ่มรัวและถี่ขึ้น  จนกระทั่งเสียงชัตเตอร์ครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง

    “เสร็จแล้วเดี๋ยวพาคุณชานยอลไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพาไปพบฉันที่ห้อง เราจะไปเลือกรูปกัน” คริสสั่งทีมงาน

    “คงไม่ต้องหรอกครับ เพราะชานยอลกับผมมีงานต่อ คงต้องรบกวนคุณคริสส่งใส่เมลล์ หรือให้ใครจัดส่งไปให้ที่ออฟฟิศเราหน่อย เพราะถ้าเราอยู่เลือกรูปกับคุณ เราคงไปร่วมงานสาย คงไม่ดีกับนายแบบของผมแน่”

    คริสมองหน้านิ่งแต่เรย์ก็ไม่ได้สะทกสะท้านต่อสายตานั้นแต่อย่างใด จนชานยอลเกรงว่าจะเกิดเรื่องเค้าเลยเดินไปลากแขนเรย์เพื่อกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว

    “ไปเถอะครับพี่ เดี๋ยวไปงานช้า จะโดนเจ้าของงานทางโน้นว่าเอา แต่มันคงไม่ดึกมากใช่มั้ยครับพี่ สักสี่ทุ่มน่าจะเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”

    เรย์ไม่ตอบได้แต่เดินตามชานยอลเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่กลับเกิดอาการไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง

    “เก็บของให้หมด ภาพไม่ต้องเช็คแล้วเดี๋ยวฉันส่งให้พวกเค้าเอง เสร็จแล้วใครจะไปไหนก็ไป”

    สิ้นเสียงเท่านั้นทีมงานและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสตูดิโอก็พากันหายไปทำหน้าที่ของตนก่อนแยกย้ายกันกลับ เพราะกลัวนิวเคลียร์ของคริสจะลงแล้วชีวิตจะหาไม่กันซะเปล่า  ๆ

    ณ งานเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ ชานยอลเข้ามาด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงหนังสีดำ ทรงผมยืดตรงทัดหู พร้อมสร้อยที่มีจี้รูปมังกรเป็นเครื่องประดับอีกนิดหน่อย แม้จะเป็นเพียงการแต่งกายแบบสบาย ๆ แต่เมื่อเค้าก้าวเข้างานนักข่าวของทุกสำนักก็กรูกันเข้ามาถ่ายรูปนายแบบหนุ่มแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ชานยอลยิ้มและโบกมือให้กล้องอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากยืนให้นักข่าวเก็บภาพได้สักครู่เค้าก็ขอตัวเดินเข้างานเพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ  ที่รออยู่ข้างใน

    “กว่าจะเสด็จได้นะคุณชาย” เสียงจงอินดังขึ้น เรียกเสียงหัวเราะเล็ก ๆ เกิดขึ้นในวงสนทนา

    “พวกนายก็แซวกันไป ฉันก็แค่ทำหน้าที่ของนายแบบที่ดีก็เท่านั้น” ชานยอลตอบด้วยรอยยิ้มอีกเช่นเคย

    “ว่าแต่นายเถอะ จงอิน ไหนล่ะที่รักของนาย อยากเจอฉันไม่ใช่เหรออยู่ไหนล่ะ”

    “โน่น อยู่กับหุ้นส่วนฉัน แล้วก็สไตลิสประจำบริษัท” จงอินบุ้ยปากไปหน้าเวที ชายหนุ่มสามคนในชุดสูทกำลังเดินมาทางพวกเค้าพอดี

    “เฮ้ย ชานยอล” เสียงเซฮุน หนุ่มหล่อ  1 ใน 3 เดินเข้ามาหาพร้อมทักทายกันด้วยการฟาดมือหนาลงไปกับมือบางของนายแบบหนุ่ม

    “เฮ้ย เซฮุน สบายดีมั้ย ไม่เจอกันนานเลยนะ” ชานยอลตอบก่อนเลยไปมองข้างหลังแล้วโค้งน้อย ๆ แสดงความเคารพคนที่กำลังเดินตามมา

    “สวัสดีครับพี่ลูฮาน  ยังไม่ทิ้งไอ้หมอนี้อีกเหรอฮะ” ชานยอลเย้าหนุ่มหน้าหวานที่เดินตามมาก่อนหันไปทักอีกคนที่เดินไปแอบอยู่ด้านหลังของจงอิน

    “สวัสดี คยองซูใช่มั้ย  ยินดีที่ได้พบกันนะครับ”

    “สวัสดีครับ  คุณชานยอลน่ารักกว่าที่พี่จงอินบอกอีกนะฮะ” เสียงคยองซูตอบ ก่อนเลื่อนตัวออกจากด้านหลังของจงอินแล้วมายืนอยู่ด้านหน้าของชานยอลอย่างเต็มตัว

    “ฝากเพื่อนผมด้วยนะ ไอ้นี่มันไม่ค่อยมีใครคบ 55+” ชานยอลเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ก็ไม่พ้นที่จะโดนจงอินเอาคืนด้วยการตบบ่าเพื่อนรักหนัก ๆ ให้พอรู้สึก

    “ปากเหรอ ฉันเลือกคบคนโว้ย ไม่ใช่ไม่มีใครคบ ไอ้นี่นิ่”

    “ว่าแต่แกมาคนเดียวเหรอ ที่รักแกไปไหนซะล่ะ” เสียงเซฮุนถาม

    “นั่นสิ พี่ยังไม่เห็นเลยไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ” ลูฮานถามต่อ

    “ที่รักผม  ใครกันครับ” ชานยอลทำสีหน้างง

    “นั่นไงมานั่นและ พี่เรย์” เสียงลูฮานเรียกเพื่อนรุ่นพี่ให้เข้ามารวมกลุ่ม เรย์จูงมือคนที่มาด้วยให้เข้ามารวมกลุ่มกับเพื่อนรุ่นน้อง

    “อ้าว สวัสดีครับพี่จุนมยอง  ไม่คิดว่าจะมางานนี้ด้วยนะฮะเนี่ย” เสียงชานยอลทักทายชายหนุ่มคนที่เดินมาพร้อมเรย์

    “ถ้างั้นวันนี้ชานยอลก็โชว์เดี่ยวคนเดียวซิครับ พี่เรย์เล่นเอาพี่จุนมยองมาด้วยแบบนี้”

    “พี่ไม่กล้ายุ่งกับชานยอลหรอก พี่กลัว เอาคนของพี่มาเองดีกว่า เจ้าของเจ้าลูกหมาตัวนี้เค้าหวงน่ะ”

    เรย์ตอกกลับ แต่ทำเอาเพื่อนในกลุ่มฮือฮาไปตาม ๆ กัน

    “เฮ้ย !!! มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกเพื่อนบ้างวะ  แล้วทำไมไม่เอามาทำความรู้จักกันหน่อยล่ะ แอบไว้ห้องได้ไง” เสียงจงอินแซว

    “มาไม่ได้หรอก นายก็รู้ เกิดฉันเอามาบริษัทพี่เรย์ก็เจ๊งพอดีสิ นายแบบหนุ่มเปิดตัวคู่รัก คงพาดหัวข่าวกันอีกหลายวันล่ะงานนี้” ชานยอลหัวเราะ

    “แล้วเค้าเป็นใคร คบกันนานรึยังชานยอล” ลูฮานถามต่อ

    “เปลี่ยนเรื่องเถอะครับ เอาไว้พร้อมเปิดตัวเมื่อไหร่พี่ แล้วก็พวกนายได้รู้จักแน่ ๆ “ ชานยอลยิ้มจนตาปิด แต่ชานยอลกลับรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของคยองซู

    “คุณคยองซูเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมยืนแบบนั้น” คยองซูยืนเกาะแขนจงอินแน่นจนผิดสังเกต

    “คยองซูบอกว่าเห็นผู้ชายคนนั้นมองมาที่กลุ่มเรานานแล้ว ยืนมองเงียบ ๆ อยู่ตรงมุมเสานั้นไม่ไปไหนเลย” จงอินพยักหน้าไปในทิศทางที่คยองซูชี้ให้เค้าดู

    “นั่นมันคุณคริสนี่” ลูฮานเอ่ย

    “พี่รู้จักเค้าด้วยเหรอ” เซฮุนถาม

    “อื้ม เค้าเป็นตากล้อง เข้ามาทำงานที่เกาหลีได้ 5 ปีแล้ว เค้าบอกว่าฝีมือดีมากเลยนะ เค้าเป็นคนจีนว่าแต่ทำไมเค้ามางานนี้ด้วยล่ะ ปกติงานแบบนี้เค้าไม่มาหรอกนะ อย่างเค้าน่ะต้องไปงานเปิดตัวแบรนด์ใหญ่จากยุโรปโน้น” ลูฮานตอบ

    “งั้น เดี๋ยวพี่มานะเซฮุน ขอไปทักทายเค้าก่อน เพราะพี่เคยทำงานกับเค้า เห็นขนาดนี้ไม่ทักก็จะน่าเกลียด” ลูฮานบอกคนรัก แต่เหมือนเซฮุนจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องกัดฟันตกลงเพราะรู้อยู่ว่าคนรักของเค้าไม่ชอบประเภทไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

    “เค้ามองอะไรอ่ะครับ ผมเห็นเค้ามองมาตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้ว่าเค้ามองอะไร สายตาเค้าน่ากลัวมาก” คยองซู ยังคงสงสัย จงอินได้แต่ประครองมือคนรักไว้เพื่อให้คลายความกังวล

    ชานยอลยืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงเรย์และจุนมยองเท่านั้นที่หลี่ตามองชานยอลอย่างมีความหมาย ก่อนเดินไปคุยกับเพื่อนกลุ่มอื่นในงาน ปล่อยให้นายแบบหนุ่มยืนเป็นเป้าสายตาทั้งสาวน้อย หนุ่มใหญ่ในงานไปเรื่อย ๆ  

    เวลาผ่านไปไม่นานนัก  เซฮุนก็ไปตามลูฮานกลับมาเมื่อเห็นว่าคนรักหายไปอยู่กลับตากล้องรูปหล่อนั่นนาเกินไป หลังจากลากตัวลูฮานออกมาได้เซฮุนก็พาลูฮานกลับเข้ามาที่กลุ่มเพื่อนที่อยู่ในงาน เพื่อผ่านพิธีการต่าง ๆ บนเวทีเรย์ก็สะกิดชานยอลพร้อมกับกระซิบบางอย่างที่ข้างหู

    “ครับพี่ เข้าใจแล้วครับ” ชานยอลพยักหน้ารับกับเรย์ และจุนมยอง  ระหว่างที่เดินกลับมารวมกลุ่ม เค้าเห็นคริสโค้งลาคุณพ่อของจงอินก่อนเดินออกจากงานไปอย่างเงียบ ๆ ชายอลได้แต่อมยิ้มมองตามแผ่นหลังกว้าง ก่อนเดินกลับมารวมตัวกับเพื่อนในวงสนทนา

    “กำลังคุยอะไรกันอยู่อ่ะ” ชานยอลเอ่ยถาม

    “ก็กำลังถามเซฮุนอยู่อ่ะดิ่ ว่าตอนเดินไปตามพี่ลูฮานได้มองหน้าไอ้หมอนั่นรึเปล่า” จงอินเอ่ย

    “ใครก็จะไปกล้ามอง ฉันกับพี่ลูฮานต่อตัวกันจะตัวสูงเท่าเค้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย ไปยืนอยู่ใกล้ ๆ มองเห็นแต่ลูกกระเดือก  แต่ไอ้ที่มันติดตาก็” เซฮุนทำท่าคิดสักครู่ ลูฮานเลยช่วยตอบแทนเพราะมองแล้วแฟนหนุ่มคงไม่สามารถ

    “ก็สร้อยที่คอคุณคริสอ่ะ เหมือนสร้อยของชานยอลเลย”

    “แค่ก แค่ก” ไวน์ในปากของชานยอลวิ่งลงคออย่างไม่เป็นระเบียบขึ้นมาทันที

    “เออ ใช่ แต่ไม่เหมือนกันตรงที่ลูกแก้วของนายสีขาว แต่ของไอ้หมอนั่นน่ะสีดำแต่รูปทรงเหมือนกันมาก” เซฮุนสมทบ

    “แต่สร้อยลักษณะที่คุณชานยอลใส่น่ะมันไม่มีในเกาหลีนะครับ เพราะอัญมณีที่ประดับส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากจีน  หรือไม่ก็ต้องซื้อที่จีนโดยเฉพาะ” คยองซูแสดงความคิดเห็น

    ชานยอลทำตาโต แล้วเอ่ยถามคยองซูขึ้นมาบ้าง “คุณคยองซูรู้ได้ยังไงครับว่ามันเป็นของนำเข้า”

    “อ้าว ฉันไม่ได้บอกแกเหรอว่าแฟนฉันเค้าเป็นผู้เชียวชาญด้านอัญมณีนะเว้ย เห็นหน้าแบบนี้ก็เหอะ” จงอินเอ่ย แต่หลังจากคำเยินยอคนรักสิ่งที่ได้กลับมาคือฝ่ามือเล็กของคยองซูที่วางลงอย่างแรงบนไหล่หนา

    “นี่นายชมฉันเหรอจงอิน” คยองซูมองจงอินด้วยหางตา แต่ความไวของจงอินเร็วกว่า เค้าคว้ามือคยองซูมือประครองไว้ก่อนยิ้มแห้ง ๆ เป็นการยอมรับผิดแต่โดยดี คยองซูหรี่ตามองอีกครั้งก่อนหันกลับมาสนใจสร้อยบนคอของชานยอลอีกครั้ง

    “ว่าแต่เส้นนี้ใครเป็นคนซื้อให้คุณชานยอลเหรอครับ หรือได้มาจากไหน” คยองซูถามอย่างสนใจ

    “คนรู้จักน่ะครับ ผมเห็นว่ามันสวยดี แล้วก็เหมาะกับการแต่งตัววันนี้ ผมก็เลยใส่มันออกมา” ชานยอลตอบ

    “ไม่ใช่ดิ่ ฉันเห็นแกใส่ติดคอประจำเลยนะเส้นนี้อ่ะ นานแค่ไหนแล้ววะ 3 ปีได้แล้วมั้ง เนอะพี่ลูฮาน” เซฮุนขอความคิดเห็นจากคนรักที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    “นั่นสิ พี่ก็ว่านานแล้วนะ ไม่ใช่แค่บังเอิญหยิบมาใส่ละมั้งเรา” ลูฮานกระเซ้าเล่น

    “คือ ผมว่า……

    “ชานยอลกลับได้แล้วล่ะพี่ว่า” เสียงเรย์ดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงระฆังช่วยชีวิตในใจของชานยอลที่ดังลั่น

    “นั่นสิ่ พี่บอกเรย์ว่าพรุ่งนี้มีงานเช้า อยู่ดึกกว่านี้เดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอเอา” เสียงจุนมยองดังสมทบ

    “ครับพี่เรย์ พี่จุนมยอง” ชานยอลรีบพยักหน้าก่อนหันมาลาเพื่อน ๆ แล้วปลีกตัวออกมาจากงานอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะถึงรถก็โดนนักข่าวดักหน้าดักหลังอีกพักใหญ่

    “เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่นายจะแนะนำหมอนั่นให้เพื่อน ๆ นายได้รู้จักสักที” เรย์ถามขึ้นขณะที่นัยน์ตาเรียวยังคงจับจ้องเส้นทางมืดที่มีเพียงแสงไฟสลัวส่องถนนเท่านั้น

    “นั่นสิ สามปีแล้วนะ นายรู้มั้ยเวลาพี่กับเรย์ต้องช่วยกันนายจากนักข่าว หรือหาข้ออ้างต่าง ๆ นานา เนี่ยมันวุ่นวายน่าดูเลยนะชานยอล” เสียงจุนมยองบ่นอุบอิบ

    “ก็ผมไม่อยากให้เรตติ้งตกนี่ฮะ ทั้งพี่ทั้งพี่เรย์ก็จะพลอยเดือดร้อน สำหรับผมตอนนี้น่ะเงินเก็บที่มีอยู่จากงานที่ทำผมก็พอที่จะทำอะไรต่อมิอะไรที่อยากทำได้แล้ว แต่พอคิดถึงพี่เรย์ กับพี่จุนมยอง ผมก็เลยคิดว่าสัก 5 ปีผมถึงจะหยุด แค่คิดว่าให้พี่สองคน OK ไม่มีภาระเรื่องหนี้สิน แล้วน้องใหม่ในบริษัทโอเคตามที่พี่ต้องการ ผมคงได้เวลาเปิดตัวตาหน้าดุนั่นแล้วหล่ะครับ” ชานยอลตอบ ทำให้เรย์และจุนมยองอดยิ้มในความมีน้ำใจและคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองของชานยอลไม่ได้ จุนมยองคว้าคอรุ่นน้องมาหอมแก้มฟอดใหญ่

    “ขอบใจนะชานยอล”

    “เฮ้ย !!! เฮ้ย !!! ขอบใจเฉยๆ ก็ได้มั้งไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” เสียงเรย์โวยวายแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะหน้าที่สารถีค้ำคออยู่  ไม่นานนักรถของเรย์ก็มาจอดอยู่หน้าคอนโดหรูย่านชานเมือง

    “พรุ่งนี้อยู่กับพี่จุนมยองนะ พี่มีคุยงานกับลูกค้า แล้วจะตามไปดูนายตอนบ่าย” เรย์สั่งงานก่อนชานยอลจะก้าวลงจากรถ ร่างบางพยักหน้ารับก่อนเปิดประตูแล้วก้าวลงไปยืนอยู่ข้างประตูคนขับ

    “แล้วบอกไอ้หน้าดุด้วยนะ ว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องทะลึ่งขึ้นค่อมนายอีกเวลาที่มันถ่ายรูป วันนี้ใจหายเลยให้ตายเถอะ” เรย์บ่นหน้านิ่ว มีเพียงจุนมยองเท่านั้นที่นั่งหัวเราะร่วน

    “คุณต้องบอกเพื่อนคุณเองแล้วล่ะมั้ง จาง อี้ชิง” จุนมยองยังหัวเราะไม่หยุด คงพอใจมากไม่งั้นคงไม่เรียกเรย์ทั้งชื่อและสกุลจีนของเค้าเด็ดขาด

    “ไป ไอ้ตัวแสบขึ้นห้องได้แล้ว ส่วนคุณไปเคลียร์กับผมที่บ้านเลย” เรย์เอ่ยก่อนหยิกแก้มนุ่มคนข้าง ๆ เบาๆ

    “ทะลึ่งนะคุณเนี่ย” จุนมยองยิ้ม ก่อนโบกมือลารุ่นน้องแล้วต่างแยกย้ายกันไป

    ชานยอลเดินผ่านล้อบบี้ของคอนโด ขึ้นลิฟต์มาเงียบ ๆ ลิฟต์หยุดที่ชั้น 27 เค้าก้าวเท้ายาวมาหยุดหน้าห้องพักแล้วไขกุญแจเข้าห้องไปเงียบ ๆ ภายในห้องพักด้านนอกไฟปิดมืด มีเพียงไฟโคมในห้องนอนเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ ชานยอลเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ชายหนุ่มร่างใหญ่ใส่ชุดนอนสีกรมท่านั่งอยู่บนโต๊ะเงียบ ๆ เหมือนกำลังวุ่นวายกับอะไรสักอย่าง  ชานยอลเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วก้มกอดจากด้านหลังพร้อมกดริมฝีปากนุ่มลงไปบนแก้มของคนรัก

    “ไม่ต้องมาอ้อน ผมกลับมาก่อนคุณตั้งนานแล้ว ทำไมคุณถึงกลับมาช้าจัง” เสียงเข้มดังขึ้นก่อนมองนาฬิกาบนโต๊ะ 4 ทุ่ม 15 นาที

    ชานยอลอมยิ้มก่อนเกยคงมนลงบนไหล่หนา ทำปากเล็กปากน้อยเพื่อแก้ตัวที่กลับมาช้า

    “ก็ผมบอกคุณแล้วนิ่ว่าน่าจะประมาณ 4 ทุ่ม” ชานยอลตอบ

    “คุณบอกผมตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” คริสยังคงนั่งนิ่ง

    “ก็ในสตูดิโอไงครับ ที่ผมบอกไปว่าไม่น่าเกิน 4 ทุ่มไง คุณอยู่ตรงนั้นคุณก็ต้องได้ยินสิ” ชานยอลยู่ปากเล็กน้อยออกแนวขัดใจที่คนรักไม่เข้าใจ secret code ที่เค้าทิ้งไว้ให้

    “ใครจะรู้ผมก็นึกว่าคุณคุยกับผู้จัดการคุณ เพราะเห็นมีงานต่อก็ยังไม่เห็นบอกผมเลย” คริสตัดพ้อเล็กน้อย ชานยอลรีบใช้แก้มนุ่มเข้าไปคลอเคลียร์อยู่บริเวณปลายคางของคนรักเพื่อเป็นการง้อ

    “ก็จงอินมันขอแทรกคิว แล้วผมก็อยากเจอเพื่อนด้วยก็เลยไปกับพี่เรย์ ว่าแต่คุณคริสเถอะไปงานนี้ด้วยก็ไม่เห็นจะบอกผมเลย” ชานยอลเริ่มโยนบาปทันที

    “ผมก็หักคอเอาบัตรมาจากผู้จัดการของคุณนั่นแหล่ะ แค่สงสัยว่าไปงานใครเลยตามไปดูเฉย ๆ “ คริสอมยิ้มเจ้าเล่ห์

    “แล้วอีกอย่างที่ผมกลับช้าก็เพราะคุณคริสน่ะแหล่ะ จะไปงานเดียวกันก็ไม่ยอมบอก ก็เจ้าเซฮุนไปเห็นสร้อยบนคอคุณก็เลยกลับมาถามผมใหญ่ว่าสร้อยของคุณทำไมเหมือนของผม แถมคุณคยองซูแฟนเจ้าจงอินดันรู้อีกว่าไม่มีขายในเกาหลี ผมหาทางออกไม่ถูกเลย ดีนะพี่เรย์กับพี่จุนมยองมาช่วยชีวิต ไม่งั้นผมคงแย่”

    คริสยกยื้มที่มุมปาก เค้าแอบมองคนตัวบางผ่านกระจกเงาบนโต๊ะ ริมฝีปากเล็กบ่นอุบอิบ เวลาขยับขึ้นลงมันน่าเอ็นดูจนเค้าอดใจไม่ไหว คริสใช้ปลายจมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ้ม  แล้วลุกขึ้นประครองเอวคนรักมาไว้ในอ้อมกอด

    “แล้วเจ้าอี้ชิงมันว่าไง” คริสถาม

    “ไม่ฮะ พี่เรย์แค่มาลากให้กลับบ้าน แล้วก็ฝากบอกคุณคริสว่าไอ้ท่าล่อแหลมเมื่อตอนกลางวันเอาแล้วนะครับ พี่เรย์บอกขี้เกียจตั้งเรทอายุคนดู” ชานยอลหลี่ตาก่อนใช้นิ้วเรียวแตะที่ปลายจมูกโด่งของคนรักพร้อมทั้งส่ายนิ้วและหัวไปมาพร้อม ๆ กัน

    “นั่นมันเป็นงานจริง ๆ นะ แต่เมื่อกลางวันคุณน่ารักจริง ๆ นี่หน่า ผมไม่แอบขโมยจูบตรงนั้น จูบตรงนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ตากล้องสุดหล่อไม่พูดเปล่าแต่ใช้ริมฝีปากฉกแก้มซ้าย  แก้มขวา ใบหู  และปลายจมูก ทำเอาคนในอ้อมกอดดิ้นหนีพัลวัน

    “ไม่เอานะฮะคุณคริส อย่าแกล้งผมแบบนี้สิ วันนี้ผมเหนื่อยน๊า” ชานยอลดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคริสแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะปรามคนรักอย่างจริงจัง คริสหยุดยิ้มแล้วกดปลายจมูกโด่งลงบนกระหม่อมบางอีกครั้ง

    “ไม่เอาแล้ว เหนื่อยก็ไปอาบน้ำแล้วก็นอน ผมไม่แกล้งคุณแล้ว สัญญาว่าวันนี้ผมจะนอนกอดคุณเฉยๆ ไม่ทำอะไรเด็ดขาด” คริสยิ้มพร้อมยกมือหนาเป็นเชิงสัญญาแต่มืออีกข้างก็ยังไม่ปล่อยเอวบางให้หลุดไปไหน

    “ขอบคุณครับคุณคริส” ชานยอลใช้ริมฝีปากบางแตะลงบนปลายคางของคนรักก่อนซุกหน้าลงบนอกแกร่ง

    “สามปีแล้วนะครับ  ผมสัญญาอีกแค่สองปี คุณคริสจะได้รู้จักกับทุกคนที่ผมรู้จัก ตอนนี้ผมขอช่วยเหลือรุ่นพี่ กับน้อง ๆ ในบริษัทก่อน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นคุณคริสห้ามเบื่อผมก่อนน๊า” ชานยอลใช้แก้มนุ่มถูกไปมาบนอกแกร่งเบา ๆ

    คริสอมยิ้มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก แล้วใช้ฝ่ามือหน้าลูบไปบนกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ

    “ไม่มีทาง คุณน่ารักแบบนี้แล้วผมจะเบื่อคุณได้ยังไง รอมาแล้ว 3 ปี จะรออีกสักสองปีจะเป็นอะไรไปผมไปไหนไมได้แล้วนี่ คุณทำผมรักคุณ หลงคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แล้วผมจะไปไหนได้อีก มีแต่คุณนั้นแหล่ะทั้งหนุ่ม ทั้งสาว เดินตามเป็นมด ดูอย่างวันนี้สิ ขนาดผมลืมตัวตวาดไปเสียงดังลั่น มีใครกลัวผมที่ไหน  ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันคุณจะทิ้งผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” คริสหยั่งเชิงคนรักเพื่อดูท่าทีของคนตรงหน้า

    ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองเค้าแล้วส่งยิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยออกมา “ไม่มีทาง”

    “หืม” คริสยกคิ้วหนาเป็นเชิงสงสัย

    “ไม่มีทางที่จะทิ้งคุณไปไหนน่ะสิ ถ้าคุณคริสหลงผมตั้งแต่วันแรกที่เจอ ผมก็คงหลงคุณคริสตั้งแต่วันแรกที่เจอเหมือนกัน” ชานยอลลอยหน้าลอยตาตอบจนคริสอดฉกริมฝีปากแดงเพราะความหมั่นไส้ไม่ได้

    “ไปอาบน้ำได้แล้ว ถ้ายังพูดแบบนี้อยู่ที่รักจะไม่ได้แค่โดนผมนอนกอดอย่างเดียวแน่ ๆ “คริสดันหลังร่างบางให้เข้าไปอาบน้ำ ใช้ฝ่ามือหนาตบบั้นท้ายเล็กเบา ๆ เพราะความหมั่นไส้

    “คุณคริสอ่ะ” ชานยอลทำหน้าอมลม ก่อนหันมายิ้มให้คนรักอีกแล้วจึงค่อยปิดประตูห้องน้ำเพื่อจัดการกับร่างกายของตนเอง ไม่นานนัก ชานยอลก็ออกมาพร้อมกับชุดนอนสีฟ้าอ่อน เค้ากระโดดขึ้นเตียงนั่งข้าง ๆ คริส ดูเค้ากำลังขะมักเขม้นกับอะไรสักอย่างตั้งแต่ชานยอลเข้ามาที่ห้อง

    “อะไรเหรอครับคุณคริส”  ชานยอลเอ่ยถาม คริสมองหน้าคนรักก่อนส่ง  Tablet ให้ชานยอลดู

    “นี่มันรูปที่ผมถ่ายวันนี้นี่ครับ เอากลับมาดูที่บ้านด้วยเหรอครับเนี่ย” ชานยอลใช้นิ้วเรียวเลื่อนภาพบนหน้าจอไปเรื่อยๆ คริสจับหัวร่างบางให้ซบลงบนไหล่แทนหมอน ส่วนตัวเค้าก็พิงตัวกับหัวเตียงอีกที

    “เปล่า แค่แอบคิดว่าจะบอกทีมงานว่าทำไฟล์หายจะดีมั้ย เพราะเซ็ตนี้คุณน่ารักเกินไป ผมกลัวว่าถ้าเอาขึ้นปกนิตยสารจริง ๆ ผมจะเสี่ยงถูกทิ้งมากขึ้นน่ะสิ”

    ชานยอลหัวเราะร่วน “คนอะไรขี้ระแวง” ไม่พูดเปล่าชานยอลใช้นิ้วเรียวบีบปลายจมูกโด่งเบา ๆ

    “ก็จริงนิ่ โดยเฉพาะเซ็ตสุดท้าย ถ้าผมไม่นับหนึ่งถึงร้อย ผมได้อาละวาดสตูดิโอแตกไปแล้ว พอเดินออกมาทั้งหนุ่มน้อย สาวใหญ่อย่างกับนกกระจอกแตกรัง เลือดขึ้นหน้าเลยนะตอนนั้นน่ะ” ถึงปากจะบ่นแต่ในแววตาของคริสที่มองคนในอ้อมกอดก็มีแต่ความอบอุ่นส่งให้เท่านั้น

    “ที่บ่นเนี่ยเพราะหึงเหรอ” ชานยอลอมยิ้ม แล้วใช้หางตามองหน้าคนรัก

    “อย่ามองแบบนี้นะเดี๋ยวก็ไม่ให้นอนซะเลยนิ่” คริสนิ่วหน้า ก่อนหันมาฉกแก้มหอมอีกหนึ่งที

    “คุณคริสอ่ะ  ตั้งแต่มาถึงแก้มผมช้ำหมดแล้วนะ นอนดีกว่า” ชานยอลขยับตัวก่อนขโมยหยิบมือถือของตากล้องที่หัวเตียงและกดชัตเตอร์ 1 ครั้ง

    “ทำอะไรเนี่ยเจ้าตัวยุ่ง” คริสชะโงกมองหน้าจอมือถือ แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นอะไร ชานยอลก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วกดโทรออกทันที  เสียงโทรศัพท์ของคนรักในมือดังขึ้น ร่างบางยกยิ้มก่อนหันหน้าจอให้คนรักมองเห็นภาพชัด ๆ

    คริสยิ้มอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า ที่หน้าจอมือถือตอนนี้เป็นภาพของชานยอลที่ใช้จมูกสวยกดลงบนแก้มของเค้าด้วยใบหน้าที่สดใส

    “ไม่กลัวใครเห็นแล้วเป็นข่าวรึไง” คริสถาม

    “ผมน่ารักขนาดนี้ ถ้าคุณจะเอาให้ใครดูก็เอาสิ เพราะถ้ามีคนเห็นว่าผมน่ารักขนาดนี้ อัตราความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งของคุณก็สูงขึ้นอีกน๊า” ชานยอลยิ้มอย่างพอใจก่อนกดวางสาย แล้ววางโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องไว้บนหัวเตียง

    “ร้ายนักนะเรา” คริสหัวเราะร่วนก่อนหยิกแก้มคนรักอย่างเบามือ

    “นอนดีกว่าครับ พรุ่งนี้พี่จุนมยองจะมารับผมตอนเช้าเพราะพี่เรย์มีประชุม ถ้าผมตี่นสายผมจะฟ้องพี่จุนมยองกับพี่เรย์ว่าคุณคริสแกล้งผมทำให้ผมไปทำงานสาย” ชานยอลยู่ปากก่อนยื่นหน้าเข้าไปหาคนรัก

    คริสมองแต่ทำเป็นไม่สนใจ ชานยอลมองหน้าคนรักก่อนสะกิดคริสที่ไหล่หนาอีกครั้ง

    “จะเอาอะไร” คริสทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    Goodnight Kiss ไม่งั้นผมนอนไม่หลับ คุณคริสก็รู้นี่ฮะ” ชานยอลทำหน้าตาน่ารักจนคริสแพ้ทาง

    เค้าบรรจงประทับริมฝีปากลงไปบินริมฝีปากบางของชานยอลก่อนส่งเรียวลิ้นเข้าไปเพื่อกวาดกลืนความหวานของคนตรงหน้า ริมฝีปากของชานยอลตอบรับสัมผัสนั้นอย่างอัตโนมัติ ริมฝีปากบางขบเม้ม และใช้เรียวลิ้นอุ่นสอดสัมผัสกับเรียวลิ้นของคนตรงหน้าอย่างเนิ่นนานและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ ชานยอลหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่หวือหวาและนุ่มนวล ก่อนนึกขึ้นได้ว่า

    “คุณคริส ผมขอ Goodnight Kiss นะฮะ ไม่ใช่ของ Deep Kiss เดี๋ยวผมก็ไม่ได้นอนพอดี” เค้าดันตัวออกจากอ้อมกอดของคริสและทำหน้ามุ่ย ก่อนใช้มือเล็กตีลงบนต้นแขนแกร่ง

    “ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ ก็ได้  Goodnight Kiss ก็ Goodnight Kiss” คริสใช้ริมฝีปากของตนแตะลงไปบนริมฝีปากเล็กอีกครั้ง ก่อนจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน

    “ฝันดีครับ ที่รัก” ชานยอลยิ้มก่อนซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม คริสปิดไฟที่หัวนอนแล้วพาดแขนยาวเพื่อให้คนรักใช้หนุนแทนหมอน มืออีกข้างโอบกอดเอวบางไว้แบบนั้นทั้งคืน แค่นี่แหล่ะ ไม่ต้องมีใครรู้แค่ผมเป็นของคุณ คุณเป็นของผมเท่านั้นก็พอแล้วที่รัก คริสกระซิบข้างหูของคนรักอีกครั้ง “ผมรักคุณนะ ชานยอล”

    ชานยอลพยักหน้ากับอกหนาแล้วตอบกลับคนรักอย่างเช่นที่เคยทำทุกคื่น “ผมก็รักคุณครับ อู๋ฟาน”

    สามปีที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนเลยที่เราไม่เคยบอกรักกันและกัน ใครอาจจะดูว่ามันหวานเลี่ยน แต่สำหรับเรามันคือการเติมกำลังใจ และเติมความรักไม่ให้มันจืดจางหรือหมดลงไปตามระยะเวลา วันนี้ชานยอลได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก เช่นเดียวกับที่คริสได้นอนกอดคนที่เค้ารัก ไม่ว่าจะสองปีหรือสามปี ขอแค่มีคน ๆ นี้ข้างกายเค้าตลอดไปก็เพียงพอ

     

    ~*~ THE END ~*~



    PS>> ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ >_/\_<  หวังว่าจะสนุกกับฟิกนะคะ ^^

     

     

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×