ใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติกา สถานที่ซึ่งสวยงามชวนตะลึง อันเป็นสถานที่ลึกลับและน่าค้นหา ภายในถ้ำหินมรกตที่เปล่งประกายสีสันจนน่าจับตามอง มีเงือกหนุ่มผมสีทองและเงือกหนุ่มวัยกลางคนนั่งบนแท่นหินพร้อมกับมองท้องนภาผ่านผืนน้ำที่คอยปิดบังเป็นคล้ายม่านบาง ๆ ไม่ให้เขามองเห็นท้องฟ้าที่แม้จริงว่ามันเป็นอย่างไร
" โรมาริโอ้..ข้างบนโลกมนุษย์นั้นมันเป็นอย่างไรรึ? "
" ข้าเองก็มิเคยล่วงรู้และสัมผัสมันนะขอรับ..รู้เพียงแค่ว่า มีหาดทรายสีขาว พรรณไม้นานาชนิด คลื่นระริ้วลอยลม มองเห็นท้องฟ้าที่กระทบทะเลเป็นสีฟ้าใสสวยงามจับใจ ดูเป็นบรรยากาศที่เพริศนัก ข้าเองก็อยากจะสัมผัสกับมันเช่นกัน "
" ข้าอยากลองเดินบนพื้นทรายและเอ่อ..... "
" ถนนขอรับ "
" อื้ม! ถนน....อยากลองเอา เอ่อ....เท้า! ใช่แล้ว!! ข้าอยากมีเท้าไว้เดินบนถนน อยากมีเท้าไว้เต้นรำเป็นผืนทรายภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ข้าอยากจะรู้จักกับสายลม ว้าว!! คิดฝันไปแล้วเป็นอะไรที่วิเศษสุด ๆ ไปเลย "
" แต่ถ้าเราขึ้นนานไป..เราก็อาจจะตายได้นะขอรับ? "
" นั่นสินะ...มันคงเป็นแค่ฝันที่เป็นไปไม่ได้ "
" ตอนในขณะที่เราเป็นเงือกเราก็เต้นรำในแบบของเงือกได้อยู่แล้วมิใช่หรือขอรับ? "
" ถึงทำได้แต่ข้าก็ยังอยากจะเห็นท้องฟ้าสีครามผืนนั้น.... "
นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองรูกลวงของยอดถ้ำหินมรกตที่ส่งแสงกระทบกับผืนน้ำใส ๆ จึงบดบังสีครามที่สวยงามของท้องฟ้าไปเล็กน้อย แล้วก้มลงมองครีบสีมรกตของตนก่อนจะรำพันถึงความเพ้อฝัน...
"เมื่อเจ้าลองมอง ของพวกนี้...สิ่งที่ดี ๆ มีทุกอย่างเลยจริง ๆ...อาจดูเหมือนฉันมีทุกสิ่ง....มีจนพร้อม ครบเกินใคร.... "
มือใหญ่เอื้อมเก็บหินมรกตที่เปล่งประกาย แล้วมองด้วยสีหน้าที่เพ้อฝัน
" มือถ้ำอลังการ ใหญ่เกินคิดฝัน...สิ่งอัศจรรย์เก็บไว้มากมายเพียงใด...อาจมองแล้วคิดในหัวใจ... ใช่...มีครบของดีๆ "
เขาระบายยิ้่มและว่ายไปหยิบของสะสมที่กองพะเนินตครงข้างผนังถ้ำ
"ไม่ว่าของสวยของเล่นมีเป็นกองใหญ่....แปลกแค่ไหนดีเพียงใดเราก็มี จะสะสมไว้บ้างไหม? มีตั้งยี่สิบ...แต่ใครสนเรื่องแค่นี้ ไม่เพียงพอ.... "
แล้วเขาก็กลับมานั่งตรงโขดหินก้อนนั้นกับโรมาริโอ้ พร้อมกับชูครีบขึ้นมาในระดับสายตาของตน
" อยากจะอยู่ กับผู้คนบนดิน...อยากจะยลยิน คนเต้นรำอย่างไรหนอ...เดินเคลียคลอบนสอง (เรียกอะไรนะ อ๋อ ..) เท้าไงล่ะ "
เขากับโรมาริโอ้แหวกว่ายหยอกเล่นกันไป เล่นสะบัดครีบบนพื้นทรายใต้ท้องทะเล
" สะบัดครีบคงไม่ไกลเกินวา...ควรจะมีขาไว้โดดอย่างคนเขา...เดินตัวเบาบนพื้น (คำว่าอะไรนะ ...)ถนน "
เขาเล่นกับโรมาริโอ้ไปเรื่อย ๆ และไล่ระดับให้สูงขึ้นไป
" ที่คนเดินเหินวิ่งเพลินกันไป...สุขใจในแสงตะวันจากเบื้องบน...เที่ยวเพลินเดินเล่น...ขอเป็นเช่นคน...อยู่บนโลกงาม.... "
จากนั้น..โรมาริโอ้ยิ้มให้ก่อนจะรำพันตามดีโน่ผู้เป็นนาย ว่ายวนเวียนกันไปดั่งกันเล่นกับคลื่นลม
" ต้องทำยังไง อยากจะออกไป...อยู่ในน้ำแสนหน่าย...ฝันไม่เคยคลาย อยากเอนอุ่นกาย...แนบทรายวับวาม "
" ผู้คนบนดินจะต้องเข้าใจ...และไม่มัวเฝ้าบังคับและคอยห้าม...พวกเราเงือกชาย ว่ายแต่น้ำเย็น...อยากเปลี่ยนเป็นเดิน....ได้เรียนดุจดั่งมนุษย์คงจะเพลิน...เผชิญคำถาม ที่เก็บอยู่ในใจ...อะไรคือไฟแล้วใยมันจึง....ร้อน........ "
พวกเขายิ้มให้กันก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปพ้นน้ำเพื่อให้มองเห็นท้องฟ้าสีครามใสและรำพันด้วยกัน
~" เมื่อไรกันนะ จิตใจอาวรณ์...สุดจะไถ่ถอนดวงใจอยากได้ไป...พ้นท้องทะเล...ทุ่มเทฝันใฝ่...อยู่ในโลกงาม....... "~
ดีโน่หัวเราะก่อนที่จะพร่ำเพ้อถึงสิ่งที่พ้นวิสัยในความเป็นจริง
" ถ้าเป็นไปได้ก็ดีสินะ...แต่ถ้าได้พบเจอและพูดคุยกับมนุษย์จะเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดเลย "
" ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้..ถ้าใจคิดจะทำ "
" ใช่..โรมาริโอ้พูดถูก แต่..เมื่อไหร่กันล่ะ ที่โอกาสนั้นจะมา? "
พวกเขามองหน้ากัน..แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนได้
ทางฝั่งเคียวยะ..เขาขัดขืนนางครุฑไม่ได้เลย เขาพยายามเอื้อมมือไปบีบคอที่มีแต่ขนริ้วหนารวมกันของนาง
" โอ๊ย! ไอ้เด็กบ้า..เจ้าไม่กลัวตายรึไง!! "
" ไม่ยอมปล่อยให้ลงไปดี ๆ เราก็มาตายพร้อมกันนี่แหละ!! "
" ปล่อยข้านะ!! "
ทว่าแรงของเคียวยะก็มิใช่น้อย ๆ จึงพอจะทำให้นางครุฑเจ็บคอได้ ต่อมา..นางได้พลาดท่าเสียหลักบินชนภูเขา ปีกที่โอบเคียวยะไว้จึงเผลอปล่อยตกลงไป เคียวยะตะโกนร้องด้วยความตกใจสุดเสียงก่อนจะดิ่งลงไปในใจกลางมหาสมุทร
" อ๊าาาาาาาา~~~!!!! "
ฝั่งอเลาดีและดันเตที่กำลังเตรียมตัวตามหาเคียวยะ...อเลาดีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ดั่งรับรู้ว่าเกิดอุบัติภัยอันตรายกับเคียวยะ
" รีบหน่อยเถอะ!! ข้าเป็นห่วงเคียวยะ เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขา "
" เจ้าห่วงเกินไปรึเปล่าอเลาดี? บางครั้งเจ้าห่วงเกินเหตุจนคิดไปเองก็ได้นะ "
" ท่านนั่นแหละที่ใจเย็นเกินไปแล้ว! จะเป็นอย่างไรก็ช่าง...รีบก่อนจะไม่ทันการเถอะ "
" เจ้าอย่าเพิ่งสติแตกไปอเลาดี "
" ท่านพ่อ!! // เสด็จพ่อ!! "
ทั้งสองคนตกใจเพราะไทรทันพูดมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
" ท่านพ่อ..เคียวยะถูกนางครุฑจับไปแล้ว "
" เป็นไปได้อย่างไร!! นี่เจ้าไม่ได้ขัดขืนอะไรมันเลยเรอะ? "
" ข้าสู้สุดกำลังแล้ว..แต่ก็มิอาจต้านทานแรงเหวี่ยงของนางได้ ฮือ ๆ..... "
อเลาดีพูดไม่กี่ประโยคก็หลุดสะอื้นและร่ำไห้ออกมาเพราะความคับแค้นและคิดถึงลูกชาย
" เวรเอ๊ย!! อเลาดี..ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายเจ้าต้องเลิกร้องไห้แล้วไปล้างตากับมัน ไม่ใช่เอาเวลาตามหาลูกมาร้องไห้อยู่อย่างนี้ "
ดันเตลูบหัวอเลาดีก่อนจะหันหน้ามาพูดกับไทรทัน
" ท่านพ่อ..ท่านพูดแรงไปรึเปล่า? เคียวยะเองก็ลูกชายข้า แต่ที่ข้าไม่ร้องไห้เพราะข้าไม่อยากให้อเลาดีร้องไห้หนักกว่าเดิม แค่นี้เขาก็จะขาดใจตายแล้วนะ ข้าเข้าใจว่าอยากให้อเลาดีหยุดร้องไห้..แต่วิธีการของท่านน่ะ บอกตามตรงว่าข้าไม่ชอบใจเลย "
ดันเตหันกลับมาที่อเลาดีแล้วปลอบประโลม จนไทรทันเริ่มคิดว่าตัวเองพูดหักดิบเกินไป
" ตกลง..ข้าขอโทษละกัน งั้นจะให้ข้าทำอะไรบ้าง? "
" ข้าจะแปลงกายเป็นเงือก จะลองไปตามหาในแอตแลนติกาดู "
" จะเอาอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นนางอาเดลไฮท์ก็จะสังหารเจ้าได้นะ "
" ช่างปะไร..ข้ามาเพื่อล้างตากับมันและตามตัวเคียวยะกลับมา ไม่มีอะไรที่ข้าจะเสียแล้วล่ะ "
" ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้า..พวกข้าจะคอยเฝ้าดูและช่วยเจ้าตามหาเคียวยะอีกแรง "
" ขอบพระทัยฝ่าบาท "
ไม้สามง่ามของไทรทันเปล่งแสง ปลายไม้ชี้ทางอเลาดี..แสงนั้นแปรเปลี่ยนร่างของอเลาดีให้เป็นเงือกหนุ่มดังในอดีตที่เคยเป็น ก่อนจะลงไปตามหาเคียวยะ..และเงาของเขาที่กำลังอันตรธานหายลับไปจากสายตา
-------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าใครต้องการดูว่าดีโน่กำลังร้องเพลงอะไร..ลองฟังเพลง"อยู่บนโลกงาม"ของทาทา ยังดูนะคะ! ^^
ความคิดเห็น
ที่จริงอยากไปหาน้องเคียวสินะ สินะ สินะะะ!!!>..< *โดนตบ*