Lumiel S. Waneriar
ดู Blog ทั้งหมด

บอกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ จากนี้ไม่ยุ่งแล้ว

เขียนโดย Lumiel S. Waneriar
 พี่จะมาฆ่าหนูจริงๆหรอคะมาเลยเดี๋ยวบอกบ้านเลขที่ให้เอามั้ย   หนูเบื่อค่ะ  เบื่อทั้งในชีวิตจริงและในนี้ด้วย   หนูไปที่ไหนก็เครียดเสมอ   จะมีที่ไหนบ้างที่จะไม่เครียด   ไม่ซีเรียสแบบนี้   ร.พ.บ้าน่ะ   ถ้าหนูไปได้หนูไปแล้ว   ไปอยู่กับคนพวกนั้นน่ะ  ดีกว่าอยู่กับคนปกติซะอีก  ไม่มีใครคิดร้ายต่อกัน   แล้วก็สบายใจด้วย


เอ่อ

โอ พูดแบบนี้เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไรเลยนะ

แค่มีชีวิตอยู่มันก็เครียดแล้วล่ะ ในโลกนี้ไม่มีใครเขาไม่เครียดกันหรอก

เรื่องโรงพยาบาลบ้า

 

ใครว่าไม่เครียดล่ะ ที่เขาทำตัวแบบนั้นเพราะมันเครียดจนเกินขีดที่มนุษย์จะรับไหว

จิตใจเขาเลยบิดเบี้ยวไปแบบนั้น

ก่อนที่เขาจะเป็นแบบนั้น เขาเจอเรื่องสะเทือนใจที่เกินกว่าจะรับไหว สมองเขาเลยปิดกั้น

อยู่แต่ในช่วงเวลาที่เขามีความสุข

ฟังดูเหมือนดีแต่ไม่เลย

เขาทุกข์เกินกว่าที่เราจะคิดได้อีกนะ

อย่าถามว่าทำไมพี่พูดเหมือนรู้ดี

แค่แค่ แค่เคยไปฝึกงาน= =”

เห็นแล้วมันทำให้รู้สึกว่า

การที่เรามีเรื่องให้คิด มันมีความสุขแค่ไหน….

แล้วกับคนพวกนั้นน่ะ

ถึงเขาไม่คิดร้าย

แต่จิตใจเขาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้

เกิดอยู่ๆ ลุกมาจับตัวคนอื่นเป็นตัวประกัน….

คนพวกนั้นน่ะ กฎหมายเขาเอาเรื่องไม่ได้หรอกนะ

ถ้าหากตัวประกันพลาดพลั้งเป็นอะไรไป

ก็ถือว่าตัวประกันซวยเอง….

โอ อยากเอาแบบนั้นเหรอ….

 

แล้วคิดถึงหัวอกพ่อแม่ดูนะโอ

 

มีพ่อแม่คนไหน อยากเห็นลูกตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลบ้ากัน….

ไม่มีหรอกนะ

 

เอาแค่ขนาดคนพวกนั้น พี่เคยไปถามมันยิ่งทำให้พี่สงสารเขามากกว่าเดิมอีก

 

เขาก็อยากจะเป็นปกติ แต่จิตใจเขาอ่อนแอเกินไป ไม่กล้ามารับรู้ความจริง

โอ อายุแค่นี้ แต่คิดแบบนี้แล้วเหรอ

 

เอาง่ายๆ ถ้าโออยากฆ่าตัวตาย..ถ้าไม่สำเร็จก็เจ็บหนักอีก….

หรือจะให้พี่จัดการให้….

เหอะ

พี่ขี้เกียจเคลียร์ข่าวมันคงงี่เง่าน่าดู

ถ้าจะทำแบบนั้นเพราะคำพูดของเด็ก….

ยอมรับว่าตอนแรกพี่อยากทำแบบนั้นจริงๆ

แต่เพราะได้น้องสาวของพี่ มาเตือนสติ = =”

พี่ถึงไม่คิดอยากจะทำจริงๆอีกแล้ว

คิดในแง่เศรษฐศาสตร์ มันคือการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาเสียเลย

มันเป็นเหมือนสินค้าไร้ราคา..ที่พอเวลาปกติไม่อยากไปง้อมัน

 

 -เปลืองค่าเดินทาง

-เปลืองอุปกรณ์

- เปลืองค่าเคลียร์ข่าว***

-อาจเจอน้องสาวสามคนตามมากระทืบซ้ำ

โอเคคิดแบบนี้แล้วมันอารมณ์เย็นขึ้น

 

เอาเหอะ….

จะแนะนำอะไรให้สักอย่างสองอย่างนะ….

โอ ลองไปศรีธัญญาดู ไปดูสภาพในอนาคต ว่าที่โออยากไปอยู่ที่นี่ แน่ใจแล้วหรือ?

หรือขี้เกียจไป

ไปหาจิตแพทย์ซะ….ซึ่ง เขาอาจจะว่ากลับมารุนแรง หรือ ด่าแบบผู้ดี….

แล้วก็นะถ้าเกิดโอไม่เปลี่ยนใจ อยากเข้าไปจริงๆ

เอาง่ายๆ

โอจะเสียอะไรหลายๆอย่างที่คนปกติพึงมีไปเยอะมาก

อย่างน้อยๆก็ประวัติเสีย

เวลาไปทำงาน เขาก็จะมองโอในแง่ร้าย ว่า ไ อ้นี่เดี่ยวมันคลั่ง เคยเข้าโรงบาลบ้ามาแล้ว

หรือเอาใกล้ๆอีก

โรงเรียนอ่ะ…. เรียนต่อยากนะ….

มันไม่สนุกนะ….

ไม่เลย….

พี่ถึงบอกว่า โอ..เป็นพวก..ที่ไม่รู้อะไรเลย..

 

ไม่รู้..อะไรเลยจริงๆ

 

แล้วอนาคตโอ จะเป็นยังไง

พี่….

 

พี่….

 

ช่างมันเถอะ….จนปัญญา…..

 

โอ..พี่จะบอกให้นะ….

คนที่เคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา ถึงตอนแรกเขาจะคิดว่าชีวิตไม่มีค่า

แต่พอหลังจากนั้น

เขาจะรู้สึกว่าชีวิตมีค่าทันที

 

เพราะชีวิตมันมีค่าน่ะสิ

มันถึงมีเรื่องให้เราเจอไม่เว้น…..

 

คนที่อยู่แบบเรื่อยๆ มีทุกอย่างพร้อมสรรพ พี่ไม่เห็นมีใครพอใจเลย

มีแต่คนเขาอยากลำบาก….

มีทุกอย่างพร้อม..ก็ชอบเจอคนว่า  ไ อ้นี่เกาะพ่อแม่กิน

พี่ชอบนะคนที่ต่อสู้ชีวิต

พี่ยอมรับว่า ตอนพี่คิดฆ่าตัวตายมันบีบคั้นมาก….

เพราะไม่มีใครมาอยู่กับพี่ตอนนั้น อารมณ์ของพี่มันถึงที่สุด

แต่ถ้ามีคนมาห้าม แล้วพูดคุยกับพี่ตอนนั้น

ให้ตายพี่ก็คงแค่ระบายไปอย่างเดียว ไม่ทำจริงๆหรอก

คนที่ฆ่าตัวตายน่ะที่เขาทำเพราะไม่มีคนที่เข้าใจเขาอยู่ในเวลานั้น

ถ้าย้อนเวลาได้..เขาก็คงไม่ทำหรอก

 

ไม่มีแน่ๆ

 

โอลองไปคิดดูดีๆนะ

 

ที่พี่กล้าพูดแบบนี้ เพราะว่าพี่เคยลองมาหมดแล้ว

อันที่จริงไม่เชิงว่าลองหรอก

ทำจริงๆเลย

แต่เพราะมันพลาด….

ถ้ามันสำเร็จพี่ก็คงไปก็แค่นั้น

สำหรับกรณีพี่มันคงแค่จบเรื่องราวของตัวเองไป

แต่กับคนอื่นที่พี่รู้จักอีกล่ะ

อยากน้อยๆ ก็คิดได้ว่า

ที่แม่อุ้มท้องพี่ 9 เดือนน่ะ..มันมีค่าแค่ไหน

พี่ยอมรับว่าพี่พูดขัดกันเอง….

แต่เพราะว่า วูบหนึ่งพี่คิดว่า

พี่กำลังจะทำตัวเหมือนคนรอบข้างพี่เข้าแล้วจริงๆ

แวดวงเดียวกับพี่ที่พี่เคยประณาม…..

 

ความรู้สึกที่สูญเสียคนสำคัญไปน่ะ….

 

เอาง่ายๆ ถึงเขาจะไมได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเรา

แต่ความผูกพันที่มีให้….มันก็พอๆกันนะ

พี่ยอมรับว่าเขาเหมือนอาแท้ๆของพี่เมือ่ต้นปี ยังได้คุยกันอยู่เลย

แถมเขาก็ชอบโทรมาคุยกับพ่อของพี่

มาหาพี่ที่บ้าน

ยอมรับว่าตอนที่ดูข่าวเห็นแบบนั้น..

ตอนแรกยังเบลอๆอยู่ ว่าฟังผิดรึเปล่า

แต่มันก็จริงๆ

ยอมรับว่าตอนนั้นพี่ก็คิดอยากจะตามหา คนที่ทำเหมือนกัน..

ถ้าไม่เพราะอุ้ม บอกว่า

มันเป็นเรื่องของแวดวงเรา

ถ้าเราประมาทก็ถึงตาย

เอาเวลาไปทำสิ่งที่ดีกว่ากันนั่งเศร้าเถอะ

ยอมรับว่าตอนแรกพี่สติแตกแค่ไหน

ที่พูดแบบนั้นออกไป

ตอนนั้นถ้าไม่มีน้องของพี่ทั้งสองมาห้าม

พี่อาจจะ..ทำจริงๆก็ได้..พี่คงจะพิมพ์กลับไปว่า

งั้นก็บอกที่อยู่มาสิ

แบบนั้น

มันก็จบๆกันไป….

แต่มันก็ชั่ววูบ….

 

มันก็กลายเป็นตราบาปของคนที่ทำ….

ความคิดเห็น

sakunojang
sakunojang 6 ส.ค. 54 / 16:46
 5555+พี่คิดว่าหนูจะทำจริงๆหรอคะ  หนูแบบนี้แหละทำไรเดี๋ยวก็ลืม  บางทีปากกาอยู่ในกระเป๋าตัวเอง   ยังแทบจะพลิกบ้านหากันเลยทีเดียว
Cho S. Wiseman
Cho S. Wiseman 6 ส.ค. 54 / 16:53
....ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้
โอเธอนี่มันน่าโดนรองเท้าตบปากจริงๆ

วันหลังคงไม่ใช่พี่ชายแล้วล่ะค่ะ ลีนจะไปฆ่าแม่นางคนนี้เอง!! ลีนเริ่มอคติรุนแรงแล้วแล้ว
iceza2539
iceza2539 6 ส.ค. 54 / 19:54

ลีน...หยุดนะ...
ห้ามพี่...ไม่ใช่เราะ ;[];