ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรียกว่ารักได้ไหม...

    ลำดับตอนที่ #1 : ครั้งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30
      0
      22 มิ.ย. 55


    บริเวณท้องสนามหลวงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายทั่วทุกสารทิศที่ต่างมาเที่ยว หนึ่งในจำนวนผู้คนมากมายเหล่านั้น มีสาวน้อยดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มตัดกับคิ้วที่โค้งได้รูป หล่อนรวบผมด้วยการมัดเป็นห่างม้า ปากเรียวบางเฉียบประดับด้วยลิปสติกสีอ่อนหวาน การแต่งกายที่ทะมัดทะแมง และท่าทางคล่องแคล่วว่องไวที่เป็นนิสัยเฉพาะตัวของหล่อนแล้ว และด้วยเสื้อยืดสีครีมกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม พร้อมกระเป๋าเป้สีดำคู่กายที่มักจะพามันกับหล่อนทุกที่ทำให้เธอดูเป็นคนเรียบง่าย สบายๆ

                    อีกมุมหนึ่งของสนามหลวงมีสองพี่น้องยืนคุยกันอย่างสนุกสนาน “พี่ธัญครับผมว่าวันนี้คนมันเยอะมากเลย อึดอัดยังไงไม่รู้” 

                    “ก็เยอะทุกวันแหละจ้ะ” ธัญรดาตอบน้องชายเหมือนคนที่ชินชากับเหตุการณ์แบบนี้เพราะเธอมางานแบบนี้บ่อยๆ เสมอ แต่น้องชายที่ไม่เคยมาเลยมันก็ย่อมแปลกใจเป็นธรรมดา

                    “พี่ธัญเดียวผมไปซื้อน้ำก่อนนะ พี่จะเอาอะไรไหมครับ” ธีรเทพถามพี่สาวก่อนที่ตัวเองจะไปซื้อน้ำอีกมุมหนึ่งของสนามหลวง

                    “ไม่ล่ะ” ธัญรดาปฏิเสธน้องชายไป

                    “เดี๋ยวผมมานะครับ รอผมตรงนี้นะ” ธีรเทพสั่งพี่สาวเหมือนกว่าพี่สาวของเขาจะหายไป พร้อมชี้ไม้ชี้มือให้พี่สาว

                    หลังจากที่ธีรเทพไปซื้อน้ำสักพัก ธัญรดาที่คอยอยู่ที่ทางนี้เธอก็โดนโจรกระชากกระเป๋าทำให้เธอตกใจร้องให้คนช่วย นภัทรศิลาที่อยู่อีกทางก็ได้ยินเข้าพอดี และเธอก็อยู่ในทางที่โจรกำลังวิ่งผ่านมาพอดี ด้วยความคิดที่รวดเร็วว่าจะทำไงดีหล่อนกก็ใช้เท้าเกี่ยวขาของโจรทำให้โจรที่วิ่งมาด้วยความเร็วล้มหัวขมำลงไป ก่อนที่โจรจะทันได้วิ่ง นภัทรศิลาก็บอกตัวเองว่าจะได้ใช้ในสิ่งที่อุตสาห์ได้เรียนมาให้เป็นประโยชน์ก็คราวนี้ได้ นภัทธรศิลานึกถึงเจ้าของกระเป๋าว่าเขาอาจจะต้องการสิ่งของที่อยู่ ข้างในนั้นอาจจะมีของสำคัญ...คิดไอย่างนั่น เธอก็กระโดถีบโจรที่กำลังจะลุกขึ้นแล้วเก็บกระเป๋า แล้วก็แย่งกระเป๋าจากมือโจรมาถือไว้ แล้วตะโกนว่าตำรวนมา...เท่านั้นโจรก็อันตธารหายไปจากที่ตรงนั้น ปะปนไปกับผู้คนที่มาเที่ยวอย่างมากเหลือเพียงกระเป๋าที่โจรมันกระซากมา กับนภัทรศิลาที่ยืดปัดไม้ปัดมือ

                    ธีรเทพเมื่อได้ยินเสียงของพี่สาวก็รีบวิ่งมา แต่เนื่องด้วยผู้คนที่มากมายจึงทำให้ธีรเทพมาถึงตรงที่พี่สาวยืนอยู่ช้า พอมาถึงพี่สาวก็บอกว่าโจรมันวิ่งไปทางนี้พร้อมชี้มือไปในทางเดียวกันนั้น ธีรเทพวิ่งไปสัพักก็เห็นกระเป๋าของพี่สาวตัวเองอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังวุ่ยวายกับเสื้อผ้าของตนเอง ธีรเทพจึงคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่กระชากกระเป๋าพี่สาวของตน ธีรเทพจึงจึงเข้าไปจับมือของนภัทรศิลาไขว้หลังเอาไว้เผื่อหล่อนจะคิดหนี  โดยไม่รู้เลยว่าผู้หญิงนี้เป็นคนแย่งกระเป๋าคืนมาจากโจรเพื่อจะคืนให้ผู้ที่เป็นเจ้าของ โจรตัวจริงหนีหายไปตั้งนานแล้ว ณภัทรศิลาเองก็ตกใจที่อยู่ๆ ก็มีคนมาจับมือเธอไขว้หลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัวหล่อนจึงเอะอะโวยวาย

                    “นี่คุณทำอะไรของคุณน่ะ ปล่อยฉันนะ” นภัทรศิลาถามด้วยความตกใจ แล้วก็งงกับการกระทำของเขาที่อยู่ๆ ก็มาจับตัวหล่อน

                    “ก็จับขโมยนะสิคุณ ถามมาได้” ธีรเทพตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยยันและก็พูดต่ออีกว่า

                    “คนสมัยนี้เค้าไม่คิดจะทำมาหากินแล้วรึไง คิดแต่จะเอาของคนอื่น มือเท้าก็ดีไม่คิดจะทำมาหาเงินสุจริตบ้างหรือคุย อายุก็ยังน้อยไม่น่าคิดทำอะไรแบบนี้ รู้ไหมว่ามันไม่ดี”

                    นภัทรก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งและเย็นชาไม่แพ้กัน “นี่คุณ ใครบอกคุณว่าฉันเป็นขโมย พูดอะไรก็พูดให้มีชันดีดีหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”

                    “ไม่เห็นต้องมีใครบอกเลย ผมก็เห็นกับตา”

                    “ที่คุณว่าเห็น คุณเห็นอะไรของคุณ...” นภัทรศิลาไม่เข้าใจที่เข้าบอกว่าเห็น  เพราะถ้าเขาเห็นจริงเขาจะมาจับตัวหล่อนไว้ทำไม  ทำไมไม่ไปจับโจรมาจับหล่อนทำไม

                    “ก็หลักฐานในมือของคุณไง” ธีรเทพพูดพลางยกกระเป๋าของพี่สาวให้หล่อนดู

                    “นี่คุณ...ฉันจะพูดยังไงดี...คุณถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่ใช่โจรอย่างที่คุณว่า ขอร้องล่ะปล่อยฉันสักทีเหอะ” หล่อนอดขำแทบไม่ได้ตอนที่เขายกกระเป๋าให้หล่อนดู ก็เจ้ากระเป๋าใบนี้แหละที่หล่อนแย่งมันมาจากโจรและตอนนี้มันก็สร้างปัญหาให้หล่อน หล่อนไม่จำเป็นสักนิดที่จะต้องขอร้องเขา

                    “คุณจะให้ผมปล่อยคุณไปได้ยังไง...ในเมื่อคุณเป็นขโมย”ธีรเทพพูดเน้นให้ณภัทรศิลาเข้าใจว่าตัวหล่อนเองเป็นขโมย

                    “นี่คุณ...บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่ขโมย จะปล่อยหรือไม่หล่อยกันแน่ฮึ!” นภัทรศิลาทั้งโกรธทั้งโมโหที่เขาไม่ยอมฟังหล่อน หล่นจึงทำเสียงดุใส่เขาพลางสะบัดแขนจากการจับกุมของเขา ด้วยพละกำลังที่เขามีมากกว่าเป็นหลายเท่าทำให้ณภัทรศิลาสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดออกจากมือของเขาได้

                    “ปล่อยๆ...ปล่อยฉันนะไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” นภัทรศิลาหล่อนนจนใจจริงๆ กับผู้ชายคนนี้ จึงทำท่าจะตะโกนออกมาเขาก็พูดขึ้นก่อน

                    “อยากตะโกนก็ตะโกนไปสิ...เดี๋ยวตำรวจมาผมก็จะส่งตัวคุณให้กับตำรวจ”

                    “ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย..ผู้ชายคนนี้ทำร้ายฉันค่ะ”

                    “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ” เสียงของคุณตำรวจที่ผ่านมาพอดีไม่ทันที่นภัทรศิลาจะพูดอะไรธีรเทพก็พูดขึ้นก่อน

                    “คืออย่างนี้ครับคุณตำรวจผู้หญิงคนนี้กระชากกระเป๋าพี่สาวผม ผมขอแจ้งความจับเธอครับ”

                    “ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้ขโมยค่ะ ฉันแค่แย่งมันมาจากขโมยเฉยๆ ค่ะ แล้วฉันก็จะเอาไปคืนเจ้าของอยู่แล้วค่ะ...” นภัทรศิลาพยายามอธิบายให้คุณตำรวจฟังซึ่งมันพอจะทำให้หล่อนพ้นจากข้อกล่าว

                    “คุณไม่ต้องมาโกหก ผมเห็นกับตา”

                    “คุณเห็นฉันกระชากเป๋าของพี่สาวคุณกับตาหรือเปล่า...” ณภัทรศิลาพูดด้วยน้ำเสียงที่กระแทรกเสียง พลางหันไปทำหน้าดุใส่ธีรเทพ แต่เขากับไม่สนใจใบหน้าดุๆของหล่อนกับยิ้มยั่วหล่อนอีกต่างหาก

                    กว่าที่พี่ได้สาวของธีรเทพจะมาถึงที่ธีรเทพ และนภัทรศิลายืนอยู่มันก็เกือบทำให้นภัทรศิลาถูกตำรวจจับ แต่แล้วเจ้าของตัวจริงก็มาช่วยชีวิตหล่อนไว้ ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์มันต้องวุ่นวายกว่านี้อีกแน่นอน เดี๋ยวนายก็จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้เป็นหัวขโมยอย่างที่นายคิด แล้วนายจะหน้าแตกไม่เป็นชิ้น คอยดู นภัทรศิลาคิดอยู่ในใจ

                    “ได้สิครับพี่...ของมันแน่อยู่แล้ว” ธีรเทพที่ดูจะมันใจกับภาพที่ตนเองได้เห็นและคนที่ตนเองจับได้นั้นเป็นขโมยแน่นอน เขาหับไปยิ้มเย้ยหล่อนแต่กลับเห็นหล่อนยิ้มตอบมา คิ้วเขาก็ขมวด ไม่ข้าใจว่าทำไมหล่อนถึงยิ้มออกทั้งที่จะโดนตำรวจจับ

                    “ตกลงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่กระชากพี่สาวคุณ งั้นผมขอเชิญทุกคนไปโรงพักครับ” คุณตำรวจที่ทำเพื่อประชาชนพูดขึ้น ถ้ามาเร็วกว่านี้เหตุการณ์แบบนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้น

                    “ครับคุณตำรวจ” ธีรเทพตอบตกลงไปทันทีเหมือนกับว่าถ้าพูดช้ากว่านี้สักวินาทีแล้วมันจะทำให้ นภัทรศิลาไม่ติดคุก

                    “ผู้หญิงหรือคะ” พี่สาวของธีรเทพถามขึ้นมาเมื่อคุณตำรวจพูดจบไป

                    “ทำไมหรือครับพี่...”ธีรเทพถามด้วยความงุนงงว่าถามไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้แล้วจะเป็นใครล่ะที่ขโมยกระเป๋าพี่สาวของเขา ก่อนที่เขาจะคิดอะไรต่างๆนานไปไกลนั้นพี่สาวเขาก็พูดขึ้น

                    “ก็คนที่กระชากกระเป๋าพี่เขาเป็นผู้ชาย สูงประมาณ 170

                    “ใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สีดำใช่ไหมคะ นภัทรศิลาพูดเสริมขึ้นมันยิ่งทำให้ธีรเทพมันใจแล้วว่าเขาได้จับผิดตัว แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาทำกับหล่อนตั้งมากมาย...

                    “ใช่จ้ะคนนั้นแหละ...หนูใช่ไหมจ้ะที่ช่วยแย่งกระเป๋าพี่มาอ่ะ ขอบใจมากๆนะ” ธัญรดาขอบอกขอบใจนภัทรศิลาเป็นการใหญ่

                    “ค่ะ...หนูเองค่ะ” นภัทรศิลาพูดพลางหันหน้าไปทางธีรเทพพร้อมกับส่งสายตาเย้ยยันธีรเทพ ธีรเทพที่ไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่เย้ยยันของนภัทรศิลาเพราะมัวแต่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาตื่นจากภวังค์ใบหน้าของธีรเทพดูเจื่อนๆเมื่อเขาหันมาพบกับนภัทรศิลาที่ยืนมองเขาอยู่

                    “นี่!คุณ...จะปล่อยฉันได้รึยัง” นภัทรเน้นเสียงให้เขารู้สึกตัวและปล่อยหล่อนจากการจับกุมของเขา ฯภัทรศิลาแอบดีใจนิดๆ เมื่อรู้ว่าเขาหน้าแตกที่เข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นขโมย

                    ธีรเทพสะดุ้งจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของคนที่เขาเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นขโมย และต่อว่าต่างๆนานา ธีรเทพรู้สึกว่าตัวเองมีทิฐิต่อหล่อนมากทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนใจเย็นมีเหตุผลไม่สรุปอะไรง่ายๆ ธีรเทพจึงยอมปล่อยมือของนภัทรศิลาที่แดงเป็นบางจุด ด้วยมือที่ใหญ่และแข็งแรงของเขา

                    “พวกคุณไม่มีอะไรใช่ไหมครับ ตกลงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ขโมยนะครับ งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ” คุณตำรวจพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างลงเอยด้วยดี

                    “ค่ะ...ขอบคุณมากๆนะคะ แล้วขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณตำรวจต้องเสียเวลา” นภัทรศิลาพูดแสดงความขอบคุณและกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่คนตรงหน้าทำให้เสียเวลา

                    “ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราชครับ ลาก่อนนะครับ” คุณตำรวจพูด

                    “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” พี่สาวของธีรเทพกล่าวขอบคุณคุณตำรวจอีกครั้ง

                    “ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอตัวก่อนนะครับ” คุณตำรวจพูดก่อนที่จะแยกตัวออกไป

                    เมื่อตำรวจทั้งสองนายเดินจากไปแล้ว เหลือเพียงธีรเทพ พี่สาวธีรเทพและนภัทรศิลา ที่ต่างก็ยืนเงียบ ธัญรดาที่เห็นว่าน้องชายองตัวเองเงียบไม่พูดไม่จา และผู้หญิงอีกคนก็ไม่พูด หล่อนจึงพูดขึ้นทำลายบรรยายกาศที่เงียบ

                    “หนูไปทานข้าวด้วยกันนะเดี๋ยวพี่เลี้ยงถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณล่ะกันนะ”

                    “คือว่า...ขอบคุณนะคะ คือว่าวันนี้หนูรีบค่ะ เอาไว้มีโอกาสเราคงได้พบกันอีกค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อนภัทรศิลานึกขึ้นมาได้ว่าหล่อนมีธุระ หล่อนจึงกล่าวขอบคุณเพื่อจะได้เป็นการเสียมารยาท และกล่าวลา

                    ธัญรดาปลื้มใจที่พบเจอคนที่มีน้ำใจงามเช่นนี้ หล่อนไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้พบเจอเช่น แม้วันนี้หล่อนจะได้พบเรื่องเลวร้ายมาแต่มันก็ทำให้ธัญรดามีโอกาสได้พบเจอคนดีดี หล่อนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปเมื่อคนที่หล่อนชวนปฏิเสธเพราะมีธุระ หล่อนจึงกล่าวขออบคุณอีกครั้ง

                    “พี่ขอบใจมากๆนะ...ขอให้หนูโชคดีนะจ้ะ”

                    “ค่ะ...พี่ก็เช่นกันนะคะ” นภัทรศิลาที่พูดกับธัญรดา แต่สายตาของเธอกับไม่มองคนที่พูดด้วย แอบมองผู้ชายอีกคนที่ยืนนิ่งราวกับเป็นหุ่น เขาเป็นอะไรของเขาเนี้ยเมื่อกี้ยังเห็นเถียงฉอดๆ ไม่ฟังหล่อนเลยสักนิด ดูเขาสิหน้าจ๋อยไปเลยแหะ ฮ่าฮ่าฮ่า สมน้ำหน้า...ไม่ฟังกันดีนัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปพบพี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หล่อนจึงเอ่ยขึ้นแล้วก็แยกย้ายจากไป

                    ส่วนอีกคนที่ยืนนิ่งราวกับหุ่น ไม่ยอมขยับเนื้อขยับตัว ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรสักคำ จนพี่สาวเริ่มสงสัยว่าน้องชายของหล่อนเป็นอะไรไป และเมื่อตอนที่เธอไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นจึงถามขึ้น

                    “เป็นอะไรไปจ้ะน้องพี่...”

                    เมื่อธีรเทพตื่นจากภวังค์ก็ทวนคำพูดของพี่สาวในใจอีกครั้ง “เป็นอะไรไป” และก็พบว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้ได้จากไปแล้ว ทั้งที่เขายังไม่ได้กล่าวขอโทษและขอบคุณหล่อนเลยสักคำ

                    “ป่ะ...ปะ...เปล่าครับพี่” ธีรเทพพูดตะกุกตะกักซึ่งมันทำให้พี่สาวของเขาสงสัย

                    “ผมว่าเราไปกันเถอะครับ” ธีรเทพพูดตัดบทพลางเดินไปที่รถ

                    ธัญรดาอมยิ้ม...ขำที่น้องชายของตัวเองที่ค่อนข้างเจรจากลับเป็นคนเงียบให้กับสาวน้อยที่ไม่เคยรู้จักกัน ทั้งที่ปกติจะไม่ยอมใครชนิดที่ว่าไม่ชนะก็จะไม่ยอมแพ้ธัญรดาอมยิ้มให้กลับน้องชายตนเองสักพักก็เดินไปสมทบกับน้องชายที่รถ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×